“ฮ่า ๆ ๆ ” ฉางนั่วปรับสีหน้าเรียบนิ่งก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ “แม้สิ่งที่เ้าพูดจะเป็ความจริง แต่ก็ไม่จำเป็ต้องพูดบ่อย ในเมื่อเ้าเชื่อใจข้าเพียงนั้น ข้าก็จะไปเมืองต้าหนิงแทนเ้า”
หนิงยวนไตร่ตรองก่อนเอ่ยเสริม “ในสนามซ้อมรบ หากจำเป็ก็สามารถต่อสู้กับแม่ทัพและผู้บัญชาการได้ อย่าใช้วรยุทธ์แปลก ๆ ให้ใช้ท่าเตะ ท่าหมัดหลัวฮั่น ท่าเคลื่อนไหวน้ำกระจาย ท่าฝ่ามือเหอผานและอื่น ๆ ของสำนักเส้าหลินแทน ระวังอย่าลงน้ำหนักมากเกินไป ขณะประลองกับคู่ต่อสู้ติดต่อกันหกคนให้หาวิธีที่ได้เปรียบเล็กน้อยก็พอ เช่นนี้ไม่เพียงสามารถข่มขู่ให้ผู้คนในสนามเลื่อมใสได้เท่านั้น ซ้ำยังสามารถหลอกสายสืบของลู่เจียงเป่ยได้อีกด้วย หลังไปถึงสาขาย่อยของหออู่อิง เ้าจงไปหาิรื่อ เขาจะเตรียมทุกอย่างให้เ้า เ้าจะได้ไม่ต้องอยู่ในตำหนักอ๋อง หลีกเลี่ยงการสงสัยจากว่านหลิงและโจวจิงหลัน”
“เป็วิธีที่ดีที่สุด ทุกวันนี้ข้าต้องรับมือกลุ่มสตรีในตระกูลเฟิงจนปวดหัวตลอดวัน ข้ากลัวการพูดคุยกับสตรียิ่งนัก เ้าดูสิ เมื่อพูดถึงคำว่า “สตรี” หัวข้าก็ปวดตุบ ๆ …” ฉางนั่วลูบหน้าผากพลางถอนหายใจก่อนเอนตัวพิงไหล่ิเยวี่ย ทว่าอีกฝ่ายกลับเอี้ยวหลบก่อนเปิดม่านไม้ไผ่ะโลงจากรถม้าทันที คิดไม่ถึงว่าิเยวี่ยจะไร้น้ำใจเช่นนี้
ฉางนั่วนั่งตัวตรงอย่างอารมณ์ดีพลางกล่าวอำลาสหายสนิท “ฝากเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ด้วย แม้พวกเขาจะปากไม่ดีแต่ข้าก็ไว้ใจ หากเ้ามีเื่อันใดสามารถสั่งพวกเขาได้ เสี่ยวยวน...อยู่ตระกูลหลัวก็รักษาตัวให้ดี ระหว่างทางนี้ก็ปลอมตัวเถิด สวมหน้ากากและสวมหมวกไม้ไผ่ขณะเป็แขกบ้านคนอื่นนั้นแปลกประหลาดเกินไป พวกเขาอาจมองว่าเ้าเป็โรคเรื้อนแล้วจับขังก็เป็ได้ เ้าควรทำให้ใบหน้าน่าเกลียดกว่านี้อีกหน่อย อย่าเดินไปไหนมาไหนจนดึงดูดผีเสื้อสาว ทำให้เหล่าหญิงงามคิดถึงเ้าเข้าล่ะ…”
“ิเยวี่ยต้องปลอมตัวเป็เฟิงหยางชั่วคราว เ้าคงมีหลายสิ่งอยากสั่งเขาเป็แน่” หนิงยวนทนคำพูดไร้สาระของฉางนั่วไม่ไหวจึงขมวดคิ้วก่อนเอ่ย “ข้าไม่รู้จะสั่งอะไรแล้ว…ถึงตอนนั้นก็ต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ ให้ิรื่ออยู่ข้างเ้าตลอดเวลาจะดีที่สุด มีปัญหาจะได้เอ่ยถาม หลังเื่ทั้งหมดสงบ เ้าก็แสร้งล้มหมอนนอนเสื่อ ให้ิรื่อปลอมตัวเป็ข้านอนซมบนเตียงแทน เ้าจะได้กลับเมืองหยางโจว”
“เสี่ยวยวน ทำใจให้สบายเถิด ทุกอย่างต้องไม่มีปัญหา” ฉางนั่วรั้งหนิงยวนเข้าในอ้อมแขนพลางตบหลังเบา ๆ “เฮ้อ เ้าอายุน้อยกว่าข้าสามปีแต่วาจาและการกระทำกลับเหมือนคนแก่ในร่างเด็ก เอาแต่กังวลกับเื่กวนใจทั้งวัน ไม่เหนื่อยบ้างหรือ? เ้าควรใช้โอกาสพักรักษาตัวครั้งนี้ผ่อนคลายจิตใจและสมองเสียบ้าง หากมีเวลาว่างก็อ่านกวี เป่าขลุ่ยหรือเต้นรำกับเหล่าหญิงงามในตระกูลหลัว...”
“นายน้อย คุณชายใหญ่กวนมากล่าวอำลา…” สิ้นเสียงไม่นาน ม่านก็ถูกเลิกขึ้นพร้อมศีรษะของเฟิงเหยียนโผล่เข้ามา เมื่อเห็นคุณชายน้อยและองค์ชายหนิงกอดกัน เฟิงเหยียนก็ใปล่อยม่านลงทันที ก่อนเอ่ยกับกวนไป๋ด้วยรอยยิ้ม “คุณชายกวนโปรดรอสักครู่ นายน้อยจะรีบลงมาขอรับ ฮ่า ๆ ”
ขณะเดียวกันกวนไป๋ก็เห็นภาพภายในรถม้าผ่านม่านที่เลิกขึ้นครึ่งหนึ่ง เห็นทุกการแสดงออกและการกระทำของบ่าวคนสนิทของเฟิงหยาง ยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก
กวนไป๋ก้มหน้าด้วยความกระอักกระอ่วนพลางคิดในใจ เฟิงหยางชอบทั้งบุรุษและสตรีหรือชอบเพียงบุรุษเท่านั้น หากเป็ข้อแรกก็ยังดี น้องสี่และน้องห้าของตนต่างก็สนใจเฟิงหยาง พ่อแม่ก็ตั้งใจจะเกี่ยวดองกับตระกูลเฟิง พวกเขาจึงขอให้ตนหาเวลาเหมาะสมเพื่อคุยเื่นี้กับเฟิงหยาง…อย่างไรก็ตาม เมื่อแต่งงานก็ต้องแบ่งปันสามีกับคนอื่นอยู่แล้ว จะแบ่งปันกับบุรุษหรือสตรีก็ไม่ต่างกันนัก... แต่หากเป็ข้อหลังก็คงแย่ เมื่อเฟิงหยางไม่สามารถแต่งงานกับน้องสี่และน้องห้าได้ ก็คงมีเพียงตนหรือน้องรองที่ต้องแต่งงานกับลูกสาวตระกูลเฟิง ได้ยินว่าลูกสาวตระกูลเฟิงไม่มีความเป็กุลสตรีแบบหญิงทั่วไป กลับเป็เสมือนเถ้าแก่เนี้ยป่าเถื่อนในยุทธภพอย่างไรอย่างนั้น…”
ขณะกวนไป๋กังวลเื่นี้ก็เห็นม่านรถม้าถูกเลิกขึ้น เฟิงหยางออกมาพลางจัดระเบียบเสื้อคลุมที่ยุ่งเหยิงจากการขวางรถม้าของเหล่าไท่ไท่ ก่อนยกยิ้มไม่เป็ธรรมชาติ “คุณชายใหญ่กวน ม้าของเ้าเป็อย่างไรบ้าง? ก่อนหน้านี้เ้าให้มันกินอะไรหรือ? ฮ่า ๆ ”
เมื่อกวนไป๋ได้ยินคนเอ่ยถึงลูกรักก็โศกเศร้าทันที ก่อนเอ่ยตอบเสียงอู้อี้ “โชคร้ายยิ่งนัก อู่ตี้ของข้าทั้งเชื่องและฉลาด รู้ทันความคิดมนุษย์ นึกไม่ถึงว่ามันจะก่อเื่วุ่นวายจนข้าต้องหักขาหน้าของมัน เกรงว่ามันคงจะวิ่งไม่ได้อีกตลอดกาล…เฮ้อ มันได้รับการดูแลด้านอาหารจากผู้ได้รับมอบหมายพิเศษโดยตลอด หรืออาหารจะมีปัญหา? สภาพของมันไม่เหมือนถูกวางยาพิษ ตาแดงก่ำ ลิ้นเป็จุดขาว หรือเมื่อวานมันดื่มเหล้า? เฮ้อ อู่ตี้ผู้น่าสงสาร”
เฟิงหยางวางมือบนไหล่กวนไป๋พลางเอ่ยปลอบใจ “อย่าเสียใจเลย หากเ้าดูแลมันอย่างระมัดระวังก็อาจหายเป็ปกติ เดือนหน้าข้าว่าง พวกเราไปเลือกม้าดี ๆ ที่ลานม้าซีมู่มาเป็เพื่อนเ้าสักตัวดีหรือไม่…” กวนไป๋ได้รับการปลอบใจอย่างสนิทสนมทว่าแผ่นหลังของเขากลับแข็งทื่อ ก่อนเปลี่ยนท่ายืนที่ไม่เป็ธรรมชาติ หวังสลัดแขนเฟิงหยางออกจากไหล่
ด้วยกลัวเฟิงหยางจะไม่พอใจ เขาจึงยิ้มพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “น้องเฟิง เหตุใดเ้าจึงอยู่กับเหล่าไท่ไท่? ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เ้าเจอคนตระกูลหลัวในสวนดอกไม้จวนข้า เ้าไม่รู้จักเหล่าไท่ไท่ด้วยซ้ำ”
“เื่มันยาว ข้ามีเื่เร่งด่วนต้องจัดการ ดื่มเหล้าครั้งหน้าค่อยเล่าให้ฟัง” เฟิงหยางหันกลับไปหาิเยวี่ย ก่อนเอ่ยถามกวนไป๋ “ข้าอยากบอกลาเหล่าไท่ไท่ คุณชายกวนอยากไปกับข้าหรือไม่?”
กวนไป๋พยักหน้าเอ่ย “แน่นอน ข้าอยากเอ่ยขอโทษเื่เมื่อครู่พอดี แม้จะไม่ร้ายแรง แต่น้องเฟิงรู้หรือไม่ว่าเหล่าไท่จวินคือใคร? ข้าไปจวนตระกูลหลัวตงและหลัวซีบ่อยครั้ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าในบรรดาคุณหนูทั้งหมดของตระกูลมีสตรีผู้นี้ด้วย”
เฟิงหยางเกาคางไตร่ตรองก่อนเอ่ยตอบ “เหมือนจะเป็หลานสาวของเหล่าไท่จวิน เพราะนางเรียกสตรีผู้นั้นว่า “เสี่ยวอี้” ตลอดเวลา...”
เมื่อได้ยินว่าเฟิงหยาง ิเยวี่ยและกวนไป๋เดินไปฝั่งตรงข้ามแล้ว หนิงยวนที่กำลังเตรียมวัสดุปลอมตัวในรถม้าก็รีบเงยหน้าเรียกเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาทันที ก่อนเอ่ยสั่งการ “ฟังให้ดี พวกเ้าสองคนเดินไปตามถนนสายนี้ มองหาดอกไม้ป่าและวัชพืชป่าบริเวณข้างถนน หากเห็นดอกไม้สีขาวที่มีกลิ่นหอม ให้นำกลีบดอกทั้งหมดกลับมาให้ข้า อย่าเหลือไว้แม้แต่ดอกเดียว ไม่ต้องเด็ดลำต้นและใบ พวกเ้าต้องซื้อเหล้าเกลือมาโรยลำต้น เอาล่ะ อย่ามัวยืนนิ่ง รีบไปรีบกลับ”
ในรถม้าอีกด้านหนึ่ง หยางมามาเอ่ยถามเหล่าไท่ไท่ “พวกเราได้ค่าชดใช้ส่วนใหญ่กลับคืนแล้ว ท่านคิดว่าควรหยุดเพียงเท่านี้หรือให้อาจีนำไปให้พวกเขาอีกครั้ง?”
เหล่าไท่ไท่มองเหอตังกุยพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวอี้ ชาวบ้านคืนเงินเพราะความดีของเ้า จะจัดการเงินเหล่านี้อย่างไรก็แล้วแต่เ้าเถิด” แท้จริงแล้วเหล่าไท่ไท่้าจ่ายเงินเหล่านี้อีกครั้ง เพราะการแจกเงินนั้นได้ผลลัพธ์ดีกว่าการส่งข้าวส่งเงินให้โรงทานเสียอีก
เหอตังกุยเข้าใจความหมายของเหล่าไท่ไท่จึงเอ่ย “ให้แม่นางจีนำไปแจกจ่ายอีกครั้งจะดีกว่า สามารถอ้างได้ว่า้าชดใช้ความเสียหายต่อกิจการพ่อค้าเร่และผู้สัญจรไปมา อย่างไรเื่นี้ก็เป็ความผิดพวกเรา ท่านยายคิดว่าอย่างไรเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่พยักหน้า “พูดได้ดี เช่นนั้นก็ทำแบบนี้เถิด” นางหันไปกล่าวกับแม่นางจี “กลับจวนก่อน ภายหลังค่อยส่งรถม้าอีกคันมาแจกจ่ายยาให้ทุกคนที่ได้รับาเ็ แล้วก็รับเ้ากลับจวนด้วย”
เหอตังกุยเอ่ยแทรก “แม่นางจี ข้าจะให้ฉานอีและไฮว่ฮวาช่วยอีกแรง อย่างไรรถม้าคันนี้ก็ไม่เพียงพอให้พวกนางนั่ง ข้าจะให้พวกนางกลับจวนพร้อมรถม้าคันต่อไป” แม่นางจีตอบรับก่อนลงจากรถม้า ขณะเดียวกันเฟิงหยางและกวนไป๋ก็เดินเข้ามา เมื่อพวกเขาได้ยินบทสนทนา กวนไป๋จึงถือโอกาสมอบเงินให้แม่นางจีอีกสิบตำลึงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รบกวนแม่นางมอบเงินนี้ให้แม่ลูกที่ใเมื่อครู่ด้วย เป็ความผิดข้าที่เกือบทำให้เกิดโศกนาฏกรรม”
แม่นางจีรับเงินแล้วจากไป ทันใดนั้นกวนไป๋ก็เอ่ยขอโทษเหอตังกุย “น้องหญิง ข้าขอโทษที่ทำให้เ้าใกลัว วันหน้าข้าจะไปชดเชยให้เ้าถึงหน้าประตูจวนแน่นอน”
เหอตังกุยส่ายศีรษะพลางเอ่ย “คุณชายกวนกล่าวเกินไปเ้าค่ะ ข้าไม่ได้ใเท่าไรนัก เป็ข้าต่างหากที่ควรขอโทษที่ทำให้เสื้อผ้าท่านสกปรก” เป็เพราะพุ่มดอกไม้หัวเลี่ยที่มุมถนนทำให้เกิดหายนะจนทุกคนเดือดร้อนเช่นนี้ เหล่าไท่ไท่ตกตะลึงถึงขั้นเป็ลม กวนไป๋ต้องหักขาลูกรัก ชายสวมหมวกไม้ไผ่ก็กระอักเื อีกทั้งนางยังโชคร้ายต้องเผชิญสถานการณ์เลวร้ายจากอาการลมปราณเจินชี่พลุ่งพล่านอีกครั้ง นางจำที่เกาเจวี๋ยพูดครั้งสุดท้ายได้ว่าหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ตายก็ต้องเป็อัมพาต นางอาจต้องชักนำลมปราณเจินชี่ในร่างกายของตนด้วยการฝังเข็มอวิ๋นชี่ รู้อย่างนี้น่าจะซื้อเข็มเงินในเมืองตู้เอ๋อร์ตั้งนานแล้ว ไม่รู้คืนนี้จะแอบไปขโมยเข็มดี ๆ สักสองสามเล่มจากห้องเหล่าไท่เหยียได้หรือไม่...
“น้องหญิงกล่าวเกินไป เสื้อผ้าจะสำคัญอะไร ควรเป็ข้าที่ต้องขอโทษจึงจะถูก” กวนไป๋โน้มตัวให้นางเล็กน้อยอย่างสุภาพ ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย ขณะเงยหน้ามองก็เห็นเพียงใบหน้ามึนงงใต้ผ้าคลุม นางคงใมาก เขาจึงหันไปขอโทษเหล่าไท่ไท่อย่างจริงใจอีกครั้ง ก่อนกลับไปจัดการขนย้ายอู่ตี้
เฟิงหยางอ้างกับเหล่าไท่ไท่ว่าเขามีเื่เร่งด่วนต้องจัดการ อีกทั้งต้องเตรียมของขวัญไปคารวะท่านป้าจึงขอตัวจากไปชั่วคราว
เดิมทีเหล่าไท่ไท่บอกว่าของขวัญนั้นไม่จำเป็ ด้วยในใจไม่อยากปล่อยเฟิงหยางให้หลุดมือโดยง่าย ทว่าเมื่อได้ยินเฟิงหยางเอ่ยว่าเขาอยากส่งคนป่วยในรถม้าไปพักรักษาที่จวนตระกูลหลัว เหล่าไท่ไท่จึงคิดว่าอย่างไรก็มีตัวประกัน ไม่จำเป็ต้องกลัวว่าเฟิงหยางจะไม่มา จึงยอมให้เฟิงหยางจากไปชั่วคราวตามคำขอ
หลังเจรจาเสร็จสิ้น เฟิงหยางจึงพาิเยวี่ยจากไป รถม้าของเหล่าไท่ไท่และรถม้าของหนิงยวนออกเดินทางตรงไปยังถนนใหญ่หงเพ่ยและถนนเสี่ยวตงพร้อมกัน
เหอตังกุยคิดว่าขณะนี้จวนตระกูลหลัวอาจยุ่งกับการกำจัดหนู เรือนซีคั่วของตนก็คงกลายเป็ซากแล้ว นางควรหาที่พักอื่นเพื่ออาศัยในจวนตระกูลหลัวจึงเอ่ยกับเหล่าไท่ไท่ “ท่านยาย เซียนผู้เฒ่าในความฝันบอกว่าวันนี้พวกเราจะมีปัญหาระหว่างเดินทางกลับจวน ตอนแรกข้าไม่เชื่อ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเื่ตามที่เขาพูด ข้ายังจำได้ขึ้นใจ เซียนผู้เฒ่าบอกอีกว่าหากวันนี้พวกเรา้ากลับบ้านอย่างปลอดภัย จะไม่สามารถกลับจวนผ่านทางประตูใหญ่ได้ ให้เลี้ยวเข้าประตูข้างฝั่งตรอกิเยวี่ย จากนั้นก็ไปอาศัยเรือนทิงจูของเหล่าไท่เหยียสักสองสามวัน โดยคนตระกูลหลัวจะไม่สามารถเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบได้ มิเช่นนั้นจะเกิดหายนะนองเื” เช่นข้าจะกระอักเืเป็ครั้งคราว มิหนำซ้ำยังเสี่ยงเป็อัมพาตอีกด้วย
“อะไรนะ มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ” เหล่าไท่ไท่นั่งตัวตรงด้วยความประหลาดใจ ก่อนตำหนิเหอตังกุย “เสี่ยวอี้ เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้? มิน่าล่ะ ข้าถึงเวียนหัวตลอดเวลา หนังตากระตุกไม่หยุดหย่อน หัวใจก็ยังเต้นเร็วอีก หงเจียงเร็วเข้า” ภายใต้การเร่งเร้าของเหล่าไท่ไท่ หยางมามาจึงสั่งให้เหริ่นตงเถิงและกุยป่านเจียวบังคับรถม้าตรงไปที่ตรอกิเยวี่ย
ไม่นานรถม้าทั้งสองก็หยุดที่ประตูข้างทางทิศเหนือของตระกูลหลัว หลังคำสั่งของหยางมามา เหริ่นตงเถิงก็เดินไปเคาะประตูเบา ๆ ก่อนลากหม่าโต้วหลิงไปกระซิบบางอย่าง หม่าโต้วหลิงได้ฟังก็รีบเดินไปขับไล่บ่าวรับใช้และคนสัญจรไปมาให้ออกจากบริเวณ จากนั้นเหล่าไท่ไท่ เหอตังกุยและหยางมามาก็รีบออกจากรถ พวกนางมองโดยรอบด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ พลันวิ่งตรงไปยังเรือนทิงจูของเหล่าไท่เหยีย แม้แต่คนป่วยในรถม้าด้านหลังก็ยังถูกทิ้งไว้ตรงนั้น
หนิงยวนเปิดม่านสำรวจภายนอก ทว่าเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ที่ถูกส่งไปทำงานยังไม่กลับ รถม้าด้านหน้าก็ว่างเปล่า ขณะครุ่นคิดบางอย่าง เฟิงเหยียนก็วิ่งเข้ามาพร้อมกุมหน้าอกพลันเอ่ยด้วยอาการหอบ “องค์ชายหนิง พวก...พวกเราหา...ดอกไม้...เจอแล้ว แต่ถูกคน...เด็ดไปแล้ว ข้าให้เฟิงอวี้เฝ้า...ลำต้นไว้ ส่วนข้า...ก็กลับมาถามท่านก่อน ไม่มีดอกแล้ว ท่านยัง้าลำต้นหรือไม่?”
“ถูกคนเด็ดแล้วหรือ?” เมื่อหนิงยวนเลิกคิ้ว ใบหน้าปลอมก็เลิกคิ้วตาม
“ใช่ขอรับ” ขณะเฟิงเหยียนเอ่ยตอบก็ทำท่าทางไปด้วย “คุณหนูตระกูลหลัวสูงประมาณนี้…ที่เกือบตายผู้นั้น นางขอให้สาวใช้เด็ดดอกไม้...จนหมด ไม่เหลือสักดอก...ขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้