แคว้นถูเหยียนเป็แคว้นระดับกลางของอาณาจักรชางเหยียน อย่างที่ปาจี๋พูด ความฟอนเฟะของราชวงศ์ถูเหยียน ประชาชนอยู่อย่างลำบากข้นแค้น เกิดความวุ่นวายไปทั่วทุกพื้นที่ ตระกูลใหญ่และกองกำลังพากันลุกขึ้นต่อต้าน ทำให้อำนาจของกษัตริย์อ่อนแอลงอย่างมาก หากมิใช่เพราะยอดฝีมือของราชวงศ์มีจำนวนมากมาย เกรงว่าคงจะถูกทำลายล้างโดยกองกำลังฏไปแล้ว
ถูเหยียนฉีเป็องค์ชายคนเล็กสุดของกษัตริย์ถูเหยียน ผิดปกติั้แ่กำเนิด อุปนิสัยความนึกคิดมืดทะมึนสุดขั้ว ภายใต้ความฟอนเฟะของราชสำนัก ทั้งหยิ่งผยอง ฟุ่มเฟือยและมักมาก ชอบการเข่นฆ่าสังหารจนติดเป็นิสัย ครั้งนี้้าลองดูว่าจะสามารถเข้าไปในแปดสำนักนิกายใหญ่ได้หรือไม่ มิคาดคิดว่าทันทีที่เข้าเมืองหนานเจาก็ถูกทำร้ายจนพิการแล้ว ด้วยข้อจำกัดของกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยแปดสำนักนิกายใหญ่ ผู้พิทักษ์ราชันาทั้งสี่กลายเป็ของเปล่าประโยชน์ ใช้สอยอะไรมิได้ แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของฝ่ายตรงข้ามก็ยังมิทราบ ผู้พิทักษ์ราชันาทั้งสี่เสียหน้าอย่างยิ่ง ไม่รู้จะกลับไปอธิบายต่อกษัตริย์ผู้นำแคว้นเช่นไรดี
ผู้ที่คุ้นเคยกับถูเหยียนฉีล้วนทราบว่าคนผู้นี้รับมือยากยิ่งนัก ภายใต้การอารักขาของบรรดาราชันา แม้ว่าร่างกายจะผิดปกติแต่ท่าร่างกลับประหลาดยิ่งกว่า เล่าขานกันว่าปรมาจารย์นักยุทธ์แปดดาวจำนวนมากต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา ฝึกฌานบ่มเพาะสำเร็จเป็ปรมาจารย์นักยุทธ์เจ็ดดาวเมื่ออายุสิบเจ็ด นับเป็อัจฉริยะของตระกูลถูเหยียนแล้ว ดังนั้นจึงมิถูกกษัตริย์แห่งถูเหยียนรังเกียจเพราะพระวรกายผิดปกติ เล่ากันว่าพระเชษฐาของถูเหยียนฉีก็เป็อัจฉริยะผู้ฝึกฌานเช่นกัน เป็ราชันาเมื่ออายุยี่สิบปี ถูกคัดเลือกเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาั้แ่แรกแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหนานเจาเช่นกัน ติดตามสำนักมารับสมัครลูกศิษย์ นี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่ถูเหยียนฉีกล้าควบขับรถเทียมสัตว์พาหนะบนถนนอย่างหยิ่งผยอง
ถึงแม้พฤติการณ์ของจ้านอู๋มิ่งจะเป็ที่พึงพอใจกันมาก แต่บางคนกลับเห็นว่าไม่คุ้มค่า เนื่องเพราะพฤติการณ์ครั้งนี้เป็การล่วงเกินสำนักกระบี่ิญญาก่อนการคัดเลือกใหญ่ ซึ่งไม่เอื้อประโยชน์ต่อการคัดเลือกใหญ่อย่างแน่นอน
จ้านอู๋มิ่งไม่คิดอะไรมากเช่นนั้น ถูเหยียนฉีมีเหตุผลที่สมควรถูกกำจัด จ้านอู๋มิ่งกลับไม่ได้สังหารมัน เขาเห็นชะตากรรมไม่ธรรมดาของถูเหยียนฉีแล้ว——ชะตาฟ้าบกพร่อง จุดประสงค์อีกประการหนึ่งของการมาเมืองหนานเจาคือหาวิธีที่ทำลายดวงชะตาเก้าเป็เก้าตาย ดังนั้นเขาจำเป็ต้องหาคนที่มีดวงชะตาฟ้าทั้งห้าและดินทั้งสี่ รักษาเขตแดนค่ายกลฟ้าบกพร่องดินพิฆาตด้วยโลหิตของพวกมัน จึงสามารถแก้ไขดวงชะตาเก้าเป็เก้าตาย ดวงชะตาฟ้าทั้งห้าและดินทั้งสี่แบ่งเป็ฟ้าบกพร่อง, ฟ้าพิการ, ฟ้ายากจน, ฟ้าสะบั้น, ฟ้าพิฆาต ดินบกพร่อง, ดินพิการ, ดินสะบั้นและดินพิฆาต การแสดงออกของผู้มีชะตากรรมรูปแบบพิเศษจะเหนือกว่าคนสามัญทั่วไป ในการคัดเลือกของแปดสำนักนิกายใหญ่ จะต้องปรากฏขึ้นส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน
“ขอบคุณพี่น้องที่ช่วยเหลือเมื่อครู่ ถ้ามิใช่ท่านใช้คำพูดโจมตี เกรงว่าครั้งนี้ปาจี๋คงเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้แล้ว” มาถึงภัตตาคาร ปาจี๋ยังมิทันสั่งอาหารก็รีบกล่าวขอบคุณ
“พี่ปานิสัยตรงใจข้านัก ข้าได้ยินเขาพูดถึงแคว้นถูเหยียนกันมานานแล้ว วันนี้ข้าเห็นความหยิ่งผยองขององค์ชายถูเหยียน จึงทราบว่าที่เขาพูดกันนั้นเป็เื่จริง การกำจัดขยะประเภทนี้เป็เพียงการกระทำตามใจชอบเท่านั้นเอง” จ้านอู๋มิ่งก็สนทนาอย่างเป็กันเองเช่นกัน
“ผู้น้อยปาจี๋ คนของถูเหยียน มิทราบว่าจะเรียกขานพี่น้องเช่นไร”
“ผู้น้อยแซ่จ้าน นามอู๋มิ่ง” จ้านอู๋มิ่งตอบเรียบๆ
“พี่จ้าน แม้ว่าเมื่อครู่พวกเราจะทำให้ถูเหยียนฉีพิการแล้ว แต่ข้าคาดว่าเื่ราวจะไม่ยุติลงเพียงเท่านี้ เพราะถูเหยียนเซิ่ง พี่ชายของถูเหยียนฉีก็อยู่ในเมืองนี้เช่นกัน คนผู้นี้เป็ศิษย์สายในของสำนักกระบี่ิญญา มีอิทธิพลระดับหนึ่งในสำนักกระบี่ิญญา ข้าเดาว่าถึงแม้เขาจะลงมือเองไม่ได้ในฐานะที่เป็ราชันา แต่ก็จะมีผู้อื่นมาสร้างปัญหาให้พวกเรา เพื่อชื่อเสียงของสำนักหรือประจบเอาใจมัน เดิมทีข้าสมควรจะดื่มสุราสนทนาอย่างสำราญกับพี่จ้านในที่นี้ แต่เกรงว่าจะนำความยุ่งยากมาให้พี่จ้าน” ปาจี๋พูดจากระจ่างเปิดเผยแสดงความกังวลของตนออกมา
จ้านอู๋มิ่งสะดุดใจ ศิษย์สายในของสำนักกระบี่ิญญา อย่างน้อยฐานการบ่มเพาะต้องเป็ราชันาหรือสูงกว่า และยังเกี่ยวข้องกับการทดสอบคัดเลือกของสำนักกระบี่ิญญาอีกด้วย ซึ่งเื่นี้ไม่ควรชะล่าใจ เขากลับคิดไม่ถึงว่าถูเหยียนฉีจะมีส่วนเกี่ยวข้องความสัมพันธ์นี้ ไม่น่าแปลกใจที่มันกล้าใช้รถพาหนะวิ่งอาละวาดบนถนนของเมืองหนานเจา จ้านอู๋มิ่งฝืนยิ้มกล่าวว่า “เกรงว่าพวกเราจะไปก็คงไปมิได้แล้ว!”
สีหน้าปาจี๋แปรเปลี่ยน เขาก็รู้สึกว่าพลังหลายสายผนึกพวกเขาไว้ เงาร่างหลายคนค่อยๆ เดินเข้าไปในภัตตาคาร ความรู้สึกกดดันหนักหน่วงดุจสายน้ำครอบคลุมอากาศทุกตารางนิ้วของภัตตาคารไว้แล้ว
“เถี่ยมู่เหอ!” สีหน้าของปาจี๋แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขารู้จักคนที่มาเยือน ร่ำลือกันว่ามีการรวบรวมอันดับการคัดเลือกใหญ่ของสำนักทั้งแปดครั้งนี้เป็การส่วนตัว มีการเปรียบเทียบอัจฉริยะคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่าสิบแปดที่ปรากฏใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบางคนเรียกติดตลกว่าป้ายประกาศรายชื่อทอง ผู้ที่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกในป้ายประกาศ ล้วนมีพร์ระดับสูงสุดไร้ผู้ทัดเทียม และพวกเขาล้วนมีความแข็งแกร่งเหนือปรมาจารย์นักยุทธ์เจ็ดดาวขึ้นไป สามารถความแข็งแกร่งของปรมาจารย์นักยุทธ์เจ็ดดาวก่อนอายุสิบแปดปี เป็อัจฉริยะที่ในแต่ละสำนักใหญ่ก็มีไม่มากนัก ท่ามกลางผู้ฝึกฌานบ่มเพาะนับพันนับหมื่น ที่สามารถได้รับการยอมรับจากผองชนว่ามีความแข็งแกร่งติดหนึ่งร้อยอันดับแรก มิมีผู้ใดที่ไม่ใช่อัจฉริยะ เถี่ยมู่เหอติดอันดับที่หกสิบเจ็ดในป้ายประกาศรายชื่อทองสำหรับการคัดเลือกใหญ่ ได้ยินมาว่าเพิ่งจะทะลวงผ่านปรมาจารย์นักยุทธ์แปดดาว เป็อัจฉริยะของตระกูลเถี่ยแห่งถูเหยียน ตระกูลเถี่ยและราชวงศ์ถูเหยียนมีความสัมพันธ์โดยการแต่งงานตลอดมา
สีหน้าปาจี๋ดูยากยิ่ง ถึงแม้ปาจี๋จะเป็ปรมาจารย์นักยุทธ์เจ็ดดาวสูงสุด แต่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเถี่ยมู่เหอ เขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติติดหนึ่งในร้อยของป้ายประกาศรายชื่อทองด้วยซ้ำ
จ้านอู๋มิ่งยืดตัวบิดี้เีไปมา เหลือบมองคนทั้งหกที่โอบล้อมเข้ามา ถามปาจี๋อย่างสบายๆ ขึ้นว่า “พี่ปา คนรู้จักหรือ?”
สีหน้าปาจี๋ดูยากเล็กน้อยกล่าวว่า “ก็พอรู้จักบ้าง แต่ไม่สนิท มีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยในป้ายประกาศรายชื่อทองของการคัดเลือกใหญ่เท่านั้นเอง”
“เ้าคือผู้ที่ทำให้น้องถูเหยียนฉี ลูกพี่ลูกน้องของข้าพิการ?” เถี่ยมู่เหอยืนห่างหน้าโต๊ะจ้านอู๋มิ่งเพียงไม่กี่ก้าว ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า
จ้านอู๋มิ่งหันศีรษะมองไปรอบๆ เนิ่นนานสายตาจึงมองที่ร่างเถี่ยมู่เหอ ถามกลับว่า “เ้ากำลังพูดกับข้าหรือ?”
พลันสีหน้าเถี่ยมู่เหอเขียวคล้ำ การแสดงออกของจ้านอู๋มิ่งและน้ำเสียงที่หยิ่งทระนง ทั้งยังเอื่อยเฉื่อยของจ้านอู๋มิ่ง ปฏิบัติต่อเขาเหมือนอากาศธาตุ แม้แต่ปาจี๋ก็ยังตะลึงงัน สำนึกการต่อสู้แข็งแกร่งในร่างของเถี่ยมู่เหอ ทำให้เขารู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่จ้านอู๋มิ่งกลับเพิกเฉยโดยสิ้นเชิง ปาจี๋อดมิได้ที่จะเริ่มรู้สึกยอมรับนับถือชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้
“บอกชื่อมา ไม่มีผู้ใดที่ตายอย่างผีนิรนามในน้ำมือข้า เถี่ยมู่เหอ!” สายตาเถี่ยมู่เหอเ็า เจตนาฆ่าแผ่ออกจากทั่วร่าง
“ไม่รู้จักกับเ้า ไม่จำเป็ต้องผูกมิตร ้าต่อสู้ก็เริ่มเลย พูดจาอืดอาดยืดยาดเหมือนสตรี เ้าคิดว่าเป็เกมเด็กเล่นหรือไร?” จ้านอู๋มิ่งเชิดจมูกขึ้น ถลึงตามองเถี่ยมู่เหอคราหนึ่ง
เถี่ยมู่เหอโกรธจัดจนหัวเราะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเถี่ยมู่เหอหยิ่งทระนงยิ่ง แม้ว่าในป้ายประกาศรายชื่อทองของการคัดเลือกใหญ่ เขาจะอยู่ในอันดับที่หกสิบเจ็ดเท่านั้น แต่นี่คืออันดับของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียนทั้งหมด ในบรรดาผู้ฝึกฌานบ่มเพาะจำนวนนับหมื่น ตนสามารถมีชื่อติดอยู่ในประกาศรายชื่อ นี่ก็คือการยืนยันตัวตนของเขา ไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ที่ดูแล้วอายุมิได้มากกว่ามัน กลับหยิ่งผยองยิ่งกว่า เขามั่นใจว่าคนผู้นี้มิใช่คนที่อยู่ในป้ายประกาศรายชื่อทองอย่างเด็ดขาด เพราะเคยตรวจสอบคนในประกาศรายชื่อทุกคน ใบหน้าล้วนแต่คุ้นเคย ดังนั้นเวลานี้ เขามองจ้านอู๋มิ่งเป็คนที่ตายแล้วผู้หนึ่ง
“ที่นี่คือภัตตาคาร หาก้าทานข้าวหรือดื่มสุรา กรุณานั่งลง หาก้าต่อสู้ก็เชิญออกไปข้างนอก” เสียงเ็าเสียงหนึ่งแว่วมาอย่างช้าๆ จ้านอู๋มิ่งหันศีรษะมองไป พบชายชราผู้หนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ แต่ละก้าวดูสมบูรณ์แบบ แ่พลิ้วราวกับเดินอยู่เหนือสายลม อดที่จะรู้สึกประหลาดใจมิได้ บุคคลผู้นี้บรรลุขอบเขตราชันาระดับสูงแล้ว เมืองหนานเจาเป็สถานที่พยัคฆ์หมอบัซ่อนจริงๆ เ้าของภัตตาคารเล็กๆ แห่งหนึ่ง กลับเป็ราชันาระดับสูงผู้หนึ่ง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
เถี่ยมู่เหอประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้ราชันาจะลงมือฆ่าคนไม่ได้ แต่ถ้าเป็การปกป้องผลประโยชน์ของกิจการค้าขาย ยังคงสามารถลงมือสั่งสอนคนอื่นได้ ตนยังไม่ทระนงตัวถึงขนาดคิดว่าตนเองสามารถรับมือกับราชันาระดับสูงได้ ดังนั้นจึงแค่นเสียงเ็าคราหนึ่ง หันหลังเดินออกไปทางนอกร้าน พูดเฉยชาว่า “ข้าจะรอเ้าอยู่ข้างนอก เ้าหนีไม่พ้นหรอก!”
“เ้าสติฟั่นเฟือน!” จ้านอู๋มิ่งตอบอย่างเ็าจากนั้นะโขึ้น “เสี่ยวเอ้อร์ ขอเนื้อวัวห้าชั่ง สุราดีเลิศสองชั่ง”
คนทั้งร้านล้วนตะลึงพรึงเพริดแล้ว เคยเห็นคนหน้าด้านหน้าทนมาแล้ว แต่มิเคยเห็นคนหน้าด้านหน้าทนมากเพียงนี้มาก่อน การแสดงออกของปาจี๋ก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้มิอาจหยั่งหรือคาดคำนวณด้วยเหตุผลทั่วๆ ไป
“เ้า!” เถี่ยมู่เหอบันดาลโทสะ แต่พอเห็นสายตาของราชันายังคงต้องอดทนอดกลั้นไว้ ลงมือในสถานที่แห่งนี้ มิใช่รนหาเื่ใส่ตัวหรอกหรือ? แต่จ้านอู๋มิ่งไม่แยแสสนใจสักนิด ทำให้มันโกรธจนเืลมพลุ่งพล่าน
คนที่เคยเห็นจ้านอู๋มิ่งกระตุ้นถูเหยียนฉีบนถนนก่อนหน้านี้ย่อมเข้าใจ ไอ้หนูคนนี้ก็คืออันธพาลผู้หนึ่ง หากเ้าเห็นเขาเหมือนคนปกติทั่วไป จะต้องถูกเขาทำให้โมโหจนแทบคลั่งตายแน่นอน
“ตกลง เนื้อวัวห้าชั่งและสุราอย่างดีสองชั่ง…” เสี่ยวเอ้อร์ร้องตอบรับคำหนึ่ง ไม่นานก็ยกเนื้อนึ่งร้อนๆ จนไอน้ำเดือดพลุ่งพล่านและสุราเข้ามา เ้าของร้านมองจ้านอู๋มิ่งที่เริ่มดื่มกินราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งรู้สึกว่าน่าขบขันและก็น่าโมโหในเวลาเดียวกัน เ้านี่มันใช้ตนเป็ผู้คุ้มกันชัดๆ แต่ว่าตนเปิดประตูทำการค้าย่อมมิอาจไม่ให้ลูกค้าสั่งเนื้อและสุรากระมัง
เถี่ยมู่เหอไม่พูดจาอีกต่อไป อดทนฝืนสะกดข่มเจตนาฆ่าไว้แล้วเดินออกประตูไป ไปร่วมกับอีกห้าคนที่เข้าแถวเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างหลังตรงถนนด้านนอกภัตตาคาร เขาจะรอคอย ไม่เชื่อว่าจ้านอู๋มิ่งจะไม่ออกมาตลอดกาล ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าจ้านอู๋มิ่งคงจะพรุนไปเนิ่นนานแล้ว เมื่อมันเห็นจ้านอู๋มิ่งด้านหนึ่งค่อยๆ กินเนื้อวัวและตบริมฝีปาก อีกด้านหนึ่งทำหน้าตลกปลิ้นปล้อนใส่ เขาแทบจะอดใจไม่ไหว พุ่งเข้าไปฆ่าคนดื้อด้านไร้ยางอายผู้นี้เสีย
เวลานี้ความรู้สึกที่ปาจี๋มีต่อจ้านอู๋มิ่งมิอาจใช้คำว่ายอมรับนับถือมาบรรยายแล้ว เขาเริ่มรู้สึกเคารพบูชาจ้านอู๋มิ่งแล้ว
ข่าวที่เถี่ยมู่เหอนัดต่อสู้กันนอกภัตตาคารก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหนานเจาอย่างรวดเร็ว อัจฉริยะอันดับหกสิบเจ็ดในป้ายประกาศรายชื่อทองของการคัดเลือกใหญ่ต่อสู้กับผู้อื่น ข่าวดังกล่าวดึงดูดผู้สมัครส่วนใหญ่เข้ามาทันที ต่างก็อยากเห็นลีลาของยอดฝีมือในป้ายประกาศรายชื่อทอง ในเวลาเดียวกันก็อยากรู้เช่นกัน เป็ผู้ใดกันแน่ถึงกับทำให้เถี่ยมู่เหอรู้สึกคุ้มค่าที่จะรอคอยอยู่ด้านนอกภัตตาคาร
หลังจากบรรดาผู้คนที่พากันรีบเร่งมาได้เห็นสภาพด้านในและด้านนอกของภัตตาคารแล้ว ล้วนประหลาดใจกันเป็แถวๆ จ้านอู๋มิ่งผู้นี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ วางมาดหยิ่งผยองนัก ไม่เบาเลยทีเดียว นี่มันจะเด็ดดวงเกินไปแล้ว
เถี่ยมู่เหอจัดรูปแบบต่อสู้บนถนนใหญ่และรออยู่ แต่คนที่โดนท้ากลับกินเนื้อคำใหญ่อยู่ในร้าน ดื่มสุาามใหญ่ ยังคอยแสดงนิ้วกลางให้เถี่ยมู่เหอกับผู้คนข้างนอกดูเป็ครั้งคราว ทำหน้าซื่อบื้อหรือหน้าผีหลอกบ้าง เขย่าชิ้นเนื้อในมือเป็ครั้งคราวราวกับทักทายสุนัขตัวน้อยก็มิปานบ้าง และขอเกี่ยวนิ้วก้อยกับเถี่ยมู่เหอบ้าง เถี่ยมู่เหอก็เฉยเมยมิสนใจ…ฉากนี้ทำให้ทุกคนพากันประหลาดใจ แบบนี้ไหนเลยจะเหมือนนัดต่อสู้กัน นี่ก็คือเถี่ยมู่เหอที่ยืนอยู่ด้านนอกแล้วถูกคนที่อยู่ข้างในทำให้รู้สึกอับอายขายหน้านั่นเอง
หลายคนจึงเดากันว่าไอ้หนูที่อยู่ข้างในมาจากที่ใด ถึงได้กล้าเพียงนี้ เห็นยอดฝีมือบนป้ายประกาศรายชื่อทองคนนี้ไม่อยู่ในสายตา เย้าหยอกให้อัปยศอดสูอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ยอดฝีมือมีชื่อบนป้ายประกาศรายชื่อทองผู้นี้กลับมิกล้าก้าวไปข้างหน้าและจู่โจมใส่…ยังมิทันได้เริ่มต่อสู้กัน ทุกคนก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว ยังมีคนท้าพนันกันข้างๆ เพื่อรับวางเงินเดิมพัน ะโว่าซื้อเพื่อชนะ ซื้อเพื่อแพ้ โหวกเหวกกันมากทีเดียว แทบจะทำให้เถี่ยมู่เหอาเ็สาหัสจากเืลมย้อนขึ้น ความเกลียดชังของมันน่ะหรือ มิสามารถที่จะบอกบรรยายถูกแล้ว ขณะเดียวกันก็ตระหนักแล้วว่า ที่ตนรอคอยอยู่บนถนนใหญ่เป็แผนการที่ผิดพลาดมากมายเพียงใด แทบจะเป็กลุ่มคนที่ถูกฝูงชนผ่านไปมาและพูดจาวิจารณ์ไร้สาระเกินจริง ถูกผู้คนเหยียดหยามวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนมิมีชิ้นดี มันไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ดื้อด้านไร้ยางอายเช่นจ้านอู๋มิ่งมาก่อน ถ้ามิใช่กังวลราชันาระดับสูงผู้นั้นแล้ว มันคงถลันเข้าไปฉีกจ้านอู๋มิ่งเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
หลิ่วหว่านอวี๋ก็ชื่นชมจ้านอู๋มิ่งสุดเปรียบปาน ยอดฝีมือทำให้ผู้คนเคารพเกรงขามมินับเป็อะไรได้ คนที่ฝีมือมิสูงนักสามารถเสแสร้งแกล้งทำได้ เหมือนจ้านอู๋มิ่งเช่นนี้ นี่จึงเป็เอกลักษณ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เ้าหมอนี่ช่างแปลกเกินไปแล้วจริงๆ แต่นางก็รู้สึกโล่งอกผ่อนคลาย ผ่อนคลายจริงๆ มีหน้ามีตามากแล้ว เยี่ยมมากๆ แล้ว…ดังนั้นหลิ่วหว่านอวี๋จึงนั่งอยู่ข้างจ้านอู๋มิ่ง เงยหน้าขึ้นเหมือนนกยูงน้อยหยิ่งผยองที่เชิดหน้าชูคอ อัจฉริยะบนป้ายประกาศรายชื่อทองนับเป็ตัวอะไร ยังมิใช่เหมือนกับผู้ที่กินลมอยู่ข้างนอกรอพี่สาวดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญก่อนค่อยออกไปสั่งสอนบทเรียนเล็กน้อย!
และแล้วเมืองหนานเจาก็สั่นะเืขึ้นมาแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้