เฉินซีเหลียงยิ้มเจื่อน
นี่คือความยากของชีวิตแต่งงาน
ที่หยางเฉิงนั้นให้ความสำคัญกับการมีลูกชาย ขอเพียงผู้หญิงสามารถคลอดลูกชายให้กับสามีได้ก็เท่ากับทำคุณประโยชน์อย่างมาก แม้ภรรยาของเฉินซีเหลียงจะร้ายกาจแค่ไหน แต่เธอก็ช่วยคลอดลูกชายให้กับเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ต่างอะไรกับขุนนางใหญ่ที่มีความดีความชอบของบ้านตระกูลเฉิน ต่อให้เธออาละวาดจนบ้านแตก ตระกูลเฉินก็ต้องยอมอดทน
ใช่ว่าเฉินซีเหลียงจะอดทนไม่ได้ แม้เขากับภรรยาจะไม่มีหัวข้อสนทนาร่วมกันมากมายนัก แต่ในเมื่อแต่งงานกันแล้วเขาก็ต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูกชายให้ดีที่สุด
เขาให้เงินกับที่บ้านจำนวนไม่น้อย ถ้าภรรยาของเขาฉลาดกว่านี้สักนิด เฉินซีเหลียงย่อมยินดียกเงินทั้งหมดที่หามาได้ให้ภรรยาเป็คนดูแลอย่างแน่นอน ตามธรรมเนียมที่บ้านเกิดของเฉินซีเหลียงก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน
แต่หลังจากที่เขาลาออกมา เมื่อเขาหาเงินได้แล้วก็เอาเงินให้ภรรยาแต่โดยดี ทว่าพอตอนธุรกิจจำเป็ต้องใช้เงินมาหมุน เขาขอให้ภรรยานำเงินมาให้แต่เธอกลับปฏิเสธ!
เมื่อครั้งเฉินซีเหลียงเพิ่งเริ่มทำธุรกิจขายส่ง สาเหตุที่ไม่ล้มเหลวไปเสียก่อนนั่นเป็เพราะได้พี่เขยอย่างเหอฉงเซิงที่เป็ผู้อำนวยการโรงงานผลิตเสื้อผ้ายอมให้เขาเข้ารับสินค้าก่อนชำระเงิน เฉินซีเหลียงถึงได้ผ่าน่เวลานั้นมาได้
เฉินซีเหลียงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งสองเดือนต่อมาเขาพบว่า งานแต่งงานของน้องชายภรรยาได้ให้สินสอดกับฝ่ายหญิงเป็สี่ฟุ่มเฟือย ทั้งยังซื้อจักรยานยนต์อีกหนึ่งคัน เป็ครอบครัวเดียวกันมีหรือที่เฉินซีเหลียงจะไม่รู้ฐานะของครอบครัวอีกฝ่าย พ่อตาเขาไม่มีทางหาเงินก้อนนี้มาได้อย่างแน่นอน นั่นทำให้เฉินซีเหลียงรู้สาเหตุที่ภรรยาไม่ยอมเอาเงินให้เขาทันที
เพราะเธอยกเงินทั้งหมดให้บ้านแม่ของตัวเอง แล้วจะมีเงินมาให้เขาได้อย่างไร
หลังทะเลาะกันใหญ่โต ภรรยาของเฉินซีเหลียงก็พาลูกชายกลับบ้านเกิด เธอใช้ลูกชายเป็ตัวประกันเพื่อบีบให้เฉินซีเหลียงยอมจำนน
ตอนแรกเถ้าแก่เฉินก็รู้สึกร้อนใจ เขาเดินทางไปบ้านภรรยาทุกวัน เงื่อนไขที่อีกฝ่าย้าคือเขาจะต้องเอาเงินที่หามาได้ทั้งหมดมอบให้เธอ ธุรกิจของเฉินซีเหลียงเกือบหมุนเงินไม่ทันอยู่แล้ว ยังจะกล้ายกเงินทั้งหมดให้ภรรยาอีกหรือ แม้เขาสัญญากับเธอว่าจะให้เงินที่บ้านใช้อย่างพอเพียงทุกเดือนก็ไม่เป็ผล ค่ากินค่าอยู่หลักหมื่นหยวน ในยุค 80 จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ทำได้กัน? แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกปฏิเสธ เพราะอีกฝ่าย้าควบคุมเงินทุนทั้งหมดของเฉินซีเหลียง
ในเมื่อเจรจากันไม่ได้จึงทำได้เพียงปล่อยปัญหานี้ทิ้งไว้ชั่วคราว
ภรรยาของเขาพาลูกชายไปอยู่ที่บ้านแม่ตัวเอง โดยเฉินซีเหลียงให้เงินแก่เธอเดือนละ 500 หยวน
ปัจจุบันค่าครองชีพแค่เท่าไรกัน เงิน 500 หยวนอย่าว่าแต่เลี้ยงภรรยากับลูกเลย เงินจำนวนนี้เลี้ยงบ้านภรรยาทั้งบ้านก็ยังได้ สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปอย่างสงบสุขอยู่สองปี ชีวิตแต่งงานของเฉินซีเหลียงยังไม่ล้มเหลว ทว่าที่ประคองไว้ก็เพื่อลูกเท่านั้น... จนกระทั่งครั้งนี้ เฉินซีเหลียงอยากทำแบรนด์เสื้อผ้าสตรี ในขณะที่เขาวิ่งเต้นทำเอกสาร ข่าวก็ไปถึงหูทางนั้น ทุกคนต่างลือกันว่าเฉินซีเหลียงรวยแล้ว ตอนนี้จะเปิดโรงงานของตัวเองและกลายเป็เถ้าแก่ใหญ่ ครอบครัวภรรยาจึงส่งลูกสาวกลับมาเพื่อ ‘คุมอำนาจ’ อีกครั้ง
เปิดโรงงานได้ แต่อำนาจการบริหารจัดการจะตกอยู่ในมือคนอื่นไม่ได้
ไม่ได้เปิดโรงงาน ทว่าจะเปิดบริษัทเสื้อผ้าอย่างนั้นหรือ?
มันก็เหมือนกัน อย่างไรบริษัทก็ต้องจ้างคนมาทำงานอยู่ดี ภรรยาของเฉินซีเหลียง้ายัดน้องชายของตนเข้าทำงานที่บริษัท ตำแหน่งงานที่ว่างอยู่จะให้เป็หน้าที่ของคนนอกไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือบริษัทของเฉินซีเหลียงตกลงร่วมทุนกับเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้เงินจะเป็ของโจวเฉิง แต่โจวเฉิงเป็ข้าราชการทหาร เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมเป็ผู้เซ็นสัญญาแทน แล้วเธอกับโจวเฉิงค่อยเซ็นข้อตกลงแยกต่างหากอีกที ดังนั้นเมื่อมองจากภายนอกเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนที่ร่วมหุ้นกับเฉินซีเหลียง ภรรยาของเฉินซีเหลียงไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีเงินมากมายเช่นนี้ พอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย ก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉินซีเหลียงกำลังนอกใจเธอ โดยใช้เื่เปิดบริษัทมาเป็ข้ออ้างเพื่อยกเงินที่บ้านให้เซี่ยเสี่ยวหลานอย่างถูกต้อง
การพูดเื่น่าอายของครอบครัวเป็อะไรที่กระอักกระอ่วนเหลือเกิน
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงความข้องใจเช่นนี้ หากเฉินซีเหลียงไม่อธิบายให้ชัดเจนก็เท่ากับปล่อยให้มีความเสี่ยงแอบแฝงน่ะสิ
“...เื่ทั้งหมดก็มีความเป็มาเช่นนี้แล พูดออกมาแล้วไม่ต่างกับเื่ตลก”
เฉินซีเหลียงเวลาคุยเื่ธุรกิจหน้าตาแช่มชื่นยิ่งนัก แต่พอพูดถึงเื่ครอบครัวกลับดูอ่อนเพลียเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานฟังจบก็รู้ทันทีว่าชีวิตแต่งงานของเถ้าแก่เฉินครั้งนี้คงไปไม่รอดเป็แน่ เฉินซีเหลียงไม่ใช่คนที่จะยอมถูกใครบงการชีวิต เขาเป็คนใจกล้า กล้าคิดและกล้าทำ จะยอมปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมได้อย่างไร
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่เคยแต่งงาน แต่ก็รู้ว่าภรรยาของเฉินซีเหลียงทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก
ผู้หญิงขาดความมั่นใจเลยอยากควบคุมอำนาจทางการเงินไม่ใช่เื่ผิด ยุคนี้ครอบครัวส่วนใหญ่ล้วนทำแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น เงินเดือนที่ผู้ชายได้มาทุกเดือนจะมอบให้กับภรรยา ในขณะที่ภรรยามีหน้าที่ดูแลด้านการกินอยู่ของครอบครัว ในขณะที่เงินเดือนเป็ตัวเลขที่แน่นอน อีกทั้งค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเองก็ไม่ต่างกันมากนัก จึงไม่มีวิธีการบริหารเงินให้งอกเงย และไม่มีเงินเหลือพอให้ทำอย่างอื่น เงินที่เหลือจากการเก็บออมทำได้เพียงนำไปฝากกับธนาคารเท่านั้น
เก็บเล็กผสมน้อย เพียงพอให้จัดงานมงคล ซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ทุกครอบครัวล้วนใช้ชีวิตแบบนี้เช่นเดียวกัน ภรรยาของเฉินซีเหลียงอาจจะคิดว่า เฉินซีเหลียงไม่ยอมยกเงินให้เธอควบคุม แล้วมาบอกว่าตนเองไม่ได้มีชู้ใครจะไปเชื่อกัน?
ประจวบเหมาะกับที่ตอนนี้เพิ่งเกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจ เฉินซีเหลียงกับภรรยาจึงมีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ภรรยาของเขายังคงยึดติดกับความคิดเก่าๆ พนักงานเงินเดือนประจำแตกต่างจากการทำธุรกิจส่วนตัว อาชีพอย่างหลัง้าเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก การยกเงินทั้งหมดให้ภรรยานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ฝ่ายที่ดูแลเงินจะต้องยอมให้คนทำธุรกิจนำเงินออกมาใช้ได้ทุกเมื่อด้วยเช่นกัน
ใครดูแลเงินก็ต้องรับผิดชอบด้านการบริหารเงิน เงินที่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ มูลค่าของมันย่อมมีแต่จะลดลง
ภรรยาของเฉินซีเหลียงบริหารเงินไม่เป็ ถ้าแค่ฝากเงินไว้ในธนาคารยังไม่เป็อะไร แต่การส่งเงินกลับบ้านตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าใครก็คงรับไม่ได้ทั้งสิ้น
จะบอกว่าเฉินซีเหลียงขี้งกเลยไม่ยอมให้ภรรยาจุนเจือคนที่บ้านก็ไม่ใช่เื่ ความรู้ทั่วไปของชีวิตแต่งงานที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยรู้มา การให้ความเคารพต่อกันและการสื่อสารให้เข้าใจคือสองปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่สามีภรรยา ให้ความเคารพกันเป็อย่างแรก แล้วค่อยทำการสื่อสารกันให้เข้าใจ หากไม่เคารพความคิดเห็นของคู่ครอง และเอาเงินของครอบครัวไปให้คนอื่นจนหมด ไม่ว่าคนทำจะเป็ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็เป็สิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือ
พอเกิดเื่เช่นนี้แล้วครั้งหนึ่งก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่เชื่อใจ
แล้วเฉินซีเหลียงยังจะกล้ายกเงินให้ภรรยาดูแลอีกหรือ
หากเป็จำนวนเงินแค่หมื่นสองหมื่นยังไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็หนึ่งหรือสองแสนหรือมากกว่านั้นล่ะ
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่คิดก็รู้สึกหวั่นใจแล้ว เงินที่เธอเอามาลงทุนทั้งหมดล้วนคือเงินของโจวเฉิง
“เื่นี้อย่างไรก็ต้องหาวิธีแก้ไขให้ได้ ถ้าเธอสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา พวกเรายังจะร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกันได้อีกหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากยุ่งเื่ส่วนตัวของคนอื่นสักนิด
ทว่าเธอถูกพวกสมองไม่ปกติทำเอารู้สึกหวาดผวา ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีจี้หย่าโผล่มา คนบางพวกชอบคิดเองเออเอง ใช้ชีวิตอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจฟังคำอธิบายของผู้อื่น เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวเหลือเกินว่าจะเจอคนบ้าซ้ำสอง
ธุรกิจที่ทำอย่างไม่มีความสุข สู้ไม่ทำเสียยังดีกว่า
วันที่หนาวเหน็บเช่นนี้ แต่เฉินซีเหลียงรู้สึกหัวร้อนไปหมด
สงสัยเขากับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างนั้นหรือ?
ผู้หญิงคนนี้เขาต้องเรียกว่าลูกพี่ด้วยซ้ำ ทว่าดันปรักปรำว่าเขากับเซี่ยเสี่ยวหลานว่ามีสัมพันธ์กัน นี่ไม่ต่างอะไรกับบีบให้เขาไปตายชัดๆ!
ก่อนหน้านี้มีกรณีตัวอย่างแบบพี่ใหญ่เคอมาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเล่นทางนั้นเสียจนเข็ดหลาบไปอีกนาน
“มันจะไม่กระทบกับธุรกิจของเราอย่างแน่นอน หากบีบกันแบบนี้คงต้องหย่าเท่านั้น ก่อนมาปักกิ่ง ฉันก็ขอหย่ามาแล้ว”
เฉินซีเหลียงไม่อยากทำเช่นนี้เลยจริงๆ อย่างไรพวกเขาก็มีลูกด้วยกัน จะบอกว่าไม่ผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ หากตอนนี้ต้องเลิกรากันไปไม่ว่าจะเป็ใครก็ย่อมรู้สึกเ็ป
เซี่ยเสี่ยวหลานอ้าปากแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะเป็ประโยชน์ เธอคิดถึงข่าวที่เคยเห็นเมื่อชาติก่อน อนาคตเฉินซีเหลียงจะต้องตายเพราะภรรยาสาวคนใหม่ ทว่าการห้ามไม่ให้เขาหย่าเหมือนจะช่วยกอบกู้ชะตาชีวิตอันน่าเศร้าของเถ้าแก่เฉินได้อย่างนั้นรึ?
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่ามันไม่ใช่แค่ปัญหาครอบครัวของเฉินซีเหลียง แต่การล่วงรู้อนาคตจะช่วยเปลี่ยนชะตาชีวิตคนรอบข้างได้จริงหรือ?
เธอมีสิทธิ์อะไรไปบงการชีวิตของเฉินซีเหลียงกัน ห้ามเขาไม่ให้หย่าแล้วจะทำให้อนาคตเขาไม่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ได้อย่างนั้นหรือ และหากเข้าไปยุ่งกับชะตากรรม เฉินซีเหลียงจะต้องเจอกับอันตรายรูปแบบใหม่อีกหรือเปล่า!
เมื่อไรที่เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไปก้าวก่าย นั่นก็เท่ากับเธอกำลังแบกชะตาชีวิตของเฉินซีเหลียงไว้บนบ่า อย่างไรก็ตามเธอมีสิทธิ์ทำเช่นนั้นด้วยหรือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้