หลังจากรู้ตัวตนของเย่เฟิงแล้ว ชายชุดสูทยังไม่ยอม แต่ชายหน้าเหลี่ยมมีประสบการณ์มากกว่าและรู้วิธีรับมือสถานการณ์แบบนี้ดี จึงรีบเอ่ยปาก “พี่ใหญ่เย่และนายหญิงเย่ ก่อนหน้านี้ที่พวกเราล่วงเกินพวกคุณ โปรดให้อภัย หลานชายของผมไม่รู้เื่และทำให้เดือดร้อน กลับไปผมจะสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวดครับ”
“โอเค พวกแกไปได้แล้ว” เย่เฟิงโบกมือไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เขาไม่สนใจสักนิด ต่อให้สั่งสอนจะเป็จะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาสนใจเื่อื่นมากกว่า
เมื่อเห็นชายหน้าเหลี่ยมกับพวกเดินจากไป เย่เฟิงจึงหันมาพูดกับชายหน้าบากทันที “ตอนนี้มาคุยเื่ยากันดีกว่า”
หัวล้านของชายหน้าบากสะท้อนแสงอาทิตย์ ส่งผลให้เขาดูโดดเด่นเป็พิเศษ เมื่อฟังคำถามของเย่เฟิงและกำลังจะตอบก็เหลือบมองซูเมิ่งหานอย่างลำบากใจ เขาลังเลเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะกับการฟังเื่แบบนี้
หญิงสาวเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันทีจึงเอ่ยปากว่า “ฉันไปซื้อกระดาษทิชชูสักหน่อย พวกนายคุยกันต่อได้เลย”
ร่างบางอันงดงามของเธอดึงดูดสายตาของคนรอบข้างในบริเวณนี้มาก ถึงอย่างนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าเธออยู่กับชายหน้าบาก และกลุ่มคนในชุดสูทเหมือนพวกแก๊งอันธพาล ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เพื่อล่วงเกินหรือแม้แต่จะพูดคุยกับเธอ เห็นได้ชัดว่าชายหน้าบากและแก๊งของเขามีอำนาจขนาดไหน
เมื่อซูเมิ่งหานเดินห่างไปสักพัก ชายหน้าบากจึงเริ่มพูด “พี่เย่ ก่อหน้านี้แก๊งอสรพิษ์ของเรากับอีกสามแก๊งที่เหลือในเมืองเยี่ยนจิงแค่ค้ายาธรรมดาเท่านั้น ที่นี่เป็เมืองหลวง ถ้าทำเกินไปจะอยู่ลำบาก…”
“ว่าต่อไป” เย่เฟิงพยักหน้าและให้ชายหน้าบากพูดต่อ เขาสับสนเล็กน้อย ตามที่คนตรงหน้าพูด เมื่อหนึ่งปีก่อนเมืองเยี่ยนจิงมีทั้งหมดสี่แก๊ง?
“แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน มีองค์กรลึกลับองค์กรหนึ่งเข้ามามีอำนาจในเมืองนี้” เมื่อชายหน้าบากพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้น “ทันทีที่เข้ามาก็เรียกรวมตัวหัวหน้าของแต่ละแก๊งอย่างลับๆ พวกมัน้าให้พวกเราทดลองยาชนิดใหม่ให้พวกมัน แน่นอนว่าพวกเราต่างไม่พอใจ ตอนนั้นหัวหน้าสำนัก์ใต้ ซึ่งเป็แก๊งที่ใหญ่ที่สุดในสี่แก๊งได้คว่ำโต๊ะและยิงคนขององค์กรนั้นตายไปสองคน”
จากนั้นชายหน้าบากก็พูดต่อด้วยแววตาหวาดกลัว “หลังจากนั้นเพียงวันเดียว สำนัก์ใต้ก็ถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก รวมถึงตระกูลหนานและพวกเราอีกสามแก๊งที่เหลือก็ได้รับจดหมายเตือนว่าหากไม่ยอมทดลองยาชนิดใหม่ แก๊งของพวกเราจะต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับสำนัก์ใต้”
“อีกฝ่ายเป็ใคร ผ่านไปแล้วหนึ่งปี พวกนายก็ยังไม่รู้อีกหรือ?” เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม
“ได้ยินจากคนส่งยาเป็บางครั้งว่า หัวหน้าขององค์กรนั้นรู้สึกจะใช้ชื่อว่า ‘คุณชายไช่’ แต่ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขายังมืดแปดด้าน ในเยี่ยนจิงไม่มีครอบครัวที่ใช้นามสกุลไช่ ผมจึงไม่รู้จริงๆ ว่าเป็ใคร”
ชายหน้าบากส่ายหัว “ทุกๆ ต้นเดือน พวกเราจะนัดสถานที่รับยาตัวใหม่นี้ ของเดือนนี้ก็เพิ่งรับไป พี่เย่ แก๊งของเรากัดฟันไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาชนิดอื่นได้ แต่สำหรับยาตัวใหม่นี้ หากพวกเราหยุดทำธุรกิจ ปัญหาที่ตามมาย่อมไม่ใช่เื่เล็กแน่”
มากกว่าปัญหาเล็กน้อยคือมันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของแก๊งอสรพิษ์ เมื่อเย่เฟิงได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ “อืม ทำตามความคิดของนาย อย่าเพิ่งสร้างความสงสัยให้พวกมัน จากวันนี้ไปอย่าให้ใครติดยานี้เยอะนัก”
ชายหน้าบากฟังคำพูดเย่เฟิงแล้วพยักหน้า
เย่เฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถาม "ยาชนิดใหม่มีลักษณะยังไง หลังเสพแล้วจะเป็ยังไง?”
“รู้สึกดีกว่ายาอื่นๆ ตอนเสพยาไม่มีอะไรมาก มีแค่...” ชายหน้าบากขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ“พวกเป้าหมาย่แรกที่เสพยาต่อได้เป็ปี ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะหายตัวไป”
“หายตัวไป?” เย่เฟิงขมวดคิ้วและไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
ยาตัวใหม่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ เมื่อดูจากญาติของซูเมิ่งหานแล้ว ลักษณะอาการน่ากลัวมาก อยากตายก็ตายไม่ได้ เป็ยาที่น่ากลัวมาก เย่เฟิงไม่ใช่คนจิตใจดี เขาคร้านจะจัดการเื่พวกนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้แก๊งอสรพิษ์อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ชายหนุ่มจะไม่ยอมให้ใครแทรกแซงแก๊งของเขา
องค์กรลึกลับนั่นมีอำนาจถึงขนาดสั่งการชายหน้าบากได้อย่างนั้นหรือ? เื่แบบนี้จะให้เขายอมได้อย่างไร ของของเราอย่างไรก็เป็ของเรา... ของที่ไม่ใช่ของเรา ถ้า้า ขอแค่มีพลังก็จะแย่งมา นี่คือกฎการมีชีวิตรอดของโลกเทวะ เราไม่แย่งของคนอื่น เขาก็แย่งของเราอยู่ดี ไม่เว้นแม้แต่โลกนี้
ในมุมมองของเย่เฟิง คนที่อาศัยในเมืองยังต้องเผชิญกับการปล้นรูปแบบต่างๆ ทุกวัน มีที่ไหนไม่ต้องใช้จ่าย? แม้แต่โรงพยาบาลบางแห่งในจีนก็ยังขโมยเงินหน้าด้านๆ หลายคนมักพูดว่าพวกเขามีชีวิตยากลำบาก ถูกปล้นทุกวันจะไม่ยากลำบากได้อย่างไร?
“คุณชายน้อยไช่งั้นเหรอ? ดี ในเมื่อเื่เป็แบบนี้ การรับยาเดือนหน้า ฉันจะไปกับพวกนายด้วย อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็ใคร” เย่เฟิงตัดสินใจแล้ว
“เข้าใจแล้วครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหน้าบากก็ดีใจ เย่เฟิงจะออกโรงเอง?
เยี่ยมมาก!
ชายหน้าบากไม่รู้ว่าแก๊งที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนัก์ใต้ถูกลบล้างออกไปได้อย่างไร แต่วิธีการที่พวกมันใช้คงต้องน่ากลัวมากแน่ เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างพี่ใหญ่ของเขากับพวกองค์กรลึกลับนั่นใครจะเหนือกว่ากัน?
“เกี่ยวกับยาเสพติดตัวใหม่นี้ พวกหน่วยงานรัฐรู้เื่ไหม?” ก่อนเย่เฟิงจะจากไป เขาถามคำถามสุดท้าย
“พวกเขาไม่รู้ครับ” ชายหน้าบากส่ายหัว “เราพัฒนาผู้เสพติดแล้วควบคุมพวกมันลับๆ คนเสพส่วนใหญ่กลายเป็ผู้สูญหาย แต่จำนวนไม่เยอะจึงไม่เป็ที่สงสัยของรัฐ พี่เย่ พี่อย่าไปแจ้งความนะ เื่นี้รัฐแก้ไขไม่ได้หรอก มีเเต่จะ…”
“เื่นี้ฉันรู้ นายไม่ต้องกังวล” เย่เฟิงพูดขัด “เออใช่ ฉันได้ยินมาว่าในรัฐมีคนของแก๊งอสรพิษ์ ใครกันล่ะ”
“นี่... อันธพาลอย่างพวกเราอย่างน้อยก็ต้องมีความสัมพันธ์กับคนของรัฐใช่ไหมล่ะ” ชายหน้าบากอึดอัดใจเล็กน้อยและดูเหมือนไม่อยากจะพูด แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เฟิงก็ยอมจำนน “คนที่ผมติดต่อบ่อยๆ คือ ผู้บังคับการหลิวของสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะเขตตะวันตกเฉียงเหนือ อีกคนคือรองอธิบดีกรมตำรวจนครบาลสำนักงานใหญ่ หากผู้บังคับการหลิวจัดการไม่ได้ เราจะเชิญรองอธิบดีกรมตำรวจมาจัดการ”
“สำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะเขตตะวันตกเฉียงเหนือ? ผู้บังคับการหลิวลี่ฮุย?” เมื่อเย่เฟิงได้ยินชื่อก็นึกออก ครั้งที่เขาโดนจับข้อหาค้าประเวณีและค้นหญ้าจินเย่จากเขา ผู้กำกับหลิวชายวัยกลางคนพุงใหญ่และมีใบหน้าเหมือนตัวอักษรกั๋วที่เเปลว่าประเทศในภาษาจีน
คิดไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะมีอำนาจไม่น้อย ถึงขนาดจัดการเื่ราวต่างๆ ให้แก๊งอสรพิษ์ได้ เย่เฟิงกลับคิดว่าเขาเป็ผู้บังคับการโง่เง่าเสียอีก
“อืม ดูเหมือนสายโทรศัพท์ครั้งนั้นที่บอกให้ปล่อยตัวเราคงเป็คนของตระกูลหลินแน่ แค่โทรศัพท์สายเดียวก็ทำให้ผู้บังคับการหลิวกลัวจนเหงื่อตก ดูเหมือนตระกูลหลินจะมีอำนาจจริงๆ” เวลานี้เย่เฟิงเข้าใจแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณชายสามตระกูลหลินถึงทำตัวอวดดีได้โดยไม่ถูกคนต่อย?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้