พนักงานในร้านห่อเครื่องประดับทุกชิ้นและบรรจุลงในกล่องใบใหญ่สองใบ จากนั้นช่วยหลินหวั่นชิวยกไปที่รถล่อ
เมื่อขึ้นรถล่อ หลินหวั่นชิวนำมงกุฎหงส์ที่ซื้อออกมาชื่นชมอย่างระมัดระวัง
จะสวยเกินไปแล้ว
แต่หนักมาก อย่างน้อยยี่สิบชั่ง[1]
ใส่มงกุฎหงส์ที่หนักขนาดนี้เข้าพิธีแต่งงานจะไม่คอหักหรือ นางคิดในใจ…
แต่ว่า…สวยขนาดนี้…ถึงจะคอหักก็คุ้ม
ชื่นชมจนพอใจเสร็จ หลินหวั่นชิวเก็บมงกุฎหงส์เข้าเสียนอวี๋ ให้เสียนอวี๋ประเมินราคา
นำเงินที่ซื้อมงกุฎหงส์มาตีเป็หน่วยเงินในยุคปัจจุบันก็ประมาณสองแสนกว่าหยวน ทว่าราคาที่เสียนอวี๋ประมาณกลับทำให้หลินหวั่นชิวตาแทบถลน
สิบล้านหยวน
รวยแล้ว!
นี่มันคูณเพิ่มไปกี่เท่ากัน?
กำไรก้อนใหญ่
นางรีบติดต่อคนที่ประกาศรับซื้อทันที วางมงกุฎหงส์ไว้ในช่องวางขาย หากอีกฝ่ายอยากซื้อก็ต้องจ่ายราคาสูงกว่าสิบล้าน หากไม่ซื้อ อีกสามวันมงกุฎหงส์จะกลับเข้ามาอยู่ในช่องเก็บของเอง
หึๆๆ แต่ต้องรอถึงสามวันที่ไหน ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินหวั่นชิวกลับถึงบ้านแล้วเข้าไปแอบเลือกเครื่องประดับอยู่ในห้อง เลือกชิ้นที่ตัวเองชอบออกมา ที่เหลือโยนเข้าเสียนอวี๋และขายตามราคาประเมิน
ส่วนใหญ่ก็ราคาสูงทุกชิ้น ให้ราคาสูงกว่าที่นางซื้อมาอย่างน้อยสิบเท่า
แต่หลังจากเสียนอวี๋เลื่อนระดับก็ยังมีช่องขายของแค่ยี่สิบช่อง นางวางเครื่องประดับที่ซื้อมาได้ไม่หมด ต้องเก็บที่เหลือไว้ในช่องเก็บของ
“กริ๊ง…”
“…มงกุฎหงส์จำหน่ายสำเร็จ”
“มียอดเงินเข้ายี่สิบล้านหยวน…”
“หักค่าธรรมเนียมและภาษี คงเหลือสิบเจ็ดล้านหกแสนหยวน…”
ถูกต้อง เสียนอวี๋เป็แอปพลิเคชันที่ปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากจะหักค่าธรรมเนียมหลังการขายแล้วยังหักภาษี มันสุดยอดขนาดนี้แหละ!
แต่แน่นอนว่าภาษีและค่าธรรมเนียมมีขั้นบันได เมื่อก่อนหลินหวั่นชิวขายแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงระดับที่ต้องหักภาษีจึงไม่เคยได้จ่าย ส่วนค่าธรรมเนียมก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนไม่ต้องใส่ใจ
ผิดกับครั้งนี้ นี่เป็ครั้งที่นางจ่ายภาษีมากที่สุด
แต่นางไม่ได้รู้สึกไม่เต็มใจ ภาษีเป็สิ่งที่ควรจ่ายอยู่แล้ว นี่เป็หน้าที่ของประชาชนทุกคน
“รวยแล้ว!”
“มีเพียงความรวยที่คลายทุกข์ได้!”
พี่ชายเศรษฐีขี้อวดจะใจกว้างเกินไปแล้ว จ่ายเพิ่มให้นางถึงสิบล้าน ทั้งยังส่งข้อความมาบอกว่าพอใจกับสินค้ามาก หากมีของดีอย่างอื่นอีกให้ส่งข้อความส่วนตัวหาเขาได้เลย เื่เงินไม่ใช่ปัญหา
ฮ่าฮ่า นางชอบเศรษฐีขี้อวดเป็ที่สุด
หลินหวั่นชิวนอนกลิ้งบนเตียงอย่างมีความสุข
ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งนางจะได้เป็เศรษฐี
รวมเข้ากับเงินก้อนเก่า ตอนนี้บัญชีเสียนอวี๋ของนางมีเงินเกือบยี่สิบล้านหยวน
อืม เงินพวกนี้เพียงพอให้นางซื้อกระไรได้หลายอย่าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดเื่หาเงินจากเสียนอวี๋ไปได้ระยะหนึ่ง หันมาจดจ่อกับการหาเงินทางโลกแห่งความจริงได้อย่างเต็มที่
หลังจากคิดไปคิดมา นางนำเงินหนึ่งล้านออกมาบริจาคให้องค์กรการกุศลบนเสียนอวี๋ ในฐานะคนหนุ่มสาวผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม หาเงินมาได้ก็ควรตอบแทนคืนสู่สังคม
ที่นางคิดไม่ถึงคือ ระบบการกุศลของเสียนอวี๋มอบแต้มสะสมให้นางมาหนึ่งแสนแต้ม นี่หมายความบริจาคหนึ่งร้อยหยวนได้สิบแต้ม ส่วนการซื้อขายทั่วไป หนึ่งร้อยหยวนได้แค่หนึ่งแต้ม
แต้มสะสมหนึ่งแสนแต้ม…เพียงพอให้นางเลื่อนระดับเสียนอวี๋ถึงสองครั้ง
ได้กำไรที่ไม่คาดคิด หลังจากนอนกลิ้งบนเตียงจนพอใจ หลินหวั่นชิวลุกไปนั่งหวีผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางยังคงทำผมทรงที่ซับซ้อนเกินไปไม่เป็ ม้วนเป็มวยแล้วใช้ปิ่นผีเสื้อที่เจียงหงหย่วนซื้อให้มาปักลงไป จากนั้นปักปิ่นหยกหุ้มทองลายดอกอวี้หลันลงด้านข้าง ใส่ต่างหูหยกหุ้มทองลายดอกอวี้หลันที่เข้าคู่กัน
ส่องดูตัวเองในกระจก หลินหวั่นชิวคิดไปคิดมาแล้วหยิบเครื่องสำอางออกมาแต่งหน้า เขียนคิ้วด้วยผงทาคิ้ว เขียนขอบตา ปัดขนตา…สุดท้ายทาปากด้วยลิปสติกสีแดงสด
โอ้โห…
นางเกือบได้เป็คนแรกในยุคต้าโจวที่ใตายเพราะความงามของตัวเองในกระจก
แต่งหน้าสวยขนาดนี้ก็ต้องใส่ชุดที่เข้ากันด้วย
นางค้นชุดเสื้อกับกระโปรงแยกชุดกันที่เพิ่งซื้อมาจากเสียนอวี๋เมื่อวันก่อนออกมาจากตู้ ผ้าแพรสีดำล้วนปักลายดอกไม้ประณีตสดใส
แขนทรงสอบ เอวก็เก็บทรงอย่างดี ั้แ่เอวลงไปใช้การตัดเย็บแบบกระโปรงพองๆ แต่ไม่ได้พองเกินไป ชายกระโปรงเอียงลาดลงไปด้านล่าง งดงามแต่ไม่สูญเสียความนุ่มนวล เหมือนดอกบัวที่บานกลางสระในค่ำคืนฤดูร้อน
เท้าสวมด้วยรองเท้าส้นสูงปักลายดอกไม้ หน้าอกผึ่งผายออกมา
รูปร่างอันสมบูรณ์ปรากฏในกระจก
ไม่มีสตรีคนใดไม่รักความสวยความงาม
ตัวเองในกระจกช่างสวยยิ่งนัก หลินหวั่นชิวยิ้ม
“ก๊อกๆ …”
หลินหวั่นชิวได้ยินเสียงเคาะประตู นางรีบเดินไปเปิด
เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นชายฉกรรจ์ยืนอยู่ด้านนอก
เขามองหลินหวั่นชิวอึ้งๆ ไม่พูดไม่จาและไม่ขยับเขยื้อนอยู่นาน
“เ้าเป็ปีศาจจิ้งจอกจากที่ใด?”
จังหวะที่หลินหวั่นชิวกำลังสงสัยว่าเขาจะยืนเป็เทพเฝ้าประตูอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตหรือไม่ ชายฉกรรจ์ก็ก้าวเท้าเข้ามา เขาหันหลังไปลงกลอนประตู หอบหายใจแรงเมื่อหันตัวกลับมา
ภรรยาตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า…เขาไม่กล้ายอมรับ
ปีศาจจิ้งจอก…
คงจะหน้าตาประมาณนี้กระมัง
หน้าอกนูน เอวบางจนโอบได้ด้วยมือข้างเดียว กระโปรงที่บานราวกับบุปผา…
ทุกส่วนดูละลานตา
“ท่านนั่นแหละปีศาจจิ้งจอก ทั้งครอบครัวท่านเป็ปีศาจจิ้งจอก!” หลินหวั่นชิวทำตาเขม็งใส่เขา
แต่สายตานี้กลับเป็ภัย เดิมทีนางก็มีดวงตาดอกท้อ ยิ่งมากรีดหางตาให้โค้งและยาวเช่นนี้…
ไอ๊หยา ประหนึ่งจะเกี่ยวิญญาเขาออกจากร่าง
นี่เป็เสียงของภรรยาตัวน้อย
เป็ภรรยาตัวน้อย ไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอก
เจียงหงหย่วนกอดนางเข้ามาในอ้อมอกอย่างวางใจ ก้มลงััริมฝีปากสีแดงก่ำ
กวาดลิ้นไปทั่ว ลิ้มรสหวาน
เขาพาภรรยาตัวน้อยถอยหลังสองก้าว ดันนางติดกับกำแพง มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของนาง อีกข้างช่วยนางวัดเสื้ออย่างไม่เป็มืออาชีพนัก
เดิมทีเขาสร่างเมามากแล้วขณะเดินทางกลับบ้าน แต่พอได้เห็นภรรยาตัวน้อยกลายเป็ปีศาจจิ้งจอกเช่นนี้ ฤทธิ์น้ำเมาก็ปะทุขึ้นมาทันที
อารมณ์พลุ่งพล่านจนทนไม่ไหว
ทั้งหัวใจและสายตามีแต่ภรรยาตัวน้อย
อยากฉีกนางออกเป็ชิ้นๆ แล้วกลืนลงท้อง
และเขาก็กำลังทำแบบนั้นเช่นกัน ทว่าบุรุษหนุ่มที่ร้อนรนเพราะหากระดุมไม่เจอออกแรงฉีกเสื้อ…กระโปรงที่หลินหวั่นชิวซื้อมาในราคาหลายพันหยวนจากเสียนอวี๋ขาดออกทันที
นางอยากร้องไห้
มารดามันเถิด อยู่ดีไม่ว่าดี ลุกมาแต่งหน้าเพราะเหตุใด
คราวนี้เป็อย่างไรเล่า แม้แต่ตัวเองก็ซวยไปด้วยใช่หรือไม่
หน้าอกที่ไม่มีเสื้อผ้าบังััโดนอากาศเย็นทันที ชุดชั้นในวิกตอเรียส์ซีเคร็ตรุ่นใหม่ที่นางซื้อมาจากเสียนอวี๋ช่วยดันกระต่ายน้อยของนางได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื้อเนียนสีขาวหยกโผล่ให้เห็นที่ขอบลูกไม้สีดำ(ดอกไม้ผ้าไหม)…ดวงตาเจียงหงหย่วนถูกตรึงทันที
จากนั้น
เืกำเดาสายหนึ่งไหลออกมา มันหยดลงบนเนินเขาหิมะตรงหน้า ไหลลงสู่ร่องเนินเขา
ชายฉกรรจ์รีบเงยหน้าขึ้น ไม่มีเวลามาสนใจกระโจมที่นูนพอง เปิดประตูวิ่งออกไป
หลินหวั่นชิวรีบไปลงกลอนประตู ใช้ผ้าเปียกเช็ดเืที่หน้าอก ใช้น้ำยาลบเครื่องสำอางมาลบหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า
แม่เ้า…วันหลังนางไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว ไม่มีเหตุกระไรจะแต่งหน้าเพราะเหตุใด!
เชิงอรรถ
[1] 1 ชั่ง(斤) เท่ากับ 500 กรัม