เบื้องหน้าปรากฏกองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนอีกสี่หน่วยที่จัดขบวนทัพเป็รูปพัดโอบล้อมเข้ามา
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความตื่นใ บ้างก็เหม่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้าทั่วทั้งสี่ทิศ พวกเขารู้สึกราวกับว่าบนท้องฟ้ามีดวงตาที่มองไม่เห็นคอยจ้องมองพวกเขาอยู่ด้วยความเ็า ส่วนเื่ราวต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็สิ่งที่มือใหญ่ที่มองไม่เห็นอยู่เื้ัจัดเตรียมการไว้ทั้งหมด เพื่อ้าที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดให้ตายลงอยู่ตรงนี้
“บิดามันเถอะ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนเคลื่อนพลกันสั่นะเืเลื่อนลั่นกันถึงเพียงนี้จะไม่เป็ที่สนใจของฝ่ายเขตปกครองเทพาเลยสักนิด ทุกคนอดทนกันอีกสักนิดวิ่งบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตก คาดว่าทัพเสริมคงจะมาช่วยในไม่ช้านี้แล้ว!” สีหน้าเย่สือซานไม่ได้โศกเศร้าเสียใจอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็กลัดกลุ้ม หวาดกลัว ขมขื่นและอับจนปัญญาเป็อย่างมาก เื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้มันเกินขอบเขตความสามารถของเขาที่จะรับมือได้มากเกินไป เขารู้สึกตนเองไม่มีเรี่ยวแรงไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรได้เลย
สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของตนเองมีศักยภาพในการรบที่สามารถต่อกรได้กับทุกกองกำลังที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดนี้ ด้วยเคล็ดวิชาที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์์ของนักรบทั้งสี่ตระกูล ด้วยการร่วมมือสอดประสานที่สมบูรณ์แบบที่สั่งสมกันมาหลายเดือน บวกกับยอดฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบจำนวนเจ็ดคน แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ต่างจากมดปลวกที่พร้อมจะถูกบดขยี้ได้ทุกเมื่อแค่เพียงศัตรูทาบฝ่ามือลงมาเบาๆ การร่วมมือกันโอบล้อมเข้ามาสังหารอย่างน่ากลัวและไม่ทันตั้งตัวจากเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน เป็เื่ที่แปลกประหลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายตนที่ทั้งสองเผ่าสามารถรับรู้ได้ทั้งหมดราวกับตาเห็น ต่อให้คิดหาเหตุผลอย่างไรก็คิดไม่ออก สิ่งต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้รู้สึกหนาวแต่ร่างกายกลับสั่นด้วยความกลัว ภายในหัวหมดสิ้นหนทางที่จะต่อกรรับมือได้!
แม้การกระทำของของทั้งเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจะผิดแปลกจากปกติอย่างเห็นได้ชัด และภายในใจส่วนลึกของเขาเองก็หวังว่ากองกำลังทางฝั่งเขตปกครองเทพาจะสังเกตเห็นสถานการณ์ที่ผิดแปลกเช่นนี้ได้ ถ้าหากหลงไซ้หนานไม่โง่เขลาจนเกินไปแน่นอนว่าจะต้องรีบยกทัพเสริมออกมาช่วยในทันที เพียงแต่...เื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งฉับพลันและผิดแปลกจากปกติธรรมดาจนเกินไป ภายในใจของเขาก็ไม่แน่ใจอะไรมากนัก ทำได้แค่เพียงฝากความหวังไว้ที่หลงไซ้หนานผู้ที่มีความเด็ดขาดและองอาจห้าวหาญผู้นั้นเพียงเท่านั้น
“ไม่!”
ทันใดนั้นเอง เสียงพูดดังกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงเฉียบขาดและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ทำให้ทุกคนที่เหม่อลอยอยู่ได้สติกลับคืนมา จากนั้นต่างพากันหันไปมองยังตำแหน่งที่มาของเสียงด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราควรมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก! ไม่ควรฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลงไซ้หนานเพียงอย่างเดียว!” เสียงพูดมาจากเย่ชิงหานที่ปิดปากนิ่งเงียบมาตลอดการวิ่งตะบึงหลบหนี สีหน้าของเขาในตอนนี้ยังคงซีดขาวอยู่เช่นเดิม แต่สายตากลับปรากฏแสงแปลกประหลาดชนิดหนึ่งขึ้น ราวกับดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าในตอนเที่ยงวัน ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะสบตาด้วย สายตาของเขาเย็นะเืราวกลับเปลี่ยนไปเป็คนละคน จากนั้นพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“ไปทางทิศตะวันออก ทุกคนยังจำช่องเขาที่พวกเราไปพบเข้ากับหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวได้ไหม? ถ้าหากข้าจำไม่ผิดละก็บ่ายหน้าไปยังทิศตะวันออกอีกไม่กี่กิโลเมตรก็น่าจะถึงแล้ว ที่นั่นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างในยังมีหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวอยู่!”
บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออก! ไปยังช่องเขาที่หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวอยู่? เย่ชิงหานบ้าไปแล้วรึ?
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเย่ชิงหานสิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือเย่ชิงหานคงบ้าไปแล้วแน่ๆ! แม้ด้านหลังจะมีกองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ไล่ตามจ้องตาเป็มัน แต่เขากลับบอกให้หลบหนีไปยังทางที่มีมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงที่น่ากลัวกว่ากองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนหลายเท่าตัว นี่มันไม่ต่างจากคนอายุยืนผูกคอตายเพราะรังเกียจที่ตนเองอายุยืนจนเกินไปหรอกหรือ?
เพียงแต่ว่าเย่ชิงหานไม่ได้บ้า สมาชิกกองกำลังทุกคนก็ล้วนไม่ใช่คนโง่เขลาแต่อย่างใด ที่ตอบสนองเร็วที่สุดคือพวกที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบทั้งหลาย ดวงตาของเย่สือซานเปล่งประกายขึ้น สบตากับฮวาซินครั้งหนึ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มเ็าขึ้นพร้อมกับร้องสั่งการออกไป “ถูกต้อง! มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก! มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก! ทุกคนเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังช่องเขาหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวเดี๋ยวนี้!”
สมาชิกกองกำลังทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนทิศทางการหลบหนี จากนั้นเริ่มทำการปรึกษาหารือกันอย่างลับๆ ขณะที่วิ่งออกไป จากนั้นไม่นานทุกคนจึงทราบว่าต่อไปจะเกิดเื่อะไรขึ้น ดวงตาพลันทอประกายแสงแห่งความเร่าร้อนลุกโชนขึ้นมากันทุกคนในทันที...
.................................
มองผ่านลูกแก้วผลึกโปร่งแสง เยาขาข่าและหมันก้านเมื่อรู้ว่ากองกำลังของทั้งสี่ตระกูลเปลี่ยนทิศทางการหลบหนีไปทางทิศตะวันออก พวกเขาไม่เพียงไม่รู้สึกแปลกประหลาดใจ ในทางตรงกันข้ามกลับร้องออกมาด้วยเสียงร้องที่แปลกประลาดอย่างตื่นเต้นดีใจ
กองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนสี่หน่วยที่ดักทางด้านหน้าของกองกำลังสี่ตระกูล เป็หมากตัวสุดท้ายที่พวกเขาวางไว้ั้แ่แรก จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เป้าหมายต้องเปลี่ยนทิศทางการหลบหนี เพราะถ้าหากเป้าหมายยังคงเดินหน้าหลบหนีไปยังเขตพื้นที่จุดรวมพลของกองกำลังนักรบเขตปกครองเทพาอยู่เช่นนั้น แม้ท้ายที่สุดพวกเขาจะไล่ตามไปทันและสังหารได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาชั่วระยะหนึ่ง ใน่ระยะเวลานี้เพียงพอที่จะให้นางผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นเตรียมการทุกอย่างได้ทันท่วงที แล้วลงมือจัดการบดขยี้พวกตนเองได้ทั้งหมด!
ดังนั้น เมื่อได้รู้ว่ากองกำลังของทั้งสี่ตระกูลเปลี่ยนทิศทางหลบหนีไปยังทิศตะวันออก พวกเขาทั้งได้ใจและปีติยินดี เยาขาข่าและหมันก้านต่างนำกองกำลังนักรบออกไล่ตามมาคนละสี่ร้อย ตลอดเส้นทางที่ไล่ติดตามมาทั้งสองกองกำลังเว้นระยะห่างกันหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นกองกำลังของพวกเขาเปลี่ยนทิศทางบ่ายหน้าไปยังทิศตะวันออกพร้อมๆ กัน พวกเขารู้ดีว่าเหยื่อกำลังจะจนมุมแล้ว อาศัยกองกำลังในตอนนี้ของพวกเขาไม่ว่าฝ่ายไหนก็สามารถบดขยี้กองกำลังของทั้งสี่ตระกูลได้อย่างง่ายดาย...แน่นอนว่าแกะเนื้อตัวอ้วนตัวนี้ สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์จะตกไปอยู่ในมือใครก็คงต้องดูที่โชคลาภวาสนาและพลังฝีมือของแต่ละคน
“อีกสักพักตามทันแล้วพวกเ้าสองคนจัดการกับเป้าหมายก่อนเป็อันดับแรก กลับไปข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!” เยาขาข่าสะบัดผมหยิกงอสีทองพร้อมกับดวงตาเ็าที่แฝงไปด้วยความดุร้าย เขาพุ่งทะยานออกไปอย่างสุดกำลังพลางหันหน้าไปพูดกับนักรบปีศาจงูตัวที่อยู่ข้างๆ
ส่วนทางฝั่งเผ่านักรบคนเถื่อน ในเวลาเดียวกันนักรบเกราะหนังสีทองรูปร่างค่อนข้างเตี้ยเล็กหัวโล้นที่อยู่ตรงกลางก็หันไปพูดกับนักรบร่างั์หลายคนที่อยู่ข้างๆ ขึ้น “เมื่อเจอเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็เผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจหากมีผู้ใดกล้าเข้ามาขัดขวาง พวกเ้าทุบพวกมันให้แหลกเละได้เลย!”
นักรบเผ่าคนเถื่อนเกราะหนังสีทองหัวโล้นพูดออกมาอย่างราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอานุภาพและความโอหัง นักรบเผ่าคนเถื่อนร่างั์ที่อยู่ข้างๆ กลับไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้งหรือซักถาม ทำเพียงแสดงท่าทางออกมาว่ารับทราบพร้อมๆ กัน นักรบคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ในมือถือลูกแก้วผลึกโปร่งใสเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จากนั้นชี้นิ้วไปยังจุดสีแดงที่อยู่บนลูกแก้วผลึกแล้วพูดขึ้น “นายน้อยใหญ่ เป้าหมายค่อยๆ ลดระดับความเร็วลงหรือว่าพวกมันจะมีแผนการอะไร?”
“สนทำไมว่าพวกมันจะมีแผนการอะไร ไล่ตามไปแล้วบดขยี้มันซะก็สิ้นเื่!” นักรบคนเถื่อนเกราะทองหัวโล้นโบกมือทำท่าไม่ใส่ใจ ยังคงออกวิ่งตะบึงรุดไปข้างหน้าด้วยท่อนขาที่อวบใหญ่ยาวอย่างต่อเนื่อง
.................................
“ทุกคนเก็บซ่อนพลังปราณรบให้หมด อาศัยพลังทางร่างกายในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า แบ่งออกเป็กลุ่มละห้าคนแยกย้ายกันออกประจำตามค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหน แล้วอยู่กับที่รอฟังคำสั่ง นักฆ่าตระกูลฮวาแยกย้ายกันตรวจสอบสถานการณ์ ฮวาซินเ้าไปเฝ้าระวังดูไอ้หมาป่าสีเงินสองหัวตัวนั้นไว้ หากมีอะไรผิดปกติรีบเคลื่อนย้ายคนในทันที!”
เย่สือซานเก็บสนามพลังปราณรบกลับเข้ามาภายในร่างเป็ที่เรียบร้อย ลดระดับฝีเท้าลงแล้วสั่งการออกมาเบาๆ หลังจากที่ทุกคนแบ่งออกเป็กลุ่มละห้าคนเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเก็บซ่อนพลังปราณรบแล้วเดินรุดหน้าเข้าไปภายในช่องเขาอย่างระมัดระวัง
ช่องเขายังคงสภาพเช่นเดิม มืดสลัวอึมครึม พงหญ้าและเถาวัลย์สองข้างยังคงรกชัฏ ในตอนที่เย่ชิงหานเสนอให้บ่ายหน้ามาที่นี่เย่สือซานนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าคือหนทางรอดอีกทางหนึ่ง และถ้าหากใช้ให้ดีใช้ให้เป็ละก็ยังสามารถใช้เป็หนทางแก้แค้นได้อีกด้วย
เย่สือซานรู้ว่าเย่ชิงหานอยากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีอยู่อย่างมากมายที่นี่หลบหนีไปอย่างสบาย และใช้ประโยชน์จากหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงที่อยู่ไม่ห่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหน ล่อมันออกมาสังหารเหล่านักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเพื่อเป็การล้างแค้นให้พวกเย่อีที่ตายไป
ดังนั้น ในขณะที่อยู่บนทางตอนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่เขาได้คิดแผนการต่างๆ ทุกอย่างไว้เรียบร้อยอย่างดี จากนั้นบอกแผนการทั้งหมดพร้อมทั้งสั่งการออกไปเพื่อเตรียมการหลบหนีอย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ และเพื่อให้บทเรียนที่เ็ปอย่างแสนสาหัสแก่กองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่กำลังตามมาด้านหลังด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้