มู่หรงจื่ออวิ๋นแค่นเสียงฮึอย่างดูแคลน “จงใจหลอกลวงผู้อื่น!”
ลั่วหยิ่งมีสีหน้างงงัน “เหนียงเหนียง ท่าน...ท่านพูดอีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนชี้นิ้วมาที่เขาและหมูแล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “เ้าต้อนมันให้วิ่งในหุบเขาหนึ่งร้อยรอบ ไม่ถึงหนึ่งร้อยรอบ เ้าและหมูล้วนไม่ต้องกลับมา!”
ลั่วหยิ่งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เหนียงเหนียง ท่านพูดจริงใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าตึงทันที “อย่างไร เดี๋ยวนี้เปิ่นกงสั่งเ้าไม่ได้แล้วหรือ”
ลั่วหยิ่งรีบส่ายหน้าเป็พัลวัน “กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมรับบัญชา!”
เขาไหนเลยจะกล้าอิดออด ลั่วหยิ่งอุ้มหมูเทพแล้ววิ่งออกไป
ทางด้านหลีต้าซือตั้งเตาและเตรียมปรุงอาหารอย่างรวดเร็ว
เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้าไปกางฝ่ามือออก เสียง พึ่บ ดังขึ้น กลางฝ่ามือปรากฏให้เห็นเปลวไฟสีน้ำเงินขึ้น
นี่ก็คือเชื้อไฟจุดิญญาที่นางได้มาจากถ้ำเมฆาอัคคี เชื้อไฟจุดิญญาจำเ้าของได้ ทันทีที่มันจำเ้าของได้ ก็จะทำตามคำสั่งของผู้เป็เ้าของและไม่ทำร้ายเ้าของ
ดังนั้น นางจึงสามารถนำมันพกพาติดตัวไปไหนด้วยได้ตลอดเวลา
มู่หรงจื่ออวิ๋นเห็นนางส่งเชื้อไฟจุดิญญาเข้าไปในเตาไฟด้วยตาตนเอง นาทีนี้นางจึงเชื่อจริงๆ ว่า นาง้าแข่งขันกับพวกตนอย่างยุติธรรม
กล้าละทิ้งความได้เปรียบของตนขณะที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะของการแข่งขัน และแข่งขันกันอย่างยุติธรรม บนโลกนี้มีสักกี่คนที่ทำได้ นาทีนี้แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ในใจนางไม่อาจไม่มองเฟิ่งเฉี่ยนในมุมมองอื่น
มู่หรงจื่ออวิ๋นมองเฟิ่งเฉี่ยนและเอ่ยขึ้นว่า “อย่าได้กล่าวโทษข้าว่าไม่ได้เตือนเ้า หลีต้าซือนั้นเป็เทพอาหารขั้นสาม เป็ผู้าุโในสมาคมเทพอาหารของเมืองหลวง เ้าคิดจะเอาชนะเขา เป็เื่ที่แทบจะเป็ไปไม่ได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “เื่บนโลกนี้ยากจะคาดเดา! ก็เหมือนกับที่เ้าไม่เชื่อว่าข้าจะท่อง 《คัมภีร์พิษ》ทั้งเล่มออกมาได้ แต่สุดท้ายข้ายังคงท่องออกมาโดยไม่ตกหล่นแม้แต่อักษรเดียว ดังนั้น อย่าได้ประเมินคู่ต่อสู้ของเ้าต่ำไป!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นตะลึงงัน โต้ตอบกลับไปไม่ได้อยู่อึดใจหนึ่ง
หลังจากเตรียมการอยู่พักหนึ่ง ได้ยินเสียง “ซ่า” ดังขึ้น หมูสามชั้นถูกหย่อนลงไปในกระทะแล้ว กระทะทำด้วยเหล็กสีขาว เนื้อเป็เนื้อของหมูเทพ เนื้อทุกชิ้นถูกหั่นเป็ทรงลูกเต๋าสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถูกวางอยู่ในกระทะอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย หนังของมันอยู่ด้านล่าง ทักษะการหั่นเนื้อยอดเยี่ยม หลีต้าซือผัดชิ้นเนื้อในกระทะด้วยท่วงท่าชำนิชำนาญ เปลวไฟสีน้ำเงินของเชื้อไฟจุดิญญาที่ลุกท่วมอยู่ในเตาก่อให้เกิดเสียงราวกับดนตรีอันไพเราะ
คนทั้งหมดล้อมเข้ามาดู พร้อมกับทอดถอนใจ
“ไม่เสียแรงที่เป็ผู้าุโของสมาคมเทพอาหารจากเมืองหลวง ทักษะการปรุงอาหารเป็เลิศ!”
“สามารถเข้าไปในสมาคมเทพอาหารได้ เดิมทีก็เป็เื่ที่เยี่ยมยอดอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็ผู้าุโของสมาคม ทักษะการปรุงอาหารและประสบการณ์ย่อมต้องมีมากกว่าคนทั่วไป”
“แคว้นเป่ยเยียนของพวกเราก็มีเทพอาหารซุนที่เป็เทพอาหารขั้นสามอยู่ท่านหนึ่ง แต่เขาไม่ได้เข้าร่วมในสมาคมเทพอาหาร เห็นได้ว่าแม้จะเป็เทพอาหารขั้นสามเช่นเดียวกัน แต่ความสามารถยังคงห่างชั้นกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินองครักษ์หลายคนที่อยู่ด้านหลังสนทนากัน ความกดดันในใจจึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย เพิ่งจะได้ยินมู่หรงจื่ออวิ๋นพูดว่าหลีต้าซือเป็เทพอาหารขั้นสาม นางไม่ได้เอาเื่นี้มาใส่ใจด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าความสามารถของเขาคงไม่ต่างจากเทพอาหารซุนนัก ตอนนี้ดูแล้วยังคงเป็นางที่ประเมินศัตรูต่ำไป
นางสังเกตขั้นตอนการปรุงอาหารแต่ละขั้นตอนของหลีต้าซือพร้อมกับใคร่ครวญ แก่นแท้ของหมูสามชั้นนั้นอยู่ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม มันแต่ไม่เลี่ยน หาก้าทำให้ได้อย่างที่กล่าวมา ลำดับแรกต้องทำให้ชิ้นเนื้อสลัดไขมันออกก่อน เช่นนี้แล้วเมื่อกัดเข้าไปก็จะไม่มีน้ำมันไหลเยิ้มเต็มปาก วิธีการสลัดไขมันออกจากชิ้นเนื้อของหลีต้าซือ คือใช้ไฟอ่อนเจียวหนังด้านนอก เพื่อสลายไขมัน
เพราะไฟที่ใช้เป็เชื้อไฟจุดิญญา ระหว่างที่ชิ้นเนื้อสลัดไขมันออกนั้นจึงทำให้สามารถสลัดไอเย็นและกลิ่นสาบของเนื้อออกไปได้ในคราวเดียวกัน เนื้อที่เห็นจึงดูราวกับโปร่งแสงได้อย่างไรอย่างนั้น ผนวกกับเนื้อที่ใช้เป็หมูเทพที่มีกลิ่นอายเทพอยู่แล้วด้วย กลิ่นอายเทพสีส้มที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเหลือง นี่คือสีของกลิ่นอายเทพที่กำลังจะข้ามไปสู่อีกขั้นหนึ่ง!
หลีต้าซือพุ่งสมาธิเต็มที่ ใบหน้าของเขาสะท้อนให้เห็นแสงสีแดง คล้ายว่ากำลังอยู่ในท่าทางของคนที่ตั้งใจเต็มที่ ยิ่งแสดงฝีมือออกมาได้ดี...
ผู้ที่ติดตามหลีต้าซือมาด้วยต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
“ดูสิ สีของกลิ่นอายเทพเกือบจะเปลี่ยนเป็สีเหลือง นี่ดูแล้วเป็ปรากฏการณ์การข้ามขั้น!”
อาหารจานนี้ใช้หมูเทพขั้นสอง อย่างมากก็ทำอาหารออกมาเป็อาหารขั้นสองจานหนึ่ง สำหรับเทพอาหารขั้นสามเช่นหลีต้าซือ ช่างเป็การใช้งานไม่ถูกกับคนเกินไปแล้ว!”
“แต่อาหารขั้นสองจานหนึ่งเกือบจะกลายเป็อาหารขั้นสาม นี่ถือว่าเป็การปรุงอาหารขั้นสุดฝีมือของเทพอาหารขั้นสามแล้วนะ!”
“วันนี้หลีต้าซือทำได้ดีกว่ายามปกติมากจริงๆ!”
“ที่เป็เช่นนี้สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไฟที่ใช้เป็เชื้อไฟจุดิญญา เชื้อไฟจุดิญญาเป็ของดีจริงๆ ทำให้กลิ่นสาปและไอเย็นในเนื้อหมูถูกสกัดออกจนสะอาดสะอ้าน ดังนั้นกลิ่นอายเทพจึงยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นอีก”
มิเสียแรงที่คนเหล่านี้ล้วนเป็คนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหาร แต่ละคำวิพากษ์วิจารณ์ล้วนมีที่มาที่ไปและเหตุผลรองรับ
ต่อมาเนื้อหมูถูกทอดจนสุกอย่างช้าๆ อยู่ในกระทะ กลิ่นหอมอบอวลยั่วน้ำลายกระจายไปทั่ว กระทั่งเซียนพิษที่พักผ่อนอยู่ในเรือนไผ่ก็ยังถูกล่อลวงให้ออกมาล้อมวงกับผู้คนด้านนอก
มู่หรงจื่ออวิ๋นเห็นแล้วลอบกำหมัดแน่น ความมั่นใจของนางเพิ่มขึ้นเมื่อตวัดสายตาไปมองเฟิ่งเฉี่ยนปราดหนึ่ง พบว่านางเดินไปด้านนอกหุบเขา มู่หรงจื่ออวิ๋นจึงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ตอนนี้เสียใจที่แข่งขันอย่างยุติธรรมแล้วล่ะสิ น่าเสียดาย สายเกินไปแล้ว”
ในสายตาของนางคือเฟิ่งเฉี่ยนเกิดความกลัวแล้ว คนๆ หนึ่งที่ไม่เคยปรากฏชื่อในวงการเทพอาหาร ทักษะการปรุงอาหารจะดีถึงขั้นใดเชียว ถึงกับพูดอย่างไม่ละอายใจว่าขอแข่งขันอย่างยุติธรรม เสแสร้งแกล้งทำจนเคยตัว สะดุดเท้าตัวเองแล้วล่ะสิ
คิดแล้วมุมปากของนางก็โค้งขึ้น กระทั่งเห็นเซวียนหยวนเช่อเดินตามเฟิ่งเฉี่ยนไปด้านนอกหุบเขา มุมปากของนางจึงแข็งเกร็งจนต้องลอบกัดริมฝีปาก
หลังจากเฟิ่งเฉี่ยนออกมาจากเรือนไผ่ นางรีบไปตามหาลั่วหยิ่ง ครั้งนี้จะแพ้หรือชนะขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
ระหว่างทางที่เดินทางมายังหุบเขาไป่ฮวา นางได้ศึกษา 《ตำราทักษะการปรุงหมูสามชั้นในน้ำซอส》รู้ว่าเคล็ดลับอันใดที่จะทำให้แพ้หรือชนะ เดิมทีนางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่หลังจากเห็นหลีต้าซือปรุงอาหารได้ดีกว่ายามปกติ ในใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา หากนางแพ้เล่า เช่นนั้นความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้เท่ากับสูญเปล่า!
ส่วนเื่ที่ว่าเสียใจหรือไม่ นางไม่เสียใจ!
ต่อให้นางเลือกใหม่อีกครั้ง นางยังคงเลือกที่จะให้เชื้อไฟจุดิญญาและหมูเทพแก่พวกเขา!
ไม่ไกลออกไป ลั่วหยิ่งวิ่งไล่หมูเทพตัวนั้นให้วิ่งไม่หยุด เขาเหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว หอบหายใจแฮ่กๆ แต่เขาไม่กล้าแอบเกียจคร้าน บอกว่าหนึ่งร้อยรอบก็ต้องให้ครบหนึ่งร้อยรอบ แม้เขาจะรู้สึกว่าคำขอของเหนียงเหนียงค่อนข้างประหลาดก็ตาม แต่เพื่อชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ เชิญเซียนพิษออกจากหุบเขา ต่อให้เป็คำขอที่ประหลาดกว่านี้ เขาก็จะพยายามทำให้ได้ หากเหนียงเหนียงไม่ได้ล้อเล่น แต่เป็แผนการเผด็จศึกของเหนียงเหนียงเล่า
ผ่ากะโหลกของเขาออกมา เขาก็คิดไม่ออกว่าระหว่างการปรุงหมูสามชั้นในน้ำซอสกับการต้อนหมูให้วิ่งมันเกี่ยวข้องอันใดกัน
เมื่อคิดได้ว่าเหนียงเหนียงมักจะทำอะไรเหนือความคาดหมายของผู้อื่นอยู่เสมอ เขาส่ายหน้าหัวเราะเสียงขื่น ์เท่านั้นที่รู้ว่าเหนียงเหนียงเอาจริงหรือแค่บ้าจี้
เห็นเขาไล่ต้อนหมูอย่างจริงจัง เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าพึงพอใจ จากนั้นจึงย่อกายนั่งยองๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง นางถอนต้นหญ้าที่อยู่ในพงหญ้าหลายครั้งแล้วซุกเอาไว้ในอกเสื้อ
เซวียนหยวนเช่อเดินตามมาด้านหลัง เห็นเพียงนางนั่งยองๆ ลงที่นั่น ไม่รู้ว่ายัดสิ่งของใดเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นมุมปากก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเ้าเล่ห์แสนกล คิ้วคมนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อยไม่รู้ว่านางใช้ลูกไม้อันใด
“98 รอบ...”
“99 รอบ...”
“100 รอบ...”
ลั่วหยิ่งเหนื่อยจนทิ้งตัวลงนอนกับพื้นดิน อ้าปากหอบหายใจเสียงดัง หมูเทพก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน มันนอนฟุบอยู่อีกด้านหนึ่ง หนึ่งคนหนึ่งหมู คนหนึ่งนอนหงาย อีกตัวหนึ่งนอนคว่ำอยู่ที่นั่น ช่างเป็ภาพที่อัศจรรย์ยิ่ง!