มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตายิ้มมุมปาก มองไปทางเซียวเทียนฉี “ใช่แล้ว ขอเพียงเ้าตกลง ข้าย่อมหาทางช่วยให้แต่งกับฉู่ชิงเฉียงได้แน่นอน”
เซียวเทียนฉีชะงักเล็กน้อยกับรอยยิ้มของนาง ในใจเกิดความหวาดหวั่น จึงลองถามหยั่งเชิง “พวกท่านเป็คนในราชวงศ์ เหตุใดพระชายาหกถึงยอมช่วยข้าน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”
“ที่สำคัญ ข้าน้อยชื่นชมในตัวองค์หญิงห้ามานานหลายปี แต่รู้มาว่าองค์หญิงห้าอาจต้องแต่งไปอยู่ที่อาณาจักรอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
“พระชายาหกทำเช่นนี้ เพราะการแก่งแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์ อาจส่งผลต่อชีวิตของข้าน้อยใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” เซียวเทียนฉีตั้งตัวไม่ทันกับข่าวดีที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าเซียวเทียนฉีเป็คนฉลาดเฉลียว มู่อวิ๋นจิ่นจึงค่อยวางใจลงหน่อย “พูดตามตรง ข้าเกลียดฉู่ชิงเฉียงที่สุด”
“การมาหาเ้าในครั้งนี้ เพื่อปรึกษาหารือเื่นี้ ที่สำคัญข้ามั่นใจเป็อย่างมาก ว่าการแต่งงานจะประสบความสำเร็จแน่นอน”
“เป็ยังไง จะลองดูสักตั้งไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้น
เซียวเทียนฉีใกับสายตาที่มั่นคงของมู่อวิ๋นจิ่น แม้ในใจจะตื่นเต้นไปหมด ทว่ายังมีความเคลือบแคลงสงสัยแฝงอยู่
“หากเื่นี้ประสบความสำเร็จ ย่อมเป็ผลดีต่อเ้าและข้า หากล้มเหลวขึ้นมา ข้าจะเป็คนรับผิดชอบเพียงผู้เดียว จะไม่ให้เกี่ยวโยงมาถึงเ้าเด็ดขาด” มู่อวิ๋นจิ่นเสริมขึ้น เมื่อเห็นเซียวเทียนฉีเกิดความลังเล
เซียวเทียนฉีกะพริบตาปริบๆ ก่อนตัดสินใจตอบตกลง “ได้ เช่นนั้นเอาตามที่พระชายาบอกมาพ่ะย่ะค่ะ”
……
หลังจากที่ตกลงกับเซียวเทียนฉีได้เป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินออกจากบ่อนพนันไปด้วยรอยยิ้ม กลับไปที่จวนองค์ชายหก
ระหว่างทางกลับนั้นผู้คนเดินขวักไขว่กันเต็มถนนไปหมด มู่อวิ๋นจิ่นจึงต้องพยายามเดินหลบไม่ให้ใครเข้ามาชนแผล
“อวิ๋นจิ่น” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินรีบขมวดคิ้วขึ้น สาวเท้าต่อไปไม่หยุด
“รอก่อน” คนที่เปล่งเสียงวิ่งมาขวางทางด้านหน้า
มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยปากอย่างหงุดหงิดใจ กับคนที่วิ่งมาขวางทาง “แม่ทัพฉิน ท่านคิดจะทำอะไร?”
“มู่อวิ๋นจิ่น ทำไม่นี้ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของเ้าเลย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ฉินมู่หนานถามด้วยความห่วงใย
มู่อวิ๋นจิ่นมองค้อนทันใด “ข้ามายืนต่อหน้าแล้ว ดูข้าเหมือนกับคนที่เกิดเื่ไหมละ?”
ฉินมู่หนานยิ้มอย่างดีใจ “ขออภัยด้วย ข้าใช้คำไม่ดีเอง”
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปากเบือนหน้า มองไปทางอื่นด้วยไม่อยากแยแสเขา
ฉินมู่หนานยังคงยืนขวางหน้า ด้วยแววตาละห้อย “อวิ๋นจิ่น เ้าจำเื่ราวในอดีไม่ได้สักเื่เลยหรือ?”
“ทำไมต้องจำได้ด้วย?” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “เื่ในอดีตก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ข้าแต่งกับฉู่ลี่ไปแล้ว ท่านแม่ทัพยังคิดว่าจะมีเื่ใดเกิดขึ้นกัน?”
“ท่านแม่ทัพฉิน ต่อไปหากพบอวิ๋นจิ่นเข้า ไม่จำเป็ต้องทักทายก็ได้ ข้าไม่อยากเป็ขี้ปากคนอื่น” มู่อวิ๋นจิ่นฝืนยิ้ม
ฉินมู่หนานนึกไม่ถึงว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะเอ่ยวาจาที่ไม่ถนอมน้ำใจกันถึงเพียงนี้ จึงยกมือไปจับแขนทั้งสองข้างของนางไว้แน่น “อวิ๋นจิ่น เ้าช่างเป็คนไร้ความรู้สึกจริงๆ”
“เจ็บ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” มู่อวิ๋นจิ่นถูกบีบตรงแผลแขนซ้าย จนต้องร้องด้วยความเ็ป
“เ้าเป็อะไรไป?” พอเห็นมู่อวิ๋นจิ่นหน้าซีด ฉินมู่หนานก็แสดงความห่วงใย
“ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!”
เสียงเย็นะเืดังขึ้นมาจากข้างหู
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนมาช่วยแล้ว นางรีบปัดแขนฉินมู่หนานแล้ววิ่งไปคว้าแขนฉู่ลี่เอาไว้
ฉู่ลี่เห็นนางมากุมแขนของเขาเอาไว้ ถึงกับอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“แม่ทัพฉิน หากมีเื่ใดที่จะคุยกับมู่อวิ๋นจิ่น เปิ่นหวงจื่อไม่รังเกียจที่แม่ทัพจะไปที่จวน” ฉู่ลี่มองฉินมู่หนานอย่างเืเย็น
ฉินมู่หนานหน้านิ่วคิ้วขมวด เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “องค์ชายหก อวิ๋นจิ่นได้รับาเ็?”
“อวิ๋นจิ่นเป็คนดื้อรั้น ย่อมต้องมีาเ็กันบ้าง ขอบใจแม่ทัพฉินที่ห่วงใย” ฉู่ลี่เอ่ยเสียงเรียบ ปรายตามองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังที่ฉู่ลี่เอ่ย จึงถลึงตาโตใส่ไปหนึ่งที ราวกับไม่พอใจในคำพูดของเขา
คนดื้อรั้น!
คำพูดนี้ในสายตาของฉินมู่หนานมองว่าเป็การต่อว่าด่าทอ นิสัยของมู่อวิ๋นจิ่นเป็อย่างไรนั้น คนอย่างฉู่ลี่ไม่มีทางเข้าใจได้
หรือว่า่ที่ฉินมู่หนานไม่อยู่ มู่อวิ๋นจิ่นรักฉู่ลี่ไปแล้ว
ในเวลานี้ ฉินมู่หนานเริ่มรู้สึกเสียใจกับการตัดสินออกรบในตอนนั้น
“พวกเรากลับจวนกันเถอะ?” มู่อวิ๋นจิ่นหันมองฉู่ลี่
ฉู่ลี่พยักหน้าพานางกลับจวน โดยที่ฉินมู่หนานมองดูพวกเขาจากด้านหลัง ด้วยสายตาที่ยากอธิบายความรู้สึก
……
“ทำไมอยู่ๆ อยู่เ้าถึงมาปรากฏตัวได้?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้นระหว่างเดินกลับจวน
ฉู่ลี่ลดสายตาลงมอง “บังเอิญพอดีต่างหาก”
มู่อวิ๋นจิ่นนึกๆ ดูก็รู้สึกโชคดี มิอย่างนั้นไม่รู้ว่าจะถูกฉินมู่หนานพัวพันไปถึงเมื่อไหร่
เมื่อทั้งสองคนเดินกลับถึงจวน แม่นมเสิ่นก็รีบออกมาต้อนรับ ระคนรอยยิ้ม “บ่าวนึกว่าจะช้ากว่านี้อีก ไม่คิดว่าองค์ชายจะตามหาพระชายาได้รวดเร็วเพียงนี้เ้าค่ะ”
“......” ฉู่ลี่เบือนปากไม่ตอบสิ่งใด
มู่อวิ๋นจิ่นหันมองไปที่แม่นมเสิ่นตามด้วยฉู่ลี่ จากนั้นพยายามฝืนกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดออกมา
“มี… มีเื่อะไรเหรอเ้าคะ?” แม่นมเสิ่นมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยไม่เข้าใจ จึงหันไปทางฉู่ลี่ต่อ
“แม่นม จวนของพวกเรามีเป็ดเป็ๆ ไหม? ข้าอยากรู้ว่าระหว่างเป็ดเป็ๆ กับเป็ดที่ตายแล้ว แบบไหนจะปากแข็งกว่ากัน?”
“มู่อวิ๋นจิ่น!!!” ฉู่ลี่เอ่ยด้วยความโมโห
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ขยับตัวไปข้างฉู่ลี่ ควงแขนเขาแล้วเอาหัวอิงแอบ “ที่แท้องค์ชายก็ตั้งใจไปตามหาข้าโดยเฉพาะ ข้าซาบซึ้งใจเหลือเกิน…… ”
บ่าวใช้ที่อยู่ในห้องโถงทุกคนต่างยู่ปากกันหมด
่เวลาทานอาหารในวันนี้ มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกอารมณ์ดีเป็พิเศษ ส่วนฉู่ลี่กลับจับจ้องนางบ่อยครั้งระหว่างทานเงียบเชียบโดยไม่เอ่ยคำใด
มู่อวิ๋นจิ่นมักส่งรอยยิ้มที่มีเลศนัยไปหาฉู่ลี่อยู่หลายครั้ง จนนางรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ก็สนุกดี
แต่พอพิจารณาอย่างถี่ถ้วน พวกเขาแต่งงานกันแบบปลอมๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องแยกกันอยู่ดี
ดังนั้นมู่อวิ๋นจิ่นจึงวางตะเกียบลง ถอนหายใจยืดยาว และไม่มีอารมณ์ทานต่อไป
ฉู่ลี่เห็นนางสีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน จึงขมวดคิ้วสงสัย ทว่าไม่ได้เอ่ยถาม
หลังจากที่ทานอาหารเรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นกับจื่อเซียงเดินกลับเรือนลี่เฉวียน
“คุณหนู มีเื่ใดทำให้อารมณ์ไม่ดีเ้าคะ?” จื่อเซียงเอ่ยถามขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าอ้างไปว่า “เพราะอากาศมันร้อนไปหน่อย”
“ห๊ะ? มีเริ่มเข้าเหมันต์ฤดูแล้ว ่นี้มักหยิบเสื้อกันหนาวสวมใส่กันแล้ว คุณหนูกลับบอกว่าร้อนไปหน่อยเหรอเ้าคะ?” จื่อเซียงหน้าตาแตกตื่นที่ได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นบอก
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดก้าวเท้า ยื่นมือไปลูบหัวของจื่อเซียงอย่างเบามือ “เ้านี่นะ ซื่อเสียจริง!”
“คุณหนู บ่าว……” จื่อเซียงแสดงแววตาที่รู้สึกไม่เป็ธรรม
“พระชายา” ชิงเมิ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นหันหลังกลับไปพบชิงเมิ่งถือกล่องยามา ก็ทราบได้ทันทีว่านางมาทำอะไร จึงหันไปบอกจื่อเซียง “ข้าอยากดื่มชาดอกไม้ เ้าไปเตรียมมาให้หน่อย”
“ได้เ้าค่ะ” จื่อเซียงรีบเดินไปที่ห้องครัว
พอจื่อเซียงเดินจากไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นพาชิงเมิ่งไปที่ห้องของนาง
“บ่าวมาตรวจดูสภาพาแของพระชายาว่าเป็อย่างไรบ้าง พระชายาช่วยดึงแขนเสื้อขึ้นให้หน่อยเพคะ” ชิงเมิ่งมองดูยิ้มๆ
มู่อวิ๋นจิ่นจึงดึงเเขนเสื้อเผยาแออกมา
ชิงเมิ่งตรวจดูอย่างตั้งใจ จากนั้นหยิบยาบางอย่างขึ้นมาทา พร้อมหัวเราะคิกคัก “แผนสมานดีมาก แต่ยังต้องระวังห้ามขยับตัวเยอะเพคะ”
“ได้ ข้าทราบแล้ว” จากนั้นครู่หนึ่ง มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยถามขึ้นว่า “ใช่แล้ว วันนั้นข้าถูกพิษอะไร? เป็เ้าที่ช่วยถอนพิษให้ใช่ไหม?”
พอได้ยินคำถาม สีหน้าชิงเมิ่งชะงักงัน เผยอปากขึ้นมา “ใช่เพคะ เป็พิษไม่ร้ายแรง ถอนง่ายเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี ขอบคุณมาก พี่ชิงเมิ่ง ่นี้ต้องขอบคุณอีกครั้งที่คอยมาดูแลข้า” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ย
“พระชายามิต้องขอบคุณหรอกเพคะ บ่าวเป็หมอหญิง การช่วยเหลือคนเป็หน้าที่ของบ่าวเพคะ” ชิงเมิ่งกล่าวจย แล้วเสริมขึ้นอีกประโยค “เพียงแต่บ่าวเห็นว่า พระชายาควรไปขอบคุณองค์ชายหกเสียหน่อย ่ที่ผ่านมานี้ องค์ชายใช้แรงใช้ความคิดในการแก้ปัญหาให้พระชายาเพคะ”
มู่อวิ๋นจิ่นยู่ปาก คิดทบทวนอย่างละเอียด พบว่า่นี้นางลำบากฉู่ลี่มากจริงๆ
ชิงเมิ่งเห็นมู่อวิ๋นจิ่นทบทวนความคิด อยากจะพูดต่อไป ทว่าประตูมีเสียงเคาะดังขึ้น “คุณหนู ชาดอกไม้ได้แล้วเ้าค่ะ”
“เข้ามาได้” มู่อวิ๋นจิ่นดึงแขนเสื้อลงดังเดิม หันมองไปทางประตู
จื่อเซียงยกถาดที่วางกาน้ำชาและจานลไม้เดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ พอเห็นกล่องยาวางบนโต๊ะ รีบหันไปถามมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความห่วงใย “คุณหนู ร่างกายไม่สบายตรงไหนหรือเ้าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เชิญหมอหญิงมาตรวจร่างกายทั่วๆ ไป” มู่อวิ๋นจิ่นตอบ
จื่อเซียงพยักหน้าเข้าใจ แล้วช่วยรินชาดอกไม้ให้มู่อวิ๋นจิ่นกับชิงเมิ่ง ก่อนขอตัวออกไปข้างนอก
ชิงเมิ่งจิบชาแล้วเอ่ยปากชม “ชานี้รสชาติไม่เลวเลยเพคะ”
“ใช่แล้ว มีกลิ่นหอมอบอวล ชุ่มคอทุกครั้งที่ดื่ม” มู่อวิ๋นจิ่นจิบน้ำแล้ว พูดคุยกับชิงเมิ่งเรื่อยเปื่อย
ชิงเมิ่งหันมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยรู้สึกว่านิสัยของนาง ช่างแตกต่างจากคนทั่วไป “ใช่แล้ว พระชายา บ่าวจะแอบบอกว่าบ่อน้ำร้อนขององค์ชายหก ผสมยาสมุนไพรที่หายากและล้ำค่า หากมีเวลา พระชายาต้องหาเวลาลงไปแช่ จะส่งผลดีต่อร่างกายเพคะ”
“จริงเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นเบิกตาโพลง ถึงแม้บ่อน้ำร้อนฉู่ลี่จะเติมยาสมุนไพรเข้าไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็สมุนไพรหายากและล้ำค่า
“บ่าวอยู่นานมิได้ ขอตัวกลับไปพึ่งยาสมุนไพรก่อนเพคะ” ชิงเมิ่งเก็บกล่องยาแล้วทำความเคารพมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับมองไปที่ชิงเมิ่ง พร้อมกับจำภาพบ่อน้ำร้อนที่แช่แล้วสบายไปทั้งตัวได้มิลืมเลือน