ทุกคนติดตามหน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮวาไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ใบหน้าแม้จะปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดำแต่ดวงตาที่เร่าร้อนเปิดเผยความในใจของพวกเขาออกมาอย่างชัดเจน มีชีวิตเติบโตขึ้นมาจนป่านนี้ ครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่จะได้เห็นเผ่าปีศาจตัวเป็ๆ ที่รบราฆ่าฟันกันมาอย่างยาวนาน แม้กระทั่งหางตาของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบก็ยังสั่นกระตุกไปตามๆ กัน
ทั้งสามเผ่าพันธุ์สู้รบกันมานานนับหมื่นปีทำให้ความแค้นที่มีต่อกันนั้นฝังลึกจนเข้ากระดูกดำ ขอเพียงประสบพบเจอกันจะต้องมีใครตายไปข้างหนึ่งมิเช่นนั้นคงไม่ยอมเลิกรา ตอนนี้พบเจอเผ่าปีศาจตัวหนึ่งและต่อให้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจที่เทียบได้กับระดับขอบเขตจ้าวนักรบวันนี้อย่างไรก็จะต้องตายสถานเดียว ดังนั้น ทุกคนจึงค่อนข้างผ่อนคลายเพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นดีใจเท่านั้นที่จะได้พบเจอเผ่าปีศาจเป็ครั้งแรก
ต่างพากันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ อยู่ราวสิบกว่ากิโลเมตร เงาร่างของเผ่าปีศาจปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน แต่เมื่อได้เห็นภายในใจส่วนลึกของทุกคนพลันบังเกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างแรง พวกเขาคิดมาตลอดว่าเผ่าปีศาจในเมื่อมีคำว่า “ปีศาจ” อยู่ด้วยเช่นนี้จะต้องมีลักษณะสามเศียรหกกร หน้าม้าหัววัว แผ่นหลังโก่งโค้งราวกับเสือเอวอวบใหญ่ราวกับหมี ไอปีศาจแผ่พุ่งอยู่รอบกายอะไรประมาณนี้
แต่สิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้ากลับเป็เงาร่างๆ หนึ่งที่ดูไม่ต่างจากเผ่ามนุษย์สักเท่าใดนัก เพียงแต่ศีรษะใหญ่กว่าคนปกตินิดหน่อย มือเท้าอวบใหญ่ เส้นผมสีทองยาวถึงแผ่นหลัง จมูกใหญ่สูงโด่งกว่า ฟันยื่นออกมาเล็กน้อยดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีขนสีทองยาวขึ้นเต็มลำตัวคล้ายกับคนป่า เ้าปีศาจคนนี้ระมัดระวังตัวเป็อย่างมาก เหลียวซ้ายแลขวาก่อนที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า เพียงแต่การมาของทุกคนทำให้มันรู้ตัวขึ้นมาในทันที และในเวลาเดียวกันนั้นเองที่มันเห็นกลุ่มเผ่ามนุษย์ที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของมันเปลี่ยนสีไปในทันทีร้องคำรามออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นร่างกายขยายใหญ่ขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง แสงสีเหลืองแผ่พุ่งอยู่รอบกายพร้อมกับระดับความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น มันเริ่มวิ่งทะยานออกไปยังทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ฮวาเฉ่าหัวเราะเสียงยาวแหลมออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นข้างกายของเ้าปีศาจพลันปรากฏเงาร่างสีดำสามสายถือกระบี่ที่คมกริบตวัดเฉือนลงไปยังร่างของมัน แล้วเงาร่างเ่าั้ก็เลือนหายไป...วิชาเงาแยกร่าง!
นักฆ่าจากตระกูลฮวาคนหนึ่งใช้วิชาเงาแยกร่างลอยผ่านไป จากนั้นที่โคนขาของเ้าปีศาจปรากฏรอยแผลบาดลึกขึ้นทำให้ระดับความเร็วของมันสะดุดลง ขาสั่นเทิ้มจนเกือบจะล้มลงไป
ฟุบ!
เ้าปีศาจขนทองกำลังคิดที่จะวิ่งไปข้างหน้าต่อ แต่เบื้องหน้าพลันปรากฏเงาร่างสีดำร่างหนึ่งขึ้นอีก จากนั้นเงาร่างหนึ่งแปรเปลี่ยนกลายเป็สามแล้วก็เลือนหายตรงเข้ามาเฉือนลงไปยังโคนขาอีกข้างหนึ่งของมัน เนื่องจากเงาร่างทั้งเร็วและจำนวนมากยากที่จะแยกแยะว่าเงาร่างไหนจริงเงาร่างไหนปลอม เ้าปีศาจทำได้แค่หลบหลีกไปมา แต่สุดท้ายก็โดนเฉือนลงไปอีกครั้งหนึ่งแล้วเงาร่างเบื้องหน้าก็หายไป
“โฮก!”
เ้าปีศาจถูกเงาร่างที่แปลกประหลาดทำให้สับสนงุนงงไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อ มันหยุดนิ่งไปชั่วครู่และคงรู้ว่าวันนี้คงต้องตายเป็แน่แท้ ดังนั้นจึงหันกลับมาร้องคำรามขึ้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายส่วน ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำแล้วพุ่งทะยานตรงเข้ามาหาพวกเย่ชิงหานโดยทันที
มองดูใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวที่ใกล้เข้ามาทุกทีนั้นแต่ทุกคนกลับไม่ได้ขยับ เพียงแต่ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเดินหน้าไปเพียงสองก้าว เยว่ชิงเฉิงยิ้มอ่อนหวานขึ้นประกายแสงน่าหลงใหลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากดวงตาของนางพุ่งตรงเข้าไปยังภายในดวงตาของเ้าปีศาจ จากนั้นมันหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่และยิ้มออกมาราวกับคนสติเลื่อนลอย
ส่วนเฟิงจื่อเริ่มใช้วิชาบังคับกระบี่ กระบี่สีดำเล่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังวูบหายไปกลายเป็ลำแสงสีดำผ่าลงไปยังหัวของเ้าปีศาจจนแหลกเละไม่มีชิ้นดี
เห็นได้ชัดว่าการร่วมมือกันของทุกคนครั้งแรกเป็ไปได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่หลายคนไม่ค่อยพอใจต่อสภาพการณ์เช่นนี้เท่าใดนัก ร่างที่แหลกเหลวไม่มีหัวของนักรบเผ่าปีศาจ มันสมองสีขาวระคนกับเืที่สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น เป็เหตุให้หนึ่งในสามของกองกำลังทั้งหมดวิ่งออกไปอาเจียนกันยังพุ่มไม้ข้างทาง ในจำนวนหนึ่งในสามของกองกำลังที่วิ่งออกมาอาเจียนครึ่งหนึ่งเป็หญิงสาวจากตระกูลเยว่
เย่ชิงหานเคยฆ่าคนมาก่อนและไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ดังนั้นสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลอะไร เอามือตบไหล่เย่ชิงอู่ที่ฝืนทำเป็เข้มแข็งแล้วเดินตรงเข้าไปยังร่างของนักรบเผ่าปีศาจถอดเอาแหวนบนมือของมันออกมา แหวนเป็สีส้มแปลว่านักรบเผ่าปีศาจผู้มีนี้พลังฝีมือในระดับขอบเขตจ้าวปีศาจซึ่งเทียบกับเผ่ามนุษย์คือระดับขอบเขตยอดยุทธ์ ดูจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ก็รู้ว่านักรบปีศาจตัวนี้ระดับฝีมือไม่สูง
นำแหวนสีส้มมาแตะัักับแหวนสีเหลืองอ่อนของตนเอง จากนั้นแหวนของนักรบเผ่าปีศาจเลือนหายไปในอากาศ ส่วนบนแหวนของเย่ชิงหานมีตัวเลข “ห้า” ปรากฏขึ้นมา
ได้รับห้าคะแนนมาอย่างง่ายดายถือว่าเป็การเริ่มต้นที่ดี แม้จะยังห่างไกลจากหมื่นคะแนนอยู่มากก็ตาม มุมปากเย่ชิงหานปรากฏรอยยิ้มปีติยินดีขึ้น สายตากวาดมองไปยังเยว่ชิงเฉิงที่ยืนงอตัวอาเจียนอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ จากนั้นส่ายหัวยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปหา
“นี่...รับเอาไปเช็ดปาก ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ อาเจียนบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง เผ่าปีศาจเป็การผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างอสูรปีศาจกับมนุษย์ เ้าก็คิดซะว่าอสูรปีศาจเป็สายพันธุ์เดียวกันกับมารอสูร แบบนี้คงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง”
เยว่ชิงเฉิงปลดผ้าปิดหน้าสีดำที่อยู่บนใบหน้าออกั้แ่เริ่มมีอาการอาเจียน ตอนนี้นางกำลังก้มตัวเอามือเกาะกิ่งไม้อยู่ในท่าอาเจียน เดิมทีจากใบหน้าที่ขาวนวลเนียนแต่เนื่องจากอาการอาเจียนตอนนี้จึงทำให้ใบหน้าของนางกลายเป็สีแดงอมชมพู ยิ่งทำให้นางดูงดงามแปลกตามากยิ่งขึ้น มองดูผ้าเช็ดปากที่เย่ชิงหานยื่นส่งมาให้พร้อมทั้งคำพูดปลอบแปลกๆ ไม่เหมือนใครที่พูดออกมาทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากรับผ้าเช็ดปากมาเช็ดปากเสร็จจึงฝืนยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นจึงหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อทำให้จิตใจสงบลง
“เ้าหนูหาน มีภรรยาแล้วลืมพี่สาวเลยรึ? พี่สาวก็อาการไม่ดีเหมือนกัน ทำไมเ้าไม่มาปลอบบ้าง?” เย่ชิงอู่ที่มองอยู่ข้างๆ ดวงตาปรากฏแววอิจฉาขึ้นมา บุ้ยปากพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“แหะๆ พี่สาวไม่ได้อาเจียนไม่ใช่รึ? ถ้าหากท่านอาเจียนละก็ข้าจะถอดเสื้อให้ท่านเช็ดเลยเป็อย่างไร?” เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ ั์ตายิ้มจนเป็เส้นตรง วางมือไปบนไหล่ของเย่ชิงอู่แล้วพูดออกมาแบบสองแง่สองง่าม
“ไปตายซะเถอะ พี่สาวยังไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น!” เย่ชิงอู่พูดพร้อมกับตีมือของเขาออกไป สายตามองค้อนเขาทีหนึ่ง ใบหน้าปรากฏความดีใจคล้ายกับว่าพอใจเป็อย่างมากต่อความสนิทสนมและท่าทีที่เขาแสดงออกมา
“เดรัจฉาน...เดรัจฉานอย่างที่สุด! ของดีๆ กลับถูกสุนัขคาบไปรับประทานเสียหมด!”
เฟิงจื่อที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปมองเห็นเย่ชิงหานที่กำลังแสดงความสนิทชิดเชื้อกับสุดยอดสองสาวงามของกองกำลัง ภายในใจรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจึงหันมาพูดกับฮวาเฉ่าที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่พอใจ
ฮวาเฉ่าเองก็กัดริมฝีปากดวงตามีไฟลุกโชนอยู่เนิ่นนานถึงได้พูดออกมา “มารดามันเถอะ! หญิงสาวสมัยนี้เขาไม่นิยมหนุ่มรูปงามหน้าตาดีกันแล้วรึอย่างไร? เย่ชิงหานไอ้เดรัจฉานตัวนี้หน้าตาก็ไม่เท่าไร แต่ทำไมหญิงสาวถึงได้ชมชอบมันกันหนักหนา?”
.................................
หลังจากที่ทุกคนกลับคืนสู่สภาพปกติกันแล้วจึงได้เริ่มออกเดินทางต่อ เมื่อพากันรู้ว่านักรบเผ่าปีศาจที่ถูกฆ่าไปเมื่อสักครู่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขอบเขตจ้าวปีศาจเพียงเท่านั้น ถึงกับทำให้ทุกคนเลิกคิดดูถูกอีกต่อไป นักรบเผ่าปีศาจเมื่อสักครู่แม้ภายนอกจะดูไม่ได้เก่งกาจแต่อย่างใด แต่เมื่อมันร้องคำรามออกมาสองครั้งระดับพลังความเร็วกลับเพิ่มมากขึ้น คิดว่าคงจะเป็วิชาต่อสู้เฉพาะของเผ่าปีศาจอย่างแน่นอน นี้เพียงแค่ระดับขอบเขตจ้าวปีศาจยังเพิ่มระดับความเร็วได้มากมายถึงเพียงนี้ ถ้าหากเป็นักรบระดับสูงของเผ่าปีศาจหรือเผ่าคนเถื่อนล่ะจะน่ากลัวขนาดไหน
ตลอดทั้ง่เช้ากองกำลังไม่ได้พบเจอกับนักรบต่างเผ่าแต่อย่างใด คิดว่านักรบเผ่าปีศาจที่ถูกจัดการไปคงจะดวงซวยกระทบเข้ากับค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนถึงได้ถูกเคลื่อนย้ายสุ่มมา ตกถึงเที่ยงทุกคนสับเปลี่ยนกันพักผ่อนดื่มกินเสบียงที่เตรียมมาอย่างง่ายๆ จากนั้น่บ่ายก็ออกเดินทางต่อ
ตอนนี้พวกเขาเดินทางเข้ามาได้ยี่สิบกว่ากิโลเมตร งานประลองเพิ่งจะเริ่มได้เพียงสองวันต่อให้เป็ปีศาจที่บินได้ย่อมเป็ไปไม่ได้ที่จะเดินทางมาถึงตรงนี้ นอกเสียจากว่าเดินไปกระทบถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนแล้วถูกเคลื่อนย้ายสุ่มไปยังที่ต่างๆ น่าจะต้องเดินทางอีกเป็เวลาสิบวันเป็อย่างน้อยถึงจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับกองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน
การเดินทางที่จืดชืดไร้รสชาติเช่นนี้กลุ่มนักรบที่น่าจะเหน็ดเหนื่อยมากที่สุดคงจะเป็เหล่านักฆ่าแห่งตระกูลฮวา คนอื่นๆ เพียงแค่รีบเร่งเดินทางก็พอโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด รีบเร่งเดินทางมาตลอดทั้งบ่ายไม่ได้พบเจอนักรบของเผ่าปีศาจหรือเผ่าคนเถื่อนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับพบเจอกับกองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่ามนุษย์ด้วยกันถึงสองสามหน่วย หลังจากกล่าวทักทายพอเป็พิธีก็เดินหน้าต่อไป ส่วนกองกำลังทั้งสามหน่วยมองดูกองกำลังของพวกเย่ชิงหานด้วยความสนใจอยากรู้อยากเห็น ไม่รู้ว่ากองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่ามนุษย์ปรากฏกองกำลังที่แต่งชุดดำด้วยกันทั้งหมดและลักษณะไม่ธรรมดาเช่นนี้มีเกิดขึ้นมาั้แ่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย กล่าวทักทายเสร็จก็แยกย้ายกันไป
ตกเย็นกองกำลังรุดเดินหน้าไปอีกสิบกว่ากิโลเมตรและกำลังคิดว่าจะเสาะหาสถานที่พักแรมที่ไหนดี พอดีกับหน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮวาส่งข่าวดีมาบอกว่าเจอสถานที่วิเศษที่เหมาะสมอย่างมากแก่การพักแรม!
ทุกคนคึกคักขึ้นมาทันทีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางถูกขจัดออกไปหมดสิ้น ภายใต้การนำของนักฆ่าตระกูลฮวาทุกคนก็มาถึงสถานที่วิเศษดังกล่าว
สถานที่วิเศษคือสระน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง สระน้ำเล็กๆ แห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์ทั่วทั้งสี่ทิศ ถ้าหากมองจากที่ไกลจะไม่สามารถมองเห็นที่แห่งนี้ได้ ที่น่าแปลกคือต้นไม้ดึกดำบรรพ์กลับยืนต้นเรียงรายโอบล้อมบริเวณโดยรอบสระเล็กๆ แห่งนี้เพียงเท่านั้น ส่วนบริเวณใกล้เคียงจะเป็ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่
“ฮ่าๆ...ฮวาเจี่ย ทำได้ดีมาก! ข้าจะจดจำผลงานครั้งนี้ของเ้าเอาไว้ ถูกต้องที่แห่งนี้วิเศษจริงๆ หากพูดตามข้อมูลที่ได้มา ที่แห่งนี้เรียกว่าสระสังหารมาร เป็ป้อมปราการธรรมชาติที่ใช้พักแรมได้เป็อย่างดี คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเป็สิบๆ ปีที่นี่ก็ยังคงสมบูรณ์เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
ฮวาเฉ่าทันทีที่มาถึงที่นี่ก็เริ่มมองซ้ายขวาพิจารณาตรวจดูอย่างละเอียด ดวงตาปรากฏรอยยิ้มขึ้น จากนั้นหัวเราะฮ่าๆ ออกมาอย่างยินดีพร้อมกับพยักหน้าไม่หยุด
“เฉ่าน้อย ก็แค่สระเล็กๆ แห่งหนึ่งเ้าจะดีใจอะไรหนักหนา?” เฟิงจื่อรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นพวกคนตระกูลฮวาปลื้มปีติยินดีกันออกมาเกินหน้าเกินตา ครั้นแล้วจึงพูดถากถางออกไป
“ไอ้บ้าอย่างเ้าจะไปรู้อะไร ข้ายังไม่บอกเ้าตอนนี้หรอก กลุ่มที่หนึ่งรีบแยกย้ายตรวจหาดูค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนที่อยู่รอบๆ ตรวจหามันออกมาให้หมด กลุ่มที่สองยกระดับเฝ้าระวังเป็ระดับหนึ่ง ที่นี่อาจจะมีนักรบเผ่าคนเถื่อนและเผ่าปีศาจโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อพบเห็นรีบมารายงานในทันที” ฮวาเฉ่ากำลังคิดจะปะทะฝีปากกับเฟิงจื่อ แต่พลันคิดอะไรขึ้นมาได้ดวงตาปรากฏประกายแสงวาบผ่าน ไม่สนใจเฟิงจื่ออีกต่อไปรีบสั่งการออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ทุกคนเมื่อได้ยินก็รู้ว่าไม่ใช่เื่ล้อเล่นอย่างแน่นอน รีบสั่งการคนของตนเองแยกย้ายกันออกไปเตรียมการเฝ้าระวังภัยตามคนของตระกูลฮวา
จนกระทั่งทุกคนเข้าพร้อมประจำที่เสร็จเรียบร้อย ฮวาเฉ่าถึงค่อยหยิบแผนที่หนังแกะออกมาพร้อมกับเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟัง
“ทุกท่านก็คงรู้ดีว่าตระกูลฮวาของข้าชำนาญในการลอบสังหารเดี่ยวและจัดกลุ่มสังหาร แต่ไม่เหมาะที่จะปะทะซึ่งๆ หน้า ดังนั้นงานประลองาระหว่างเขตปกครองทุกครั้งทางตระกูลจะเสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมแก่การลอบสังหารและจัดตั้งกลุ่มสังหารขึ้น และที่แห่งนี้เป็สถานที่วิเศษลำดับที่สี่จากทั้งหมดห้าสถานที่ที่ทางตระกูลได้บันทึกไว้ โดยถูกตั้งชื่อว่า...สระสังหารมาร”
ฮวาเฉ่าแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิใจ พอใจกับสายตาที่คาดหวังและเลื่อมใสของทุกคนที่มองมา จากนั้นจึงพูดขึ้นต่อ “ทุกคนดูภูมิประเทศแห่งนี้ สระแห่งนี้ทางตระกูลบันทึกไว้ว่าปลอดภัยแน่นอน ต้นไม้ดึกดำบรรพ์สามารถอยู่พักได้อย่างวางใจ น้ำในสระสังหารมารใช้ดื่มกินได้อย่างไม่ต้องกังวล ภายใต้สระน้ำมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ รุ่งเช้าของทุกวันจะมีสัตว์ป่าต่างๆ มากมายมาอาศัยดื่มกิน ทุกคนไม่ต้องกังวลเื่อาหารและน้ำดื่ม”
“ที่สำคัญที่สุด ในละแวกใกล้ๆ นี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนซุกซ่อนอยู่เป็จำนวนมาก แม้ว่างานประลองทุกครั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายจะสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งไปทุกครั้ง แต่ที่นี่ค่อนข้างจะพิเศษแม้ว่ามันจะเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ไม่ซ้ำเก่า แต่ทุกครั้งจะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนซ่อนอยู่เป็จำนวนมาก ทุกวันทุกเวลาจะมีนักรบต่างเผ่าที่ไม่ระมัดระวังถูกเคลื่อนย้ายส่งมายังที่แห่งนี้ตลอด ขอเพียงพวกเราดักซุ่มรออยู่ที่นี่ก็จะได้รับคะแนนอย่างมากมายและง่ายดายทุกๆ วัน”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างดวงตาเป็ประกายด้วยกันทั้งหมด ถ้าหากละแวกใกล้ๆ นี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนซ่อนอยู่อย่างมากมายจริงๆ ละก็ ที่แห่งนี้ก็เป็สมแล้วที่ถูกเรียกว่าสถานที่วิเศษตามที่ตระกูลฮวาบันทึกไว้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดทุกคนก็ได้รับคำตอบที่เฝ้ารอ หลังจากผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเหล่านักฆ่าของตระกูลฮวา ละแวกใกล้เคียงปรากฏว่ามีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหนซุกซ่อนอยู่ถึงสามสิบสามแห่ง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้