ชายเฒ่าขายเนื้อตกตะลึงเล็กน้อย ท่าทีของชายคนนั้นอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ ริมฝีปากนางแสยะยิ้ม “อยากแต่งงานกับข้า มิใช่เื่ง่ายดายเพียงนั้น!”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่้าทรมานนาง!
เหนียนยวี่หรี่ตาลง แววตาของนางคมกริบ แผดเผาผู้คน
เหนียนยวี่ยกกริชในมือ คมกริชขยับตามฝ่ามือ ครั้นคนขายเนื้อแซ่จูเห็นแสงสะท้อนของคมกริชหันมาหาตนเอง ความหวาดกลัวพลันสูงขึ้นทันใด กริชเล่มนั้นแทงลงบนแขนเข้าอย่างจัง ชั่วขณะที่ความเ็ปแล่นเข้ามา ชายเฒ่าขายเนื้อพลันอ้าปากกว้าง คิดอยากร้องะโตามสัญชาตญาณ ทว่าใครบางคนกลับไม่ยินยอมให้ผู้อื่นเข้ามารบกวนการเชือดหมูครานี้ของตนเอง
ยามที่แทงกริชเล่มนั้นลงไป มืออีกข้างของเหนียนยวี่ดึงปิ่นปักผมออกมากดสกัดจุดของคนขายเนื้ออย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว เสียงที่้าร้องออกมากลับถูกสกัดก่อนจะได้เอ่ย เหลือเพียงแค่ร่างกายที่สั่นเทา และดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของชายเฒ่าขายเนื้อแซ่จู
“ทำไม? กลัว? เ้าเองก็กลัวเป็ด้วยหรือ?” ดวงตาของเหนียนยวี่ลุกวาว ทว่านางยังคงไม่ลืมว่าชายผู้นี้ ชื่อเสียงฉาวโฉ่มากเพียงใด
ว่ากันว่า ไม่ว่าคนใดที่เป็ภรรยาของชายผู้นี้ล้วนถูกเขาทุบตีจนตายทั้งนั้น
สำหรับสัตว์ร้ายที่ลงมือฆ่าภรรยาตัวเองพวกนี้ นางไม่สงสารแม้แต่น้อย “เ้าทำกับบรรดาภรรยาของเ้าอย่างไร? ยามที่พวกนางใกล้ตาย พวกนางก็หวาดกลัวเช่นนี้หรือไม่?”
เหนียนยวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า น้ำเสียงนั้นแฝงความมืดมนน่าขนลุกสุดจะเอ่ยเอื้อน ราวกับอสุราแทรกออกมาจากพื้นพิภพ
“อู้...” คนขายเนื้อแซ่จูส่ายหัวอย่างสั่นกลัว
“เ้าอยากพูดอะไร? ข้าถามเ้าว่า คนที่สั่งให้เ้ามา ใช่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนหรือไม่?” ดวงตาของเหนียนยวี่แข็งค้าง พลิกบทสนทนาอย่างรวดเร็ว
คนขายเนื้อแซ่จูตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
“หนานกงเยวี่ยด้วย?”
คนขายเนื้อแซ่จูยังคงพยักหน้า
เหนียนยวี่เห็นทุกสิ่งในสายตา แววตานางพลันมืดมนขึ้นเรื่อยๆ
“คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนเล่า?” ภาพเงาร่างนั้นผุดขึ้นในหัวของเหนียนยวี่ นางเอ่ยถามอย่างเ็า
คนขายเนื้อแซ่จูชะงักงันไปครู่หนึ่ง วันนั้นมีหญิงสาววัยสะพรั่งคนหนึ่งติดตามฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกับฮูหยินเหนียนมาด้วย...
อาการชะงักค้างอยู่ในความคิดของคนขายเนื้อแซ่จูผู้นี้ รวมถึงบางอย่างที่เผยออกมาจากสายตาเขา ทำให้เหนียนยวี่พบเจอคำตอบ
เป็อย่างที่คิด!
เหนียนอีหลานคงกระวนกระวายอยู่เป็แน่!
เื่ราวเช่นนี้จะขาดนางไปได้อย่างไร?
พี่สาวของนางผู้นั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเลิกคิดอยากทำร้ายนาง ยิ่งกว่านั้นด้วยนิสัยของนางแล้ว เกรงว่า หากไม่ได้เหยียบย่ำนาง ไม่เห็นนางตายอย่างทรมาน ชั่วชีวิตนี้ของเหนียนอีหลานคงอยู่อย่างไม่สงบ
นางเคยเห็นความชั่วร้ายของเหนียนอีหลานมาแล้วในชาติก่อน
พวกนางทั้งสามคนกลัวว่า ตนเองจะได้แต่งกับท่านอ๋องมู่จริงหรือ?
ดังนั้นจึงวางแผนเช่นนี้ออกมา...
ชาติก่อนของนางต้องต่อสู้ในสนามรบ นางต้องปีนป่ายคลานออกมาจากกองซากศพนับไม่ถ้วน ฝ่ามือของนางต้องฆ่าฟันตลอดเวลาไม่เคยขาด ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกับหนานกงเยวี่ย แค่ชายเฒ่าขายเนื้อคนเดียว คิดว่าจะทำอะไรนางได้หรือ?
สุดท้ายแล้ว พวกนางก็ยังคงประเมินเหนียนยวี่ต่ำไป
เหนียนยวี่หัวเราะออกมาอย่างแ่เบา เสียงหัวเราะนั้นทำให้คนที่ได้ยินขนลุกพองอย่างหวาดกลัว
คนขายเนื้อแซ่จูมองดูสตรีตรงหน้าตนเอง เขานึกไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ พวกนางบอกเขาว่า แค่สตรีอ่อนแอผู้หนึ่งเท่านั้น ทว่านาง...ประกายแสงสว่างในดวงตาคู่นั้น ฉายให้เห็นว่านางคือมารร้ายอย่างชัดเจน
คนขายเนื้อแซ่จูอยากจะอ้าปากร้องขอความเมตตา ทว่ามิอาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้เลย เขายังคงพยายามสะบัดตัวหนีไม่หยุด ฝืนอดทนต่อความเ็ปที่แขน และทันทีที่คลานออกมาได้เพียงนิดเดียว กริชเล่มนั้น ยื่นมาโดนตัวเขาอีกครั้ง ร่างกายของชายเฒ่าชะงักงัน แข็งค้างราวกับก้อนหิน ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกต่อไป
“เรามาพนันกันสักตาเป็อย่างไร?”
น้ำเสียงนุ่มนวลสงบลงมา ทว่าชายเฒ่าผู้นั้นกลับรู้สึกว่า เสียงนั้นราวกับเสียงของมารร้ายที่กำลังเร่งเร้าเอาชีวิต จึงยิ่งไม่ทันสังเกตเห็นว่า หญิงสาวได้หยิบอะไรบางอย่างมาใส่บริเวณใต้เสื้อตรงหน้าอกเขา
พนันหรือ?
สัญชาตญาณบอกเขาว่า เขาจะเล่นพนันครั้งนี้กับนางไม่ได้!
ทว่ายังมิทันได้เอ่ยตอบโต้ หญิงสาวพลันจับคางของเขาให้อ้าออก ชั่วพริบตานั้นเอง บางสิ่งขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลเข้าไปในลำคอของเขาอย่างง่ายดาย ไม่นานหลังจากนั้น ความหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาจากั์ตาของชายเฒ่าก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
นาง...ให้เขากินอะไร?
ดูเหมือนเหนียนยวี่จะเข้าใจความในใจของเขา นางเลิกคิ้ว ั์ตาฉายประกายชั่วร้ายและยังเอ่ยบอกเขาอย่างไม่ปิดบังว่า “นั่นคือยาพิษ ยาพิษที่จะเจาะลำไส้ในเวลาครึ่งก้านธูป หากไม่ดื่มยาถอนพิษ พิษนั้นจะทำให้ลำไส้ทะลุ ท้องเน่าและตายไปในที่สุด!”
ลำไส้ทะลุ ท้องเน่าและตายไปในที่สุดอย่างนั้นหรือ?
แค่คิดก็น่าสมเพชเหลือจะรับได้
ใบหน้าของชายขายเนื้อแซ่จูซีดเผือด ทันใดนั้นราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ ร่างกายของชายผู้ชะงักงันครู่หนึ่งและรีบคุกเข่ากับพื้นอย่างลนลาน โขกศีรษะคำนับให้เหนียนยวี่อย่างไม่ขาดสาย
เหนียนยวี่ก้มมองชายตรงหน้าอย่างหยิ่งผยอง มุมปากนางค่อยๆ ยกยิ้มบางอย่างเย็นเยียบ จากนั้นนางจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “หากอยากมีชีวิต ก็ยังมีอยู่หนึ่งหนทาง ที่ลานเซียนหลาน ในห้องหลักมียาถอนพิษขวดหนึ่งอยู่บนเตียง...”
เหนียนยวี่ยังมิทันเอ่ยจบ ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพรวดลุกยืนขึ้น เร่งรีบวิ่งเลียบไปตามทางเดินทันที
ขณะที่เหนียนยวี่จ้องมองแผ่นหลังนั้น มุมปากนางเผยอรอยยิ้มเย้ยหยัน
หึ สองแม่ลูก หนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลานถึงขั้นต้องเปลืองแรงเปลืองสมองเตรียม ‘สามี’ ให้นาง และยังคิดแผนเช่นนี้ออกมาอีก
พวกนางคงทุ่มเทแรงกายไปมาก นางเองก็ควรจะตอบแทนพวกนางและส่งคืนกลับไปด้วยมิใช่หรือ?
และยาถอนพิษนั่น...
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว แสงสว่างในดวงตาลุกวาว...
เวลาผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง ไม่ไกลจากตรงนั้น มีเสียงจอแจจากคนกลุ่มหนึ่งดังเข้ามา เหนียนยวี่กลับมารู้สึกตัว นางหันไปมองทางสวนเหมย เนื่องจากทิศทางของเสียงที่เข้ามาอยู่ไม่ไกลนัก ดังนั้นเพียงชำเลืองมองปราดเดียว จึงเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
มีฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเดินนำ ตามด้วยหนานกงเยวี่ยและเหล่าอนุภรรยาจวนเหนียน ซึ่งกำลังเดินพาบรรดาแเื่สตรีก้าวเดินมาทางนี้
ท่ามกลางฝูงชน หญิงสาวในชุดสีน้ำเงินครามผู้นั้นโดดเด่นสะดุดตายิ่งกว่าผู้ใด
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว นั่นมิใช่พี่สาวแสนดีของตน ‘เหนียนอีหลาน’ หรอกหรือ?
พวกนางกำลังมาทางนี้...มาทำอะไร?
นางคิดว่าที่สาวใช้นั้นบอกนางว่าฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนสั่งให้นางไปหา เพื่อทำความรู้จักกับบรรดาคุณหนูและฮูหยินขุนนางเมื่อครู่นี้เป็เพียงแค่ข้ออ้างที่จะพานางมาที่นี่เท่านั้น แต่นางไม่ได้คาดคิด...
ครั้นเหนียนยวี่นึกถึงการกระทำลามกมือไวของคนขายเนื้อแซ่จู เมื่อครู่นี้เพียงพริบตาเื่ราวมากมายพลันกระจ่างแจ้งในหัวของเหนียนยวี่
หากเมื่อครู่นี้นางไร้แรงต่อต้านขัดขืนกับการกระทำไร้แก่นสารของชายเฒ่าขายเนื้อนั่น สถานการณ์ในยามนี้จะเป็เช่นไร?
ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เหนียนยวี่เข้าใจเื่นี้อย่างแจ่มแจ้ง ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง รอบข้างไร้ผู้ใด หากยังถูกเห็นว่า ‘ใกล้ชิด’ กันอีก...
อา!
พวกนางสามคนนี้ช่างคิดแผนได้รอบคอบเสียจริง!
เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ั์ตาวาววาบด้วยประกายอันเย็นเยียบ ทว่าเพียงพริบตา ใบหน้าของเหนียนยวี่พลันผุดรอยยิ้มราบเรียบ แลดูสง่างามเจืออ่อนโยน ทว่ายังคงฉายชัดถึงแววตารักษาระยะห่างดั่งเคย
เหนียนยวี่ไม่คิดหลบเลี่ยง กลับกันนางก้าวเดินตรงไปต้อนรับกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา
หนานกงเยวี่ยเป็คนแรกที่เห็นเหนียนยวี่ ครั้นเห็นเหนียนยวี่เดินเข้ามาต้อนรับ ดูเหมือนนางจะประหลาดใจอะไรบางอย่าง หนานกงเยวี่ยชะงักงันเพราะไม่รู้ว่าเป็นาง ทั้งเหนียนอีหลานเอง เมื่อเห็นเหนียนยวี่เดินมาต้อนรับ สีหน้านางพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิใช่ว่าเหนียนยวี่ควรต้องอยู่ที่ศาลากลางสวนหรอกหรือ?
ทว่าเหตุใด...
ทว่าก่อนที่นางจะรู้สึกตัวกลับมา หนึ่งในบรรดาฮูหยินขุนนางผู้หนึ่งกลับเอ่ยปากขึ้นมาก่อน...
“นั่นมิใช่คุณหนูยวี่หรอกหรือ?”
เื่ที่ท่านอ๋องมู่จะมาสู่ขอเหนียนยวี่ ทั่วทั้งเมืองชุ่นเทียนไม่มีผู้ใดไม่รู้ ทุกคนล้วนรู้เื่นี้ว่า เมื่อผ่านพ้นวันนี้ไป คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้จะต่างไปจากเดิม คนที่มาในวันนี้ล้วนมีความคิดที่มาเอาใจเหนียนยวี่ทั้งนั้น
ครั้นถ้อยคำของฮูหยินคนนั้นหลุดออกไป บรรดาสตรีคนอื่นๆ เองก็เห็นเหนียนยวี่เช่นกัน ไม่นานบรรดาแขกสตรีต่างรีบก้าวเดินเข้ามาทักทายเหนียนยวี่แทบทันที