เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในครัวได้มีใครบางคนแช่ถั่วแดงไว้ในหม้อ ซ่งจื่อฉีเดินเข้ามาเห็นพอดีเลยเอ่ยถามว่า “ทำไมวันนี้ถึงมีถั่วแดง”
“ผมอยากทำซุปหวานเพิ่มสำหรับอาหารของพนักงาน” เฉินเจี้ยนฉวินพูด
“อยากแสดงความเอาใจใส่เป็พิเศษต่อฉีเสี่ยวิ่เหรอ?” ซ่งจื่อฉีตบไหล่เขาแล้วพูด “จริงๆ แล้วการตกหลุมรักนั้นมันก็ดี ทักษะการทำอาหารก็จะดีขึ้นเพราะว่านาย้าทำอาหารให้กับคนที่นายชอบกิน ตอนทำซุปถั่วแดงอย่าลืมเติมน้ำตาลลงในตอนท้าย ไม่งั้นมันจะไม่อร่อย” เฉินเจี้ยนฉวินพยักหน้า
“ทำอาหารให้คนที่ชอบเหรอ?” เมื่ออี้สี่นึกถึงคำพูดนี้ เธอนึกถึงหลัวจ้งซีเป็คนแรก แต่หลัวจ้งซีเป็นักชิมข้างถนนและดูเหมือนไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาประหลาดใจได้ เธอคิดถึงจินอิ๋นอีกครั้ง ถ้าถามว่าจินอิ๋นอยากกินอะไร? เขาน่าจะตอบว่าแน่นอนว่าผมจะกินคุณ ในสายตาของจินอิ๋น การกินข้าวไม่สำคัญเท่ากับการนอนกับผู้หญิง ในขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเื่นี้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ โชคดีที่ความคิดยังอยู่ในหัว เลยไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้
ใน่กลางวันก็มีซุปถั่วแดงร้อนๆ อยู่หนึ่งหม้อจริงๆ อี้สี่กินข้าวเพียงเล็กน้อย แต่กินซุปไปสองชามใหญ่ เธอััถึงความอุ่นที่ไหลงลงท้องได้ ซึ่งความอบอุ่นและช่วยเื่บำรุงเื ความเ็ปก็บรรเทาลงมาก ซุปถั่วแดงที่เฉินเจี้ยนฉวินทำนั้นหวานมาก เมื่อกัดถั่วแดงเม็ดอวบอ้วนมันก็ละลายในปาก มันอร่อยมาก แล้วเขาก็ยังเติมขิงแก่ลงไปเล็กน้อยเพื่อให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น
“ฉันกินมากเกินไปหรือเปล่า ถ้าฉีเสี่ยวิ่ไม่ได้กิน ฉันคงจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ” อี้สี่พูด
“ไม่หรอก! คุณกินเถอะ มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบกิน และวันนี้ก็มีผู้หญิงมาเข้างานน้อยมากด้วย” เฉินเจี้ยนฉวินพูด
อาเฉียงชอบขนมหวานมาก เขายกซดหายเข้าไปในคำเดียว แต่ในขณะที่กินก็ครุ่นคิดว่า “ทำไมต้องเติมขิงลงไปด้วย เฉินเจี้ยนฉวิน นายอย่าได้แต่งเติมอะไรลงไปอีกดีไหม”
หลังจากทานเสร็จ เมื่อตอนที่เฉินเจี้ยนฉวินเดินผ่านบาร์ก็ได้ถูกหลัวจ้งซีหยุดไว้ “ดื่มกาแฟไหม?”
“ผมไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟเท่าไหร่” เฉินเจี้ยนฉวินกล่าว “พี่หลัวมีอะไรอีกไหม? อาเฉียงกำลังรอผมไปเล่นวีดีโอเกมอยู่” เขาหาข้อแก้ตัวเพื่อเลี่ยงออกไป
“นายมีปัญหาอะไรเหรอ!” น้ำเสียงของหลัวจ้งซีไม่ค่อยดีนัก
“ผมทำไมเหรอครับ?” เขาพูดอย่างไร้เดียงสา แต่จริงๆ แล้วเขารู้ว่าหลัวจ้งซีกำลังโกรธเื่อะไร
“เมื่อวานฉีเสี่ยวิ่ไม่มาทำงาน แล้ววันนี้เธอก็ไม่มาทำงานเหมือนกัน”
“โอ้ ใช่แล้ว! ผมคิดว่าเธอมาทำงาน เธออธิบายไม่ชัดเจนผมก็เลยเข้าใจผิด” เขาตอบไม่ตรงประเด็น เขาไม่ได้แสดงท่าทีที่ขัดแย้ง แต่ก็ดูออกว่าไม่ยอมเหมือนกัน
“ผู้หญิงของฉัน ฉันสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง เข้าใจไหม!” หลัวจ้งซีรู้สึกว่าตัวเขาต้องทำให้มันชัดเจนมากที่สุด เขารู้สึกว่าเื่ของจินอิ๋นมีต้นสายปลายเหตุเยอะมากจึงช่างมันไปก่อน แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเฉินเจี้ยนฉวินที่แสดงออกมา เห็นได้ชัดว่าเฉินเจี้ยนฉวินแสวงหาชื่อเสียงจากฉีเสี่ยวิ่ และในที่สุดก็จับเธอได้ แต่แล้วตอนนี้ก็มาให้ความสนใจอี้สี่ต่อ ไม่รู้กำลังเล่นละครอะไรอยู่
“ได้ครับ ถ้าเธอเป็ผู้หญิงของคุณ” เฉินเจี้ยนฉวินพูดช้าๆ เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ ทำท่าทางไม่อยากสนทนาด้วยอีก
อี้สี่เพิ่งวิ่งเข้ามารินกาแฟพอดี เธอรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนแปลกประหลาดมาก แต่เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ด้วยการที่ทั้งสองคนกำลังทำงานมันจึงเป็เื่ยากที่จะทะเลาะอะไรกันได้
“อยากเล่นเกมออนไลน์ไหม? ผมจะสอนวิธีเล่นให้คุณเอง” เฉินเจี้ยนฉวินจงใจเอ่ยถามอี้สี่
“ฉันไม่เล่นเกม” อี้สี่รู้สึกงุนงง เฉินเจี้ยนฉวินเองก็รู้ว่าเธอไม่เล่นเกม
หลัวจ้งซีไม่ยอมให้เธอดื่มกาแฟเย็น เขาจึงบรรจงชงกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว “อี้สี่มาที่นี่เพื่อดื่มกาแฟ มานั่งกับผมไหม?” หลัวจ้งซีส่งกาแฟให้เธอแล้ววางมือบนเอว ออกแรงดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา อี้สี่รู้ว่าเฉินเจี้ยนฉวินรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขามาเป็เวลานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ขัดขืนอะไร เขาเหลือบมองไปที่เฉินเจี้ยนฉวินด้วยสายตาพึงพอใจ แต่เฉินเจี้ยนฉวินกลับยิ้มเบาๆ อย่างไม่สนใจ
ในหนึ่งสัปดาห์มีวันหยุดสองวัน และวันหยุดของอี้สี่ก็คือพรุ่งนี้ ในสายตาของหลัวจ้งซีสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองคือ อี้สี่และเฉินเจี้ยนฉวินจะไม่ได้หยุดในวันเดียวกัน เพราะทั้งคู่เป็ผู้ช่วยในครัว ถ้าได้ลาพักพร้อมกันแล้วใครจะทำงาน?
เมื่ออี้สี่กลับมาถึงบ้านตอนกลางคืนก็ต้องใมากเมื่อเห็นจินอิ๋นยืนอยู่หน้าประตูบ้านของเธอ
“ทำไมคุณต้องใขนาดนั้นเมื่อเห็นผมด้วยเล่า คุณไม่คิดถึงผมเลยเหรอ?” จินอิ๋นยืนกอดอกอยู่ที่ประตูบ้านของเธอด้วยท่าทีสบายๆ
“ทำไมคุณถึงได้เลิกงานเร็วล่ะ?” โฮบาร์เลิกงานดึกมาก นี่มันเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่งเอง
“ผมพอจะมีวันหยุดชดเชย และพรุ่งนี้ผมก็หยุดหนึ่งวันด้วย เราทุกคนต่างก็มีวันหยุด คุณเก็บข้าวของแล้วมาอยู่ที่บ้านผมเถอะ! บ้านของผมกว้างกว่า” จินอิ๋นออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด แน่นอนว่าอี้สี่เพิกเฉยใส่เขา “ฉันต้องไปถ้าคุณบอกให้ฉันไปเหรอ? แล้วฉันก็ไม่ใช่แฟนหรือลูกหมาของคุณด้วย” เธอเปิดประตูบ้าน ทันทีที่ประตูแย้มออก จินอิ๋นก็แทรกตัวเข้ามาด้านในอย่างหน้าไม่อาย
อี้สี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปด้านใน และจินอิ๋นก็ดันเธอเข้ากับกำแพงแล้วพูดว่า “คุณกับหลัวจ้งซีกำลังมี่เวลาที่ดีด้วยกันหรอ ทำไม คุณไม่้าผมแล้ว? คุณอิ่มจนไม่สนใจผมแล้ว? ผม้าบางสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากคุณเท่านั้นเอง ใช้เวลากับผมสักหน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงดูค่อนข้างน้อยอกน้อยใจจริงๆ เขาก้มหน้าลงลิ้มรสริมฝีปากของเธออย่างแ่เบา อี้สี่ถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นฟีโรโมนของเขา แม้ว่าเธอจะทำมาหลายครั้ง แต่หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นแรงและไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เลย
จินอิ๋นจับมือเธอแตะร่างกายส่วนล่างของเขา เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งขืนเล็กน้อยผ่านกางเกง “มันคิดถึงคุณมากนะ”
“ฉันก็อยู่นี่ไง”
“ผมรู้แล้ว งั้นไปบ้านผมกัน” เขากระซิบข้างหูเธอ ผิวแก้มของอี้สี่ลุกเป็ไฟเมื่อเธอได้ยิน “แบบนี้จะดีเหรอ?” เสียงของเธอลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธจริงๆ
“ไม่เป็ไร คุณเก็บของเถอะ พวกเราจะไปกินของว่างยามดึกกันก่อน” จินอิ๋นไม่ได้คุยกับเธอมากนัก แค่มาพาเธอไป
อี้สี่หยิบเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนและอุปกรณ์ทำความสะอาดทั่วไป ในขณะที่กำลังจัดของ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเป็แบบนี้เลย ไม่ว่ายังไงเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อยกับหลัวจ้งซี แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจึงไม่สามารถปฏิเสธจินอิ๋นได้ เขามีพลังบางอย่างที่เธอไม่สามารถต้านทานได้
จินอิ๋นหันมองไปรอบๆ บ้านของเธอ และก็เห็นแปรงสีฟันสองอัน เสื้อยืดของผู้ชายซักใหม่ในห้องน้ำ มุมปากเขายกยิ้มอย่างอดไม่ได้ “มีคนจงใจจัดฉากเพื่อแสดงให้ผมดู นี่มันไม่ได้ทำให้ผมกลัว แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ ผมก็ยังสามารถสกัดกั้นเขาได้ครึ่งทาง” อี้สี่จ้องมองเขา เขาแกล้งทำเป็ไม่เห็นดวงตาของเธอและวางต่างหูข้างขวาไว้ข้างแปรงสีฟันและถ้วยน้ำยาบ้วนปากอันใหม่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งของที่ดูใหม่มากจะต้องเป็ของหลัวจ้งซี หากอี้สี่ไม่ได้บอกล่วงหน้า แล้วสมมติว่าหลัวจ้งซีมาในวันอาทิตย์ แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกหงุดหงิดแน่ เพียงแค่จินตนาการถึงสีหน้าโมโหของเขา จินอิ๋นก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจแล้ว
“คุณจะพาฉันไปกินอะไรเหรอ?” อี้สี่หยิบของขึ้นมาแล้วถามขณะที่จัดการล็อกประตู
“แน่นอนว่ามันต้องเป็เนื้อ อยากไปกินเนื้อย่างไหม?”
“กินเนื้อย่างมันดูจะแน่นเกินไป ดึกขนาดนี้ถ้ากินอิ่มเกินไปจะนอนไม่หลับเอา พวกเรามากินอะไรเบาๆ กันดีกว่า” อี้สี่พูด จินอิ๋นดูเหมือนจะแผนการในใจ “งั้นพวกเราก็ไปกินบาร์บีคิวกันเถอะ”
เขาก็เป็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป วิธีการเดินทางของเขาก็คือมอเตอร์ไซค์สุดเท่ ซึ่งไม่ใช่มอเตอร์ไซค์หนักๆ แต่มันเป็แบบที่เด็กแซ่บไต้หวันขับ โดยมีการดัดแปลงท่อและตัวถังสีฟ้าสดใส อี้สี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์คันนี้ มันเหมาะกับนิสัยของเขามาก โชคดีที่เขาไม่ดึงท่อไอเสียออกมา ไม่เช่นนั้นก็คงต้องรู้สึกเขินๆ ที่ต้องนั่งขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้
เมื่อขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง ปกติอี้สี่จะจับที่ด้านหลังด้วยมือทั้งสองข้าง แต่จินอิ๋นให้เธอเอามือมาโอบรอบเอวของเขา และอี้สี่ก็โน้มตัวแนบติดแผ่นหลังอันอบอุ่นของเขา ตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างหนาว แต่ร่างสูงใหญ่ของเขากั้นลมหนาวให้เธอได้เกือบหมด จินอิ๋นขี่ไปทางชานเมือง ยิ่งดึกบนถนนก็ยิ่งให้ความรู้สึกเงียบเหงามากกว่าเดิม ลมหนาวเย็นพัดผ่าน ทว่าตัวเขาอบอุ่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่อี้สี่กลับชอบความรู้สึกเช่นนี้มาก
ดูเหมือนเธอจะย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ขี่มอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนกับแฟนหนุ่มสุดหล่อราวกับเป็นักศึกษามหาวิทยาลัย เมื่อตอนที่เข้าโค้ง จินอิ๋นไม่ได้ชะลอเบรกเลย ตัวรถเองก็โค้งต่ำมาก เยื้องจากจุดศูนย์ถ่วงที่น่าตื่นเต้นทำให้อี้สี่เกิดภาพลวงตาว่าตอนนี้หากลื่นไถล ชีวิตก็จะจบลง งั้นก็ช่างมันเถอะ มันเป็ความบ้าคลั่งแบบหนึ่ง อี้สี่ชอบความบ้าคลั่งที่หายไปในวัยเยาว์ที่เป็ทุกอย่างต้องปกติและเข้มงวด ั้แ่วินาทีแรกที่เธอได้พบกับจินอิ๋นก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับความรู้สึกเช่นนี้
ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือประมงเล็กๆ ริมชายฝั่ง ท่าเรือประมงมีเรือประมงไม่มากแต่คนที่มาตกปลาเยอะมาก แม้จะเป็เวลากลางคืนแต่ก็มีชีวิตชีวาคึกคักมาก มีรถบรรทุกแบบญี่ปุ่นจอดอยู่ข้างๆ โดยรถบรรทุกแบบญี่ปุ่นติดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเปิดหลอดไฟให้สว่าง มีเตาถ่านยาวอยู่บนตัวรถ มีไม้ย่างต่างๆ และตู้เย็นที่อัดแน่นเต็มไปด้วยเครื่องดื่ม
จินอิ๋นย่างเนื้อที่เสียบไม้ นอกจากนี้ยังมีปลาหมึกย่างที่ต้องกินที่ชายหาดอีกด้วย ทั้งสองนั่งกันอยู่บนเขื่อนพลางกินบาร์บีคิวร้อนๆ ไปด้วย
“ทำไมคุณถึงพาฉันมากินบาร์บีคิวในสถานที่มหัศจรรย์ขนาดนี้กัน?” อี้สี่ถาม จริงๆ แล้วเธอชอบทริปนี้ แต่ก็แค่อยากรู้ความตั้งใจของเขาก็เท่านั้น
“บาร์บีคิวย่างเตาถ่านนี้อร่อยมาก และคุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับลมทะเลได้ ที่สำคัญวันนี้พระจันทร์สวยมากด้วย” จินอิ๋นชี้ไปที่พระจันทร์
วันนี้เป็พระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์ดวงใหญ่กลมโต ที่แห่งนี่ทำให้มีแสงสว่างน้อย ทำให้ภาพตรงหน้าดูงดงามมากกว่าเดิม “พระจันทร์เต็มดวง! มนุษย์หมาป่าสามารถแปลงร่างได้เมื่อพระจันทร์เต็มดวง แล้วจิ้งจอกสามารถแปลงร่างได้ไหม?” อี้สี่พูดติดตลก จินอิ๋นมักจะชอบบอกว่าตัวเขาเป็สุนัขจิ้งจอก
“สุนัขจิ้งจอกค่อนข้างก้าวหน้า สามารถแปลงร่างเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่้า แต่ถ้าไม่ได้รับพลังเป็เวลานาน ก็คงเป็เื่ยากที่จะรักษารูปร่างของมนุษย์เอาไว้ได้” จินอิ๋นตอบอย่างจริงจัง
“หรือว่าหนทางที่จะได้รับพลังคือการมีเซ็กส์?” อี้สี่ยังคงสนทนาเื่ไร้สาระนี้ต่อไป
“ใช่แล้ว! ดังนั้นคุณก็ต้องให้อาหารผม”
“คุณสามารถหาคนอื่นมาเลี้ยงคุณได้! ตราบใดที่คุณอยากกิน คุณก็กินได้หมดอยู่แล้ว”
“แต่ผมก็มีรสนิยมที่ผมชอบอยู่ ผมเองก็มีจุดยืนเป็ของตัวเองนะ” จินอิ๋นพูด อี้สี่รู้สึกว่าเขาหลอกเธอให้คิดว่าตัวเขาเป็สุนัขจิ้งจอก ช่างทุ่มเทมาก “งั้นก็โชว์หางของคุณให้ฉันดูสิ” อี้สี่ยังคงล้อเล่นกับเขาต่อไป
จินอิ๋นกระซิบข้างหูเธอ “รอจนกว่าคุณจะโดนผมจัดการจนตาพร่าเบลอ ผมถึงจะแสดงให้คุณดู” ลมหายใจอุ่นร้อนของเขากำลังเป่ารดอยู่ข้างหู คำพูดของเขาหยาบโลนมากจนทำให้ใบหน้าของอี้สี่เห่อร้อน และรู้สึกคาดหวังเล็กๆ ในใจ
“งั้น ถ้าเอาออกมามันก็คงจะเปื้อนมาก” อี้สี่พึมพำอย่างลังเล
“ผมจะไม่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายแน่ และเป็เพราะฮอร์โมน มีบางคนที่้ามันมากกว่าเดิมด้วย” เขาหายใจรดหูของเธอจนหลังใบหูและคอของอี้สี่ก็รู้สึกชา “คุณจะ้ามัน” น้ำเสียงของจินอิ๋นมั่นใจมากจนเธอไม่กล้าเผชิญหน้า
ลมทะเลพัดมาเย็นมาก แต่เขาก็กอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ทะเลยามค่ำคืนที่มองเห็นได้เพียงแสงเรือประมงจากระยะไกลและคลื่นทะเลลางๆ หนาแน่นและใหญ่โตจนทำให้ผู้คนมองคลื่นด้วยความกลัว แต่เมื่อมีจินอิ๋นอยู่เคียงข้าง การมองทะเลก็ไม่ทำให้รู้สึกเหงาอีกต่อไป “ทำไมคุณถึงอยากมาทะเลล่ะคะ?” อี้สี่ถาม
“นานๆ ครั้งก็อยากรู้สึกเหมือนกำลังออกเดท”
“แต่ฉันไม่ใช่แฟนของคุณนะ”
“ไม่มีใครสามารถเป็แฟนของผมได้หรอก แต่ผมชอบคุณ”
“ฉันไม่เข้าใจตรรกะของคุณเลย” อี้สี่หันไปมองเขา
“คุณไม่จำเป็ต้องเข้าใจหรอก แค่สนุกไปกับมันก็พอแล้ว” จินอิ๋นก้มหน้าลงไปประทับจูบบนริมฝีปากของเธอ ตวัดปลายลิ้นเกาะเกี่ยวลิ้นร้อนชื้นของเธอ ไม่รู้ว่าเป็เพราะบรรยากาศที่ชายหาดหรือเปล่า แต่อี้สี่รู้สึกว่าการจูบนั้นปลุกเขย่าอารมณ์ของเธอจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองได้
คิดว่าการที่จินอิ๋นมาที่ชานเมืองก็เพื่อมาเอ้าท์ดอ เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของอี้สี่ เธอก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเธอแค่คิดและไม่ได้พูดออกมา แต่จินอิ๋นกลับดูเหมือนจะได้ยิน “ครั้งหน้าเถอะ! ครั้งหน้าเราจะมาทำแบบนั้นกัน วันนี้คุณเหมาะกับสถานที่ที่สะอาดและสะดวกสบาย” เขาพูด
“อะไรนะ? ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย!” อี้สี่สะดุ้ง อธิบายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จินอิ๋นหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมดูออก ผมเองก็อยากทำ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้