บทที่ 13 ฉู่เฟย
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ สวมเสื้อคลุมสีฟ้าดูเรียบง่ายทว่าสง่างาม รูปร่างอรชรเพรียวสูงและมีเสน่ห์ แต่ดวงตาที่สวยงามกลับเ็า ใบหน้าเชิดขึ้นดูหยิ่งผยองอย่างยิ่ง
เหล่าศิษย์ในลานคล้ายถูกนางดึงดูด จับจ้องมองไปยังความงดงามตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา
มีเพียงฉู่อวิ๋นเท่านั้นที่แตกต่าง
“ฉู่เฟย!” เสียงไร้ความรู้สึกดังออกมาจากปากของฉู่อวิ๋น
เมื่อได้ยินเสียงเรียก หญิงสาวที่ชื่อฉู่เฟยก็หันมามองฉู่อวิ๋นเพียงปราดเดียว ดวงตาที่สบมองยังคงเ็า
ทว่าดูเหมือนนางจะเห็นเขาเป็เพียงอากาศและไม่คิดสนใจ แล้วผินหน้ากลับมาพูดกับฉู่เจี้ยนเหรินที่นอนอยู่บนพื้นซ้ำยังกระอักเป็เืว่า "เจี้ยนเหริน หากท่านอยากจะตายต่อ ข้าก็จะไม่ห้าม"
ฉู่เจี้ยนเหรินกุมหน้าอกแล้วประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ แต่ก็ยังคงพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยความเคารพ "น้องเฟย เ้าหยุดข้าทำไม? เมื่อครู่เป็เพราะข้าประมาทตกหลุมพราง หากให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง ข้าต้อง...ต้องชนะมันได้แน่!”
แปลกนักที่แม้ฉู่เจี้ยนเหรินจะเรียกนางว่าน้อง แต่ใบหน้าที่พูดด้วยกลับมีความเคารพยำเกรงอยู่บ้าง
ฉู่เฟยตะคอกใส่อย่างเ็าและอธิบายนิ่งๆ "โง่นัก ท่านไม่รู้หรือว่าคู่ต่อสู้กำลังยืมมือท่านมาฝึกปรือวิชากระบี่ของตนเอง?"
ทันทีที่พูดจบ ศิษย์ทุกคนในลานฝึกยุทธ์ต่างตกตะลึง ฉู่อวิ๋นผู้นี้กล้ามากถึงขนาดฝึกดาบในการประลองเชียวหรือ? รู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็มือกระบี่ที่สูงกว่าเขาหนึ่งระดับเชียวนะ!
หากไม่ระวัง อาจพ่ายแพ้หรือถูกฆ่า ฉู่อวิ๋นไม่กลัวตายหรือ?
ฉู่เจี้ยนเหรินกัดฟันและก้มหน้าลงเงียบๆ จากนั้นเขาก็ตอบฉู่เฟยอย่างไม่เต็มใจ "เข้าใจแล้ว แพ้ครั้งนี้เป็ความผิดของข้าเอง น้องสาวสอนได้ดีแล้ว"
“หึ ห่างหายกันไปนาน เ้ายังคงเย่อหยิ่งและคิดว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นอยู่เสมอเลยสินะ!”
ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นไม่อาจระงับความเกลียดชังในใจได้อีกต่อไป เขากำด้ามกระบี่แน่น ตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ฉู่เฟยหันกลับมา ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่ฉู่อวิ๋นแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "โอ้? คนจากตระกูลย่อยเช่นเ้า กล้าดียังไงมาทำปากคอเราะร้ายใส่ผู้สืบทอดตระกูลหลักเช่นเขาอย่างนั้นหรือ? ช่างสมกับเป็ดาวหายนะเสียจริง”
“เชอะ! ช่างเป็ผู้สืบทอดตระกูลหลักที่ดีจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เ้า…ถ้าไม่ใช่เ้า!”
ฉู่อวิ๋นโกรธมากจนยกกระบี่ชี้ไปที่ฉู่เฟย
“ท่านลุงใหญ่ของข้าจะตายหรือ?”
“ท่านอาเจ็ดของข้าจะตายหรือ?”
“ยังมีญาติคนอื่นๆ ของข้าอีก...”
“เป็เพราะเ้า...เป็เ้าที่ทำให้พวกเขาตาย!”
ฉู่อวิ๋นจ้องมองด้วยความโกรธ เหวี่ยงกระบี่ตัดผ่านความว่างเปล่า และชี้ไปที่ฉู่เฟยที่ยังคงยืนมองอย่างเย่อหยิ่ง ตัวกระบี่ถูกล้อมรอบด้วยดวงดาวที่สว่างสดใส โยงใยไปถึงความทรงจำในอดีตที่หลั่งไหลเข้ามากระทบจิตใจของเขา…
“วันนี้ ข้าจะป่าวประกาศความชั่วของเ้าเอง!” ฉู่อวิ๋นะโเสียงแหบแห้งและเริ่มเล่าอดีตของฉู่เฟย
ฉู่เฟย เป็ลูกสาวคนเล็กของหัวหน้าตระกูลหลัก เมื่ออายุได้สิบสี่ปี นางได้ปลุกิญญายุทธ์นางแอ่นเพลิงมรกตระดับหกขึ้นมา พร์ของิญญายุทธ์แข็งแกร่งเหลือคณานับ ทำให้นางได้รับความโปรดปรานจากผู้คนมากมาย อายุยังน้อยก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้าุโให้ขึ้นเป็ผู้สืบทอดตระกูลฉู่หลักเมืองไป๋หยาง
ความสามารถในการปลุกิญญายุทธ์ระดับหกขึ้นมาได้นั้น ถือเป็อัจฉริยะในราชวงศ์เซี่ยตะวันออก พร์เช่นนี้ แม้จะอยู่ในตระกูลฉู่แห่งเมืองไป๋หยาง ก็นับว่าร้อยปีจะมีสักคน
ดังนั้น ฉู่เฟยจึงได้รับการประคบประหงมจากตระกูลั้แ่ยังเด็ก มีทั้งพร์และสมบัติพัสถานจำนวนมาก ในเวลาเพียงสองปี การฝึกฝนของนางก็ได้มาถึงระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ และกลายเป็เป็ที่ชื่นชมอย่างมาก
ผู้คนในเมืองไป๋หยางถือว่านางเป็ธิดาที่์ภาคภูมิใจ ท้ายที่สุด หญิงสาวที่มีทั้งความสวยงามและความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนต่างก็เป็ที่จับจ้องเสมอ
สองเดือนก่อน ระหว่างความวุ่นวายของกลุ่มสัตว์ปีศาจในป่าสนธยา ฉู่เฟยมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะขอเข้าร่วมการต่อสู้ หลังจากเพียรพยายามทุกรูปแบบ ตระกูลหลักก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้นางไปกับกลุ่มต่อสู้กลุ่มใหญ่
ทว่า เมื่อทุกคนมาถึงป่าสนธยา ฉู่เฟยกลับเพิกเฉยต่อคำแนะนำของนักรบิญญา และอาศัยความชำนาญและความเร็วที่นางแอ่นเพลิงมรกตมอบให้ หลบหนีจากทุกคนและเดินลึกเข้าไปในป่า
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ตระกูลฉู่ทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที เพื่อปกป้องความปลอดภัยของฉู่เฟย ทุกคนต้องออกจากกลุ่มและเข้าไปในป่าลึกเพื่อตามหานาง
นี่กลายเป็จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ฉู่เฟยเป็คนหยิ่งยโส ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ภายในป่า จึงไปยั่วยุสัตว์ปีศาจสิงโตเขี้ยวโลหิตขึ้นจนถูกปิดล้อมอย่างแ่า
สัตว์ร้ายจะดูดซับพลังจาก์และโลก สร้างแกนกลางจิติญญา หลังจากก้าวหน้า มันก็จะกลายเป็สัตว์ปีศาจที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมนุษย์ในขั้นมหาสมุทร
และสิงโตเขี้ยวโลหิตก็เป็สัตว์ปีศาจขั้นสูง ไม่ต้องพูดถึงพวกมันทั้งฝูง แม้แค่ตัวเดียวฉู่เฟยก็ไม่อาจจัดการได้
ตอนนั้น นับรบตระกูลฉู่มาถึงพอดี เพื่อปกปิดการหลบหนีของฉู่เฟย นักรบจากตระกูลย่อยไม่สนชีวิต ต่อสู้กับสิงโตเขี้ยวโลหิตอย่างไม่กลัวตาย จนกลายเป็ร่างไร้ิญญานับไม่ถ้วน!
นับรบจากตระกูลย่อยเสียชีวิตอย่างกล้าหาญ แต่ตระกูลหลักบางคนที่หนีไปจากเขตป่าทำเพียงทิ้งร่างของพวกเขาไว้ ไม่ปฏิบัติตามกฎของตระกูลและฝังศพผู้เสียสละของตระกูลย่อยไว้ในสุสานปราณั
“ถ้าไม่ใช่เพราะ...ท่านอาเจ็ดฝืนตัวเองให้หายใจรอข้าที่หลุมศพไร้ญาติ และบอกความจริงกับข้า ข้าก็คงไม่รู้เื่ไปตลอดชีวิต!"
ฉู่อวิ๋นชี้ไปที่ฉู่เฟยด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเ็ป
นี่คือความน่าอเนจอนาถ! นี่คือความเคียดแค้น!
อาจกล่าวได้ว่า เป็เพราะความเย่อหยิ่งของฉู่เฟย ทำให้ญาติของฉู่อวิ๋นต้องตายทางอ้อม!
หลังจากฟังข้อกล่าวหาของฉู่อวิ๋น ศิษย์บางคนก็เต็มไปด้วยความสงสัยและเริ่มพูดคุยกัน
“ฉู่อวิ๋นพูดเื่จริงหรือ? ข้าคิดมาเสมอว่า…เขาเป็คนฆ่าสมาชิกตระกูลย่อยทั้งหมด”
“ไม่ใช่กระมัง พี่เฟยแม้จะดูโอ้อวดไปสักหน่อย แต่นางก็คงไม่ทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นนั้นหรอก?”
“ฉู่อวิ๋นสามารถฝึกฝนได้ ทั้งเขายังไม่ได้สังหารตระกูลของตัวเอง หรือว่าิญญายุทธ์ที่เขาปลุกจะไม่ใช่เศษเหลือเดน? เป็ไม่ได้นี่นา ิญญายุทธ์ของเขาเป็กระบี่หักจริงๆ นะ”
“หรือพวกเรามองเขาผิดไป?”
สักพักหนึ่งก็มีเสียงพูดกันดังขึ้นในลานจัตุรัส บางคนถามคำถามด้วยความสับสน บางคนะโสาปแช่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ และส่วนมากก็ตกอยู่ในความตกตะลึง
แม้แต่ในตระกูลหลักก็ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ของตระกูลย่อย
บนแท่นชมลานฝึกยุทธ์ ผู้าุโทุกคนมีสีหน้าหม่นหมอง แน่นอนว่าพวกเขารู้ความจริงของเื่นี้ แต่ฉู่เฟยเป็ผู้สืบทอดที่ตระกูลหลักฝึกฝนมาอย่างดี หากเื่นี้ถูกแพร่งพรายออกไป หลังฉู่เฟยขึ้นรับตำแหน่งจะโน้มน้าวใจคนอื่นได้อย่างไร? จะวางหน้าตระกูลฉู่ไว้ที่ไหน?
ดังนั้น เมื่อสามเดือนที่แล้ว เหล่าผู้าุโจึงกล่าวโทษฉู่อวิ๋น โดยบอกว่าเขาเกิดมาพร้อมกับิญญายุทธ์พิการ นำไปสู่การทำลายล้างเผ่าพันธุ์
ผู้าุโคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะเสียสละนักรบิญญาที่ตกตายจากตระกูลย่อย เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขา
“เ้า...เ้าจะพูดอะไร?!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นแดงก่ำ จ้องมองไปยังฉู่เฟยที่ยังงดงามและหยิ่งยโส หยาดน้ำตาไหลริน
ฉู่เฟยเงียบและเหลือบมองไปที่ฉู่อวิ๋น ใบหน้าของนางยังคงเ็าและเชิดหยิ่งอยู่เสมอ
จากนั้นไม่นาน นางก็พูดขึ้นมาเบาๆ "เท่านี้หรือ? เ้า้าให้ข้ายอมรับอย่างนั้นหรือ? ไร้สาระน่า...ข้าเป็ถึงทายาทเชื้อสายไป๋หยางของตระกูลฉู่ และปลุกิญญายุทธ์ระดับหกขึ้นมาได้..."
ฉู่เฟยหรี่ตาลงในขณะที่พูด ปรากฏร่างเงาขึ้นด้านหลัง เป็นกนางแอ่นที่มีเปลวไฟสีเขียวทั่วตัว มันเบาบางทว่าสง่างาม
“การช่วยให้ข้าหลบหนีเป็เื่ที่ตระกูลเ้าควรทำอยู่แล้ว นั่นเป็เหตุผลว่าทำไมต้องมีตระกูลย่อยไม่ใช่หรือ? แต่เ้ากลับกล่าวหาว่าข้าก่อการไม่อาจให้อภัย? ช่างกล้านัก เป็แค่คนที่ปลุกิญญายุทธ์พิการขึ้นมาได้ กลับพูดจาที่น่าหยาบคายจริงๆ”
“ข้าจะขอบอกเอาไว้ ณ ที่นี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าก็จะยังหลบหนีออกจากกลุ่มไปเช่นเดิม ข้าไม่ผิด”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดจากปาก ทั้งลานก็เกิดความโกลาหล
แม้แต่ผู้าุโบางคนที่ให้ความสำคัญกับฉู่เฟยก็ส่ายหัวและถอนหายใจ
พูดมากเกินไปแล้วจริงๆ
เดิมที ตราบใดที่ฉู่เฟยยืนยันว่าเหตุการณ์ของตระกูลย่อยไม่เกี่ยวกับนาง ผู้คนส่วนใหญ่ก็ย่อมไม่เชื่อฉู่อวิ๋นที่เป็ดาวหายนะ
แต่ผู้าุโคิดไม่ถึงว่าฉู่เฟยจะยอมรับมันเสียได้
"เ้า...ไปตายเสีย!"
ดวงตาของฉู่อวิ๋นเ็าอย่างยิ่ง ความโกรธพุ่งขึ้นในใจ! เขาสูญเสียสติและถ่ายเทพลังปราณจำนวนมากลงในกระบี่เล่มยาว ก่อเกิดดาราจรัสแสงและกำลังจะฟาดฟันไปที่ฉู่เฟย!
"ควั่บ--"
ในความว่างเปล่า ปราณกระบี่แสงดาวยาวสองหมี่ปรากฏขึ้น
แต่ก่อนที่กระบี่จะเหวี่ยงโดน ฉู่อวิ๋นก็ถูกโจมตีด้วยพลังอันนุ่มนวล จนถอยไปหลายก้าวและตกลงไปที่ขอบลานฝึกยุทธ์
"ใคร?!"
ฉู่อวิ๋นโกรธมาก เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นร่างที่คุ้นเคยและน่ารำคาญปรากฏอยู่ตรงหน้า
นั่นคือลุงรองของเขา ฉู่อู๋
“เชอะ! เ้าดาวหายนะ! เ้าคงไม่อยากมาเสียหน้าแล้วตายอยู่ที่นี่กระมัง? การฝึกฝนของเ้าอยู่แค่ระดับสามของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ไม่เหมาะกับนังสารเลวนี่หรอก!” ฉู่อู๋ะโเสียงดังโดยไม่หันมามอง
“นังสารเลวเรอะ... เ้าเป็เพียงผู้ฝึกสอน กล้าดียังไงมาเรียกข้าว่านังสารเลว! หากเราไม่รับเ้าเข้ามาแล้วให้ข้าวให้น้ำกิน ป่านนี้เ้าจะได้ดิบได้ดีเสียขนาดนี้เหรอ?” หลังจากได้ยินคำหยาบคายของฉู่อู๋ ในที่สุดฉู่เฟยก็ขมวดคิ้ว นางโกรธแล้ว
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น รวมถึงฉู่อวิ๋นต่างก็ใมาก
สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ทำไมจู่ๆ ฉู่อู๋ถึงไปเผชิญหน้ากับฉู่เฟยได้ล่ะ?
ในขณะนี้ ฉู่อู๋เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและยกยิ้ม ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ความโศกเศร้า และร่องรอยของความมุ่งมั่น
“ข้าสงสัยมานานแล้ว พี่ใหญ่และน้องสามเป็คนระวังตัวมาก จะเข้าไปอยู่ในที่ของฝูงสิงโตเขี้ยวโลหิตได้อย่างไร!?”
“ตอนแรกข้าคิดว่าเป็เพราะดาวหายนะที่ปรากฏตัวขึ้น พาให้พี่ใหญ่และคนอื่นๆ ต้องตาย ที่แท้ทั้งหมดเป็เพราะเ้า นังสารเลวตัวน้อย”
ใบหน้าที่สวยงามของฉู่เฟยเริ่มเ็าลงเรื่อยๆ นางแอ่นเพลิงมรกตที่อยู่ข้างหลังนางก็ส่งเสียงหวีดร้องอย่างโกรธเคือง
ในตอนนี้ ฉู่อวิ๋นสับสนในใจอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ลุงรองเกลียดเขายิ่งนัก แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลหลักอย่างเปิดเผยเพื่อระบายความแค้นให้เหล่าพี่น้อง
แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่อู๋ต้องเข้าร่วมตระกูลหลักั้แ่แรก ทั้งๆ ที่เขาใส่ใจเื่พี่น้องปรองดองเสียขนาดนั้น
แต่ถึงแม้จะเป็เพราะเกลียดตัวเขาเอง ก็ดูจะมากเกินไปหน่อย
ในเวลานี้ ฉู่อู๋หันหน้าไปมอง ดวงตาเป็ประกาย ชี้ไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ใต้ลานฝึกยุทธ์ที่พูดจากยกย่องฉู่อวิ๋น และพูดกับเขาว่า "ดูแลลูกสาวของข้าให้ดี"
ดูแลลูกสาวของเขาให้ดี?
ลุงรองจะทำอันใด?
“หรือว่า…หรือว่าลุงรองคิดว่าข้าเป็ดาวหายนะและกลัวว่าข้าจะทำให้ลูกสาวของเขาตาย เลยละทิ้งปณิธานเดิมในใจแล้วเข้าร่วมกับตระกูลหลัก!” ฉู่อวิ๋นเหลือบมองเด็กน้อยครู่เดียว ทันใดนั้น เมื่อตระหนักได้ก็ะโขึ้นว่า "ลุงรอง!"
บนลานฝึกยุทธ์ ฉู่อู๋สวมถุงมือเหล็กเนื้อดี พลังปราณของเขาพุ่งออกมาอย่างดุเดือด เจตนาฆ่าช่างน่าเกรงขาม เขาพึมพำกับตัวเอง
“ข้า ฉู่อู่ ความสามารถทั่วไปไม่อาจเตะตา พลังยุทธ์อยู่ที่ระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ทั้งยังมีลูกสาวตอนวัยกลางคน ภรรยาจากไปเพราะคลอดยาก ข้าอยากมีชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้ว่าจะไม่อาจนำร่างเหล่าพี่น้องไปฝังที่สุสานปราณัได้ แต่ข้าก็ทนได้...
“แต่วันนี้! ข้ารู้แล้วว่าเป็เ้า หญิงสารเลวที่ฆ่าพี่น้องของข้า ข้าไม่อาจทนได้แล้ว!”
“ครั้งนี้ ให้กำปั้นเสือเหล็กของข้า สั่งสอนนางแอ่นไร้สาระของเ้าเสีย!”
"ตึง--"
หมัดของฉู่อู๋ปะทะกัน ทำให้เกิดคลื่นอากาศรุนแรง! วงคลื่นพลังแผ่กระจายออกไป กวาดไปทั่วลานฝึกยุทธ์ และมีเงาเสือปรากฏอยู่ข้างหลังที่กำลังคำรามด้วยความโกรธ!
"โฮก--"
"นังสารเลว! รับหมัดข้าไป!"
ฉู่อู๋ไม่หันกลับมามองและโจมตีฉู่เฟยโดยตรง!
เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่อู๋ผู้มุ่งมั่นและเงาหมัดเสืออันดุร้าย ฉู่เฟยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยืนอย่างสงบเงียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ก่อนหยิบใบมีดที่โค้งยาวออกมาจากเอว
สำหรับเื่นี้ ผู้าุโบนแท่นชมลานฝึกยุทธ์ไม่นึกแยแส ดวงตาของพวกเขาเ็าราวกับว่ารู้ผลการต่อสู้อย่างชัดเจนแล้ว
“ลุงรอง! กลับมา!” ฉู่อวิ๋นมองดูฉู่อู๋ก้าวไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้