แต่เื่น่าขำก็คือ แม้จะได้โอกาสเช่นนี้ แต่คังอิงกลับไม่มีต้นทุน ปัญหาใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคือ เธอไม่มีเงิน ไม่มีเงินแล้วจะไปซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ์ได้อย่างไร? ต่อให้ถูกหวย เธอก็ต้องมีเงินไปซื้อหุ้นดั้งเดิมไม่ใช่หรือ?
หรือว่าเธอจะได้แค่มายืนอยู่บนกองขุมทรัพย์ แต่ต้องกลับไปมือเปล่า?
ไม่ เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ของเซี่ยงไฮ้จะเริ่มออกในเดือนมกราคมปีหน้า เธอต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินก่อนเดือนมกราคมปีหน้าให้ได้...
“เื่หุ้นมันดูเลือนรางมากเกินไปหน่อย ถ้าคุณอยากหาเงิน ก็ทำธุรกิจเล็กๆ จะดีกว่านะ”
สือเจียงหย่วนเตือนคังอิง เขาครุ่นคิดอยู่ว่าเธอจะรับเงินทุนจากเขาหรือเปล่า เพราะอย่างไรเธอก็เป็ถึงผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขา เื่บุญคุณที่ช่วยชีวิต ย่อมตอบแทนด้วยน้ำพุแห่งความกตัญญู
เป้าหมายของสือเจียงหย่วนก็คือการหาเงิน เขาเดินทางมาที่อำเภอหลี่ว์ เพราะที่นี่มีแร่ธาตุมากมายใต้ดิน ตำบลตงหยางที่อยู่ในการปกครองของอำเภอหลี่ว์เป็แหล่งผลิตถ่านหินชนิดหนึ่ง เขาเดินทางมาที่นี่ เพราะอยากได้สัมปทานเหมืองถ่านหินที่มีแร่มากมายแห่งนี้
คิดไม่ถึงว่าคนในพื้นที่เขตตงหยางจะสนใจเหมืองถ่านหินแห่งนี้ด้วย ทำให้แผนของทั้งสองฝ่ายชนกัน
อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็คนต่างถิ่น จึงคิดจะเล่นสกปรก คนกลุ่มหนึ่งที่ไล่ล่าเขาเมื่อวานเป็ลูกน้องของเถ้าแก่เหมืองคนนั้น
สือเจียงหย่วนไม่เคยเปิดเผยตัวตน และไม่เคยใช้บารมีของตระกูลสือ หากทำแบบนั้น เขาคงหลุดพ้นจากพันธนาการของครอบครัวไม่ได้
เถ้าแก่เหมืองคนนั้นคิดว่าเขาเป็คนต่างถิ่นไร้รากฐาน หากสือเจียงหย่วนถูกจับได้ และถูกคนพวกนั้นพาตัวไป บางทีเขาอาจจะถูกทิ้งไว้ในเหมืองใต้ดินจนไม่มีใครได้พบได้เห็นอีกก็ได้
สือเจียงหย่วนเริ่มแอบทำธุรกิจโดยไม่บอกครอบครัวมาเป็เวลาสี่ปีแล้ว จนกระทั่งตอนนี้เขาได้เก็บสะสมเงินไว้เป็จำนวนหนึ่ง ดังนั้นการให้ทุนแก่คังอิงจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา
เห็นคังอิงครุ่นคิดอยู่นาน สือเจียงหย่วนจึงบอกขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ เราสองคนมาจับมือร่วมทุนกันดีไหม? พอดี่นี้ผมขาดคนช่วยงาน ทำไมคุณไม่มาช่วยผมล่ะ?”
คังอิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าสือเจียงหย่วนจะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอนึกชมในใจ เขาช่างมีวิสัยทัศน์จริงๆ
เธอเคยเป็ถึงประธานบริษัท ไม่ว่าสือเจียงหย่วนจะทำธุรกิจอะไร เธอก็ยังคงมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์และทักษะการวางนโยบายอยู่
คังอิงไม่ทันสังเกตเห็นแววตาหลุกหลิกของสือเจียงหย่วนตอนที่เขาเอ่ยแนะนำเื่นี้ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณวางแผนจะทำธุรกิจอะไร?”
สือเจียงหย่วนไปไม่เป็กับคำถามนี้ เขาลองหยั่งเชิงดูก่อน แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะทำธุรกิจอะไร อันที่จริงเขาพูดแบบนี้ ก็แค่อยากจะช่วยคังอิง
“เื่นี้ ผมให้คุณลองสำรวจตลาดก่อนก็แล้วกัน ว่ามีธุรกิจอะไรทำได้บ้าง ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ”
สือเจียงหย่วนยิ้มเขินๆ เธอเป็คนหนึ่งที่สามารถดูข่าวเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ และยังรู้จักวิธีการเล่นหุ้นอีกต่างหาก เขาคิดว่าวิสัยทัศน์ของเธอคงไม่ด้อยไปกว่านั้น
“คุณมีเงินทุนเท่าไหร่?” คังอิงถามอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะกล่าวเสริม “ฉันต้องดูก่อนว่าเงินทุนของคุณพอจะลงทุนกับอะไรได้แค่ไหน”
สือเจียงหย่วนพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาว่าหรือว่าเงินทุนที่เขาเก็บสะสมไว้จะไม่เข้าตาคังอิง?
เดิมทีเขาวางแผนว่าจะปกปิดไว้บ้าง แต่พออยู่ต่อหน้าคังอิง เขาคิดว่าควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ตนเอง ดังนั้นจึงบอกออกมาตามความจริง “สองแสนหยวนกว่าๆ ถ้าไปหยิบยืมจากคนอื่นก็คงได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย”
คังอิงไม่ได้มีสีหน้าใ เธอกล่าวอย่างใจเย็น “คงพอเปิดร้านขายสินค้าได้ แต่ว่าจะทำธุรกิจอะไรนั้น ฉันต้องลองสำรวจตลาดในอำเภอก่อน ตอนนี้ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้”
“ได้ ไม่รีบหรอก คุณสำรวจดูอย่างรอบคอบก็แล้วกัน ถ้ามีความคิดเห็นอะไรก็บอก ผมรู้จักคนแถวนี้พอสมควร เื่ขออนุญาตอะไรพวกนั้น เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
สือเจียงหย่วนหมายความว่า หากทำธุรกิจแล้วต้องติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ให้เขาเป็คนจัดการแทนได้
คังอิงได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจมาก การทำธุรกิจในตอนนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ยิ่งการขอใบอนุญาต หากไม่มีคนรู้จัก ย่อมต้องใช้เวลานาน ซึ่งอาจเสีย่เวลาทองไปเปล่าๆ
คิดไม่ถึงว่าสือเจียงหย่วนจะเป็เด็กชายขุมสมบัติ [1] แบบนี้!
อยู่ๆ คังอิงเริ่มคิดขึ้นมาทันทีว่า สือเจียงหย่วนเป็คนที่์ส่งมา เพื่อช่วยเหลือเธอในยุคสมัยนี้หรือเปล่านะ?
พอเห็นคังอิงครุ่นคิดอย่างหนักแบบนี้ สือเจียงหย่วนจึงลูบคางพลางมองดูเธออย่างเหม่อลอย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาที่เขามองคังอิงนั้น เปิดเผยโจ่งแจ้งมากเกินไป
“อันดับแรก เราต้องไปดูว่าตอนนี้สินค้าแบบไหนขายดีที่สุดในอำเภอ หลังจากนั้นค่อยมาประเมินต้นทุนโดยรวมของธุรกิจทั้งหมด... ”
คังอิงพึมพำพลางดีดนิ้ว ราวกับกำลังคำนวณเื่ที่จะทำต่อไป
“จริงสิ คุณคิดจะทำธุรกิจด้วยตัวเอง หรือจะจ้างผู้จัดการมืออาชีพ?”
จู่ๆ คังอิงก็หยุดคิด และหันไปถามสือเจียงหย่วน เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตาเข้ากับสือเจียงหย่วนที่กำลังจ้องมองเธออยู่
คังอิงไม่ได้ใส่ใจเื่นี้ เวลาที่เธอประชุม ลูกน้องมักจะใช้สายตาจดจ่อเช่นนี้มองเธอเสมอ เพราะแบบนี้คังอิงจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสายตาของเขาที่จ้องมองเธอ กลับรู้สึกว่ามันเป็เื่ปกติธรรมดา
ส่วนสือเจียงหย่วนกลับสะดุ้งใ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเอาแต่จ้องมองคังอิงอยู่ตลอดเวลา จนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เขาคิดในใจว่าคังอิงคงไม่เห็นเขาเป็พวกบ้ากามหรอกนะ? หากเธอรู้สึกกลัวขึ้นมา แล้วเรียกเขาว่าคนทะลึ่งจะทำอย่างไร?
คิดไม่ถึงว่าคังอิงจะจ้องมองเขาด้วยแววตาใสกระจ่าง แล้วถามคำถามที่เกินความคาดหมายของเขา
‘โอ้ โชคดีที่เธอไม่ได้ด่าเขาว่าเป็พวกทะลึ่งบ้ากาม... ’ สมองของสือเจียงหย่วนหมุนติ้ว ทว่าตัวเองกลับงุนงงไปหมด
ผู้จัดการมืออาชีพ? มันคืออะไร?
การลงมือทำด้วยตัวเอง สือเจียงหย่วนเข้าใจความหมายของมัน นั่นก็คือการจัดการธุรกิจด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าผู้จัดการมืออาชีพมันคืออะไรกัน?
สือเจียงหย่วนเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้สองปีแล้ว แต่ในมหาวิทยาลัยเขาไม่ได้เรียนสาขาบริหารธุรกิจหรือเศรษฐศาสตร์ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘ผู้จัดการมืออาชีพ’ ที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็เลยงงงวยไปหมด
“ก็คือการจ้างคนนอกมาช่วยคุณทำธุรกิจ ส่วนคุณทำหน้าที่เป็เถ้าแก่สบายๆ ก็พอ”
คังอิงเห็นสีหน้างุนงงของสือเจียงหย่วน จึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ในยุค 90 องค์กรธุรกิจครอบครัวกำลังค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภายหลังองค์กรธุรกิจครอบครัวหลายแห่งเกิดแิการว่าจ้างผู้จัดการมืออาชีพขึ้นมา เพื่อตัดวงจรอันเสื่อมโทรมของธุรกิจครอบครัว
ตอนนี้คงยังไม่มีตลาดสำหรับผู้จัดการมืออาชีพ ดังนั้นสือเจียงหย่วนถึงได้ทำท่าแบบนั้น
ที่คังอิงถามเช่นนี้ก็เพราะเธอ้าแนะนำตนเอง เธอมองออกว่าสือเจียงหย่วนไม่ใช่คนที่ติดอยู่กับธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ เขาน่าจะมีเื่สำคัญอื่นๆ ต้องทำ หากเขาจ้างเธอเป็ผู้จัดการมืออาชีพได้นั่นจะเป็อะไรที่ดีที่สุด
เธอไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แค่หาโอกาสในการเปลี่ยนความสามารถของเธอให้กลายเป็เงินก็พอ คังอิงมีหัวด้านการค้าที่เฉียบแหลม เธอเชื่อด้วยว่าความสามารถของตัวเองจะไม่ทำให้สือเจียงหย่วนเสียใจแน่ อีกทั้งยังจะทำให้เขาได้อย่างคุ้มค่ากว่าสิ่งที่เสียไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้วางแผนจะทำอาชีพผู้จัดการมืออาชีพนานนัก เธอจะทำเพียงแค่พาธุรกิจให้เข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และรอจนเธอได้เงินเดือนของเธอ จากนั้นก็จะถอนตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์จองซื้อหุ้นที่เซี่ยงไฮ้ในเดือนมกราคมปีหน้า เธอจะต้องคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ให้ได้ เพราะมันเป็โอกาสในการเพิ่มพูนความมั่งคั่งของเธอเป็สองเท่า
หลังจากที่สือเจียงหย่วนฟังคำอธิบายของคังอิง เขาก็เข้าใจความหมายของผู้จัดการมืออาชีพทันที เขาพูดด้วยความยินดีว่า “แน่นอนว่าผมอยากจะปล่อยมือจากงานทุกอย่าง แล้วไปทำอย่างอื่น แต่ผมจะหาผู้จัดการมืออาชีพแบบนี้ได้จากที่ไหนล่ะ?”
เชิงอรรถ
[1] เด็กชายขุมสมบัติ เป็ศัพท์ในโลกอินเทอร์เน็ต มีทั้งความหมายในแง่บวกและลบ ความหมายในแง่บวกหมายถึง บุคคลที่มีความสามารถ มีบุคลิกมีเสน่ห์น่าสนใจ สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนได้เสมอ และถูกค้นพบเหมือนสมบัติล้ำค่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้