เมืองตงหลิงจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก
ข่าวที่จั๋วอวิ๋นเซียนสละสิทธิ์การทดสอบิญญาแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ผู้คนมากมายต่างเอาเื่นี้มาเป็เื่พูดคุยยามว่าง พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในการวิจารณ์เื่นู้นเื่นี้
……
เมื่อกลับมาถึงบ้านจั๋วอวิ๋นเซียนวิ่งตรงไปทางห้องตำราของบิดา บังเอิญว่าพี่สาว...จั๋วอวี้หวั่นก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในจวนเ้าเมืองให้ฟังอย่างละเอียด
เมื่อรู้ว่าน้องชายเกือบจะถูกสีเฟยเยียนทำร้าย จั๋วอวี้หวั่นโมโหมาก นาง้าให้สีเฟยเยียนออกมาอธิบาย แต่ท้ายที่สุดกลับถูกจั๋วฟู่ไห่ห้ามเอาไว้
ตระกูลสีแห่งต้าหนิงแข็งแกร่งกว่าตระกูลจั๋ว ในตระกูลมีผู้เฒ่าระดับเปิดชีพจรค้ำจุนอยู่ เื่นี้ต่อให้ไปขอคำอธิบายก็ไม่มีทางได้คำตอบที่้า...ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้คนที่เสียเปรียบยังเป็สีเฟยเยียน พวกเขาคงมิอาจว่าอะไรได้
เมื่อนึกถึงสีเฟยเยียนที่ถูกจั๋วอวิ๋นเซียนะเิจนหน้าดำ ความโกรธของจั๋วอวี้หวั่นก็ลดลงไม่น้อย
“ท่านพ่อ เสิ่นว่านโหลวคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าเขาคิดจะยืมมือตระกูลสีมากดดันตระกูลจั๋วของเรา?”
จั๋วอวี้หวั่นจิตใจหนาวสั่น สายตาแฝงไปด้วยความกังวล
ข้อผูกมัดจากกฎวิถีเซียนกำหนดไว้ว่า ขั้วอำนาจข้าราชการไม่สามารถข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งของตระกูลต่างๆ และตระกูลวิถีเซียนก็มิอาจใช้กำลังยึดทรัพย์สินของผู้อื่น มิเช่นนั้นคนอ่อนแอจะไม่มีโอกาสพัฒนา สูญเสียรากฐานที่มั่นคงไป และอาจเป็เหตุให้ทั้งแผ่นดินเซียนฉยงวุ่นวาย ซึ่งไม่เป็ผลดีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
จั๋วฟู่ไห่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโบกมือกล่าวว่า “ไม่ต้องคิดมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะรับมันเอาไว้ ตระกูลจั๋วแห่งตงหลิงของเราไม่กลัวการท้าทาย ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับพลัง”
จั๋วอวี้หวั่นพยักหน้ากล่าวเสริมว่า “ท่านพ่อ ่นี้พนักงานร้านโอสถและร้านอาวุธของเราลาออกไปไม่น้อย คงต้องคิดหาช่องทางอื่นแล้ว...”
“เื่พวกนี้ลูกจัดการเองได้เลย หากจะไปก็ไม่ต้องรั้งไว้ แต่ใครอยู่ต่อก็ดูแลเป็พิเศษ”
“แล้วฝั่งศาลาก้งเฟิ่ง มีคนคุ้มกันสามคนทยอยลาออก การขนสินค้าครั้งหน้าเกรงว่าจะมีคนไม่พอ พวกเราจะจัดการอย่างไร?”
“ลองรับสมัครคนดู ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าจะเดินทางไปด้วยตนเอง”
“คงทำได้เท่านี้”
……
หลังจากปรึกษากันเสร็จ จั๋วอวี้หวั่นขอตัวออกไปก่อน ในห้องตำราเหลือเพียงจั๋วฟู่ไห่กับจั๋วอวิ๋นเซียนสองพ่อลูก
ั้แ่ต้นจนจบจั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้พูดแทรกแม้แต่ประโยคเดียว เพียงแค่ยืนอยู่เงียบๆ แต่เขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลจั๋วบ้างแล้ว
จั๋วฟู่ไห่ยกแก้วชาขึ้นจิบคำหนึ่งแล้วกล่าวอย่างสบายๆ “อวิ๋นเซียน เมื่อครู่ฟังมานานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ลองบอกความคิดของลูกมาเถอะ!”
หลังจากที่จั๋วอวิ๋นเซียนควบรวมตราประทับระดับสุดยอดได้ จั๋วฟู่ไห่ก็เลี้ยงดูเขาเป็ผู้สืบทอดตระกูลจั๋วรุ่นต่อไป ถึงแม้ในเวลาปกติจะไม่ให้เขารับผิดชอบงาน แต่มักจะพาเขาไปด้วยเพื่อสั่งสอนวิธีจัดการเื่ต่างๆ และวิธีการบริหาร
ส่วนจั๋วอวิ๋นเซียนก็ไม่ได้ทำให้บิดาผิดหวัง เมื่อพบปัญหากลับไม่ได้ถามหาคำตอบทันที มักจะดูให้มาก ฟังให้มาก และคิดให้มาก ทุกครั้งล้วนเสนอความเห็นตรงประเด็น ทำให้จั๋วฟู่ไห่พอใจมาก
……
เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จั่วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ท่านพ่อ เมืองตงหลิงคือจุดสำคัญทางการค้าฝังตะวันตกเฉียงใต้ หลายปีมานี้ตระกูลของเราเป็ใหญ่เพียงผู้เดียว ยากจะหลีกเลี่ยงความริษยา...เ้าเมืองให้ท้ายสีเฟยเยียนเพราะคิดจะยืมมือตระกูลสีมาจัดการพวกเราแน่ อีกทั้ง...”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้จั๋วอวิ๋นเซียนหยุดลงกะทันหัน
สายตาของจั๋วฟู่ไห่หรี่แคบเล็กน้อย เขาโบกมือกล่าวว่า “ลูกพูดมาได้เลย ที่นี่มีแค่พวกเราสองพ่อลูก ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด น่าจะไม่ใช่ความคิดของเ้าเมืองเพียงเท่านั้น เกรงว่าขั้วอำนาจอื่นก็อยากจะเข้ามาแทรกแซงด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อมีร่างกายสมบูรณ์พร้อม มีอนาคตก้าวไกลจึงสามารถสะกดเื่ทุกอย่างไว้ได้ แต่ตอนนี้...พวกคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ เริ่มอยู่ไม่นิ่งค่อยๆ โผล่หัวกันออกมาแล้ว”
“แล้วอย่างไร!” จั๋วฟู่ไห่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ขอเพียงข้ายังอยู่ การค้าของเมืองตงหลิงต้องฟังตระกูลจั๋วของข้า”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวต่อทันที “แล้วหากจั่วชินอ๋องเป็คนกล่าวเล่า?”
“ลูก...ว่าอะไรนะ?”
จั๋วฟู่ไห่ตะลึงอย่างห้ามไม่ได้ น้ำชาในมือกระฉอกเล็กน้อย
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวตามตรง “เมืองตงหลิงตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าสำคัญ ถ้าไม่มีคนสนับสนุน เพียงท่านพ่อคนเดียวเกรงว่าคงยากจะนั่งตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงได้ จั่วชินอ๋องเป็ผู้นำของเชื้อพระวงศ์ที่ปกครองพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ เขาไม่มีทางปล่อยสถานที่อย่างเมืองตงหลิงไปแน่ นอกจาก...เขามีหมากไว้อยู่แล้ว”
หลายวันมานี้จั๋วอวิ๋นเซียนติดตามอยู่ข้างกายจั๋วฟู่ไห่ได้ยินได้เห็นบ่อยๆ จึงเข้าใจสถานการณ์ของต้าถังอยู่บ้าง ถึงแม้เขามีจิตใจเป็เซียน ไม่ยอมยุ่งเื่ทางโลก แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของบิดากับพี่สาว เขาจะไม่คิดเลยไม่ได้
โชคดีที่จั๋วอวิ๋นเซียนไม่เคยนอนหลับ นอกจากบำเพ็ญตนแล้ว เขามีเวลาศึกษาเล่าเรียนมากมาย...จึงมองเห็นต้นเหตุได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นบิดาเงียบกริบ จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านพ่อ ขุนนางไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอก นี่คือข้อห้าม ตอนนี้เส้นทางเซียนของท่านพ่อเจออุปสรรค เกรงว่าในสายตาของจั่วชินอ๋องแล้ว...ข้าอยากรู้ว่าในสายตาของจั่วชินอ๋องตระกูลจั๋วสำคัญเพียงใด? หากเกิดปัญหาขึ้น จะถูกทอดทิ้งหรือไม่?”
“พอได้แล้ว!”
จั๋วฟู่ไห่วางแก้วชาลงด้วยอารมณ์หนักอึ้ง
เป็อย่างที่จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าว สาเหตุที่ตระกูลจั๋วมีวันนี้ได้ นอกจากพลังของจั๋วฟู่ไห่แล้วยังมีชนชั้นสูงคอยสนับสนุนด้วย แต่เขาไม่เคยพูดถึงเื่นี้กับใคร รวมถึงบุตรสาวของเขาจั๋วอวี้หวั่นด้วย
ทว่าจั๋วอวิ๋นเซียนอาศัยข้อมูลจากคำพูดของเขา ถึงกับสามารถเชื่อมโยงถึงชนชั้นสูงที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างจั่วชินอ๋องได้ ทำให้ผู้เป็พ่ออย่างเขาประหลาดใจและใมาก
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จั๋วฟู่ไห่สูดหายใจเข้าสงบอารมณ์แล้วกล่าวว่า “อวิ๋นเซียน ยังจำที่พ่อเคยบอกได้หรือไม่ เส้นทางการบำเพ็ญเซียนอันตราย และมืดมนกว่าที่ลูกจะจินตนาการได้ ถ้าผิดพลาดเพียงน้อยนิดก็อาจเหลือเพียงเถ้าธุลี...”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าเงียบๆ
จั๋วฟู่ไห่กล่าวอย่างเหนื่อยใจ “โลกใบนี้เปรียบดังคลื่นั์ พวกเราที่อยู่ในคลื่นส่วนมากล้วนต้องไหลไปตามกระแส มิอาจควบคุมทิศทางตัวเองได้ พ่อรู้ว่าลูกมุ่งมั่นบำเพ็ญเซียน จึงไม่อยากให้ลูกต้องมาแปดเปื้อนกับเื่วุ่นวายเหล่านี้”
โลกมนุษย์เปรียบดั่งทะเลแห่งความทุกข์ การฝึกฝนจิตใจก็คือการบำเพ็ญเซียน
นี่คือคำกล่าวที่เขาเห็นใน ‘คู่มือบำเพ็ญเซียน’ เล่มหนึ่ง ตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงคำกล่าวนี้แล้ว
……
ผ่านไปเนิ่นนาน จั๋วฟู่ไห่กล่าวด้วยความขมขื่น “พูดต่อเถอะ ลูกยังนึกอะไรได้อีก?”
“หวังว่าลูกจะคิดผิดไป”
จั๋วอวิ๋นเซียนสายตาเยือกเย็น ในใจเกิดจิตสังหารเป็ครั้งแรก “ถ้ามีคนคิดจะจัดการกับจั่วชินอ๋อง ต้องตัดเขี้ยวเล็บของเขา ตัดทางหนีทีไล่ของเขา ส่วนจั่วชินอ๋องเป็ไปได้มากว่าจะทิ้งหมากจำนวนหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด และพวกเราก็คือหมากทิ้ง ลูกรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่ท่านพ่อเจอไม่ใช่การปล้น ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนวางแผนอยู่เื้ั...ใช้ผลหยินหยางเป็เหยื่อล่อให้ท่านพ่อไป...และท่านพ่อทำเพื่อข้า ต่อให้มีโอกาสเพียงน้อยนิดก็อยากจะลองดู ดังนั้นพวกเขาจึงซุ่มโจมตีระหว่างทาง ถึงแม้มิอาจสังหารท่าน แต่ก็ตัดเส้นทางบำเพ็ญเซียนของท่านได้”
“บางทีคนที่อยู่เื้ัอาจมิได้มีเพียงคนเดียว”
จั๋วอวิ๋นเซียนมองแขนที่ขาดของบิดา เขากำหมัดแน่น
ไม่ว่าใครที่วางแผนทำร้ายบิดาของเขาเช่นนี้ มันต้องชดใช้! ดังนั้นเขา้าพลัง มีเพียงพลังที่แข็งแกร่งถึงจะสามารถปกป้องบิดากับพี่สาวได้
