“ตูม”
ปราณกระบี่แทรกไปอยู่ใต้เท้าเจียงเฮ่อ ก่อนจะแผ่กระจายไปด้านหลังอย่างรวดเร็วด้วยเสียงอันน่าหวาดหวั่น
กระสวยเสวียนหลงห้าอันที่ถูกพลังจิตควบคุมกำลังพุ่งไปยังจุดเืลมสำคัญบนตัวเจียงเฮ่อ
เคราะห์ดีที่เป็ถึงนักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นห้า เขาจึงหันตัวหลบกระสวยเสวียนหลงได้ทันท่วงที ทำให้อาวุธเวทนั้นไม่ถูกจุดเืลมแต่กลับถูกเสื้อคลุมยุทธ์แทน
เมื่อมองดูคราบเืที่แขนและต้นขา เจียงเฮ่อกัดฟันแล้วยิ้มมุมปากด้วยความชั่วร้าย
“ตูม”
เจียงเฮ่อหยิบเม็ดยาสีดำออกมาจากแหวนมิติและขว้างใส่หยวนจุน เม็ดยาะเิห่างจากตาเขาเพียงครึ่งเมตร ก่อนจะเต็มไปด้วยควันสีเหลืองเข้มที่มีกลิ่นซึ่งทำให้หายใจไม่ออก
เพียงครู่เดียว หยวนจุนรู้สึกว่าปราณดาราภายในของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว เ็ปกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย วิงเวียน อ่อนเพลีย และไร้เรี่ยวแรง
“ฮาฮา นี่คือเมือกหลงิญญา! สามารถซึมผ่านิัเข้าสู่ร่างกายได้ หากผู้ใดได้ัั เส้นปราณจะถูกทำลาย เนื้อแยกออกจากกระดูก และไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน!”
“แม้เป็ยอดฝีมือระดับจันทรา ก็ยังหนีไม่พ้นความตาย!”
เจียงเฮ่อเช็ดเืที่แขนแล้วฉีกแขนเสื้อที่เปื้อนเืออกมา เขายิ้มกริ่มมองหยวนจุน แววตาสะท้อนความสะใจราวกับเห็นหยวนจุนถูกเขาเหยียบย่ำจนจมดินตาย
เมือกหลงิญญาเป็ยาพิษชนิดหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ในเม็ดยาสีดำเพื่อมิให้สะดุดตา ตามหลักแล้ว แม้เป็นักยุทธ์ยอดฝีมือระดับจันทราวงแหวนใหญ่ขั้นเก้า ยังเป็เื่ยากที่จะขับพิษนี้ออกจากร่างกายด้วยพลังของตนเอง
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม อวัยวะภายในจะหยุดการทำงานอย่างสมบูรณ์ เส้นปราณกลายเป็เื และเนื้อถูกแยกออกจากกระดูก ซึ่งวิธีที่โเี้เช่นนี้ทำให้ผู้รับเคราะห์มีสภาพที่น่าเวทนาเป็อย่างยิ่ง
แต่หยวนจุนไม่มีเส้นปราณภายในอยู่แล้ว แม้พิษจะซึมผ่านิัเข้าสู่ทั่วทั้งร่างกาย ก็ไม่สามารถไปถึงกระแสปราณได้
“ไม่ประมาณตนเสียเลย!”
หยวนจุนบ่นเบาๆ ก่อนจะกำฝ่ามือเพียงครึ่ง
กระแสปราณในอากาศมีตะวันดวงเล็กที่กำลังแผดเผา ส่วนแกนสีดำตรงกลางเป็แกนปราณเพลิงอัคคีกลืน์ที่เขานำมาจากหินจารึกทรงหกเหลี่ยม
เมื่อนำปราณดาราประสานกับเพลิงอัคคีกลืน์ ปราณเพลิงอี้เสอที่อยู่ในกระแสปราณก็หลอมรวมเป็ปราณเปลวไฟสีดำอันทรงพลัง
ขณะที่เปลวไฟสีดำปรากฏบนกายหยวนจุน ไอบางอย่างก็พุ่งออกมาจากิัเช่นกัน ไอนั้นคือเมือกหลงิญญาที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา!
เจียงเฮ่อถูกแผดเผาจากเปลวไฟบนร่างกายหยวนจุน เขารู้สึกราวกับว่าเืทั่วร่างกำลังแข็งตัวและเหือดแห้ง แม้แต่เหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากก็ระเหยไปในทันที
“ย๊าก”
เขาพยายามยกขาที่ดูเหมือนจะไม่ฟังคำสั่ง ก่อนจะหันหลังให้หยวนจุนแล้ววิ่งอย่างสุดกำลัง
“ปางมืออจละ!”
เมื่อเปลวเพลิงอัคคีกลืน์กลายเป็ปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง หยวนจุนได้ะโออกมา จากนั้นก็แผ่เปลวไฟความร้อนสูงที่มีสีดำราวกับหมึก ไม่ว่าผ่านไปที่ใดที่นั่นก็จะถูกแผดเผา
หากสังเกตให้ดี พื้นดินหลังจากถูกไฟแผดเผาจะกลายเป็แห้งแล้ง รวมถึงเกิดรอยแยกที่น่ากลัวราวกับโลกกำลังจะแตกสลาย
วิชายุทธ์นี้ทำให้เจียงเฮ่อไม่มีโอกาสได้สู้กลับ เพราะเพียงเห็นปางมือมรณาผ่านหน้า ร่างก็กลับสลายหายไป! เหลือเพียงผงธุลีระหว่างฟ้าดินที่ปลิวไปตามลม
หยวนจุนรีบวิ่งไปหาชายชราและเสี่ยวเมิ่ง เมื่อเห็นคราบเืที่แขนของชายชราแข็งตัว เขารีบดึงเพลิงอัคคีกลืน์ออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อจะช่วยขับพิษเมือกหลงิญญาที่ไหลเวียนในตัวชายชรา
“มิต้องเปลืองแรง พิษแทรกเข้าสู่หัวใจ ช่วยไม่ได้แล้ว”
แม้จะพูดออกมาเพียงสองสามประโยค แต่ชายชรากลับรู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก เขาทำท่าทางว่ายังมีบางอย่างอยากจะพูดกับหยวนจุน เสี่ยวเมิ่งจึงต้องถอยออกมาสองสามก้าวอย่างไม่เต็มใจ
ชายชรากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากแล้วพูดข้างหูหยวนจุน “หยวนจุน บรรพบุรุษข้าเฝ้ารักษาูเาเฟิงเหยียนมาหลายชั่วอายุเพื่อรอให้มีผู้นำเพลิงอัคคีกลืน์ออกไป”
“เ้านำแกนปราณออกไปได้ ช่วยเติมเต็มความปรารถนาของข้า ทำให้หน้าที่ที่บรรพบุรุษมอบหมายข้าสำเร็จลุล่วง”
ชายชราหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันไปมองเสี่ยวเมิ่งด้วยสายตารักใคร่ห่วงใย “เสี่ยวเมิ่งเป็เด็กดี ข้าจึงมีอีกเื่ที่อยากไหว้วานเ้า หากเ้ารับปาก ตาแก่อย่างข้าก็จะได้ตายตาหลับ”
หยวนจุนพยักหน้าตอบ “ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
“ดี ดี ดี!” เมื่อชายชรากล่าวคำว่าดีสามครั้ง เขาก็ลดเสียงลงจนแ่เบา “เสี่ยวเมิ่งมิใช่คนตระกูลข้า นางมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เ้าต้องช่วยดูแลนางแทนข้านะ!”
เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองเสี่ยวเมิ่งที่กำลังมีน้ำตา แววตาประกายความมุ่งมั่น จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นให้แก่ชายชรา
“เช่นนั้นก็ฝากเ้าแล้วล่ะ”
เมื่อกล่าวจบ ชายชราก็หลับตาลงด้วยความหมดห่วง แม้ก่อนตายเขาจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส แต่กระนั้นรอยยิ้มจาง ๆ ก็ยังปรากฏบนใบหน้าของเขา
หลังจากนั้นหยวนจุนกับเสี่ยวเมิ่งได้ฝังร่างของชายชราไว้อย่างดี ครั้นเห็นบ้านไม้ทรุดโทรมที่อยู่มาสิบกว่าปี เสี่ยวเมิ่งดูเศร้าสร้อยและคิดถึงเล็กน้อย ก่อนจะจุดไฟเผาบ้านไม้นั้นด้วยตนเองจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
“เ้าคิดจะทำสิ่งใดต่อ?” หยวนจุนมองเสี่ยวเมิ่ง แล้วถามเบาๆ
“ให้ตระกูลเจียงชดใช้ จากนั้นก็ออกจากเมืองเทียนอวิ่น!”
เป้าหมายนี้ไม่ได้เล็ก จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะอาศัยแค่กำลังของเสี่ยวเมิ่งเพียงลำพัง
หยวนจุนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะช่วยเ้า”
เมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะช่วยในสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีทางทำสำเร็จโดยที่ไม่คิด เสี่ยวเมิ่งจึงหลับตาลงทันที “หากเ้าอยากตอบแทนน้ำใจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ การที่ข้าจะช่วยเ้าจัดการ เพราะเื่นี้เริ่มต้นที่ข้า ดังนั้นก็ควรจบลงที่ข้า”
เมื่อเห็นหยวนจุนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ และอยากช่วยนางด้วยความจริงใจ เสี่ยวเมิ่งจึงเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วกล่าวว่า “แล้วแต่ใจเ้า”
“การกำจัดตระกูลเจียง ถ้าอาศัยแค่ความสามารถของเราสองคนคงเป็เื่ยาก เพราะตอนนี้เรามิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ถ้าหากต้องยืมมือผู้อื่น ผู้ที่สามารถสู้กับตระกูลเจียงได้คือตระกูลหลิวและตระกูลมู่”
“เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลใหญ่ทั้งสามแห่งเมืองเทียนอวิ่นนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อน หากแค่้าปราบ อีกสองตระกูลที่เหลือยังพอทำได้ แต่ถ้า้าให้ลบตระกูลเจียงออกจากเมืองเทียนอวิ่น พวกเขาคงต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย”
“ตระกูลหลิวเป็หนึ่งในผู้นำของเมือง มีอำนาจมากกว่าตระกูลเจียงและตระกูลมู่รวมกันเสียอีก หากตระกูลหลิวมีการเคลื่อนไหว ตระกูลมู่คงไม่ยอมให้ตระกูลเจียงเกิดเื่แน่ ดีไม่ดีอาจทำให้ตระกูลมู่กับตระกูลเจียงร่วมมือกัน”
หยวนจุนขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ยังมีอีกทางหนึ่งที่สามารถฆ่าตระกูลเจียงได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีอำนาจพอที่จะป้องกันมิให้ตระกูลมู่และตระกูลหลิวเข้ามาแทรกแซงด้วย!”
“โรงประมูล!” เสี่ยวเมิ่งขัดจังหวะหยวนจุน นางพยักหน้ากับตนเองแล้วกล่าวว่า “แม้เื้ัของโรงประมูลจะค่อนข้างมีอำนาจ แต่พวกเขากลับไม่ยอมลงมือง่ายๆ ตระกูลเจียงลงทุนเหรียญทองในโรงประมูลทุกปี โรงประมูลไม่มีทางยอมเสียแกะอ้วนตัวนี้หรอก”
หยวนจุนยิ้มเล็กน้อยแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ยอมเสียสิ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้