“จ้านอู๋มิ่ง!”
ศิษย์สำนักเบญจพิษอุทานขึ้นด้วยความใ เงาร่างที่พุ่งผ่านราวสายฟ้าแลบ กลับเป็จ้านอู๋มิ่งที่ถูกพิษมีชีวิตบังคับลงสู่ก้นมหาสมุทร ภายใต้พิษมีชีวิตของธิดาเทพกลับยังไม่สิ้นชีพ และยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่? พวกเขาปรารถนาจะถามเหยียนชิงชิงยิ่งนัก แต่พวกเขามิสามารถส่งเสียงใดๆ ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะคมดาบได้พาดผ่านลำคอพวกเขาไป…
เงาร่างของจ้านอู๋มิ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในเขตแดนของแดนน้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์ บนใบหน้าไร้รอยยิ้มหยอกล้ออย่างในตอนแรก าแน่าสยดสยองบนหน้าอก ได้กลายเป็รอยแผลเป็สีน้ำตาลไปแล้ว เขาเหลือบมองเหยียนชิงชิงอย่างนุ่มนวลคราหนึ่ง มองจนใบหน้างดงามขาวเนียนดั่งหยกของเหยียนชิงชิงแดงระเรื่อขึ้นมา
การโจมตีของเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเมื่อครู่นี้ ทำให้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเหยียนชิงชิงสั่นะเือย่างรุนแรง นางััได้ว่าในน้ำที่ทะยานขึ้นมามีปราณเที่ยงแท้แปลกพิสดารชนิดหนึ่ง พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของนางยามอยู่ต่อหน้าปราณเที่ยงแท้อันแปลกพิสดารนี้ เหมือนเช่นไข่กระแทกถูกศิลาหินแข็งแกร่ง เมื่อกระแทกโดนก็แตกสลาย พังทลายไปทันที
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงตำนานเล่าขานเกี่ยวกับอสูรร้ายขึ้นมาได้ ในสายตาของราชันาเ่าั้ จ้านอู๋มิ่งก็คืออสูรร้ายในร่างมนุษย์ผู้หนึ่ง พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ทุกชนิดไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่ว่าเกราะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของท่านจะแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาล้วนสามารถใช้หมัดกับเท้าเจาะทะลวงได้อย่างง่ายดาย แต่ละหมัดกระแทกใส่เืเนื้อเข้าเต็มเปา
เหยียนชิงชิงทราบว่านั่นมิใช่ข่าวลือ แต่เป็เื่จริงแท้แน่นอน เพราะนางััรับรู้ชัดเจนยิ่งกว่าคนพวกนั้นแล้วว่า จ้านอู๋มิ่งใช้หมัดโดยตรงยามรับมือกับผู้อื่น ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าหมัดของจ้านอู๋มิ่งนั้นสามารถทำลายทุกสิ่ง แต่ว่าเมื่อครู่นี้ นางมิได้ััถูกหมัดของจ้านอู๋มิ่ง นางจึงได้ทราบว่าสิ่งที่ไม่เห็นพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของผู้อื่นอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิงนั้นหาใช่หมัดของจ้านอู๋มิ่งไม่ แต่เป็ปราณเที่ยงแท้ที่แปลกประหลาดพิสดารนั้นต่างหาก
สิ่งที่ทำให้เหยียนชิงชิงประหลาดใจมากที่สุดคือฐานการบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่ง เขามิใช่เป็เพียงอัจฉริยะนักบ่มเพาะกายภาพเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็ผู้ฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาอีกด้วยเช่นกัน เป็นักบ่มเพาะพลังจิติญญาผู้พลังเยือกแข็งของฟ้าดิน หากนางคาดเดามิผิด เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จ้านอู๋มิ่งคือนักบ่มเพาะพลังจิติญญาอัจฉริยะที่สามารถทั้งธาตุน้ำแข็งและธาตุอัคคีทั้งสองชนิดผู้หนึ่ง เนื่องเพราะเมื่อครู่น้ำในมหาสมุทรเดือดพล่านก่อนแล้วค่อยผนึกกลายเป็น้ำแข็งอีกครั้ง
นี่เป็ตัวประหลาดใดกันจึงช่างร้ายกาจถึงเพียงนี้ กลับสามารถบ่มเพาะกายภาพจนแข็งแกร่งยิ่งนัก ขนาดตนใช้ดาบยาวฟันสุดกำลังแล้วก็ยังมิสามารถแยกร่างเขาออก และการฝึกฌานทางจิติญญากลับสามารถบ่มเพาะพลังธาตุวารีและพลังธาตุอัคคีถึงระดับขอบเขตผันแปรได้อย่างกะทันหัน ต้มน้ำมหาสมุทรจนเดือดพล่าน และผนึกเขตแดนอาณาจักรแห่งโลกน้ำแข็ง ที่นี่มิใช่ขอบเขตที่ราชันาทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ แต่จ้านอู๋มิ่งในสายตาของนางผู้นี้ เป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวผู้หนึ่งเท่านั้นเอง
มีดเล่มเล็กในมือจ้านอู๋มิ่งหมุนรอบหนึ่งแล้วหายไป เหมือนดั่งมีดเล่มนั้นมิเคยปรากฏขึ้นในมือเขามาก่อน แต่เหยียนชิงชิงมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันคือมีดเล่มนั้นที่ปาดคอหอยศิษย์ร่วมสำนักทั้งสี่ของนางเมื่อครู่นี้ การลงมือสังหารปลิดชีพช่างเด็ดขาด และโเี้ไร้ความปรานี!
จ้านอู๋มิ่งมิแยแสเหยียนชิงชิง ยื่นมือออกปลดแหวนจักรวาลของศิษย์สำนักเบญจพิษทั้งสี่อย่างคล่องแคล่วเป็ธรรมชาติยิ่ง แหวนจักรวาลของศัตรู เขามิ้าสิ้นเปลืองไปแม้แต่วงเดียว แม้ว่าภายในนั้นจะมิมีสิ่งของใดที่ตนชอบ แต่ก็ยังสามารถขายมันให้หอสมบัติจิติญญา เป็เงินติดกระเป๋าสักเล็กน้อยได้มิใช่หรือ
หลังจากเก็บแหวนแล้ว เขาหันหน้ากลับมา มองเหยียนชิงชิงอย่างเฉยชา ยิ้มและพูดว่า “มิเสียทีที่เป็ราชันพิษแห่งสิบราชัน ทักษะการใช้พิษสูงส่งถึงระดับนี้ ทำให้จิตใจข้าหวั่นไหวจริงๆ!”
“เ้าสามารถทำลายพิษมีชีวิตของข้าได้อย่างไร?” สีหน้าเหยียนชิงชิงเรียบเฉย แต่ตรงหว่างคิ้วยังคงมีร่องรอยความครั่นคร้ามขึ้นวูบ
“เป็เพราะข้าเคยประสบพิษที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า” จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว
“เป็ไปไม่ได้!” เหยียนชิงชิงพูดโพล่งขึ้น
ในแผ่นดินนี้ ไม่มีพิษชนิดใดน่ากลัวยิ่งกว่าพิษมีชีวิตอย่างเด็ดขาด แม้แต่พิษกร่อนซากศพชั่วนิรันดร์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานก็มิไม่น่าสะพรึงไปกว่าพิษมีชีวิตของตนเช่นกัน จวบจนถึงเวลานี้ นี่คือยาพิษที่เป็พิษมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แม้แต่ในสำนักเบญจพิษก็มีพิษนี้เพียงขนานเดียว!
จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ เขามิสามารถบอกอีกฝ่ายถึงสิ่งตนเคยประสบมาก่อนในชาติภพก่อน ชาติปางก่อน แม้กระทั่งพิษศพเทพก็ยังทำอะไรข้ามิได้ ถึงแม้ฐานการบ่มเพาะของตนเองในปัจจุบันจะเทียบไม่ได้เลยกับชาติภพที่แล้ว แต่ตนเองได้คัมภีร์เทพอนัตตาซึ่งชาติภพก่อนยังต้องแหงนหน้ามอง ยิ่งกว่านั้นยังบ่มเพาะบรรลุกายาอนัตตาเป็ผลสำเร็จแล้ว กอปรด้วยพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาที่สามารถผันแปรพลังของธาตุวารี ธาตุอัคคี ธาตุวายุ ธาตุดินได้ตลอดเวลา
คราแรกจ้านอู๋มิ่งถูกพิษมีชีวิตนี้ทำให้ใมิน้อยเลยจริงๆ ในแผ่นดินนี้ ไม่มีพิษใดร้ายแรงไปกว่าพิษชนิดนี้แล้วจริงๆ แต่ใต้หล้านี้ไม่มีพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ชนิดใดที่สามารถเทียบได้กับพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาเช่นกัน ชั่วขณะที่พบว่าเป็พิษมีชีวิตนั้น จ้านอู๋มิ่งรวบรวมพลังธาตุอัคคีทั้งหมดทันที กลายเป็เปลวไฟร้อนแรงขึ้นมา แผดเผาจากาแเข้าสู่ภายในเืเนื้อ
พลังชีวิตและการแพร่พันธุ์ของพิษมีชีวิตนั้นแข็งแกร่งอย่างหาตัวจับยาก แต่กลับมิอาจต้านทานธาตุอัคคีที่ร้อนแรงที่สุดของฟ้าดินได้ ที่จ้านอู๋มิ่งรวบรวมคือธาตุอัคคี แหล่งต้นกำเนิดของฟ้าดิน ด้วยความร้อนชนิดนี้หากมิใช่เพราะจ้านอู๋มิ่งใช้ธาตุอัคคีขัดเกลาร่างกายจนสามารถบรรลุกายาอนัตตาเป็ผลสำเร็จเนิ่นนานแล้วละก็ เกรงว่าจะกลายเป็เถ้าถ่านไปแล้ว ภายใต้พลังความร้อนของเปลวไฟอันร้อนแรงที่สุด พิษมีชีวิตกลายเป็เถ้าธุลี ลอยละล่องไปทันที
จ้านอู๋มิ่งกัดฟันทนความเ็ปจากการแผดเผาร่างกายตนเอง วิธีการนี้ได้ผลดีที่สุด สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจคือ หลังจากพิษมีชีวิตตายแล้วพวกมันทั้งหมดล้วนกลับกลายเป็ธาตุไม้อันบริสุทธิ์
จ้านอู๋มิ่งดูเหมือนจะทราบแล้วว่าธาตุไม้เป็ตัวแทนของการมีชีวิต เพียงแต่ต้องมีการสนับสนุนจากธาตุไม้ไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น พิษมีชีวิตเหล่านี้จึงสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วในอัตรานับหมื่นต่อลมหายใจ
จ้านอู๋มิ่งอดจะชื่นชมความเฉลียวฉลาดของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มิได้ เขาสืบทราบจากปากเฉวียนหรูเซินว่า สิบราชันพั่วเหยียนล้วนเป็ผู้มีดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิด ทุกคนล้วนตระหนักหยั่งรู้ความลับของธาตุแล้วทั้งสิ้น เฉวียนหรูเซินคือความลับของธาตุดิน เหยียนชิงชิง ราชันพิษที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่านางเชี่ยวชาญพลังของธาตุไม้ สตรีนางนี้ถึงกับใช้ธาตุไม้ในการสร้างพิษร้าย ตลอดจนริเริ่มสร้างยาพิษที่มีชีวิตและมีสติปัญญาออกมา พิษชนิดนี้เริ่มต้นจากไข่ใบแรกจวบจนสุดท้ายกลายเป็ราชันกู่แมลงพิษในตำนานตัวหนึ่งที่กอปรด้วยสติปัญญา เพียงแค่ต้องใช้เวลาแค่สิบกว่าชั่วยาม นี่เป็ความก้าวหน้าที่ทรงพลังมากมายเพียงไร!
จ้านอู๋มิ่งถูกเปลวเพลิงของธาตุอัคคีโหมกระหน่ำ แผดเผาจนาเ็ แต่ยามที่พิษมีชีวิตเหล่านี้กลายเป็ธาตุไม้ ก็กลายเป็พลังชีวิตแล่นเข้าสู่ร่างกายของจ้านอู๋มิ่ง พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาดูดซับธาตุไม้อย่างหิวกระหายและนำไปบำรุงหล่อเลี้ยงธาตุแห่งชีวิต ถึงแม้ปริมาณไม่มากนัก กลับทำให้ธาตุแห่งชีวิตของเขามีเพิ่มขึ้นมาอีกธาตุหนึ่ง และมีความหยั่งรู้ต่อพลังชีวิตของธาตุไม้บ้างแล้วเช่นกัน
ดังนั้น ถึงแม้าแตรงหน้าอกของจ้านอู๋มิ่งดูแล้วน่าสยดสยองยิ่งนัก แต่กลับไม่เป็อุปสรรคอะไรมาก กำลังวังชาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากดูดซับธาตุไม้ของหนอนกู่แมลงพิษในตำนานแล้ว ปราณเที่ยงแท้อนัตตาก็สามารถดูดซับพลังของธาตุไม้จากฟ้าดิน เพื่อฟื้นฟูอาการาเ็ของร่างกายตนได้เองแล้ว
หากเปลี่ยนเป็ผู้อื่น ต่อให้เป็จักรพรรดิาผู้หนึ่งหรือมหาจักรพรรดิาผู้หนึ่ง เวลานี้คงกลายเป็ตัวอ่อนหนอนหลายพันล้านตัว ตายจนมิอาจตายได้อีกแล้วเช่นกัน
น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ที่เหยียนชิงชิงเจอคือจ้านอู๋มิ่ง สัตว์ประหลาดผู้นี้ ผู้ที่มิสามารถคาดเดาด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไป สุดท้าย...นางยังคงมิอาจไม่เผชิญหน้ากับจ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายดั่งหวนกลับสู่จุดเริ่มต้นใหม่ แต่เหยียนชิงชิงได้สูญเสียราชันาสี่คนของสำนักเบญจพิษที่ติดตามมาพร้อมกับตนไปแล้ว ที่โชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือนางบีบบังคับจนจ้านอู๋มิ่งต้องใช้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้และทักษะการต่อสู้ออกมาแล้ว แต่ว่านี่คือไพ่ตายของจ้านอู๋มิ่งแล้วหรือ? เหยียนชิงชิงมิอาจทราบได้
เหยียนชิงชิงมองคู่ต่อสู้ตรงหน้าผู้นี้อย่างระมัดระวัง ขอเพียงผิดพลาดเพียงเล็กน้อย สิบราชันพั่วเหยียนก็จะกลายเป็เก้าราชันพั่วเหยียนแล้ว เวลานี้นางยังมิทราบว่าเฉวียนหรูเซินได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือจ้านอู๋มิ่งไปแล้ว
……
“ใต้หล้ามิมีสิ่งใดที่เป็ไปไม่ได้ ข้าทราบว่าคัมภีร์พิษฟ้ากันดารของสำนักเบญจพิษ บางทีอาจนับเป็สุดยอดตำราพิษของแผ่นดินนี้ แต่ก็มิสามารถบันทึกพิษแปลกพิสดารทั้งหมดที่มีอยู่ในใต้หล้าได้หมดเช่นกัน เ้าอาศัยพลังชีวิตของธาตุไม้เร่งเร้ากำเนิดพิษที่มีชีวิตออกมา ในคัมภีร์พิษฟ้ากันดารก็มิได้บันทึกไว้เช่นกัน และเป็เพียงการคาดคะเนชนิดหนึ่ง ใต้หล้ามีเพียงเ้าเท่านั้นที่ทำให้การคาดคะเนนี้กลายเป็ความจริง แต่พิษชนิดนี้ก็มิใช่พิษที่ร้ายกาจที่สุดเช่นกัน เนื่องจากเดิมทีหนอนกู่แมลงพิษในตำนานก็เป็สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำชนิดหนึ่ง ใช้เป็ต้นแบบเพื่อพัฒนาออกมาเป็พิษมีชีวิต มันเป็ได้แค่พิษมีชีวิตระดับต่ำเช่นกัน ถึงแม้มันจะขยายพันธุ์รวดเร็วมาก แต่ความสามารถในการอยู่รอดอ่อนแอเกินไป…” จ้านอู๋มิ่งพูดเสียงเรียบๆ
“เ้าทราบความลับของคัมภีร์พิษฟ้ากันดารได้อย่างไร?” เหยียนชิงชิงจิตใจสั่นสะท้านอย่างใหญ่หลวง ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ข้ายังทราบคำสาบานระหว่างพวกเ้าสิบราชัน ยังทราบว่าชายชราที่เปลี่ยนชะตาชีวิตให้พวกเ้า ตลอดจนทราบในสิ่งที่พวกเ้าไม่ทราบ อย่างเช่นพวกเ้ามิสามารถเข้าใจจุดประสงค์ของชายชราที่ทิ้งพวกเ้าเอาไว้” คำพูดจ้านอู๋มิ่งมิทำให้คนใตายมิยอมเลิกรา
เหยียนชิงชิงได้ยินคำพูดของจ้านอู๋มิ่งแล้ว รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ดูแล้วแม้แต่ยืนก็ยังไม่ค่อยมั่นคงแล้ว
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งเกินความคาดหมายของนางมากไปแล้วจริงๆ ความลับเหล่านี้มีเพียงสิบราชันเท่านั้นที่ทราบ นางแอบซุกซ่อนมันอยู่ในส่วนลึกของจิตใจตลอดมา ถ้าถูกสำนักทราบเข้า บทสรุปเพียงหนึ่งเดียวของนางคือถูกโยนลงไปในบ่อหมื่นพิษ…แต่จ้านอู๋มิ่งกลับพูดออกมาจนหมดสิ้นอย่างสบายๆ
สิ่งที่ทำให้นางใมากที่สุดคือคำพูดสุดท้ายของจ้านอู๋มิ่ง บอกว่าทราบจุดประสงค์ของชายชราที่ทิ้งพวกเขาเอาไว้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาคาดเดามาหลายปีแล้ว และเป็คำถามที่ไม่กล้าถามชายชรา
“ผู้ใดบอกเื่เหล่านี้ให้เ้า?” เหยียนชิงชิงถามด้วยสีหน้าซีดขาว
“ความจริงแล้ว เ้ามิใช่คนแรกในสิบราชันพั่วเหยียนที่ลงมือกับข้า คนแรกตายไปแล้ว แต่สำหรับเ้าแล้ว เ้ายังคงมีคุณค่ามากสำหรับข้า ดังนั้นพี่ชายจะไม่คิดจะฆ่าเ้า” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างเฉยชา
“ถ้าเช่นนั้นเ้าควรทราบว่าการสังหารเ้าเป็คำสั่งของชายชรา ข้าจำต้องทำตามคำสั่งให้สำเร็จ ดังนั้นวันนี้มิใช่เ้าตาย ก็เป็ข้าที่มอดม้วย!” พลันสีหน้าของเหยียนชิงชิงเปลี่ยนเป็น่ากลัวขึ้นมาบ้างในทันใด
“เป็หญิงสาวที่หน้าอกใหญ่แต่ไร้สมองผู้หนึ่งจริงๆ แต่ว่าพี่ชายก็ชอบเ้า รู้ตัวเสียทีเถอะ สตรีพิษ เ้าคิดว่ายามนั้นชายชราได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตย้อนทวนฟ้าให้พวกเ้าแล้วจริงๆ หรือ? แถมยังเปลี่ยนให้เป็ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดจำนวนมากถึงสิบคนในครั้งเดียว ถ้าชายชรามีพลังเหนือธรรมชาติมหาศาลขนาดนี้จริง ไฉนเขาจึงไม่เปลี่ยนชะตาชีวิตย้อนทวนฟ้าให้ตัวเอง แล้วทะลวงเขตแดนทลายนภาทะยานขึ้นฟ้าไปโดยตรงเลยเล่า?” จ้านอู๋มิ่งมองเหยียนชิงชิงที่มีสีหน้าเด็ดเดี่ยว พูดขึ้นด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
“เ้าทราบอะไรมาหรือ?” เหยียนชิงชิงเริ่มลังเลใจ ถึงแม้สามัญสำนึกจะบอกนาง หากฟังคำพูดของจ้านอู๋มิ่งแล้ว เป็ไปได้อย่างยิ่งที่การตัดสินใจของนางจะสั่นคลอน แต่ว่าในใจนางปรารถนายิ่งนักที่จะได้รับคำตอบสำหรับปริศนาที่นางไม่สามารถเข้าใจได้ตลอดมา ได้รับจากปากชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้
“ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวเป็ที่โปรดปรานชื่นชอบของฟ้าดิน เนื่องจากพวกเขาเต็มไปด้วยความสามารถในการใกล้ชิดพลังความสามารถของธาตุบางชนิดโดยธรรมชาติ กล่าวได้ว่าเป็ผู้อุดมสมบูรณ์เป็พิเศษโดยธรรมชาติในหมู่ผู้ฝึกฌานบ่มเพาะพลัง ถ้าหากชายชราสามารถสร้างผู้ที่มีดวงชะตาธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวได้ถึงสิบคน เช่นนั้นเขาก็มิใช่มนุษย์ แต่เป็เทพเ้าแล้ว พวกเ้าหาใช่ผู้ที่มีดวงชะตามีธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็ผู้มีดวงชะตาธาตุเดียวแบบเทียม แท้จริงแล้วคือผู้มีจำนวนตัวเลขชีวิตเก้า เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเ้าบังเอิญแยกจิติญญาชีวิต ผสานหลอมรวมกับแมลงพิษหนอนกู่ กลับผันแปรจากเส้นทางอื่น บรรลุเป็ผู้ที่มีดวงชะตามีธาตุไม้เป็ธาตุแห่งชีวิตเพียงธาตุเดียวอย่างแท้จริง นั่นก็นับเป็ความสามารถพิเศษที่น่าทึ่งแล้วเช่นกัน ดังนั้นข้าพี่ชายคิดจะรับเ้าเป็สัตว์เลี้ยงจิติญญา ั้แ่บัดนี้เ้าจะคอยส่งเสริมธาตุไม้สำหรับพี่ชายโดยเฉพาะ” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างชั่วร้าย ในสายตาของเขา เหยียนชิงชิงได้กลายเป็สัตว์เลี้ยงไปแล้ว
เหยียนชิงชิงโกรธจัด ในฐานะบุตรแห่งฟ้าและเปี่ยมพร์ เป็ราชันในหมู่อัจฉริยะ ในสายตาของจ้านอู๋มิ่ง ตนเองกลับมีคุณค่าเพียงแค่สัตว์เลี้ยงจิติญญาตัวหนึ่งเท่านั้น
“ถึงแม้วัตถุพิษจะไม่ได้ผลกับเ้า ข้าก็สามารถฆ่าเ้าได้เหมือนกัน!” เจตนาเหยียนชิงชิงดุจพายุโหมกระหน่ำ
“ถ้าเช่นนั้นพูดกันด้วยเหตุผลเถอะ!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ มุ่งหน้าไปทางเหยียนชิงชิงก้าวใหญ่ ทุกครั้งที่ก้าวเท้า น้ำแข็งใต้ฝ่าเท้ากลับคืนเป็น้ำทะเล บนผืนน้ำในมหาสมุทร จ้านอู๋มิ่งก้าวเดินบนระลอกคลื่น
จิตใจเหยียนชิงชิงปั่นป่วนดุจเกิดคลื่นลูกใหญ่ การแสดงของจ้านอู๋มิ่งเหนือล้ำกว่าข่าวลือโดยสิ้นเชิง พลันนางรู้สึกว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าตนหาใช่มนุษย์ไม่ แต่เป็เทพเ้าที่มิสามารถเอาชนะได้องค์หนึ่ง เทพเ้าแห่งาองค์หนึ่ง!