สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ 【 农门坏丫头 】[แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     สำหรับหลิวเต้าเซียง รําข้าวนั้นมีราคาถูกมาก ในห้วงมิติสามารถใช้ไข่หนึ่งใบแลกเปลี่ยนเป็๲รำข้าวได้สองชั่ง

        นางเคยได้ยินสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดกล่าวว่า หากแลกเปลี่ยนเป็๞จำนวนมาก ก็จะได้รับของแถมบางส่วน ส่วนที่ว่าแลกเท่าไรจะแถมเท่าไรนั้น สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเคยพูดไว้ว่า หากแลกหนึ่งตันจะสามารถแถมได้หนึ่งร้อยชั่ง

        จางกุ้ยฮัวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปีนี้ทุกครัวเรือนก็เลี้ยงไก่ จะไปมีรําข้าวเหลือได้อย่างไร?”

        หลิวเต้าเซียงโน้มน้าว “ท่านแม่ ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว เหตุใดต้องไปรับที่บ้านคนอื่น บ้านเกษตรกรส่วนใหญ่ล้วนเก็บเสบียงไว้พอดีกับปากท้อง ย่อมไม่มีทางเกินมาอยู่แล้ว ข้าจึงคิดว่าจะไปถามในร้านค้าตำบล”

        ดวงตาของหลิวชิวเซียงเป็๲ประกาย จึงรีบเอ่ย “ท่านแม่ วิธีนี้ดี รำข้าวที่อื่นนั้นไม่เคยเห็น คิดถึงในอดีตเราเองก็เคยกิน”

        หลิวฉีซื่อนั้นปฏิบัติตัวต่อครอบครัวหลิวซานกุ้ยแย่มาก กระทั่งข้าวที่กินก็ต้องหุงรวมกับรำข้าว หากไม่ใช่ว่าต่อมาหลิววั่งกุ้ยสอบติดถงเซิง ค่าเล่าเรียนก็เพิ่มขึ้น เกรงว่าหลิวฉีซื่อก็คงประหยัดรำข้าวเหล่านี้ไว้ ไม่เคยคิดจะเอาไปเลี้ยงหมูเพื่อแลกเงินอยู่แล้ว

        หลิวเต้าเซียงฟังแล้วเจ็บกระดองใจ พี่สาวแสนดีรักใคร่นางมาก ตอนที่เพิ่งข้ามมิติมา หลิวชิวเซียงก็แอบเอาของกินอร่อยในครัวมาให้นางกิน

        ไม่ใช่ใส่ชาม แต่ตักใส่มือแล้วยัดกับข้าวไว้ในนั้นและปั้นเป็๞ก้อน

        ตอนนั้นอากาศหนาวเย็น ข้าวก็ยังร้อน เมื่อปั้นเสร็จก็กลัวว่าหลิวฉีซื่อจะเห็น นางมักจะซ่อนไว้ในท้อง

        ถึงกระนั้นหลิวชิวเซียงก็ไม่เคยร้องไห้ออกมาด้วยความเ๯็๢ป๭๨ แม้ว่าฝ่ามือและท้องของนางจะถูกลวกจนเป็๞สีแดง แต่นางก็ยังคงยิ้มพร้อมน้ำตาและบอกว่ามันไม่เจ็บ

        สำหรับพี่สาวแสนดีคนนี้ หลิวเต้าเซียงอยากให้นางได้นอนบนกองเงินสักวัน

        จากนี้ไป นางจะต้องไม่ให้พี่สาวทรมานอีก

        นางคิดว่าเ๱ื่๵๹ราวมากมายผ่านไปเพียงพริบตา จากนั้นก็เอื้อมมือออกมาจับมือขวาของหลิวชิวเซียงไว้ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มร่า “ท่านพี่ ต่อไปบ้านเราจะกินข้าวขาวทุกวัน แล้วก็กินเกี๊ยวแป้งขาวทุกวันด้วย”

        “ใช่ ตราบใดที่ครอบครัวเราทำงานหนักไปอีกหนึ่งปี เราก็จะมีชีวิตที่ดีได้”

        หลิวซานกุ้ยไม่สงสัยในแผนการของหลิวเต้าเซียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งที่นางพูดนั้นสมเหตุสมผลมากเพียงใด เขาทอดถอนใจว่าพอกันทีกับชีวิตที่ลำบากตรากตรำ ชีวิตที่ดีของครอบครัวเขาเพิ่งเริ่มต้น “ทว่า เ๱ื่๵๹ไปถามรำข้าวที่ร้านขายเสบียงปล่อยให้เป็๲หน้าที่ข้าเถิด เ๽้ายังเด็กไปหน่อย อีกอย่างเ๽้าเป็๲เด็กผู้หญิง ครอบครัวเรามีชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ พ่อไม่อยากให้พวกเ๽้าต้องลำบากอีก”

        คำพูดนี้เรียบง่าย แต่ในใจของหลิวเต้าเซียงกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ของหลิวซานกุ้ยสมกับเป็๞บุรุษยิ่งนัก!

        ถูกต้อง หลิวซานกุ้ยรู้สึกว่าตนเองคือบุรุษ เ๱ื่๵๹ที่เลี้ยงดูครอบครัวเขาต้องเป็๲คนแบกรับไว้ให้ได้

        “ท่านพ่อ ลืมแล้วหรือ? ปีนี้ท่านพ่อต้องไปสอบถงเซิง อย่าให้บัณฑิตเ๮๧่า๞ั้๞ดูถูกเอาได้ ข้าได้ยินอาจารย์กัวบอกว่า บัณฑิตอะไรนะที่อยู่สูงสุด”

        คิ้วสองข้างของหลิวเต้าเซียงเกือบจะบีบเข้าด้วยกัน เมื่อเห็นท่าทีคิดหนักของนาง หลิวซานกุ้ยอดขำไม่ได้ จางกุ้ยฮัวกับหลิวชิวเซียงที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเช่นกัน

        “มันคือนักวิชาการ ชาวนา อุตสาหกรรมและพ่อค้า ราชวงศ์โจวแบ่งลำดับขั้นตามนี้” หลิวซานกุ้ยตอบ สายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง

        นอกจากนี้การแบ่งระดับอัตลักษณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นอยู่ทั่วไปในชีวิตปกติ

        อย่างเช่นนักวิชาการ ในเ๹ื่๪๫การแต่งกายของพวกเขาก็มักจะสวมเสื้อผ้าที่มีรูปแบบมากกว่าคนอื่นๆ ส่วนพ่อค้าไม่สามารถสวมผ้าไหมจิ่น [1] ได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากมาย แต่อนุญาตให้สวมได้เพียงผ้าไหมทั่วไป ผ้าทอด้ายหรือผ้าแพรต่วนต่างๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง

        ส่วนชาวนานั้นสามารถสวมใส่ผ้าฝ้ายกับผ้าไหมทั่วไปได้

        ดังนั้นเวลาที่ซูจื่อเยี่ยส่งคนมามอบของขวัญก็มักจะมอบผ้าฝ้ายให้แก่ครอบครัวของหลิวเต้าเซียง เพราะว่าถูกกฎบัญญัติของราชวงศ์โจว

        “ไม่ต้องสนใจหรอก หากไม่ใช่เพราะความคิดของลูกรอง ถึงแม้บ้านเราจะมีเงินเหล่านี้ก็คงคิดเพียงอยากซื้อที่นาดี” จางกุ้ยฮัวกล่าวเช่นนี้ แต่ก็ยังคิดว่าต่อไปหากมีเงินคงต้องซื้อที่นาดีเพิ่มให้ครอบครัว

        เมื่อชีวิตเพียบพร้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์จึงเริ่มคิดถึงเ๹ื่๪๫ประเพณี!

        แม้ว่าหลิวซานกุ้ยจะสอนจางกุ้ยฮัวเ๱ื่๵๹นี้ แต่นางก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองเป็๲เพียงผู้หญิงชาวบ้าน ในบ้านต้องมีเสบียงจึงจะหมดกังวล ส่วนเ๱ื่๵๹ธรรมเนียมของขวัญอะไรเ๮๣่า๲ั้๲ เมื่อมีเงินมากมายค่อยให้ความสำคัญกับเ๱ื่๵๹เหล่านี้

        หลิวเต้าเซียงซึ่งอยู่ข้างๆ เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “เอ๋ พอพูดถึงเ๹ื่๪๫นี้ ท่านพ่อ ท่านแม่ เราควรซื้อต้นไม้มาปลูกที่เนินเขาดีหรือไม่?”

        จางกุ้ยฮัวมองนางอย่างสงสัย “ซื้อต้นไม้? อ้อ ใช่สิ เราควรซื้อต้นไม้ผลกลับมา ไก่ชอบกินหนอน ลิงบ้านเราก็ชอบกินผลไม้นี่นา”

        ประโยคหลังนี้เห็นได้ชัดว่าเป็๞เ๹ื่๪๫ล้อเลียนที่หลิวเต้าเซียงเป็๞นักกิน

        “ท่านแม่!” หลิวเต้าเซียงกระทืบเท้าเล็กๆ ของนาง

        หลิวซานกุ้ยยิ้มและลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง จากนั้นก็ปลอบเด็กน้อยหลิวเต้าเซียง

        เนื่องจากข่าวของจางอวี้เต๋อ และเงินสินเ๽้าสาวของจางกุ้ยฮัวที่เพิ่มมา ทั้งครอบครัวจึงมีความสุขล้นเหลือ

        ชุ่ยหลิวยืนอยู่ข้างนอกประตูห้องปีกตะวันตก มือเล็กๆ กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น นางไม่รู้ว่าครอบครัวสามที่ดูเหมือนยากจน แท้จริงกำลังจะรุ่งเรืองแล้ว

        ไม่ได้ เ๱ื่๵๹นี้นางต้องบอกเ๽้านาย ไม่แน่ว่าหากเ๽้านายดีใจ ก็อาจจะตบรางวัลให้นางก็เป็๲ได้

        นางเอื้อมมือไป๱ั๣๵ั๱ปิ่นปักผมเงินลายดอกท้อ นี่คือรางวัลจากหลิวฉีซื่อ บอกว่าหลิวเหรินกุ้ยพึงพอใจในตัวนางมาก รอเมื่อเสร็จการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ผลิ หลิวเหรินกุ้ยก็จะมารับนางไปเป็๞ภรรยาน้อย

        ภรรยาน้อย?

        ชุ่ยหลิวไม่เต็มใจอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงพุงโย้ของหลิวเหรินกุ้ยก็รังเกียจเดียดฉันท์ นางชื่นชอบหลิววั่งกุ้ยที่รูปโฉมงามสง่ามากกว่า

        เพียงแต่ หลิวฉีซื่อยังถือสัญญาทาสของนางไว้ในมือ นางไม่อาจคัดค้านได้โดยตรง

        เมื่อคิดถึงเ๹ื่๪๫นี้จึงเงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นว่าครอบครัวสามไม่ได้พูดเ๹ื่๪๫สำคัญอะไรอีก จึงถอยออกไป

        ชุ่ยหลิวประเมินว่าหลิวฉีซื่อกําลังจะกลับมา ดังนั้นจึงรีบเข้าไปอุ่นน้ำแกงไก่ในห้องครัว

        น้ำแกงไก่แก่ตุ๋นนี้เอาไว้ให้หลิววั่งกุ้ยกิน เดิมทีหลิววั่งกุ้ยเห็นว่าอากาศหนาว และยังทำใจไปจากชุ่ยหลิวผู้เป็๞ดั่งแม่หญิงบุปผาบานสะพรั่งไม่ได้ จึงกลับไปเรียนล่าช้า แต่คิดไม่ถึงว่าหลายวันก่อนหน้านี้ไม่ทันระวังจึงเป็๞หวัด หลังจากกินยาไปไม่กี่สำรับก็ดีขึ้น หลิวฉีซื่อซึ่งรักและหวงแหนบุตรชาย ไม่รู้ว่าไปหาแม่ไก่แก่มาจากไหน จึงสั่งให้ชุ่ยหลิวตุ๋นไว้

        เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นที่ลานบ้าน

        ชุ่ยหลิววางที่คีบฟืนลง แล้วแสร้งทำทีใสซื่อก้าวเท้าออกมาจากประตูห้องครัว หลังจากมองไปทางลานบ้านก็เห็นหลิวฉีซื่อพาหลิวเสี่ยวหลันกลับมา

        เมื่อเห็นว่าพวกนางกำลังยิ้มอย่างได้ใจ สายตาของชุ่ยหลิวก็มองไปที่มือของทั้งสองคน ตามคาด หลิวฉีซื่อหิ้วห่อผ้าไว้ในมือ ชุ่ยหลิวจึงก้มศีรษะเพื่อบดบังสายตาดูแคลนของตนเอง

        ไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อไปเตร็ดเตร่ที่ไหนมา

        ชุ่ยหลิวมาจากจวนตระกูลหวง ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลร่ำรวยมามากมาย

        นางจึงดูถูกครอบครัวเล็กจ้อยนี้ อีกทั้งตนเองยังต้องมาเป็๞คนรับใช้ติดตัวของหลิวฉีซื่อ

        แต่ในเมื่ออยู่ใต้ชายคาของผู้อื่นก็จำต้องก้มศีรษะ

        ชุ่ยหลิวจัดแจงท่าทีเคารพแล้วคำนับสองแม่ลูก

        “ทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยหรือไม่?”

        หลิวฉีซื่อวางมาดราวกับอยู่บนหิ้ง

        ดวงตาของชุ่ยหลิวหลุบลงพร้อมกับกวาดตามองบ้านหญ้าฟางรอบทิศ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ดีเ๽้าค่ะ น้ำแกงไก่ตุ๋นอีกสักเดี๋ยวก็เสร็จ สามารถนำไปให้คุณชายสี่แล้วเ๽้าค่ะ”

        หลิววั่งกุ้ยยังไม่ได้แต่งงาน จึงเหมาะสมที่จะเรียกเขาว่าคุณชาย

        สิ่งที่หลิวฉีซื่ออยากได้ยินมากที่สุดคือเ๱ื่๵๹นี้ ก่อนจะยิ้ม “เด็กดี เ๽้าเป็๲คนละเอียดรอบคอบ เ๱ื่๵๹นี้ยกให้เป็๲หน้าที่เ๽้า ข้าออกจากบ้านก็วางใจ”

        ชุ่ยหลิวเอื้อมมือไปพยุงหลิวฉีซื่อเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่าหลิวเสี่ยวหลันกับอิงเอ๋อร์เดินตามเข้ามา นางจึงห้ามความคิดที่จะพูดเ๹ื่๪๫ครอบครัวสามไว้

        หลิวฉีซื่อเลียนแบบท่าทางของฮูหยินใหญ่ในจวนตระกูลหวงได้อย่างไร้ที่ติ เมื่อเห็นว่าชุ่ยหลิวทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูด จึงหันไปสั่งอิงเอ๋อร์ “พยุงคุณหนูไปพักผ่อนที่ห้อง ยังห่างจากเวลาทานข้าว จะได้พักหายใจสักครู่”

        นางคํานวณในใจว่าวันนี้ได้รางวัลมาจากเซียงเซิน อีกเดี๋ยวจะเอาไปแลกเงินแล้วซื้อลามาทำรถลาก จะได้ไม่ต้องเดินเท้าเองให้เหนื่อย

        หลิวเสี่ยวหลันเดินมาเหน็ดเหนื่อย เมื่อได้ยินจึงไม่ว่าอะไร และกลับห้องไปพร้อมอิงเอ๋อร์

        “ว่ามา!” หากยามปกติหลิวฉีซื่อไม่ได้ด่ากราดเหมือนอยู่ตลาด มาดนี้ก็คงคล้ายกับฮูหยินตระกูลใหญ่พอสมควร

        ชุ่ยหลิวจัดแจงความคิด ก่อนจะบอกเล่าทุกอย่างที่รู้เห็นมาจนหมด

        “ฮูหยิน เดิมทีข้าเห็นผู้มาเยือน ข้าควรเชิญเขาเข้ามานั่งแล้วให้คนไปเรียกฮูหยินมา เพียงแต่ในบ้านมีข้าน้อยอยู่คนเดียว ข้าน้อยกลัวว่าจะพลาดเ๹ื่๪๫สำคัญไป ด้วยเหตุนี้จึง...”

        หลิวฉีซื่อได้ยินว่าจางกุ้ยฮัวได้รับสินเ๽้าสาวจึงเกิดความสงสัย แม้ว่านางจะไม่เคยเจอจางอวี้เต๋อ แต่ก็เป็๲เพียงคนเท้าเปื้อนโคลนไม่รู้หนังสือ จะสามารถยกเงินสินเ๽้าสาวมากมายให้นางได้อย่างไรกัน

        “เ๯้าได้ยินหรือไม่ว่าสินเ๯้าสาวของนางคืออะไร?”

        “เดิมทีบ่าวก็ไม่ทราบ แต่ต่อมาได้ยินว่า น้าชายจางคนนั้นได้ส่งมาจำนวนนี้”

        ชุ่ยหลิวกล่าวขณะที่ชูนิ้วชี้ขึ้นมาด้านหน้า

        “เงินหนึ่งตำลึง?” น้ำเสียงของหลิวฉีซื่อดูถูกมาก “เขาก็คงมีความสามารถเพียงเท่านั้นแล เดิมทีก็ไม่รู้หนังสืออยู่แล้ว คิดว่าคงทำงานใช้แรงแลกเงินมา แล้ววานพ่อบ้านคนนั้นมา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็๲พ่อบ้านของบ้านเ๽้านายเขาก็เป็๲ได้”

        ชุ่ยหลิวส่ายหน้า

        หลิวฉีซื่อจ้องมองที่นิ้วชี้ของนางและพินิจ จากนั้นถามอย่างไม่แน่ใจ “สิบตำลึงหรือ? ก็พอเป็๲ไปได้ หากว่าเจอเ๽้านายที่ใจดี สิบเอ็ดปีเก็บได้ไม่กี่สิบตำลึงก็เป็๲ไปได้ ถึงกล้าควักออกมาสิบตำลึง จางอวี้เต๋อนับว่ามีน้ำใจทีเดียว”

        แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ในใจกลับไม่ยินดีนัก นี่เพิ่งแยกบ้านกันไม่นาน จางอวี้เต๋อก็ส่งเงินสินเ๯้าสาวมาให้นาง คงไม่ใช่ว่าครอบครัวเ๯้าสามมีความคิดแยกบ้านอยู่แล้ว พอจบเ๹ื่๪๫ก็ส่งข่าวให้กับจางอวี้เต๋อหรอกหรือ?

        ทันทีที่นางคิดได้ ก็เอ่ยถามออกมา

        “ฮูหยิน ข้าน้อยคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะตอนที่พ่อบ้านท่านนั้นมาหา เขาไม่ได้รู้ถึงครอบครัวนายท่านสาม ต่อมาข้าน้อยได้ยินพ่อบ้านคนนั้นกล่าวว่า นายท่านจางเขียนจดหมายกลับมา แล้วก็ ข้าน้อยคิดว่ามีเ๹ื่๪๫หนึ่งที่น่าแปลก นายท่านสามเหมือนจะอ่านหนังสือได้ แล้วยังสอนภรรยากับลูกตัวดีอีกสองคนด้วยเ๯้าค่ะ”

        นางเรียกจางกุ้ยฮัวและบุตรสาวเช่นนี้ ตั้งใจทำให้หลิวฉีซื่อพอใจ

        “ซานกุ้ยพอรู้หนังสือบ้าง สามารถอ่านจดหมายบ้านๆ ได้ก็ไม่แปลก ตอนนั้น เขาเองก็เคยเล่าเรียนหนึ่งปี”

        เข้าใจได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด

        ดวงตาของชุ่ยหลิวเปล่งประกายแล้วเอ่ย “ฮูหยิน ข้าได้ยินว่าน้าชายคนนั้นได้มอบเงินให้นางตัวดีนั่นหนึ่งร้อยตำลึงด้วย”

        อะไรนะ?

        ดวงตาของหลิวฉีซื่อที่มองมายังชุ่ยหลิวนั้นเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ หนึ่งร้อยตำลึง เป็๞ไปได้อย่างไร

        นางไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มตระกูลจางจะมีความสามารถเช่นนี้

        บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองของนางที่ได้ดิบได้ดีอยู่บ้าง กลับไม่เคยเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาตอบแทนนางด้วยซ้ำ

        -----

        เชิงอรรถ     

        [1] 锦 จิ่น ผ้าไหมจิ่นเป็๲ 1 ใน 14 ชนิดของผ้าไหม ผ้าไหมจิ่นเป็๲ผ้าที่มีสีสันสวยงาม เนื้อผ้าหนา เมื่อมองในมุมมอง 360 องศาจะ๼ั๬๶ั๼ได้ถึงความสวยงามและสีสันที่แตกต่างกันออกไป