ปักษาขับขาน บุปผาเบ่งบาน ด้านหลังของหุบเขาไป่หลิงปรากฏบุปผานานาพันธุ์กำลังชูช่อสะพรั่ง เหล่าดอกไม้รูปทรงคล้ายระฆังพลิ้วไหวตามสายลมอันอบอุ่น ส่วนนี้คือพื้นที่ต้องห้ามของหุบเขาไป่หลิง นอกจากจะมีคนเฝ้าอยู่ด้านนอกแล้ว หากผู้นำหุบเขาเอ่ยปากไม่ว่าใครก็ไม่สามารถก้าวออกไปได้หากไม่ได้รับอนุญาต ภายในมีกับดักมากมาย พลาดเพียงก้าวเดียวอาจนำไปสู่สถานการณ์อันตรายถึงชีวิต
หยินสือสองเค่อในวันนี้ ทุกคนในหุบเขายังคงอยู่ในห้วงนิทรา แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งภายใต้เสื้อผ้าสีดำ เดินซอกแซกผ่านเส้นทางในหุบเขา มุ่งหน้าตรงไปยังด้านหลัง
คนผู้นั้นคล่องแคล่วว่องไว อีกทั้งยังคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบตัว สามารถหลีกเลี่ยงกับดักไปได้ทุกครั้งอย่างง่ายดาย
ในที่สุดเขาก็มาหยุดที่ทางเข้าด้านหลังหุบเขา ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและรอคอยอย่างเงียบเชียบ
หนึ่งเค่อต่อมาก็มองเห็นคนจำนวนหนึ่งตรงมายังทิศทางนี้ ผู้คนที่ใกล้เข้ามาต่างแสดงป้ายไม้ให้แก่ทหารยามซึ่งเฝ้าหน้าปากทาง หลังจากเห็นป้ายไม้แล้วคนเ่าั้ก็พยักหน้าและผลัดเปลี่ยนตำแหน่งการเฝ้ายามให้ผู้มาใหม่
่เวลาเปลี่ยนเวรยาม ชายที่ซ่อนตัวในความมืดใช้โอกาสนี้ก้าวไปยังทางเข้าด้านหลังหุบเขา
“นั่นใคร” ทหารยามนายหนึ่งได้ยินเสียงจึงรีบหันหลังเดินไปยังทางเข้า คนอื่นๆ ก็เดินตามไปเช่นกัน ต่างมองสังเกตการเคลื่อนไหวโดยรอบด้วยความกังวลใจ
ทันใดนั้น นกดวงดาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็โผบินออกมาจากร่มไม้ ทุกคนพลันถอนหายใจโล่งอก
“นั่นคือนกดวงดาวของเ้าหนูมิใช่หรือ ดึกดื่นขนาดนี้เหตุใดถึงได้อยู่ที่นี่”
“ก็แค่นกตัวเดียว เหตุใดต้องกังวลเพียงนั้น ขอแค่ไม่มีใครผ่านเข้าไปก็พอแล้ว พวกเ้าคอยตรวจตราดู พวกข้าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย” กลุ่มคนที่เฝ้ายามก่อนหน้าเดินหาวหวอดออกไป หลังจากนั้นเหล่าทหารยามที่มาเปลี่ยนเวรก็เลิกสนใจนกตัวนั้นและกลับมาประจำยังตำแหน่งตน คอยระแวดระวังทุกสิ่งรอบตัว
ร่างที่แอบเข้ามาก่อนหน้าซ่อนอยู่หลังต้นไม้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกแล้วโบกมือเรียกนกดวงดาวซึ่งอยู่ไม่ไกล มันบินตามหลังมาและส่งเสียงร้องสองครา
“ชู่ว์ อิ๋นซิง เงียบเสียงลงหน่อย โชคดีนะที่เ้าเป็นก หากเป็คนคงถูกลงโทษตามกฎของหุบเขาแน่ๆ หากพวกเขารู้เข้า” อูิโยวััขนสีเงินของอิ๋นซิงแล้วพูดต่อ
“ครั้งนี้ข้าต้องขอบใจเ้า แต่ต้องเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับไม่ให้ผู้อื่นรู้นะ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาดว่าข้ามายังด้านหลังหุบเขา”
อิ๋นซิงส่งเสียงอีกครั้ง ก่อนที่อูิโยวจะรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ได้ๆ แม้แต่พี่ใหญ่และท่านพี่หญิงก็ไม่ได้ ท่านแม่ยิ่งไม่ควรรู้เข้าไปใหญ่ หากพวกเขารู้จะต้องถลกหนังข้าแน่”
อูิโยวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบหยิบถุงผ้าจากแขนเสื้อ หยิบผลไม้ผิวเหลืองนวลออกมาสองสามผล ส่งไปที่จะงอยปากของอิ๋นซิง
“นี่คือผลหวงจินที่ข้าไปหามาเมื่อไม่กี่วันก่อน ยังไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้มอบให้เ้า แต่เ้าต้องเก็บเื่นี้เป็ความลับ” อิ๋นซิงคาบผลหวงจินไปหนึ่งผลแล้วกระพือปีกจากไป
มองดูผลหวงจินอีกสองผลที่เหลืออยู่ อูิโยวจึงยิ้มแล้วพูดว่า “อิ๋นซิงช่างไม่โลภจริงๆ เหลือไว้ให้ข้าตั้งสองผล”
เขาหันไปมองคนเฝ้ายามทางเข้าหุบเขา จากนั้นก็วิ่งไปยังด้านหลังเงียบๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าประตูหิน หลังประตูคือห้องลับซึ่งเป็พื้นที่ต้องห้าม สิ่งเร้นลับที่สุดภายในหุบเขาไป่หลิงถูกซ่อนอยู่ในนั้น นอกจากผู้นำหุบเขาก็ไม่มีใครรู้มันคือสิ่งใด
อูิโยวหยิบกระดาษหนังแกะแผ่นหนึ่งออกมา แผ่นกระดาษนั้นคัดลอกรายละเอียดทุกพื้นที่ของห้องลับ กับดักทุกอัน และทางเข้าออก ทั้งหมดล้วนวาดอธิบายไว้ชัดเจน แผนที่นี้เขาไปขโมยมาจากบ้านของเหล่าผู้เฒ่าหลายคนแล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันอย่างยากลำบาก
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดห้องลับคือกุญแจ กุญแจดอกนั้นบิดาของเขาเป็ผู้ถือครอง ขณะนี้บิดาเดินทางไปสำนักมิ่งเก๋อหลายเดือนยังไม่กลับมา ตัวเขาในฐานะบุตรชายย่อมรู้ดีที่สุดว่าบิดามักจะซ่อนสิ่งของไว้ที่ใด ดังนั้นจึงหากุญแจได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมือััลงบนประตูหินเย็นเฉียบ ในใจของอูิโยวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ข้าต้องหามันเจอ ข้าจะต้องหาเจอ อูิโยว เ้าต้องหามันเจอ!”
ในใจครุ่นคิด กุญแจในมือก็ถูกสอดเข้าไปในประตูหิน...
รุ่งเช้าในหุบเขาไป่หลิง นกทุกตัวขับขานประสานเสียง อิ๋นซิงบินวนหน้าประตูห้องของอูิโยว ส่งเสียงร้องออกมาเป็ระยะ แสดงความมีอำนาจเหนือกว่าในหุบเขาแห่งนี้
ทันทีที่อูิโยวกลับมาก็ได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าอิ๋นซิงต้องรู้สึกเสียใจภายหลังเสียแล้ว ที่มันอยู่ตรงนี้ก็เพราะมาเอาผลหวงจินสองผลที่เหลืออยู่ ตอนนี้อูิโยวคิดเพียงอยากกลับไปนอนหลับสักตื่น เดิมทีอยากไล่อิ๋นซิงออกไป แต่กลับเห็นว่าประตูห้องของตนเปิดอยู่
“แย่แล้ว!”
อูิโยวหันหลังกลับตั้งท่าจะออกไป แต่ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
“เช้าขนาดนี้ เ้าไปที่ใดมา”
อูิหลิงก้าวออกมาจากในห้อง อูิโยวเหลือบมองอิ๋นซิงที่อยู่เหนือศีรษะของตน ในใจพลันรู้สึกผิดวูบหนึ่ง ครั้งนี้อิ๋นซิงทำได้ดีมาก ตั้งใจมาเตือนเขา แต่เขากลับเข้าใจเจตนาของมันผิด
“ท่านพี่หญิง!”
อูิโยวก้าวไปหานางพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น กอดแขนของอูิหลิงอย่างออดอ้อนออเซาะทำตัวเหมือนเด็ก
“เ้ายังไม่บอกข้าเลย เช้าตรู่เช่นนี้ไปที่ใดมา”
อูิโยวเอ่ยแฝงแววกังวล
“อ๋อ ข้าไปออกกำลังกายยามเช้า!”
อูิหลิงรู้จักน้องชายดี ปกติเขาจะไม่ยอมตื่นใน่ซื่อสือเช่นนี้ วันนี้ช่างประหลาด ไม่แปลกที่นางจะสงสัย นางมองเขาขึ้นๆ ลงๆ บนร่างอีกฝ่ายมีน้ำค้างเกาะอยู่ น่าจะอยู่ข้างนอกมานาน
“หากในภายภาคหน้าเ้าขยันขันแข็งเช่นนี้ พวกเราทุกคนคงคลายความกังวลได้มาก”
เมื่อเห็นว่าพี่หญิงเชื่อคำพูดตน อูิโยวก็ถอนหายใจโล่งอกและลากนางเข้าไปในห้อง ทันทีที่เขาเข้ามาก็เทชาร้อนให้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ท่านพี่หญิง เ้าคนโง่เง่าไป๋เจ๋อเขียนจดหมายถึงท่านใช่หรือไม่”
อูิหลิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย ทว่าไม่ได้เผยความรู้สึกนั้นออกมา ั้แ่กลับจากเมืองหลวงเฟิ่งเทียน นางได้ส่งจดหมายหลายฉบับไปชิงหลิ่วถัง แต่ทั้งหมดล้วนเป็เื่การเื่งาน จดหมายที่หลิ่วไป๋เจ๋อตอบกลับล้วนมีแต่เื่จริงจัง ไม่เอ่ยถึงเื่ส่วนตัวแม้แต่ประโยคเดียว
“เ้าพูดจาไร้สาระอะไรอีก คุณชายหลิ่วกำลังยุ่งอยู่กับธุระของเขา จะมาส่งจดหมายส่วนตัวหาข้าทำไมกัน”
อูิโยวเม้มปากด้วยความโกรธ “คนงี่เง่านี่ ทำไมไม่รู้เื่เอาเสียเลย ท่านพี่หญิงแสนดีถึงเพียงนี้เชียวนะ ไม่ได้การแล้ว ให้ข้าเขียนจดหมายหาเขาดีหรือไม่”
อูิหลิงเริ่มปวดหัวกับความวุ่นวายของน้องชายจึงเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ยังไม่ได้แต่งภรรยาเลย เหตุใดเ้าต้องกังวลเื่ของข้าขนาดนี้ด้วย”
เมื่อเอ่ยถึงอูิเยี่ย อูิโยวก็ชะงักไปชั่วขณะ คนที่เขากลัวที่สุดคืออูิเยี่ยผู้เป็พี่ชายและมารดาของเขาไป๋เซียงถิง พี่ชายคนโตมีนิสัยเหมือนมารดา ทั้งสองเป็คนตรงไปตรงมาไม่โอนอ่อน
“แล้วท่านมาพบข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเหตุอันใดหรือ” อูิโยวเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย อูิหลิงก็เอ่ยถึงเหตุผลที่ตนต้องมาหาเขาั้แ่เช้าแบบนี้
“ระยะนี้เกิดเื่แปลกๆ ในหุบเขา”
“เื่แปลกๆ หรือ” อูิโยวรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
อูิหลิงพยักหน้าและพูดต่อว่า “ที่บ้านของผู้าุโบางท่านถูกขโมยของ”
“อะไรนะ!”
หัวใจของอูิโยวเต้นระรัว ร่องรอยของเขาคงไม่ถูกพบเจอได้ง่ายๆ กระมัง พอคิดดูก็รู้สึกผิดที่แอบเข้าไปในบ้านผู้เฒ่าเ่าั้ แต่เขาก็ทำทุกอย่างอย่างไร้ที่ติ ไม่ได้ทำลายข้าวของในบ้านเลยสักนิด เพียงคัดลอกแผนที่เ่าั้แล้วนำกลับไปคืนในสภาพเดิมโดยไม่ทิ้งเบาะแสใด
อูิโยวเปรยถามออกไป “มีสิ่งใดหายไปหรือไม่”
อูิหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “สิ่งที่แปลกอยู่ตรงนี้นี่แหละ ที่บ้านของผู้เฒ่าทุกท่านถูกรื้อค้นทุกซอกทุกมุม แต่ไม่ว่าจะเป็เงินทองหรือของมีค่าอื่นๆ กลับไม่มีสิ่งใดสูญหาย”
อูิโยวพึมพำแ่เบา “บ้านตาเฒ่าหัวแข็งพวกนั้นจะมีอะไรให้น่าขโมยกันล่ะ”
“เ้าพูดว่าอะไรนะ”
อูิโยวรีบโบกมือ “ไม่ ไม่มีอะไร ข้าหมายถึง ในเมื่อไม่ได้มีอะไรหายไปก็ดีแล้ว”
อูิหลิงกลับไม่ได้โล่งใจเหมือนอูิโยว
“แม้จะเป็เช่นนั้น แต่จุดประสงค์ของหัวขโมยผู้นี้ก็น่าเป็กังวล หากไม่หาเขาให้พบภายในหนึ่งวัน ผู้คนในหุบเขาคงอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้”
แววตาของอูิโยววูบไหว การหาตัวคนคนนั้นให้พบถือเป็สิ่งที่จำเป็ต้องทำ เพราะตอนนี้เขาได้ข้อสรุปแล้วว่านอกจากเขาก็ยังมีคนอื่นที่เข้าไปในบ้านของเหล่าผู้าุโ แต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนที่ทำจะเหมือนกับเขาหรือไม่ ถ้าเป็แค่การลักขโมยธรรมดาก็คงไม่เป็ไร ทว่าหากจุดประสงค์ของบุคคลนั้นเหมือนกับเขาล่ะ...
อูิโยวพลันขมวดคิ้ว หากเป็อย่างข้อหลัง คนผู้นั้นต้องรู้จักพื้นที่ต้องห้ามของหุบเขาไป่หลิง ตอนนี้เขาไม่ได้กังวลว่าบุคคลนั้นจะพบแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ในบ้านของเหล่าผู้เฒ่าหรือไม่ ยิ่งไม่เป็กังวลว่าจะเข้าไปเพื่อหาสิ่งใดในห้องลับ เพราะคนผู้นั้นเข้าไปก่อเหตุขโมยด้านหลังหุบเขา อีกทั้งกุญแจเข้าห้องลับก็อยู่ในมือของเขาด้วย แม้อีกฝ่ายจะรวบรวมแผนที่มาได้ แต่ไม่มีทางเข้าไปในห้องลับได้อย่างแน่นอน
“เ้าคิดอะไรอยู่” อูิหลิงถามด้วยความเป็ห่วงเมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก
“อ๋อ ไม่มีอะไร ข้าแค่สงสัยว่าคนคนนี้คือใครกันแน่”
อูิหลิงยิ้มและพูดว่า “หากเ้ารู้ เ้าคงไม่ปล่อยให้เขามาทำตัวโอหังในหุบเขาแห่งนี้ได้หรอก”
“ถูกต้องแล้ว ฮ่าๆๆ!”
อูิโยวหัวเราะ แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ
“ข้าบอกเื่นี้ให้เ้ารู้ เพราะอยากให้เ้าหัดเป็กังวลมากขึ้นสักหน่อย ปัญหานี้ไม่ต้องถึงมือเ้าหรอก พี่ใหญ่กำลังสืบอยู่”
อูิโยวพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ
อูิหลิงมองไปที่น้องชาย นางรู้สึกว่าระยะนี้เขาค่อนข้างแปลกไป เป็เมื่อก่อนหากพบเจอเื่ราวเช่นนี้คงรีบเข้ามายุ่งวุ่นวาย ใครก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่ายๆ แต่นี่เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดเขาถึงได้เชื่อฟังเช่นนี้
“เ้าคงไม่ได้…” อูิหลิงกำลังจะเอ่ยถามกลับถูกขัดจังหวะจากผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“พี่ใหญ่”
“ท่านพี่”
ผู้มาใหม่คืออูิเยี่ย ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกับมีเื่บางอย่าง เมื่อก้าวเข้ามาแล้วเขาก็เอ่ยกับทั้งคู่ว่า
“เมื่อคืนวานห้องตำราของท่านพ่อก็ถูกรื้อค้นด้วยเช่นกัน”
อูิโยวได้ข้อสรุปในใจแล้วว่าจุดประสงค์ของคนผู้นี้เหมือนกับเขา หากไม่ใช่เพราะตนเองลงมือเร็วกว่าก้าวหนึ่ง คนที่ได้เข้าไปในห้องลับอาจเป็คนคนนั้น เพียงแต่ว่าเขาคือใครกัน มีเพียงผู้เฒ่าจากครอบครัวท่านแม่และตัวเขาเท่านั้นที่รู้ แม้แต่พี่หญิงอย่างอูิหลิงและพี่ชายอย่างอูิเยี่ยต่างไม่มีใครรู้เื่นี้ และเหตุผลที่เขารู้ก็เพราะครั้งหนึ่งเคยได้ยินบิดาและผู้เฒ่าในหุบเขาคุยกัน
จากการคาดเดา โจรคนนี้น่าจะรู้เื่ราวเกี่ยวกับหุบเขาไป่หลิงไม่น้อยหรืออาจจะมากกว่าเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายด้วยซ้ำ
“แล้วมีสิ่งใดหายไปหรือไม่” อูิหลิงเร่งถาม
อูิเยี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ท่านแม่เข้าไปดูแล้วพบว่าไม่มีอะไรสูญหาย”
“น่าแปลก คนคนนี้ก่อเื่ร้ายแต่ไม่ได้ขโมยสิ่งใดไปเลย”
อูิเยี่ยกลับคิดต่างออกไป “บางทีอาจไม่พบสิ่งที่้า”
“เขา้าสิ่งใดกัน” อูิหลิงถาม
อูิเยี่ยไม่ได้เอ่ยตอบ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
—---------------------------------
