เฉินอี้เหอโง่เขลากว่าเฉินจิ้งเจียตั้งเยอะ ไม่ว่าตนจะแสดงท่าทีต่อเขาดีแค่ไหน การแสดงท่าทีตอบกลับของเขาก็จืดชืดทั้งสิ้น
อย่าว่าแต่น้องสาวเลย นางเห็นว่าคนรับใช้บางคน ยังได้รับท่าทีสีหน้าดีๆ จากเฉินอี้เหอยามอยู่ต่อหน้าเขามากกว่านางเสียด้วยซ้ำ!
“โหรวเอ๋อร์ ไฉนเ้าถึงพูดเช่นนี้!” จ้าวอี๋เหนียงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “แม้เขาจะมิได้มาจากท้องแม่เดียวกันกับเ้า แต่พวกเ้าก็เป็เ้านายแห่งจวนป๋อชางโหว ต่อให้พวกเ้าไม่ยินยอมกันขนาดไหน ในสายตาคนนอกพวกเ้าล้วนเป็หนึ่งเดียวกันอยู่ดี!”
น้อยครั้งที่นางจะเด็ดขาดเช่นนี้กับเฉินจิ้งโหรว “จากนี้หากอยู่ข้างนอกอย่าได้เอ่ยวาจาไม่เคารพพี่ชายเช่นนี้อีกเป็อันขาด!”
เฉินจิ้งโหรวเบะปากด้วยความน้อยใจ “ท่านแม่~~”
นางทำท่าน่าเอ็นดู ทว่าจ้าวอี๋เหนียงกลับเฉยเมย “เ้าได้ยินหรือไม่!”
“ได้ยิน ได้ยินแล้วเ้าค่ะ”
คนที่อ่อนโยนเสมอมาบันดาลโทสะขึ้นฉับพลัน สำหรับคนที่ใจร้อนเป็ปกติอยู่แล้วนั้น ดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็มา เฉกเช่นเดียวกับจ้าวอี๋เหนียงที่ยืนเบื้องหน้าเฉินจิ้งโหรวในยามนี้นั่นเอง
เมื่อได้ยินคำตอบกลับจากเฉินจิ้งโหรว สีหน้านางจึงค่อยๆ นุ่มนวลลง “โหรวเอ๋อร์ เ้าต้องเชื่อฟังแม่ แม่ไม่มีวันทำร้ายเ้า คำบางคำหากพูดอยู่เป็นิจจนชินแล้ว ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเผลอโพล่งขึ้นอีกเมื่อไร ถึงคราหากคิดจะกลับตัว ก็ย่อมยากแล้ว”
เฉินจิ้งโหรวพยักหน้า “โหรวเอ๋อร์ทราบแล้วเ้าค่ะ”
“เ้าจำไว้ก็ดีแล้ว ไปอารามฟังเทศนาธรรมเถิด วัดอันเหรินมักมีเหล่านายหญิงใหญ่ชั้นสูงผ่านไปมา เ้าต้องจำไว้ว่า ทุกคำพูดทุกการกระทำของเ้าล้วนเป็หน้าเป็ตาของจวนป๋อชางโหว อย่าได้ปล่อยให้ใครอื่นดูถูกเอา”
จ้าวอี๋เหนียงกำชับเสร็จ เฉินจิ้งเจียก็พาสาวใช้ของตนเร้นจากไป
“แม่นมซุน เ้าว่ายามนี้ท่านโหวอยู่ที่ใด?”
จ้าวอี๋เหนียงนึกอยากตามไป ถึงตัดสินใจเอ่ยถามคนข้างกาย
“เรียนอี๋เหนียง หากท่านโหวไม่อยู่ที่เรือนคุณชายใหญ่ ก็อยู่ที่เรือนคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ ท่านว่าเราควรไปที่ใดก่อนเ้าคะ?”
สมแล้วที่เป็ผู้ติดตามจ้าวอี๋เหนียงมาเนิ่นนาน แค่นางเอ่ยปาก แม่นมซุนก็เดาได้แล้วว่านางคิดจะทำอะไร
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวอี๋เหนียงจึงเอ่ยอีกครั้ง “ไปดูทางคุณหนูใหญ่ก่อนก็แล้วกัน เรือนพักนางอยู่ห่างไกลทีเดียว ไม่รู้ว่าอยู่มาสองวันแล้วจะชินหรือยัง”
พูดจบ ฝ่าเท้าก็สาวไปทางเรือนพักของเฉินจิ้งเจียเองทันที
ว่ากันตามหลัก เรือนพักอันห่างไกลนี้ควรเงียบสงบถึงจะถูก ทว่ากลับได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวแสนครึกครื้นจากภายในแทน
จ้าวอี๋เหนียงบีบมือในแขนเสื้อเต็มแรง ก่อนปั้นยิ้มอันแสนคุ้นตาแล้วเดินเข้าไป
ครั้นเห็นนางเข้ามา หนานจือชิงปรี่เข้ามาขวางทาง “จ้าวอี๋เหนียง ไฉนถึงมาที่นี่ได้เ้าคะ?”
เมื่อเห็นหนานจือเผยยิ้มขึ้นต่อหน้า หัวคิ้วจ้าวอี๋เหนียงเป็อันขมวดมุ่นขึ้นทันใด ที่ผ่านมานางเด็กนี่เอาแต่ดูถูกนาง เอาแต่ทำหน้าตาเ็าใส่นาง ไฉนวันนี้ถึงได้...
“จ้าวอี๋เหนียงมาหรือ?” เสียงเฉินจิ้งเจียดังขึ้นจากในห้อง ตามด้วยม่านหนากั้นประตูถูกแหวกออก เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของเฉินจิ้งเจียโผล่ออกมา
จ้าวอี๋เหนียงรีบเก็บอารมณ์ มองไปหานางด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้มีธุระยุ่งวุ่นวายนิดหน่อย จึงไม่ทันมาดูคุณหนูใหญ่ที่นี่ มิทราบว่าคุณหนูใหญ่คุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง?”
อยู่ในวัดมาตั้งหลายวัน เพิ่งอยากมาดูว่าคุณหนูใหญ่คุ้นเคยหรือยังเอาป่านฉะนี้หรือ?
หนานจืออดที่จะกลอกตาขึ้นบนเสียมิได้ คำพูดนี้มีใครเชื่อลงบ้าง?
หากเฉินจิ้งเจียก็มิได้เปิดโปงหักหน้าแต่อย่างใด ต้อนรับจ้าวอี๋เหนียงด้วยรอยยิ้มก่อนพาเข้าข้างใน “ความคุ้นชินย่อมไม่เท่าอยู่จวนป๋อชางโหวอยู่แล้ว กระนั้นยังดีที่เงียบสงบ อี๋เหนียงก็ทราบดีว่าข้าไม่ค่อยชอบสถานที่ที่วุ่นวายสักเท่าไร”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” จ้าวอี๋เหนียงกล่าวไป สายตาก็เห็นเข้ากับป๋อชางโหวและเฉินอี้เหอที่นั่งอยู่ในเรือน
นางปรี่เข้าไปคารวะทั้งสอง ก่อนเดินไปข้างกายป๋อชางโหว “ข้าได้ยินว่าท่านโหวให้พ่อบ้านส่งเด็กรับใช้ไปปรนนิบัติคุณชายเผยแล้ว คุณชายเผยผู้นี้ ท่านโหวดูอย่างดีแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
เหมือนว่าป๋อชางโหวไม่อยากพูดให้มากความ จึงส่งเสียงอืมตอบรับราบเรียบกลับ บรรยากาศครื้นเครงเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็ความเยือกเย็นในบัดดล
ครั้นเห็นเขาไม่กระตือรือร้น จ้าวอี๋เหนียงก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ตาม
นางไม่กล้ายั่วโทสะเฉินอี้เหอ จึงทำได้เพียงหันมองเฉินจิ้งเจีย “เช่นนั้นต้องยินดีกับคุณหนูใหญ่แล้ว ที่เฟ้นหาจนเจอสามีที่ดีได้”
เฉินจิ้งเจียสีหน้าราบเรียบ “ขอบคุณอี๋เหนียง”
เพราะทั้งสองไม่มีใครรับบทสนทนานางต่อ ทำให้จ้าวอี๋เหนียงรู้สึกกระดากอายขึ้นมา
นางฝืนยิ้มหน้าเหยเก “ในเมื่อเป็เช่นนี้ มิทราบว่าเื่แต่งงานของคุณหนูใหญ่ว่าอย่างไรบ้าง? ทางคุณชายเผยจะมอบสินสอดทองหมั้นเช่นไร? แล้วสินเดิมฝ่ายหญิงของจวนป๋อชางโหวจะตระเตรียมเช่นไร?”
เฉินจิ้งเจียก้มหน้าต่ำ ปิดบังอารมณ์บนใบหน้า
การที่จ้าวอี๋เหนียงถามนางเื่แต่งงาน เพราะคิดจะใช้ศักดิ์การเป็นายหญิงใหญ่ของจวนป๋อชางโหวจัดการเื่นี้หรือ?
หากเื่การแต่งงานมอบหมายให้นางจัดการจริงละก็ ต่อให้ภายนอกนางจะเป็อนุ ทว่าตำแหน่งในจวนป๋อชางโหวนั้น ไม่จำเป็ต้องพูดก็เข้าใจได้โดยทั่วกัน
ถึงวาระนั้นแเื่ผู้มีเกียรติ และเหล่าชนชั้นสูงทั่วทั้งเมืองหลวงต้องมาร่วมงาน และจ้าวอี๋เหนียงย่อมใช่่เวลานี้ในการประกาศให้ฝูงชนรับรู้ว่า นางคือผู้กุมอำนาจหลังบ้านของจวนป๋อชางโหวที่สูงส่งที่สุดนั่นเอง
“อี๋เหนียง ข้าจำต้องไว้ทุกข์ให้ท่านแม่สามปี การเอ่ยเื่แต่งงานตอนนี้ เกรงว่าคงเร็วเกินไป” เฉินจิ้งเจียเอ่ยปากตอบเสียงเ็า
จ้าวอี๋เหนียงพุ่งเข้าเป้าทันที “ไม่เร็วหรอก แต่งงานหลังสามปีจากนี้มิใช่เื่ผิด ทว่าสินเดิมฝ่ายหญิงของท่านจำต้องตระเตรียมซื้อขายให้เรียบร้อย ชุดแต่งงานก็ต้องสั่งตัดเย็บล่วงหน้า ไหนจะรายการอื่นๆ อีกที่ต้องจัดการทีละอย่าง หากสุมไว้ทีเดียวเกรงว่าจะไม่ทันการเอาน่ะสิ!”
นี่คือจุดที่หลอกเฉินจิ้งเจียได้ดีที่สุด จ้าวอี๋เหนียงต้องเกลี้ยกล่อมนาง ให้นางละทิ้งการเตรียมงานแต่งไว้ให้ตน เช่นนี้โอกาสที่นางจะได้รับการแต่งตั้งเป็ฮูหยินก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว!
เพียงแต่เมื่อนางเอ่ยจบ สีหน้าเฉินจิ้งเจียตรงหน้าพลันแปรเปลี่ยน
“คุณหนู คุณหนูเป็อะไรไป?” ครั้นเห็นน้ำตารื้นขึ้นในดวงตาเฉินจิ้งเจีย จ้าวอี๋เหนียงก็เริ่มลนลานขึ้นแล้ว
บ้านอื่นล้วนให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หากแต่จวนป๋อชางโหวนั้นต่างไปอย่างสิ้นเชิง เฉินอี้เหอถูกป๋อชางโหวโยนเข้าฝึกในค่ายทหารั้แ่เยาว์วัย แต่เฉินจิ้งเจียกลับเป็ที่รักทะนุถนอมราวไข่ในหินอย่างไรอย่างนั้น
ในจวนป๋อชางโหว ต่อให้เฉินอี้เหอได้รับาเ็ ก็ยังสู้เฉินจิ้งเจียที่เสียใจลำบากใจไม่ได้ด้วยซ้ำ น้ำตาร่วงเผาะเพียงหยดเดียวก็ทำให้ป๋อชางโหวพิโรธแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งที่นางเห็น ป๋อชางโหวย่อมเห็นเช่นกัน ท่าทีราบเรียบเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็ความดุดันเคร่งขรึมขึ้นทันใด “เจียเอ๋อร์เป็อะไรไป?” เขามองเฉินจิ้งเจียอย่างห่วงใย สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน
เฉินจิ้งเจียสะอึกสะอื้นเอ่ยปาก “ข้ารู้ว่าอี๋เหนียงหวังดีต่อข้า ถึงได้พูดเื่เตรียมงานแต่งของข้า แต่ แต่ท่านแม่ข้าเพิ่งจากไปได้ไม่กี่วัน พวกเรามาวัดอันเหรินก็เพื่อทำพิธีให้ท่านแม่สู่สุคติ เื่แบบนี้รอกลับไปก่อนค่อยพูดมิได้หรือไร? ไฉนต้องพูดในเวลาเช่นนี้ด้วยเล่า?”
ยิ่งนางพูด สีหน้าป๋อชางโหวก็ยิ่งย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ใจจ้าวอี๋เหนียงก็ยิ่งตื่นตระหนกตามเช่นกัน
ชั่วเวลานั้นนางเพิ่งนึกได้ ซูเหยาที่ตายไป มิใช่แค่ผู้ครองตำแหน่งนายหญิงสูงสุดแห่งจวนป๋อชางโหว แต่ยังเป็คนที่อยู่ในหัวใจป๋อชางโหวอย่างแท้จริงอีกด้วย
หากเป็เวลาปกติ บางทีป๋อชางโหวคงไม่คิดถึงขั้นนี้ ทว่ายามนี้โดนเฉินจิ้งเจียพูดออกมาต่อหน้าต่อตาแล้ว ไหนเลยป๋อชางโหวจะแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อะไรได้อีก?
จ้าวอี๋เหนียงใจกระตุกวูบรุนแรง นางจบสิ้นแล้ว!
