ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางใน่กลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็ฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเื่ราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนาง้าผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็ผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็คุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็ไปได้เช่นกันทั้งสิ้น
แต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็ฮูหยินเอกของตระกูล
ชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังิญญาเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่หนิงอ้ายเป็สวะของตระกูลจาง หากไม่ได้เกิดเป็คุณชายคนเเรกจากฮูหยินเอกป่านนี่ตำแหน่งว่าที่ผู้สืบทอดของตระกูลจางย่อมเป็ของคุณชายรองจางเหยากวงไปเสียเเล้ว ด้วยเพราะความที่คุณชายรองห่างจากคุณชายใหญ่ไม่ถึงปี และมีหน้าตาถอดมาจากเลี่ยงหวงผู้เป็บิดาเสียส่วนใหญ่อีกทั้งเป็ผู้ฝึกตนที่มีสองพลังธาตุเป็ถึงศิษย์สายในของผู้าุโในสำนักศึกษาผิงอานเพียงเท่านี้ย่อมทำให้เป็ที่เชิดหน้าชูตากว่าคุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายยิ่งแล้ว
ที่ผ่านมาเยว่ซินได้สอนตำราความรู้ศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีรวมไปถึงการใช้อาวุธเพื่อสำหรับในการต่อสู้ป้องกันตัวเองได้ให้แก่หนิงอ้าย ไม่ว่าจะเป็การยิงธนูการใช้มีดสั้นรวมไปถึงการฝึกกระบี่ เยว่ซินตั้งใจไว้ว่าถึงแม้บุตรของตนจะไม่สามารถปลุกพลังิญญาผู้ฝึกตน แต่ก็สามารถฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายได้เช่นกัน
จนเมื่อวันเวลาผันผ่านจนในตอนนี้บุตรของนางอายุสิบห้าปีซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นอย่างสง่างามเป็ที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง ตลอดหนึ่งปีมานี้นางแทบจะไม่ได้พูดคุยกับเลี่ยงหวงเลยด้วยซ้ำหากไม่มีเื่จำเป็ เเต่ถึงอย่างไรการดูแลความเรียบร้อยของจวนรวมไปถึงการดูเเลตรวจสอบร้านค้ากิจการในตระกูลจางนางมักจะนำสมุดบัญชีกิจการต่าง ๆ มาตรวจสอบในทุกเจ็ดวันอย่างสม่ำเสมอ
การตัดสินใจในตอนนี้นั้นง่ายยิ่งขึ้นหลายเท่าในความรู้สึก เมื่อหนิงอ้ายกับลู่ซีออกไปจากเรือนแล้ว เยว่ซินจึงได้ปรึกษากับหรันหรูผู้เป็สหายสนิทของตนรวมไปถึงท่านจางปินสามีของสหายของนางถึงความเป็ไปหลังจากนี้ เมื่อทั้งสองได้รับรู้เื่ราวั้แ่ต้นจนจบจึงได้เอ่ยออกมาเพียงเเต่ว่าการตัดสินใจทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเยว่ซินเท่านั้น บางทีหนทางที่ตัดสินใจเลือกอาจจะดีกว่าตอนนี้และอาจส่งผลดีกับหนิงอ้ายเสียด้วยซ้ำ นางจึงฝากฝังให้ทั้งสองจัดเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ในการเดินทางกลับแคว้นเต่าดำในวันพรุ่งนี้ ส่วนนางตั้งใจไปหาจางเลี่ยงหวงสามีของนางเพื่อพูดคุย แน่นอนว่านางไม่ลืมที่จะนำสัญญาจ้างวานฆ่าของมือสังหารเมื่อคืนติดมือไปด้วย
จวนของตระกูลจางกว้างขวางพอ ๆ กับจวนของตระกูลหวังของนางที่แคว้นเต่าดำ ดังนั้นระยะทางไปกลับจากเรือนเล็กท้ายจวนที่นางพักอาศัยกับเรือนหลักที่อดีตสามีของนางนั้นอยู่ย่อมใช้เวลาเดินทางไม่น้อย เยว่ซินค่อยย่ำเท้าเดินเพื่อซึมซับความทรงจำที่นางเคยอยู่ในจวนนี้ให้มากที่สุดเเต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอใครบางคนด้วยซ้ำ
''ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจอกับฮูหยินเอกในวันนี้ สบายดีหรือไม่เ้าคะ?'' ฮูหยินรองหรือหวงลู่เอินคนรักของสามีเอ่ยทักขึ้นคล้ายกับว่าเป็เหตุการณ์ที่บังเอิญยิ่ง
''มีอะไรก็พูดมา ตรงนี้ไม่มีคนรักของเ้าอยู่ด้วยไม่จำเป็ต้องสวมหน้ากากจอมปลอมคุยกับข้า!!'' เยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใด
''อย่ามาทำเป็รู้จักข้าขนาดนั้นนางแพศยาหวัง ข้าละเกลียดเ้ายิ่งนัก!!'' หวงลู่เอินสบถออกมาคล้ายกับว่าสะกดอารมณ์ไม่อยู่
''ข้าจำได้ว่าไม่เคยเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเ้าเปรียบดังน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองฉันนั้น ข้าว่าที่แท้จริงปัญหานี้คงอยู่ที่ตัวเ้าเสียเเล้วละฮูหยินรองหวง เเต่ข้าขอเตือนสติเ้าอย่าล้ำเส้นข้าไปมากกว่านี้!!!''
''ที่ผ่านมาข้าไม่ตอบโต้เเต่เ้าคงรู้ถึงเหตุผลข้อนั้นเป็อย่างดี เ้าคงไม่ลืมเลือนไปแล้วใช่หรือไม่? ว่าข้าผู้นี้สามารถทำอะไรได้บ้าง...'' เยว่ซินกล่าวทิ้งท้ายอีกครั้ง พร้อมกับเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หวงลู่เอินใอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมานางได้ใช้สิ่งติดค้างที่จางเลี่ยงหวงมีให้แก่นาง ทำให้นางหลงระเริงไปโดยลืมคิดไปว่าหวังเยว่ซินขึ้นชื่อในเื่ของฝีมือเป็ที่ยอมรับแม้กระทั่งผู้ฝึกตนด้วยกัน ในการประลองแคว้นครั้งนั้นนางสามารถติดห้าอันดับเเรกและสามารถก้าวเข้าสู่ทำเนียบเสาหลักของยุทธภพ ไหนจะเื้ัที่ยิ่งใหญ่อันได้แก่ตระกูลหวังหนึ่งในสี่ของแคว้นเต่าดำ หากเยว่ซินไม่ได้แต่งงานกับเลี่ยงหวงคงไม่ถอนตัวจากทำเนียบสุดยอดรุ่นเยาว์ดังกล่าวง่าย ๆ เสียด้วยซ้ำ
นี่นาง..นี่นางพึ่งทำอะไรลงไปกัน? หวงลู่เอินได้เเต่คิดย้ำอยู่ในจิตใจอย่างเหม่อลอย...
เยว่ซินเดินแยกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะหากว่านางยังยืนฟังที่หวงลู่เอินคนรักของสามีกล่าวถ้อยคำน่ารังเกียจออกมาอีกเพียงนิดคงอดกลั้นไม่ไหวที่จะฝากรอยมือบนใบหน้านางให้สาสมใจเป็แน่ นางไม่ใช่เป็สตรีที่เรียบร้อย นางเพียงรู้จักการวางตัวให้สมกับคุณหนูตระกูลหวังของแคว้นเต่าดำเท่านั้นและเลือกปฏิบัติกับคนที่นางรู้สึกเป็มิตรด้วยความจริงใจ
เเต่สำหรับคนที่น่ารังเกียจและเสแสร้งบางครั้งการใช้ปากพูดด้วยย่อมไม่ได้ผลตรงใจเท่าไหร่ หากเยว่ซินนางไม่กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาเกี่ยวพันภายหลังนางคงจะจะเอาคืนไม่น้อย ได้แต่หวังว่าคำเตือนที่นางเอ่ยไปจะทำให้สมองอันน้อยนิดของอีกฝ่ายคิดได้ หาไม่เป็เช่นนั้นต่อให้ต้องมีปัญหากับตระกูลหวงของนางก็ไม่ใช่เป็เื่ที่ต้องกังวลใจ
เย่วซินเดินไปตามทางเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ออกจากเรือนเล็กท้ายจวนมานานก็จริง ทุกเส้นทางนางย่อมจดจำได้แม้กระทั่งความรู้สึก ความทรงจำแม้ว่าจะทุกข์มากกว่าสุขเเต่อย่างไรก็เป็สิ่งที่นางเลือกตัดสินใจด้วยตนเองตั้งเเต่เเรกกว่าจะรู้ตัวอีกทีนางก็เดินไปถึงเรือนหลักในจวนเสียเเล้ว
''ท่านฝู่หรงฝากแจ้งกับท่านประมุขได้หรือไม่ว่าข้ามีเื่จะพูดคุยด้วยเ้าค่ะ...'' เยว่ซินเมื่อเห็นบ่าวรับใช้คนสนิทของสามีจึงเอ่ยไหว้วานให้เป็ธุระให้
''ขอรับฮูหยินเอก วันนี้ท่านประมุขไม่มีภารกิจต้องไปสำนักศึกษาพอดีข้าจะเข้าไปแจ้งให้นะขอรับ!!'' ฝู่หรงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยรับปากออกไป พร้อมกับสังเกตฮูหยินเอกของเ้านายตนไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้มองก็มักจะเต็มไปด้วยความงดงามอันเป็ที่หนึ่งไม่อาจเป็สองได้ กริยามารยาทเรียบร้อยสมกับเป็บุตรตรีของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้น
แม้จะไม่ได้พบเจอมาเกือบสองปีเเต่ใบหน้างามของฮูหยินเอกกลับดูสดชื่นเบิกบานใจอีกครั้งเหมือนกับในวันเเรกที่ได้ก้าวเข้ามาในจวนตระกูล เขาเองก็อดที่จะสงสัยไม่น้อยว่าใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขได้แปรเปลี่ยนมาเป็ใบหน้าที่เฉยชามานานเเค่ไหนกัน เเต่เมื่อคิดว่าไม่ใช่เื่ของตนจึงรีบโค้งคำนับและเข้าไปแจ้งนายของตนโดยทันที ฝู่หรงหายไปสักพักหนึ่งแล้วออกมากล่าวเชิญตัวเยว่ซินให้เข้าไป
''เชิญฮูหยินเอกที่ด้านในเลยขอรับ ท่านประมุขรอท่านอยู่'' แม้จะเเปลกจอยู่บ้าง เเต่ใบหน้างามกลับนิ่งสงบสองเท้าก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงไปยังห้องทำงานเมื่อเข้าไป เห็นเป็สามีของตนกำลังก้มหน้าทำงานจึงเอ่ยทักขึ้น
''จางเย่วซินคำนับท่านประมุขข้ามีเื่จะแจ้งขอรบกวนเวลาสักครู่นะเ้าค่ะ'' เลี่ยงหวงเมื่อได้ยินดังนั้นแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจคำเรียกที่ดูเหินห่างที่ภรรยาใช้กับตนเเต่เมื่อได้ยินเสียงหวานนุ่มหูที่ตนไม่ได้ยินมานานแล้วจึงเงยหน้ามองใบหน้างดงามของฮูหยินเอกของตน
''งานข้าไม่ได้สำคัญอะไรมากเ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะซินเอ๋อร์...'' เมื่อได้ยินดังนั้นเยว่ซินจึงรวบรวมความกล้าที่ตนมีอยู่ทั้งหมดและเอ่ยออกไปว่า
''ท่านจำเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาได้หรือไม่?? ที่หนิงอ้ายบุตรของข้าจมน้ำเเต่ท่านไม่มีการสั่งลงโทษใดใดทั้งสิ้นเเต่เอ่ยว่าจะมอบสิ่งที่ข้าปรารถนาให้หนึ่งประการเป็การทดเเทน...''
''ข้าย่อมจำได้ผู้นำที่ดีย่อมกล่าวเเล้วไม่คืนคำ'' เลี่ยงหวงเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแม้ในใจตอนนี้นั้นเขาหวาดกลัวสิ่งที่จะได้ยินในประโยคถัดไปจากภรรยาของตนยิ่งนัก
''คำขอหนึ่งประการที่ท่านติดค้างข้าในวันนั้น ข้า้าเพียงอิสระของข้าและบุตรชายพวกข้าทั้งสองจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจางและจะไม่รับตำแหน่งและทรัพย์สินของตระกูลจางทั้งสิ้นสิ่งที่ข้า้ามีเพียงใบหย่าของข้าและท่าน รบกวนประกาศให้เป็ที่รับรู้กันโดยทั่วกันถึงแม้ว่าท่านจะไม่รักข้าและบุตรชายของข้าแต่ขอท่านให้เกียรติพวกเราสองคนแม่ลูกด้วยลูกของข้านั้นจมอยู่กับคำด่าทอและคำดูถูกมานานเกินไปแล้ว...''
''สุดท้ายสิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับท่านนั่นคือหากว่าข้าเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะย้อนกลับไปในการประลองของแคว้นในครั้งนั้นที่ทำให้ข้าได้พบกับท่าน ข้าจะเลือกที่จะไม่เข้าร่วมการประลองและเลือกที่จะไม่รู้จักท่าน ข้าจะเลือกเชื่อฟังคำเตือนของบิดามารดาของข้ามากกว่านี้และขอให้ท่านรับรู้ไว้ว่าข้าไม่เคยหมดรักท่าน เพียงเเต่ว่าทุกวันนี้ข้ามีคนที่ข้ารักมากกว่าท่านนั้นคือหนิงอ้ายบุตรของข้าเท่านั้น...''
''ข้าจะออกเดินทางกลับตระกูลหวังแคว้นเต่าดำในวันรุ่งขึ้น ฝากท่านจัดการใบหย่าและประกาศให้ผู้คนได้รับรู้กันโดยทั่วด้วยเถิด จะได้ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเเล้วนี่เป็สิ่งสุดท้ายที่ข้าหวังว่าท่านจะทำให้หนิงอ้ายทำหน้าที่ให้สมกับเป็บิดาของเขาสักครั้ง...'' กล่าวจบเยว่ซินจึงส่งใบสัญญาจ้างในมือของตนวางตรงหน้าของจางเลี่ยงหวงอีกทั้งถอดปิ่นปักผมบนศรีษะของนางวางไว้ตรงหน้าคู่กัน
เยว่ซินตั้งใจว่าในวันรุ่งขึ้นนางจะออกเดินทางกลับตระกูลหวังให้เร็วที่สุด แม้ว่าแคว้นหงส์แดงและแคว้นเต่าดำบ้านเกิดของนางจะมีอาณาเขตติดกันเสมือนบ้านพี่เมืองน้อง เเต่เนื่องจากตระกูลจางและตระกูลหวังทั้งสองตระกูลต่างเป็หนึ่งในสี่ของตระกูลใหญ่ของแคว้นทั้งคู่จึงทำให้จวนของตระกูลจะอยู่ตรงบริเวณใจกลางของแคว้นที่เป็ศูนย์กลางการปกครอง
อีกเหตุผลที่นางอยากเดินทางให้เร็วที่สุดก็ด้วยเพราะกลัวว่าหากนางประวิงเวลาไปมากกว่านี้จะยิ่งเปิดโอกาสให้นักฆ่ารับจ้างลอบเข้ามาในเรือนอีกครั้ง แม้จะไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้นด้วยเพราะว่าผู้ที่อาศัยในเรือนหลังเล็กนี้ทั้งนางและบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ต่างเป็วรยุทธเป็ผู้ฝึกตนกันทั้งสิ้นและด้วยความประมาทย่ามใจของพวกมันที่คิดว่าบุตรชายของนางไม่ใช่ผู้ฝึกตน อีกทั้งยังร่างกายอ่อนแอจึงส่งนักฆ่าฝีมือดีเพียงไม่กี่คน หากว่าพวกมันไม่ได้กลับไปรายงานผลภารกิจย่อมทำให้พวกมันแปลกใจและต้องส่งนักฆ่ามาเพิ่มเป็แน่
คืนที่ผ่านมานางรับรู้ได้ว่าบุตรของนางมีฝีมือไม่ด้อยกว่าผู้ใด เเต่ถึงอย่างไรนางย่อมป้องกันไว้ก่อนดีกว่า นางมีเพียงบุตรคนเดียวซึ่งก็คือหนิงอ้าย แน่นอนว่าเยว่ซินไม่พร้อมที่จะเสียเด็กหนุ่มไปเป็แน่ ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่านางจะถูกไล่ให้มาอยู่เรือนเล็กท้ายจวนและถูกยึดอำนาจของฮูหยินใหญ่ของตระกูลจางเกือบทั้งหมดก็จริง เเต่การจัดการสมุดบัญชีของตระกูลจางและกิจการของตระกูล รายรับ รายจ่ายต่าง ๆ เลี่ยงหวงอดีตสามีของนางยังคงไว้ใจให้นางทำหน้าที่ดูเเลตรงนี้อยู่เสมอ
นางไม่มีความจำเป็ต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายเเล้ว เยว่ซินตั้งใจคืนทุกสิ่งที่นางได้ดูเเลตั้งเเต่ก้าวเข้ามาในตระกูลจางแห่งนี้ นั่นคือสมุดบัญชีค่าใช้จ่ายของตระกูลจาง รวมไปถึงสมุดบัญชีของกิจการต่าง ๆ ที่ปกตินางมักจะให้พ่อบ้านของตระกูลนำมาให้ตนตรวจสอบในทุกเจ็ดวัน อีกทั้งยังมีตราประจำตัวของฮูหยินใหญ่ตระกูลจางที่นางเคยมาหลายสิบปี ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องคืนให้แก่อดีตสามีเพื่อที่เขาจะได้ส่งมอบให้สตรีที่ตนรักจริง ๆ ไม่ใช่มอบให้สตรีเช่นนางที่ถูกตบแต่งเข้ามาด้วยความเหมาะสมดั่งเช่นนาง…
เลี่ยงหวงเห็นปิ่นปักผมก็จดจำได้ว่าเป็ปิ่นที่เขาแกะสลักด้วยตนเองเพื่อมอบให้อีกฝ่ายพร้อมกับคำสัญญาในวันวานเเต่มาในวันนี้นอกจากที่ตนจะไม่สามารถทำตามคำสัญญาได้แล้วกลับทำร้ายความรักความเชื่อใจของนาง เลี่ยงหวงแม้จะเห็นว่าเยว่ซินเดินออกไปแล้วแต่กลับไม่กล้าเรียกนางเสียด้วยซ้ำ...
เขารู้
เขารู้ดีเสมอ...
เยว่ซินเป็สตรีที่ไม่เหมือนผู้ใดที่ตนรู้จักแม้นางจะเป็สตรีที่มีความเพียบพร้อมไปทั้งหน้าตาชาติตระกูล สิ่งที่ทำให้เลี่ยงหวงสนใจในตัวนางคือความเด็ดขาด เมื่อนางเลือกทำสิ่งใดเเล้วย่อมหมายความว่านางได้คิดอย่างถี่ถ้วนและไม่มีทางเปลี่ยนใจ
'' ท่านทะเลาะกันอีกแล้วเช่นนั้นหรือขอรับ?'' ฝู่หรงที่รออยู่ทางด้านนอกตนจึงไม่ได้ยินเสียงที่นายท่านสองของคนพูดคุยกัน เเต่เมื่อเห็นฮูหยินเอกออกไปด้วยอาการดังกล่าวก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ถึงแม้สถานะของตนคือบ่าวรับใช้คนสนิท แต่เลี่ยงหวงจะคอยบอกเสมอว่าเราทั้งสองเป็ดั่งสหายกันเมื่ออยู่กันสองคนไม่จำเป็ต้องมากพิธี
''ผิดที่ข้าเองฝู่หรงข้าทำพลาด ทำพลาดไปอีกแล้ว....'' เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เ็ปเช่นนั้นฝู่หรงจึงเงยหน้าขึ้นมองเลี่ยงหวงและเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นคล้ายกับมีอายุขึ้นมาหลายสิบปี
''เยว่ซินนางมาทวงสัญญา นางขอหย่าและให้ประกาศออกไปให้คนรับรู้กันโดยทั่ว นางไม่เอาข้าเเล้ว เ้าได้ยินรึไม่!!'' เลี่ยงหวงเอ่ยออกมาด้วยจิตใจที่เ็ป
นี่เขาไม่ได้ร้องไห้มานานเท่าใดกัน? เลี่ยงหวงไม่เข้าใจว่าตนทำพลาดตอนไหนจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเยว่ซินถึงจุดสิ้นสุดเช่นนี้ได้
''ม้วนกระดาษในมือของนายท่านเป็สิ่งใด? ข้าเห็นสิ่งนี้ฮูหยินเอกนำติดตัวเข้ามาด้วยตอนขอพบกับท่าน…'' เลี่ยงหวงได้ยินฝู่หรง จึงทำการดึงม้วนกระดาษออกมาและใไม่น้อยกับเนื้อหาในม้วนกระดาษนั้น
''สัญญาจ้างวานฆ่าเป้าหมายคือจางหนิงอ้าย? นี่มันอะไรกันทำไมข้าไม่รู้เื่นี้!!'' เมื่อกล่าวจบสายตาของเลี่ยงหวงได้เเต่จ้องมองม้วนกระดาษในมือของตนอย่างเงียบ ๆ โดยที่ฝู่หรงไม่สามารถคาดเดาผู้เป็นายของตนได้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้