“สามพี่น้องหยางถัว สมแล้วที่เป็พวกโรคจิต”
จื่ออีกล่าวอย่างไม่แยแส จากนั้นก็มีชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าสีทองเดินเข้ามาในกระท่อม
ถึงแม้ด้านนอกจะฝนตกหนัก แต่คาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามานี้จะไม่ค่อยเปียกฝนเท่าไร นอกจากนี้เขายังมีใบหน้าขาวสะอาดและหล่อเหลา มือข้างกำลังถือร่มและแบกดาบไว้ด้านหลัง
“สามพี่น้องหยางถัว”
สีหน้าของจื่ออีและจื่อหลิงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็สามพี่น้องหยางถัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้หื่นกระหายเช่นนี้ ทั้งสามคนนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในละแวกใกล้เคียงกับูเาจื่อจิน เพราะพวกเขาข่มขื่นผู้หญิงมาหลายคนด้วยวิธีที่เหี้ยมโหดและทารุณ
หากพวกนางทั้งสองตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นคงไม่อาจจินตนาการได้
“เ้าเป็ใคร?”
เมื่อสามพี่น้องหยางถัวได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม จึงหันไปมองด้วยสายตาเยือกเย็น
“ในขณะที่งานแต่งของจื่อโฉงกำลังใกล้เข้ามา พวกเ้าทั้งสามถึงได้ออกมาเพื่อหาเหยื่อใช่ไหม?” ชายหนุ่มกล่าวขณะเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างเ็า จากนั้นเขาก็เดินไปทางหลินเฟิง เขาก้มลงและใช้พัดในมือสร้างกระแสลมน้อยๆ ทำให้ไฟแรงขึ้น
“เ้าก็เป็ลูกผู้ชายเหมือนกัน ทำไมเ้าถึงไม่ช่วยหญิงสาวทั้งสองคน เมื่อพวกนางถูกทำให้ได้รับความอับอาย!”
ชายหนุ่มในชุดสีทองที่มีใบหน้าอันอ่อนโยนกล่าวกับหลินเฟิงขณะยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูหยิ่งยโสและอวดดี
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองชายหนุ่มนิ่งๆ เขามีอายุใกล้เคียงกับหลินเฟิงและมีใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา เมื่อมองจากการแต่งกายที่หรูหรา ก็ทราบได้ทันทีว่าต้องเป็ลูกหลานของคนตระกูลสูงส่ง
ถึงแม้น้ำเสียงของชายหนุ่มชุดสีทองจะอ่อนโยน แต่กลับมีท่าทางหยิ่งยโส
หลินเฟิงยังคงผิงไฟด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่ชอบหน้าชายหนุ่มสักเท่าไร เขาคิดว่าตัวเองอยากดูสูงส่งกว่าคนอื่น ก็เลยดูถูกคนอื่นเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
“พวกข้าสามคนจะทำอะไร แล้วมันใช่เื่ของเ้าหรือ? ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ออกไปจากที่นี่ซะ”
สามพี่น้องหยางถัวกล่าวอย่างเ็าขณะจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสาม พวกเขาจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ชายหนุ่มชุดสีทองเหลือบมองอีกฝ่าย ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน
“สามพี่น้องหยางถัวมีชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ อายุสามสิบแล้วแต่ก็ไม่ค่อยฝึกทักษะยุทธ์นัก ใช้เวลาแต่ละวันไปกับหญิงสาว การบ่มเพาะของคนหัวหน้าอยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ส่วนอีกสองคนอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 ทั้งชีวิตของพวกมันก็เป็ได้แค่หนูโสโครก”
ม่านตาของสามพี่น้องหดลงขณะที่ใช้สายตาชั่วร้ายจ้องเขม็งไปชายหนุ่ม
“เ้าแส่หาเื่เกินไปแล้ว หรือเ้าอยากเป็วีรบุรุษเพื่อช่วยสองสาวผู้งดงามทั้งสองนี้?”
“ใครมันจะไม่หลงรักสาวงามกันล่ะ ข้าก็เป็ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงเื่พวกนี้ได้ หากมีโอกาสได้ช่วยหญิงสาวที่งดงาม ข้าก็ยินดีอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มชุดสีทองกล่าวขณะมองไปทางจื่ออีและจื่อหลิง เขามีรอยยิ้มอบอุ่นและอ่อนโยน แค่เขาพยักหน้าเล็กน้อยก็ทำให้หัวใจของจื่ออีและจื่อหลิงเริ่มเต้นเร็วขึ้น ชายหนุ่มคนนี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าเป็คนเืเย็นก็แล้วกัน”
สองในสามพี่น้องหยางถัวลุกขึ้นยืนและค่อยๆ เดินไปหาชายหนุ่มชุดสีทองช้าๆ ทันใดนั้นคลื่นพลังรุนแรงได้ออกมาจากร่างกายของพวกเขา ขณะพุ่งไปหาชายหนุ่มชุดสีทอง
จื่ออีและจื่อหลิงต่างจ้องเขม็งไปยังการกระทำของพี่น้องหยางถัวที่ก้าวมาข้างหน้าแค่สองคนนั้น แล้วมองชายหนุ่มชุดสีทองเพื่อดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
ในขณะนั้นพี่สามของพวกมันก็พุ่งจู่โจมจื่อหลิง ราวกับว่ามันวางแผนโจมตีทีเผลอครั้งนี้ไว้แล้ว และเข้าใกล้จื่อหลิงอย่างรวดเร็ว
“ระวัง!” สีหน้าของจื่ออีเปลี่ยนไปเมื่อเห็นพี่สามของพวกมันกำลังพุ่งเข้าหาจื่อหลิงและคว้าตัวนางไว้ ซึ่งจื่อหลิงเพิ่งทะลวงผ่านขอบเขตแห่งจิติญญามา จึงไม่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้
ในขณะนั้นหลินเฟิงที่นั่งอยู่เงียบๆ ก็เงยหน้าขึ้น ซึ่งในดวงตาของเขาช่างแหลมคมราวกับดาบ โดยไม่ทันได้คาดคิดเขาได้ยกมือขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันมีดาบสีทองที่งดงามส่องแสงระยิบระยับอยู่ในชั้นบรรยากาศ แสงที่กระจายออกมาดูคล้ายกับสายฝนทองคำ มันช่างแพรวพราวและงดงามอย่างน่าประหลาด
แสงดาบที่ส่องประกายช่างสวยงามจับตา ทันใดนั้นแสงสว่างก็พลันปกคลุมร่างของสามพี่น้องหยางถัว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ และแล้วศพของพี่สามก็ตกลงมาบนพื้น ทั้งร่างของพวกมันเต็มไปด้วยาแที่เกิดจากแสงสีทอง
จื่อหลิงถึงกับเบิกตากว้าง ในใจของนางยังคงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่คลาย
แต่ดาบเล่มนี้ ช่างดูงดงามยิ่งนัก!
จื่ออีเองก็แข็งทื่อขณะจ้องมองซากศพบนพื้น ไม่เพียงมีแต่ร่างของพี่สามเท่านั้น แต่พี่สองของพวกมันก็ทรุดตัวลงและมีาแมากมายปรากฏบนตัวของเขาเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มรวดเร็วเกินไป เร็วจนพวกนางมองตามไม่ทัน และอีกฝ่ายกลับสังหารไปถึงสองคนแล้ว
“แข็งแกร่งยิ่งนัก! หรือจะเป็นักดาบ”
จื่ออีมองไปที่ั์ตาชายหนุ่มที่ดูงดงามและคมคาย ซึ่งพละกำลังก็ไม่ได้ธรรมดาๆ ช่างน่าหลงใหลเกินไปแล้ว
“ทักษะดาบห่าฝนทองคำ ทั่วท้องฟ้าจึงเต็มไปด้วยสายฝนทองคำ เ้าคือหลินฮ่าวเจี๋ย!”
ลูกพี่ของสามพี่น้องหยางถัวกำลังประหลาดใจที่ได้เห็นบุคคลตรงหน้า
“ดาบห่าฝนทองคำ... หลินฮ่าวเจี๋ย ที่แท้ก็เป็เขา”
เมื่อจื่ออีและจื่อหลิงได้ยินชื่อนี้จึงแปลกใจเล็กน้อย ในละแวกนี้หลินฮ่าวเจี๋ยมีผู้ชื่อเสียงอย่างมากและยังเป็สหายกับนายน้อยจื่อโฉงแห่งตระกูลจื่ออีกด้วย อายุยังน้อยแต่การบ่มเพาะกลับอยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 นอกจากนี้เพราะเป็นักดาบ เขาจึงสามารถสังหารผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ได้อย่างง่ายดาย ช่างเป็ชายหนุ่มที่อัจฉริยะนัก
“วันนี้ข้าได้รับบทเรียนมามากพอแล้ว ข้าขอตัวล่ะ!”
ลูกพี่คนนั้นกำลังสั่นเทา แล้วออกไปจากกระท่อมอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามดาบของหลินฮ่าวเจี๋ยนั้นรวดเร็วกว่าเขามากนัก
ดาบห่าฝนทองคำตกลงมา จากนั้นร่างของลูกพี่คนนั้นที่กำลังคลานออกจากกระท่อมก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที
เมื่อเห็นร่างที่ล้มลงไปแล้วนั้น มุมปากของหลินฮ่าวเจี๋ยพลันปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจขึ้นมา แล้วเก็บดาบเข้าไปในฝักอย่างนุ่มนวลและสง่างาม
“สาวสวยทั้งสองเอง ก็จะไปที่ยอดูเาจื่อจินด้วยหรือ?”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวกับจื่ออีและจื่อหลิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และั์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยเสน่ห์
“อื้ม” จื่ออีกล่าวอย่างนุ่มนวลขณะพยักหน้า
“ดูเหมือนข้าจะโชคดีมาก ถึงได้มาเจอผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ได้ นับว่าเป็เกียรติของหลินฮ่าวเจี๋ย อย่างไรก็ตามตอนนี้มันดึกมากแล้ว ฝนก็หยุดตกแล้ว งั้นข้าก็ไม่รบกวนการพักผ่อนของพวกเ้าทั้งสองแล้ว”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวขณะยิ้ม จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนตอนที่เข้ามา
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงประตู เขาก็ค่อยๆ หันมากล่าวอีกครั้งว่า “หากสาวสวยเฉกเช่นพวกเ้ามานอนพักค้างคืนอยู่ที่นี่ ก็อย่าปล่อยให้คนขี้ขลาดไร้ประโยชน์อยู่ใกล้พวกเ้าให้มากนัก เพราะมันอาจทำอะไรกับพวกเ้าก็ได้”
กล่าวจบหลินฮ่าวเจี๋ยก็จากไปทันที ทิ้งให้ทั้งสามคนในกระท่อมฟังเสียงกีบเท้าม้าที่ค่อยๆ เบาลง จนรู้สึกได้ว่าหลินฮ่าวเจี๋ยได้จากไปแล้วจริงๆ
ส่วนคนขี้ขลาดที่เขาเอ่ยถึงเมื่อครู่ แน่นอนว่าคนนั้นก็คือหลินเฟิง
เมื่อเห็นร่างเงาหายลับไปแล้ว จื่ออีและจื่อหลิงต่างก็รู้สึกผิดหวัง
“ท่านพี่จื่ออี พวกเรายังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย”
จื่อหลิงจู่ๆ ก็ถอนหายใจ แต่จื่ออีกลับส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “เ้าคิดว่าหลินฮ่าวเจี๋ยจะเป็คนที่คาดหวังอะไรบางอย่างเช่นคำขอบคุณหรือ?”
“นั่นน่ะสิ” จื่อหลิงพยักหน้าเล็กน้อย
“เขาเป็ชายหนุ่มที่โดดเด่นมาก ไม่เหมือนใครบางคนที่กำลังสวมหน้ากากอยู่และยังไม่กล้าให้ใครเห็นใบหน้า” จื่ออีกล่าวเยาะเย้ยขณะเหลือบมองหลินเฟิงที่นั่งอยู่บนพื้น
หลินเฟิงยังคงผิงไฟ จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เขาไม่ได้เป็คนดีอย่างที่พวกเ้าคิดหรอก”
“เ้ามีสิทธิ์อะไรไปกล่าวหาผู้อื่น หากไม่ได้เขาช่วยล่ะก็ คงไม่รู้ว่าจะมีเื่เลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับพวกข้าบ้าง เ้าคิดว่าเ้าสามารถหนีไปได้งั้นหรือ? ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านพ่อถึงได้ให้คนอย่างเ้าติดตามพวกข้ามา”
เมื่อจื่ออีเห็นหลินเฟิงกล่าวหาหลินฮ่าวเจี๋ยเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะรังเกียจเมื่อมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งนางในตอนนี้เริ่มตกหลุมรักชายหนุ่มในชุดสีทองเข้าให้แล้ว
“ใช่แล้ว หลินเฟิง เ้าควรขอบคุณหลินฮ่าวเจี๋ยเสียด้วยซ้ำถึงจะถูก”
จื่อหลิงเองก็คล้อยตามไปด้วย นักดาบที่เก่งกาจเช่นนี้แหละ ที่นางเฝ้าโหยหามาโดยตลอด
“ข้าไม่ได้ติดหนี้อะไรเขาแล้วทำไมต้องขอบคุณเขา ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แต่พวกเ้าเองก็ไม่ได้ติดหนี้อะไรเขา ใยพวกเ้าถึงต้องจดจำเื่เมื่อครู่นี้ด้วย”
น้ำเสียงของหลินเฟิงยังคงนิ่งสงบ ด้วยการแสดงของหลินฮ่าวเจี๋ยเมื่อครู่นี้ บางทีอาจดูดีในสายตาของพวกนาง ทว่าหลินเฟิงกลับรู้สึกว่าหลินฮ่าวเจี๋ยนั้นเป็คนเหลาะแหละ ไม่ได้เื่และหยิ่งผยอง แล้วยังคิดว่าตัวเองดีกว่าผู้อื่น
“ข้าไม่รู้จะพูดยังไงกับเ้าจริงๆ สิ่งที่เหมือนก็มีแค่แซ่หลิน นอกนั้นก็ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วตอนนี้เ้าจงออกไปจากกระท่อมซะ”
จื่ออีนึกถึงคำพูดของหลินฮ่าวเจี๋ยขึ้นมาได้ นางจึงไล่หลินเฟิงออกไปจากกระท่อม
“หากเ้า้าข้าก็จะไป แต่ข้าก็อยากเตือนพวกเ้าว่า ทุกอย่างล้วนไม่ได้เป็เหมือนที่พวกเ้าเห็น และตอนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเ้าเห็นก่อนที่ข้าจะออกไป”
หลินเฟิงกล่าวขณะลุกขึ้นยืน แล้วมองไปที่ลูกพี่หยางถัวที่นอนอยู่บนพื้นและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เ้าจะแกล้งตายไปถึงเมื่อไร?”