หลังจากหัวเราะเสียงดังกันได้สักครู่ ฮองเฮาก็อาเจียนออกมาอย่างทนไม่ไหว
แม่นมชิวมีสีหน้าเศร้าสร้อย “ฮองเฮาทรงมีอาการรุนแรงเช่นนี้ หากถูกผู้ใดเห็นเข้าก็คงดูออกโดยไม่ต้องคาดเดา”
จบคำ ฮองเฮาก็อาเจียนอีกครา
“ข้าจะลองดู”
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา ก่อนจะยื่นมือไปกดจุดเน่ยกวน[1]ของนางแล้วนวดเบาๆ
ไม่กี่อึดใจต่อมา อาการของฮองเฮาก็ดีขึ้น
“แม่นมชิว หากฮองเฮาทรงไม่สบายพระวรกายอีก ท่านก็ใช้วิธีที่ข้าทำเมื่อครู่ มันสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้”
แม่นมชิวมีสีหน้ายินดี “วิธีนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
ฮองเฮาจับมือของไป๋เซี่ยเหอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แม่หนูเซี่ยเหอ ลำบากเ้าแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปากยิ้ม “ไม่ลำบากเพคะ กลับเป็ฮองเฮาเสียอีกที่ต้องทรงพระครรภ์สิบเดือน หากจะเผชิญกับความลำบากระหว่างนั้นก็ต้องเตรียมพระทัยให้พร้อมเพคะ”
ฮองเฮาผงกศีรษะ นางไม่ได้สนใจนัก หรือพูดได้ว่านางเชื่อมั่นในตัวของไป๋เซี่ยเหออย่างสุดหัวใจ
มีบางคนที่มองปราดเดียวก็ชวนให้รู้สึกเสียดายที่พบกันช้าไป แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเหตุใดชื่อเสียงเรียงนามของไป๋เซี่ยเหอถึงย่ำแย่เช่นนั้นในตอนแรก ทว่าในใจนางรู้ดีว่าไป๋เซี่ยเหอเป็คนดีอย่างแน่นอน
ไม่ทราบว่าหากไป๋เซี่ยเหอรู้ว่าฮองเฮามองว่านางเป็คนดี นางจะหัวเราะออกมาหรือไม่
“เพียงแต่ทำให้เ้าน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว หากฝ่าาทรงทราบ ย่อมต้องประทานรางวัลให้เ้าเป็แน่ แต่ตอนนี้เ้ากลับต้องทำเพื่อข้า ทำให้เ้าไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเห็นฮองเฮาหงุดหงิดและโทษตนเอง ก็ลูบหลังมือของนางเบาๆ ทันทีและเอ่ยคำปลอบโยน “ในสายตาของหม่อมฉัน สิ่งของเ่าั้ล้วนเป็เพียงของนอกกาย เมื่อเปรียบเทียบกับฮองเฮาที่ทรงห่วงใยและทะนุถนอมหม่อมฉันแล้ว ย่อมไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงเลยเพคะ”
ในอดีตชาตินางมีทุกอย่างแล้ว ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่มีคือคนที่ห่วงใยและทะนุถนอมนางอย่างแท้จริง
ดังนั้นในสายตาของนาง สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ากว่าเงินตราใดๆ
“ข้ามองเ้าไม่ผิดจริงๆ”
น่าชื่นใจนัก ทว่าน่าเสียดาย...
เสียดายที่แม่นางแสนดีและยอดเยี่ยมเช่นนี้ กลับไม่มีที่พึ่งพิงดีๆ
เซ่อเจิ้งอ๋องน่ะหรือ?
นางมองเขาผิดไปจริงๆ!
หลังจากสนทนาเป็เพื่อนฮองเฮากว่าหนึ่งชั่วยาม ความง่วงงุนก็ทำให้ฮองเฮาต้องขอตัวไปพักผ่อน ไป๋เซี่ยเหอจึงสามารถออกจากวังได้
ณ เรือนสุ่ยฉิง
“คุณหนูกลับมาแล้วหรือเ้าคะ?”
ฝูเอ๋อร์รีบออกมาต้อนรับ นางไม่ได้ซักถามเื่ราวในวังให้มากความ
ในเมื่อคุณหนูไม่บอก นางก็ไม่ถาม ถึงอย่างไรเื่เหล่านี้นั้นไม่รู้ดีกว่ารู้เสียอีก
หลังจากผ่านเื่ราวมามากมายปานนี้ ฝูเอ๋อร์ก็ได้เรียนรู้วิธีเอาตัวรอด
ไป๋เซี่ยเหอนวดลำคอที่ปวดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในเรือน เพื่อให้ฝูเอ๋อร์บีบนวดให้
“เื่ที่ให้เ้าช่วยตรวจสอบเป็อย่างไรบ้าง?”
ฝูเอ๋อร์รายงานอย่างร่าเริง “บ่าวไปสอบถามมาทุกที่แล้วเ้าค่ะ ทุกคนต่างบอกว่า่นี้คุณหนูสามดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็คนละคนเลยเ้าค่ะ”
ไม่ทราบว่าเป็เพราะกำลังกระวนกระวายหรือไม่ จู่ๆ หัวใจของไป๋เซี่ยเหอก็เต้นโครมคราม
ส่วนหน้าอกก็อึดอัดจนไม่สบายตัวเล็กน้อย
“เปลี่ยนอย่างไร?”
“เดิมทีคุณหนูสามมักชอบเดินตามคุณหนูรอง อุปนิสัยก็หยิ่งผยอง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยปฏิบัติกับบ่าวรับใช้เหมือนมนุษย์ แต่จู่ๆ นางก็เลิกเดินตามคุณหนูรองแล้ว นอกจากนี้ยังกระทำการอย่างสุขุมและอ่อนโยนขึ้นมากเ้าค่ะ”
“สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือ เมื่อก่อนคุณหนูสามอิจฉาที่ไป๋เหล่าฮูหยินมีใจลำเอียงให้คุณหนูรอง ดังนั้นทุกครั้งที่ไปคารวะไป๋เหล่าฮูหยิน นางจะหาข้ออ้างไม่ยอมไป แต่ตอนนี้ได้ยินว่าทุกเช้านางจะไปที่เรือนโซ่วอันเพื่อคอยปรนนิบัติไป๋เหล่าฮูหยินทุกวัน กระทั่งตกเย็นถึงได้กลับเรือนตนเองเ้าค่ะ”
“เรียนรู้ที่จะฉลาดแล้วสินะ”
ในสายตาของไป๋เสียนอัน มีไป๋หว่านหนิงเป็บุตรีเพียงคนเดียว ดังนั้นไป๋ซูเหอจึงเริ่มเข้าหาไป๋เหล่าฮูหยิน
แม้ว่าไป๋เหล่าฮูหยินจะมีใจลำเอียงให้ไป๋หว่านหนิง ทว่านั่นเพียงเพราะไท่จื่อเฟยในอนาคตอย่างไป๋หว่านหนิงสามารถนำพาจวนสกุลไป๋ไปสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าเดิม
หากกล่าวให้ชัดเจนก็คือ ไป๋เหล่าฮูหยินเพียงเลือกปฏิบัติ ผู้ใดมีประโยชน์มากกว่าก็จะมีใจลำเอียงให้ผู้นั้น
แม้ว่าไป๋หว่านหนิงจะสามารถนำพาจวนสกุลไป๋ไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ ทว่าท้ายที่สุดนี่ก็ไม่ใช่เื่ใหม่อะไร
ความว่างเปล่าที่อยู่ในใจของไป๋เหล่าฮูหยิน ไป๋ซูเหอกำลังก้าวเข้าไปในนั้น
หากกอดต้นขาของไป๋เหล่าฮูหยินเอาไว้ได้ อย่างน้อยอนาคตของนางก็พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคิดวางแผนการบางอย่างกับฮั่วเยี่ยนไหว
เพียงแต่ไม่ทราบว่า...
ผู้ที่เป็เ้าของแผนการนี้คือไป๋ซูเหอ หรือไป๋เหล่าฮูหยินที่ไม่พอใจในตัวไป๋เซี่ยเหอกันแน่
“คุณหนู องครักษ์เซี่ยมาแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อฝูเอ๋อร์ช้อนตาขึ้นก็เห็นเซี่ยถิงยืนอยู่ข้างนอก พวงแก้มของนางเปลี่ยนเป็สีแดงเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยอบกายลงและกระซิบที่ข้างหูของไป๋เซี่ยเหอ
ไป๋เซี่ยเหอร้องอืม นางลืมตาตื่นจากการงีบหลับและเอ่ยกับฝูเอ๋อร์ “เ้าไปเตรียมของว่างให้ข้าสักหน่อย พอเทียวไปเทียวมาจึงเริ่มรู้สึกหิวอยู่บ้าง”
ฝูเอ๋อร์รับคำแล้วจากไป
เซี่ยถิงเดินเข้ามาในเรือน
ใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์เช่นเคย เขาถือดาบไว้ในมือ และยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับประติมากรรม
“คุณหนู”
ไป๋เซี่ยเหอพยักหน้าเป็เชิงบอกให้เขานั่งลง
“ข้าน้อยเป็เพียงบ่าวรับใช้ จะนั่งกับคุณหนูได้อย่างไร? ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ”
เซี่ยถิงกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง
อุปนิสัยตรงกันข้ามกับจิ่วหานที่เอ้อระเหยลอยชายอย่างสิ้นเชิง
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองเขา “เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็ลูกน้องคืออะไร?”
“เชื่อฟังคำสั่งของเ้านาย”
เมื่อกล่าวจบ เซี่ยถิงก็นั่งลงบนเก้าอี้หินที่แข็งกระด้าง
“สืบมาได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”
สองสามวันมานี้นางแทบจะอดนอนเพื่อรอฟังเื่ของเหลียงเอ๋อร์
ไม่ใช่ว่าความสามารถในการอดทนของนางอยู่ในระดับต่ำ
ทว่าเป็เพราะมันแปลกประหลาดเกินไป
“คุณหนูให้ข้าน้อยไปสืบเื่ราวทางบ้านของเหลียงเอ๋อร์ ข้าน้อยสืบได้กระจ่างแล้วขอรับ”
“มารดาของเหลียงเอ๋อร์ชื่อสวีซื่อ มีหน้าที่รับผิดชอบงานครัวในจวนสกุลไป๋มาโดยตลอด เมื่อสองสามปีก่อนเกิดปัญหาขึ้นกับอาหาร ทำให้ลู่อี๋เหนียงป่วยหนัก จึงถูกโบยสิบห้าไม้แล้วไล่ออกไปขอรับ”
“สวีซื่ออายุปูนนี้แล้วกลับได้รับาเ็สาหัส เมื่อกลับถึงบ้านเกิดก็ไม่มีเงินรักษา ไม่นานาแก็ติดเชื้อ”
คิ้วของไป๋เซี่ยเหอขมวดมุ่นเล็กน้อย ปลายนิ้วขาวของนางเคาะลงบนโต๊ะทีละนิ้ว
“นางมีพี่น้องอีกหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ นางเป็บุตรีเพียงคนเดียว ไม่มีพี่น้องอีกขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ
“เ้าคิดว่าเหลียงเอ๋อร์สามารถมาที่กระโจมของข้าเพื่อขอร้องให้ข้าไปช่วยคน ทว่าในขณะเดียวกันก็ไม่มีผู้ใดในห้องครัวเห็นว่านางปลีกตัวออกมาได้หรือไม่?”
เมื่อกล่าวจบ ไป๋เซี่ยเหอก็นึกเสียใจขึ้นมา
คนทำอาหารมีหลายคน อีกทั้งแต่ละคนยังเป็คนมีไหวพริบ ไม่ว่าผู้ใดทำตัวมีพิรุธก็จะถูกจับจ้อง
เพราะหากเกิดความผิดปกติกับอาหาร พวกเขาย่อมต้องรับผิดชอบ
ดังนั้น เหลียงเอ๋อร์จึงไม่อาจปลีกตัวออกมาโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น
ยิ่งไปกว่านั้น ่เวลาที่นางใช้ในการขอร้องไป๋เซี่ยเหอก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ข้าน้อยคิดว่าไม่มีทางเป็ไปได้ขอรับ”
ไม่มีทางเป็ไปได้หรือ?
“แต่วันนั้นเหลียงเอ๋อร์มาขอร้องข้าถึงกระโจม ข้าเห็นกับตา ไม่อาจเป็เื่เท็จได้”
เซี่ยถิงเงียบไป เขาไม่คิดว่าคุณหนูจะพูดปด ทว่าตอนนี้เขาสงสัยว่าหรือเขายังสืบไม่กระจ่าง หรือมีคนจงใจปกปิดอะไรบางอย่างไว้กันแน่?
“ไม่อย่างนั้นให้ข้าน้อยไปสืบอย่างละเอียดอีกครั้งดีหรือไม่ขอรับ?”
นี่คือภารกิจแรกที่คุณหนูมอบหมายให้เขา เขาย่อมไม่อาจมอบคำอธิบายที่ฟังดูคลุมเครือเช่นนี้ให้แก่นางได้เป็อันขาด
------------------------
[1] จุดเน่ยกวน หมายถึง จุดบนเส้นลมปราณเยื่อหุ้มหัวใจ