เมื่ออำนาจฟ้าดินทรงพลังจะสามารถหยิบยืมพลังวิถีฟ้าดินเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของห้วงอากาศแห่งนี้ได้ ตอนที่ฝ่ามือมหึมาของเว่ยเจิ้นเทียนเข้ามาใกล้ จู่ ๆ มีพลังวิถีฟ้าดินห่อหุ้มร่างเย่เฟิงอย่างฉับพลัน ทำให้ฝ่ามือมหึมานั้นจู่โจมลงมาไม่ได้อีก
“เป็ไปได้ยังไง?”
ผู้คนเห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อตรงหน้าต่างก็ใ จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อำนาจฟ้าดินขั้นกายา คิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงผู้นี้จะมีอำนาจฟ้าดินขั้นกายาแล้ว เมื่ออำนาจฟ้าดินหลอมเป็หนึ่งกับพลังวิถี มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ได้ ช่างแข็งแกร่งมาก ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าตบะของเย่เฟิงผู้นี้อยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 จริง ๆ หรือ?”
แม้แต่เว่ยเจิ้นเทียนที่เผชิญหน้ากับเย่เฟิงก็ต้องใเมื่อเห็นฉากนี้ จึงคิดอยากโจมตีอีกครั้ง ทว่าเว่ยเจิ้นเทียนยังไม่ทันได้ปล่อยการโจมตี เขาก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยพลังมายาไร้ที่สิ้นสุด
นาทีต่อมามีพลังมายาปะทุออกมาจากดวงตาคู่นั้น ก่อนจะเข้าปกคลุมร่างเว่ยเจิ้นเทียนในพริบตา พลังมายาแพร่ไปทั่วร่างกายผ่านทุกรูขุมขน แต่ไม่ได้เข้าไปในร่างเว่ยเจิ้นเทียน ทำให้เว่ยเจิ้นเทียนรู้สึกเหมือนว่าตนเองเข้ามาอยู่ในค่ายกลมายาอีกครั้ง
ภายใต้การจู่โจมของพลังมายาที่แข็งแกร่ง เว่ยเจิ้นเทียนต้องตัวแข็งทื่อ และรู้สึกว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตนกลายเป็ภาพมายา
เพียงเวลาสั้น ๆ เขาก็มาอยู่ในห้วงมิติใหม่ ส่วนเย่เฟิงยืนอยู่ด้านหน้าเขา พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจาง ๆ
เว่ยเจิ้นเทียนมาถึงโลกใบใหม่นี้ก็รู้สึกว่าแปลกตาจนเขาต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วกล่าวถามเย่เฟิงว่า “ไอ๊สวะ เ้าพาข้ามาที่ไหน?”
เย่เฟิงยิ้มจาง ๆ “ที่นี่คือมิติมายาของเ้า หรือแม้แต่ตัวเ้าเองก็ไม่รู้?”
“มิติมายาของข้างั้นเหรอ?” เว่ยเจิ้นเทียนขมวดคิ้วขึ้นมา แม้เขาไม่เข้าใจความหมายของเย่เฟิง แต่ก็ทราบดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็ผลดีต่อตน “รีบปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเ้าเสียตอนนี้เลย!”
“ฆ่าข้า? เ้าฆ่าได้หรือ? ตอนนี้ข้าก็อยู่นี่แล้วไง ดูซิว่าเ้าจะมีปัญญาแค่ไหนกันเชียว!” เย่เฟิงเหยียดยิ้มเย้ยหยันพร้อมเอาสองมือไพล่หลัง เหมือนกับว่ากำลังรอเว่ยเจิ้นเทียนโจมตีก็ไม่ปาน
“รนหาที่ตาย!”
ดวงตาของเว่ยเจิ้นเทียนเผยประกายเย็นเฉียบ เขาเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง แต่ตอนที่วาดฝ่ามือนี้ เว่ยเจิ้นเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จู่ ๆ เขาระดมพลังหยวนไม่ได้ พลังกายก็เปลี่ยนไปซึ่งไม่แตกต่างกับคนธรรมดา
“ปัง!”
เมื่อฝ่ามือนั้นจู่โจมร่างเย่เฟิง แต่กลับสั่นคลอนร่างเย่เฟิงไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ดวงตาของเย่เฟิงฉายแววอย่างเฉียบคม “พวกแกว่งเท้าหาเสี้ยน ข้าบอกแล้วไง เ้าไม่มีทางทำร้ายข้าได้ แต่เ้ากลับโง่เง่าไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็กินฝ่ามือนี้ไปซะ ดูซิว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร?”
กล่าวยังไม่ทันจะจบดี จากนั้นเห็นเย่เฟิงเหวี่ยงฝ่ามือไปที่เว่ยเจิ้นเทียน ตามมาด้วยเสียงดังเพียะ ฝ่ามืออันทรงพลังนั้นตบไปที่แก้มของเว่ยเจิ้นเทียนอย่างแรง ทำเว่ยเจิ้นเทียนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเ็ป ก่อนร่างจะกระเด็นปลิวไปกองกับพื้น และไม่รู้ว่าฟันในปากหลุดออกมากี่ซี่
“เป็ไปได้ยังไง ข้าไม่สามารถระดมพลังหยวนได้เลย แต่เหตุใดเ้ากลับยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้?” เว่ยเจิ้นเทียนลุกขึ้นนั่งพร้อมเอ่ยถามเย่เฟิงด้วยความแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงมาอยู่ในมิติที่แปลกประหลาดแห่งนี้
“ข้าเป็คนสร้างมิติมายาแห่งนี้เอง และข้าก็เป็ผู้ปกครองมิตินี้ เ้าว่าเ้าจะสู้กับข้าได้งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็า พร้อมกับเดินไปหาเว่ยเจิ้นเทียนทีละก้าว ๆ
“ไม่... ข้าไม่เชื่อ เ้าอยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่จะควบคุมพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร เ้าโกหกข้าแน่ ๆ”
เว่ยเจิ้นเทียนได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ต้องใจเต้นระรัว พลังสร้างฝันเป็พลังที่ลึกลับและทรงอานุภาพ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะหลาย ๆ คน หรือกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาก็ยังไม่เคยััมันมาก่อน ทว่าเย่เฟิงเป็เพียงเด็กหนุ่มที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่เหตุใดจึงััมันได้? เว่ยเจิ้นเทียนส่ายหัวไปมาด้วยความสับสนราวกับว่าตีเขาให้ตายเขาก็ไม่เชื่อคำพูดของเย่เฟิง
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ข้าแค่อยากบอกเ้าว่าเมื่ออยู่ในมิติแห่งนี้ ชะตากรรมของเ้านั้นอยู่ในกำมือของข้า!” เย่เฟิงยิ้มหยัน ในขณะเดียวกัน เขาได้ไปถึงที่ด้านหน้าของเว่ยเจิ้นเทียนแล้ว จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีในทันที
ที่โลกภายนอก เว่ยเจิ้นเทียนขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาปิดสนิท ตัวสั่นเทาไม่หยุดราวกับว่ากำลังประสบความเ็ปอันทุกข์ทรมาน ส่วนเย่เฟิงยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เว่ยเจิ้นเทียนเป็ฝ่ายได้เปรียบไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดสถานการณ์ถึงเป็เช่นนี้ไปได้?” ผู้คนพอเห็นฉากนี้ต่างก็ตะลึงไปเล็กน้อย บางคนก็ไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง
“พลังมายา เย่เฟิงควบคุมพลังมายา เขาสร้างภาพลวงตาจู่โจมเว่ยเจิ้นเทียนจากการใช้ประโยชน์ของพลังมายา ตอนนี้เว่ยเจิ้นเทียนตกอยู่ในมิติมายาที่เย่เฟิงสร้างขึ้นมาจนมิอาจถอนตัวออกมาได้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ฟังคำพูดของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็นิ่งอึ้งอีกครั้ง พร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อ แม้แต่องค์าาจ้าวที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์หลักก็ยังใเช่นกัน และลุกพรวดจากที่นั่งอย่างอดไม่ได้ พร้อมกับมองเย่เฟิงบนเวทีประลองด้วยสายตาที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
จ้าวซินอี๋เองก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ นางไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง เท่าที่นางรู้ เย่เฟิงจะต้องมิใช่คนที่ควบคุมพลังมายาอันแข็งแกร่งเช่นนี้ถึงจะถูกสิ
“เป็ค่ายกลมายาเมื่อครู่นี้ เย่เฟิงตระหนักรู้พลังมายาที่อยู่ในค่ายกลมายา!” คนผู้หนึ่งใอย่างแรงเมื่อนึกถึงค่ายกลมายาที่อยู่ในการประลองรอบที่สอง
“เป็ไปได้ยังไง? เขาอยู่ในค่ายกลมายาแค่ไม่กี่วันเอง แต่ไม่คาดคิดว่าจะตระหนักรู้พลังมายาที่อยู่ในนั้นได้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะเองต่างก็ยังบรรลุพลังเช่นนั้นได้ยากมาก” ผู้คนกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
“เย่เฟิงต้องตระหนักรู้พลังมายาที่อยู่ในค่ายกลมายาเป็แน่ ข้าเดาว่าตอนนั้นเขาน่าจะหลุดพ้นจากค่ายกลนานแล้ว แต่เพื่อที่จะตระหนักรู้พลังมายาจึงไม่ได้รีบถอนตัว อาจกล่าวได้ว่าตอนนั้นความเร็วที่เย่เฟิงหลุดพ้นจากค่ายกลมายามีความเป็ไปได้อย่างมากว่าจะเร็วกว่าซือคงเสวียน!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น ทำให้หลายคนนึกถึงตอนนั้นว่าเย่เฟิงอาจพบเจอเื่บังเอิญในค่ายกลมายา
ซือคงเสวียนได้ยินเช่นนั้นดวงตาก็สั่นไหว จากนั้นหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนเปลี่ยนทิศทางลมเป็อย่างมาก
“ปัง!” ในตอนที่ผู้คนกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาจากเวทีประลอง ทำให้ทุกคนหุบปากเงียบแล้วหันมองต้นเสียงนั้นทันที ก่อนจะเห็นพลังฝ่ามือของเย่เฟิงจู่โจมร่างเว่ยเจิ้นเทียนพร้อมกับซัดร่างเว่ยเจิ้นเทียนกระเด็นออกไป
ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งนั้น อวัยวะภายในกายของเว่ยเจิ้นเทียนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ตอนที่กระเด็นไปกองกับพื้นก็ต้องอาเจียนสำลักก้อนลิ่มเืออกมา
“องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเว่ย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด หัวหน้าสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น มีฝีมือแค่นี้เองหรือ พ่ายแพ้ให้กับข้าที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ทั้งที่เมื่อครู่เ้ายังด่าข้าว่าเป็สวะอยู่เลย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้าต้องโง่เขลามากแค่ไหนกันแน่?” เย่เฟิงกล่าวดูถูกเว่ยเจิ้นเทียนที่สูญเสียพลังต่อสู้ไปพร้อมเอาสองมือไพล่หลัง
“เ้าไม่ต่างอะไรกับเศษสวะ แต่ยังมีหน้ามาสู่ขอองค์หญิงซินอี๋งั้นหรือ? หากตบะของข้าอยู่ระดับเดียวกับเ้า แค่การโจมตีเดียวก็ฆ่าเ้าได้แล้ว!” เย่เฟิงกล่าวดูถูกเว่ยเจิ้นเทียนไม่หยุด ทำให้เว่ยเจิ้นเทียนเผยสีหน้าดูไม่ได้และกระอักเืออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยเห็นฉากนี้ต่างก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ทำเช่นนี้กับข้า เ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?” เว่ยเจิ้นเทียนข่มขู่เย่เฟิง พร้อมใบหน้าขาวซีด เขาเป็ถึงผู้สูงศักดิ์ แต่จะให้คนชั้นต่ำไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างเย่เฟิงมาเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
“อย่างเ้าเนี่ยนะ มีสิทธิ์มาข่มขู่ข้า?” เย่เฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็า จากนั้นกล่าวว่า “ตอนที่เ้าเตรียมใช้ประโยชน์จากอำนาจในมือของเ้ามาจัดการข้า เ้าก็แพ้ราบคาบไปแล้ว จึงยิ่งไม่คู่ควรที่จะเป็คู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำไป”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีก และทิ้งเว่ยเจิ้นเทียนไว้กลางเวทีประลอง
นาทีนี้ทุกคนต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาเคารพนับถือ พวกเขาเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวของชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 17 ปีผู้นี้ที่ต่างจากคนรุ่นเดียวกัน และั้แ่บัดนี้เป็ต้นไปจะไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเย่เฟิงอีก เย่เฟิงเขาใช้การกระทำของตนเป็ผู้สร้างตำนานของตัวเขาเองขึ้นมา
ทันใดนั้นเสียงปรบมือดังไปทั่วสนาม ทุกคนเริ่มส่งเสียงแสดงความยินดีกับเย่เฟิง ซึ่งผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้ควรค่าแก่การที่จะให้พวกเขาเคารพนับถือ และคู่ควรกับเสียงปรบมือของพวกเขา
ผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยประคองเว่ยเจิ้นเทียนลงมาจากเวทีประลอง ซึ่งสาเหตุที่เย่เฟิงไม่ได้ฆ่าเว่ยเจิ้นเทียน นั่นไม่ใช่เพราะกลัวอาณาจักรเว่ยจะมาล้างแค้น แต่เขาไม่อยากให้อาณาจักรเว่ยต้องโดนลูกหลงเพียงเพราะความแค้นของเขากับเว่ยเจิ้นเทียน
เนื่องจากเว่ยเจิ้นเทียนาเ็สาหัสอย่างหนัก จึงไม่สามารถเข้าร่วมการประลองต่อไปได้ ดังนั้นรอบต่อไปจึงยังคงเป็เย่เฟิง และคู่ต่อสู้ของเขาก็คือทั่วป๋าเจียง ทว่าทั้งสองคนยังไม่ทันขึ้นเวทีประลอง ทั่วป๋าเจียงก็ะโยอมแพ้ ซึ่งเย่เฟิงเอาชนะได้แม้แต่เว่ยเจิ้นเทียน เช่นนั้นทั่วป๋าเจียงจะเป็คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงได้อย่างไรกัน? ทั่วป๋าเจียงรู้จักตัวเองเป็อย่างดี เขารู้ว่าแม้ตัวเองสู้กับเย่เฟิง แต่ก็ต้องแพ้อยู่ดี มิสู้ไม่ออกไปทำให้ตนเองขายขี้หน้าไม่ดีกว่าหรือ
หลังจากทั่วป๋าเจียงยอมแพ้ เย่เฟิงก็ได้คะแนนไป 3 แต้มเหมือนกับซือคงเสวียน ตราบใดที่ทั้งสองคนขึ้นเวทีประลอง เช่นนั้นใครกันที่จะได้คะแนนสูงสุดไป และใครกันที่จะได้เป็ราชบุตรเขย!
ผู้คนฉุกคิดได้เช่นนี้ต่างก็ตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
“ในที่สุดก็จะเข้าสู่่ศึกตัดสินสุดท้ายแล้วหรือ?”
พวกเขาไม่คาดคิดว่าศึกตัดสินสุดท้ายจะเป็ซือคงเสวียนและเย่เฟิงสองคนนี้ เย่เฟิงเป็คนที่ทุกคนคาดไม่ถึง ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 จะทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ขนาดนี้ เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนกระทั่งยืนอยู่บนเวทีประลองในศึกตัดสินสุดท้าย
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนใกันเป็อย่างมาก และเพียงพอที่จะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของแดนชิงอวิ๋นได้เลย
