หนีเจียเอ๋อร์มองไปยังเสนาบดีกรมพระคลังด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ใต้เท้าหวังดูเหมือนจะเมาไปแล้วจริงๆ มีภูมิหลังเป็แค่ตระกูลเล็กๆ แต่กลับกล้าออกปากต่อรองกับเศรษฐีผู้ร่ำรวยเป็อันดับหนึ่งแห่งแคว้นฉีหลาน อย่างคุณชายโจวเสียได้!”
ใต้เท้าหวังดั่งถูกตบหน้าไปสามสี่ครั้ง ส่วนขุนนางอีกสามคนก็คล้ายเมามายเกินกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ กระทั่งเอ่ยปากขอความเมตตาก็ยังยาก นับประสาอะไรกับการประคองร่างตัวเอง
ใบหน้าของโย่วเซียงเจ็บแสบอย่างหนักจนพอจะสร่างเมาไปบ้างแล้ว จึงชี้นิ้วไปทางโจวชิงหวาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้า ผู้าุโ มีสิทธิ์ขาดในการสถานที่แห่งนี้ ด้วยการซื้อขายอย่างถูกต้อง แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องไว้หน้าข้า แล้วเ้าเป็ใคร? แค่พ่อค้าผู้หนึ่ง ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว หากข้ากราบทูลไปถึงฝ่าา คิดหรือว่าเ้าจะหนีรอดไปได้!”
“ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าเ้าเช่นนั้นหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน!” ต้วนอวิ๋นหลานพูด ขณะเดินเข้ามาตรงหน้าโย่วเซียง
แม่ทัพหนุ่มยืนทำหน้าถมึงทึง จับจ้องไปยังสีหน้าราวกับเห็นผีของโย่วเซียงอย่างไม่ลดละ ทั้งแข็งกร้าว ดุดัน และแผ่รังสีสังหารออกจากร่างไม่หยุดหย่อน
“ต้วน... ต้วน... แม่ทัพต้วน!” ชื่อของแม่ทัพต้วน ทำเอาโย่วเซียงแข้งขาอ่อนแรง ไม่อาจทรงตัวยืนได้อีก ชายชราซวนเซล้มลงกับพื้น พยายามเค้นหาทางออกจนสมองตื้อตัน
ต้วนอวิ๋นหลานเลื่อนสายตาไปมองคนอื่นๆ
ขุนนางอีกสามคนที่ยังคงมึนเมาด้วยฤทธิ์สุรา ลุกขึ้นมาด้วยความสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้า
ต้วนอวิ๋นหลานขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางสั่ง “สือหู่ พาพวกมันออกไปข้างนอก แล้วทำให้สร่างเมาเสีย!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
หลังรับคำสั่งเ้านาย สือหู่ก็เรียกพรรคพวกเข้าไปลากคนเ่าั้ออกไปข้างนอก แล้วราดน้ำใส่ทั้งตัวเพื่อเรียกสติ
แม่ทัพหนุ่มเดินไปหาหนีเจียเอ๋อร์ พลางถามอย่างเป็ห่วง “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรหรือไม่?”
พอได้ยินคำพูดห่วงใยของเขา หญิงสาวก็ส่ายศีรษะ แล้วยิ้มกว้าง “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยเหลือ เสี่ยวเอ๋อร์ปลอดภัยดีเ้าค่ะ”
บรรดาสตรีที่ถูกช่วยเหลือ พลันมีปฏิกิริยาตอบรับทันที พวกนางรีบคุกเข่าลง พลางเอ่ย “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ” จากนั้น ก็หันไปพูดกับโจวชิงหวา “ขอบคุณคุณชายโจว ที่ช่วยเหลือข้าน้อยเ้าค่ะ!”
โจวชิงหวาก้าวไปประคองหญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆ ตัวขึ้นมา “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด ข้าหาได้ลงมือกระทำอันใด เป็ท่านแม่ทัพต่างหาก ที่วางแผนเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน”
ต้วนอวิ๋นหลานจึงกล่าว “พี่โจวถ่อมตัวเกินไปแล้ว ท่านเป็คนพบเครื่องหมายบอกทางที่เสี่ยวเอ๋อร์ทิ้งเอาไว้ ทำให้เราสะกดรอยตามมาถึงที่นี่ได้ ท่านต่างหากคือวีรบุรุษ”
หนีเจียเอ๋อร์มองคนทั้งสองสลับกันไปมา แล้วพูดกับพวกเขาว่า “หยุดพูดจาอ่อนน้อมใส่กันเถิด พวกท่านทั้งสองต่างก็เป็ผู้มีพระคุณและวีรบุรุษ!”
“พูดถึง....”
โจวชิงหวาและต้วนอวิ๋นหลานเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน แล้วชะงักไป
โจวชิงหวารู้สึกเบิกบาน ส่วนต้วนอวิ๋นหลานก็ทำตามที่น้องสาวร่วมสาบานบอก ก่อนกล่าวต่อ “หากจะพูดถึงผู้มีพระคุณ ย่อมไม่มีใครเทียบเท่าเ้าได้ หากมิใช่เพราะเ้ายอมเสี่ยงชีวิต เพื่อล่องูออกจากโพรงในครั้งนี้ พวกเราคงไม่สามารถหาที่นี่ได้พบเร็วถึงเพียงนี้เป็แน่”
เมื่อหญิงสาวเ่าั้ได้ยิน ว่าหนีเจียเอ๋อร์เป็ผู้วางแผนใช้ตนเองเป็เหยื่อล่อ ทั้งยังยอมที่จะถูกลักพาตัวมา เพื่อช่วยเหลือพวกนางให้ออกจากทะเลแห่งทุกข์ ทุกคนจึงคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง และเอ่ยอยากซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณหนูหนี ที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
หนีเจียเอ๋อร์เกาจมูกด้วยความขัดเขิน แล้วรีบเปลี่ยนเื่ทันที “เอาละ รีบไปกันเถอะ!”
พอพวกสือหู่แยกกลุ่มกันเรียกสตรีเหล่านี้เข้าไปในห้อง เพื่อบันทึกคำให้การ ต้วนอวิ๋นหลานก็เดินไปหาหนีจวิ้นหว่านที่ยังคงนั่งนิ่ง พลางพูดเสียงขึงขัง “คุณหนูใหญ่ ที่เสี่ยวเอ๋อร์ทำไปทั้งหมดก็เพื่อท่านนะ”
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วหันไปมองหนีเจียเอ๋อร์ตาไม่กะพริบ ก่อนถามเสียงต่ำ “น้องหญิง สิ่งที่แม่ทัพต้วนพูดเป็ความจริงหรือ?”
ขาดคำ น้ำตาก็ไหลพราก
ความอบอุ่นเช่นนี้ ทำให้หนีจวิ้นหว่านรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่ก็ประทับใจยิ่งนัก
หนีเจียเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนเื่ “พี่หญิง ที่ท่านหนีออกจากบ้านในคืนนั้น เป็เพราะอยากจะไปหาท่านแม่หรือเ้าคะ?”
เมื่อพูดถึงสวีซื่อ ก็หวนนึกถึงความทุกข์ทรมาน และความหวาดกลัวที่ได้รับใน่เวลาสามวันที่ผ่านมา หนีจวิ้นหว่านที่เดิมทีกำลังหลั่งน้ำตาเงียบๆ กลับส่งเสียงสะอื้นไห้จนบ่าไหล่สั่นไหว
ราวกับดอกท้อต้องหยาดฝน ใบหน้าสะอื้นไห้ของนาง ทั้งงดงามและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน...
ทั้งต้วนอวิ๋นหลานและโจวชิงหวาลอบมองหน้ากัน ก่อนพร้อมใจหันหลังให้อย่างเข้าอกเข้าใจ
แทนที่จะมายืนฟังเสียงร้องไห้ของสตรี มิสู้ออกไปสอบปากคำพวกขุนนางที่อยู่ข้างนอกดีกว่า
แม้หนีเจียเอ๋อร์จะไม่ชอบเสียงร้องไห้ แต่นางก็ยังปล่อยให้พี่สาวได้ระบายความรู้สึกออกมาอยู่แบบนั้น ส่วนหนีจวิ้นหว่านก็ไม่รู้ว่าตนร้องไห้อยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้วเช่นกัน
ถึงกระนั้นหนีเจียเอ๋อร์ก็ยังอยู่เคียงข้าง และคอยปลอบโยนอีกฝ่ายไม่ห่างหาย
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ในที่สุดหนีจวิ้นหว่านก็หยุดร้องไห้ “น้องหญิง ข้าเคยทำตัวไม่ดีกับเ้า ไม่เพียงบีบคั้นเ้า แต่ยังทำให้เ้าต้องตกอยู่ในอันตราย...”
นางลุกขึ้นจับมือหนีเจียเอ๋อร์ และพูดอย่างจริงใจ “ข้าขอโทษ!”
หนีเจียเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย ถอนมือออกไปตบหลังของผู้เป็พี่ แล้วกล่าวเบาๆ “เอาละ ข้ายอมรับคำขอโทษของท่าน”
พูดจบ สองพี่น้องก็มองหน้ากันแล้วคลี่ยิ้ม
เมื่อพวกนางออกไป สือหู่ก็จดบันทึกคำให้การของพยานสตรีทุกคนได้ครบถ้วนพอดี
เท่าที่ทราบ ผู้ที่ถูกลักพาตัวมาขายนั้น มิใช่มีเพียงเด็กสาวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเด็กหญิงที่มีอายุน้อยกว่าสิบหรือสิบสามปี ซึ่งถูกพบว่าโดนใช้แรงงานจนตายอีกด้วย
หลังจากโจวชิงหวาและต้วนอวิ๋นหลานสอบปากคำขุนนางทั้งห้าคนแล้ว พวกเขาก็รับสารภาพ ว่าทุกอย่างล้วนเป็เื่จริง
และเหตุผลที่พวกเขาสร้างจวนแห่งนี้ไว้กลางป่าเขา ก็เพื่อแสวงหาความสุขส่วนตัว เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ว่าขุนนางจะไม่อาจเข้าไปเยี่ยมเยือนหอเฟิงเยวี่ยได้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม หากถูกจับได้จะโดนโทษปรับหนึ่งปี หรืออาจเลวร้ายจนถึงขั้นต้องถูกลดตำแหน่ง
กระทั่งรุ่งสาง โจวชิงหวาจึงส่งหนีเจียเอ๋อร์และหนีจวิ้นหว่านกลับจวนสกุลหนี
ส่วนต้วนอวิ๋นหลานและสือหู่ ก็นำตัวคนร้ายทั้งหมดกลับไปตัดสินโทษ
…
เมื่อได้ฟังรายงานจากต้วนอวิ๋นหลาน กู่หังจิ่นถึงกับโกรธเกรี้ยว และรับสั่งให้ถอดขุนนางทั้งห้าคนออกจากตำแหน่งอย่างเป็ทางการ ทั้งยังส่งต้วนอวิ๋นหลานพร้อมกำลังทหาร ไปตรวจค้นจวนและยึดทรัพย์สิน เพื่อนำมาชดเชยให้กับบรรดาผู้เคราะห์ร้ายเ่าั้ เป็การปลอบขวัญและเรียกกำลังใจ
ส่วนพวกโจรที่เกี่ยวข้องกับคดีก็ถูกนำตัวไปคุมขัง เพื่อรอการตัดสินโทษ ไม่ว่าจะถูกปะาหรือจำคุก ก็ล้วนแล้วแต่ความผิดหนักเบาที่พวกเขาได้กระทำในครั้งนี้
พระราชโองการของฮ่องเต้ มีสิทธิ์ขาดเหนือศาลทั้งปวง...
ขุนนางน้อยใหญ่รู้สึกเหมือนชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย แม้พวกเขาจะคิดว่าฮ่องเต้ลงโทษหนักเกินไป แต่ก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงหรือวิงวอนร้องขอให้ผ่อนหนักเป็เบาได้
สุดท้าย ต้วนอวิ๋นหลานก็ยกผลงานบางส่วนให้หนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวา ด้วยการรายงานว่าหนีเจียเอ๋อร์กล้าหาญและรอบรู้ ส่วนโจวชิงหวาก็มากฝีมือ ทั้งยังไม่เกรงกลัวต่ออันตราย จึงเป็ส่วนสำคัญที่ช่วยให้พวกตนสามารถทลายแหล่งกบดานของคนร้ายได้
กู่หังจิ่นจึงประทานรางวัลให้คนทั้งสอง เป็เครื่องประดับทองและเงินจำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดจะถูกส่งไปยังจวนของพวกเขาโดยเร็วที่สุด
เหล่าขุนนางพากันสรรเสริญฮ่องเต้ ที่ทรงเด็ดขาดและรักราษฎรดังบุตรหลาน
จากนั้น พวกเขาก็ยกย่องแม่ทัพต้วน ในเื่ของความใจกว้างประหนึ่งแม่น้ำห้าสาย
กู่หังจิ่นและต้วนอวิ๋นหลานมองหน้ากัน พลางยกยิ้ม มิได้เอ่ยอันใดอีก
…
ใน่บ่าย หนีเจียเอ๋อร์ได้รับรางวัลพระราชทานจากฮ่องเต้ ขณะเดียวกันก็ได้ยินข่าวลือแปลกๆ ด้วย นั่นก็คือ เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลังจากกลุ่มคนร้ายถูกนำไปขังไว้ในคุกหลวง พวกมันก็พากันฆ่าตัวตายหนีความผิด ด้วยการดื่มยาพิษที่แอบนำเข้าไปเอง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้