“ดูเหมือนพวกเ้าจะไม่เห็นข้าในสายตาอีกต่อไป เช่นนั้นจงกลับไปเถิดข้าไม่อยากได้ยินเสียงหมาเห่า”
คำปฏิเสธของหญิงสาวทำให้ความโกรธเกรี้ยวของหลินจงอวี้ะเิออกมา
น้ำเสียงเ็า แต่ถึงกระนั้นก็ยังเจือไว้ซึ่งอารมณ์ของเด็กวัยรุ่น
สายตาเ็าของหลินเมิ้งหยาเหลือบมองทว่านางกลับรู้สึกชื่นชมหลินจงอวี้
การคุมบังเหียนบางครั้งเ้านายจะต้องแสดงอำนาจเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่า
หากแข็งกร้าวมากจนเกินไป ก็จะไม่ได้หัวใจจากลูกน้อง แต่หากใจอ่อนมากเกินไปลูกน้องอาจเห็นว่าเ้านายเป็คนเหลาะแหละ
“ชิงหลวนมิกล้า! นายน้อยได้โปรดลงโทษชิงหลวนด้วย ชิงหลวนผิดไปแล้ว! นายน้อยได้โปรดอภัยให้ชิงหลวนด้วยเ้าค่ะ”
หญิงสาวหวาดกลัวจนตัวสั่น นางเพียงแต่ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยจะตัดสินใจเช่นนี้
สีหน้าของหลินจงอวี้เ็าลง ไร้ซึ่งร่องรอยของความอ่อนโยน
“พระชายา เมื่อครู่ชิงหลวนผิดเองเพคะพระชายาได้โปรดช่วยหม่อมฉันพูดกับนายน้อยด้วยเพคะ อย่าให้นายน้อยโกรธเกรี้ยวเลย”
หญิงสาวกลับมีไหวพริบ เมื่อรู้ว่ามิอาจใช้วิธีเดิมได้นางจึงเข้าหาทางหลินเมิ้งหยาแทน
ท่าทางร้อนอกร้อนใจของหญิงสาว ทำให้หลินเมิ้งหยาไม่อาจปฏิเสธได้
นางขยับเท้าเข้าใกล้แผ่นหลังของหลินจงอวี้ยื่นมือออกไปกระตุกแขนเสื้อของเขา
“พอได้แล้ว อย่าโกรธไปเลย ดูสิ นางกลัวจะตัวสั่นแล้ว”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนยาวิเศษใบหน้าที่เคยแข็งทื่อของหลินจงอวี้พลันอ่อนโยนลง
“วันนี้ข้าจะละเว้นพวกเ้าเพราะเห็นแก่หน้าพี่สาวแต่พวกเ้าจงจำเอาไว้ว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องเคารพเชื่อฟังพี่สาวยิ่งกว่าเคารพเชื่อฟังข้า”
“เ้าค่ะ ชิงหลวนน้อมรับคำสั่ง”
ครุ่นคิด ปกติเสี่ยวอวี้ไม่เคยแสดงสีหน้ารื่นรมย์ต่อคนที่อยู่ด้านหลังเขาเลยสักครั้ง
ดังนั้นหลังจากที่หญิงสาวได้เห็นท่าทางของหลินจงอวี้ อยู่ๆนางก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
เด็กคนนี้ยังมีมุมไหนบ้างที่นางยังไม่เคยเห็น?
“ต่อจากนี้ไปเ้าจะไม่ใช่ชิงหลวน เ้าจงใช้ชื่อว่าป๋ายซูและทำการคุ้มครองรับใช้พี่สาวทุกย่างก้าวเข้าใจหรือไม่?”
หลินจงอวี้เป็คนละเอียดรอบคอบชื่อชิงหลวนอาจทำให้นางวุ่นวายไม่น้อย
แม้แต่เื่นี้ยังคิดได้ หลินเมิ้งหยาพึงพอใจเหลือเกิน
“เ้าค่ะ ป๋ายซูน้อมรับคำสั่ง”
นางลุกขึ้นยืนหลินเมิ้งหยาเพิ่งพบว่าเด็กคนนี้อายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
มิรู้ว่าคนสมัยโบราณคิดอะไรอยู่กันแน่เหตุใดจึงส่งเด็กอายุเพียงเท่านี้มาเป็คนคุ้มกัน
แต่ไม่อาจรู้เลยว่าฝีมือของเด็กคนนี้จะเก่งกาจเทียบเท่าชิงหูได้หรือไม่?
“วางใจเถิดพี่สาว แม้นางจะไม่เก่งเท่าชิงหูแต่ถึงกระนั้นก็มีฝีมือเทียบเท่านักฆ่ามือฉกาจแห่งเจียงหู”
ราวกับว่าหลินจงอวี้ล่วงรู้ถึงความสงสัยของหลินเมิ้งหยาเขาจึงรีบส่งเสียงอธิบาย
นางพยักหน้าลง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ใช่ว่าจะมีใครเก่งกาจและโรคจิตได้อย่างชิงหูได้
“ดี เช่นนั้นข้าจะรับนางเอาไว้ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถิด”
หลินจงอวี้พยักหน้าลง ก่อนจะก้าวเท้าเดินกลับไปยังเรือนเล็กของตนเอง
พระจันทร์สาดส่องแสงลงอาบร่างหลินเมิ้งหยาขยับเท้าเดินไปยังศาลาเล็กก่อนจะเริ่มครุ่นคิดเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
ไม่ใช่เพียงเื่ที่นางถูกลอบโจมตี
เื่ของป๋ายจื่อ เื่ของเยว่ถิงนางจะต้องคิดหากลอุบายให้แยบยลที่สุด
“ยังไม่นอนหรือ?เกรงว่าใบหน้างดงามเปล่งปลั่งประหนึ่งดอกบัวของเ้าจะมีแต่ริ้วรอยเหี่ยวเฉาผุดขึ้นทั้งหน้าเอาได้”
เสียงเจื้อยแจ้วของชิงหูดังขึ้นอีกครั้งหลินเมิ้งหยาหันหน้าไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์
“เ้ารู้จักเ้าของของชิ้นนี้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยามองดูลูกศรสามแฉกในมือของเขา
“อืม ข้าเคยเห็นของสิ่งนี้ตอนทำการค้าแต่เื่ที่ว่ามันเป็ของใครนั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่คนคนนี้จะต้องเป็คนที่มีอำนาจอย่างแน่นอน”
คำพูดของชิงหูทำให้คิ้วของหลินเมิ้งหยาเลิกสูงขึ้น
“คนมีอำนาจ?หรือจะเป็ไท่จื่อ?”
อันที่จริงก็มีความเป็ไปได้ ไท่จื่อ้าเชื่อมความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ิแต่กลับถูกนางขัดขวางไว้
แต่เมื่อลองไตร่ตรองอย่างละเอียดดูแล้วกลับรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนัก
ไท่จื่อและฮองเฮามีวิธีการต่างๆ มากมายที่จะจัดการนางมิจำเป็ต้องใช้วิธีเปิดเผยและสุ่มเสี่ยงเช่นนี้
แม้คนกลุ่มนั้นจะพุ่งโจมตีอย่างดุเดือดแต่กลับล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับว่า...เหมือนกับว่าพวกเขาเพียงแต่แสดงละครให้นางดูเท่านั้น
“กลอุบายยืมดาบฆ่าคนเพื่อโยนความผิดให้ผู้อื่นสินะ”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วคนพวกนั้นก็คิดจะโยนความผิดให้ไท่จื่อ
เท่านี้พวกที่อยู่เื้ัก็จะได้นั่งบนภูดูเสือกัด
หากนางเปิดศึกกับไท่จื่อจริง เกรงว่าจะเป็การทำให้พวกเขาสมปรารถนา
เป็ครั้งแรกที่ชิงหูแสดงสีหน้าสงสัยมากถึงเพียงนี้
เขาเป็คนเจียงหู หากมีบุญคุณต้องทดแทน หากมีแค้นต้องชำระคิดจะฆ่าก็ฆ่า คิดจะโจมตีก็โจมตี
แต่หลังจากผันตัวมาอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยาเขากลับได้เห็นนางพยายามเอาตัวรอดมานับครั้งไม่ถ้วน
ทั้งที่นางเป็เ้านาย หากสั่งออกมาเพียงประโยคเดียวเขาพร้อมจะส่งคนเ่าั้ไปยังยมโลกทันที
แม้จะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็สามารถถูกทำลายได้ในพริบตา
หลินเมิ้งหยารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังเดินอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบางๆ
“เ้าเด็กน้อย อย่าเป็ชายาในจวนอวี้ต่อไปเลยไปอยู่กับข้าที่เจียงหูเถิด”
อันที่จริงชิงหูเป็คนอ่อนโยนมากมิเช่นนั้นเขาคงไม่ยอมสละเวลาสามปีที่เหลืออยู่มาอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยา
“เจียงหูหรือ? เ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ เจียงหูเป็สถานที่เช่นไร?”
ในอดีต หลินเมิ้งหยาเคยชื่นชอบวีรบุรุษแห่งเจียงหูมาก
แต่หลังจากได้รู้จักกับชิงหู นางเริ่มรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนเจียงหูทีละเล็กละน้อย
สถานที่ใดมีมนุษย์อาศัยอยู่ ที่แห่งนั้นล้วนมีการสู้รบตบมือ
แม้นางจะมีวิทยายุทธ์แต่ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่าตนเองจะไม่ถูกทำร้าย
“เจียงหู...อันที่จริงก็ไม่ต่างอะไรจากที่นี่”
ชิงหูครุ่นคิด จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
นั่งข้างกายหลินเมิ้งหยา ก่อนจะเอ่ย
“ข้าถูกเก็บไปเลี้ยงดูในจวนั้แ่ยังเด็ก เด็กผู้ชายคนอื่นๆได้ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้ แต่สิ่งที่ข้าได้เรียนคือการหว่านเสน่ห์”
ยังไม่ทันจะตั้งตัว หลินเมิ้งหยาพลันได้ยินอดีตของชิงหู
มองดูใบหน้าด้านข้างของเขา แต่กลับได้เห็นสีหน้าผ่อนคลาย
ทว่า ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากลับกำเข้าหากันแน่น
“ตอนข้าอายุสิบเอ็ดขวบข้าได้อยู่ท่ามกลางเหล่าเ้าขุนมูลนายทั้งหลายสามารถพูดได้ว่าข้าเป็อาวุธที่ดีที่สุดของพวกเขาในเวลานั้นนับั้แ่นั้นเป็ต้นมา ข้าถูกผลัดเปลี่ยนอยู่บนเตียงของชายรักชอบเพศเดียวกันมากมายแม้แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้เองก็เคยมีแขกที่มาใช้บริการข้าอยู่”
ร่องรอยแห่งความเกลียดชังถูกวาดบนั์ตาของชิงหูเขากักเก็บอดีตอันแสนเศร้าของตนเองไว้ทางด้านหลังดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงได้เห็นเพียงคนสารเลวจอมเ้าเล่ห์แต่เพียงเท่านั้น
“ต่อมา เมื่ออายุมากขึ้น นายท่านมีของเช่นชิ้นใหม่ดังนั้นจึงส่งข้าไปอยู่ที่เถาฮวาอู๋หลังจากนั้นก็กลายเป็อย่างที่เ้าเห็นนี่แหละ”
เคยได้ยินมาว่าชิงหูเป็คนอารมณ์แปรปรวน
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเ้าเด็กคนนี้จะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสมาก่อน
เขาไม่ได้บ้า ไม่ได้โง่ แค่เขาไม่เสียสติก็นับว่าดีมากแล้ว
“ชิงหู เ้าเองก็เป็เพื่อนของข้าคนหนึ่งหากมีสิ่งใดที่เ้าอยากทำก็จงไปทำเถิด ข้าพร้อมสนับสนุนเ้าทุกเมื่อ”
ชิงหูกลับยิ้ม พลางส่ายหน้า
“ข้าไม่ไปแก้แค้นพวกเขาหรอก เื่ราวผ่านไปนานแล้วอีกอย่างมีคนมากมายต้องได้รับโทษทัณฑ์เพราะข้า เท่านี้ก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น...พวกเขาเกินกว่าครึ่งถูกฝังไปแล้วแต่ข้ากลับยังมีชีวิตอันแสนงดงาม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าข้าชนะแล้ว”
รอยยิ้มกลับมาเ้าเล่ห์อีกครั้งทว่าความรู้สึกบางอย่างกลับเพิ่มขึ้นในหัวใจของหลินเมิ้งหยา
หากเอ่ยว่าหลงเทียนอวี้คือคนที่สามารถพึ่งพิงได้อีกทั้งยังเป็เ้านายที่พร้อมจะลากเหล่าทรราชลงมาสยบแทบเท้าหลินจงอวี้เปรียบเสมือนน้องชายผู้แสนน่ารัก เช่นนั้นชิงหูก็มิต่างอะไรจากพี่ชายที่พร้อมจะให้นางพึ่งพาอาศัยแม้เขาจะไม่ใช่คนว่านอนสอนง่ายก็ตาม
นางเป็คนโชคดี เวลาเพียงสามเดือนเท่านั้นแต่กลับได้รับอะไรมากมายหลายอย่างเหลือเกิน
ภายในศาลาเล็ก นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาเผยเื่ราวของตนเองในอดีต
“อันที่จริง ข้าเองก็หาใช่คนบนโลกใบนี้ไม่”
ประโยคนี้ นอกจากชิงหูแล้ว ยังมีชายอีกคนที่ได้ยินมัน
หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ไม่ไกล สายตามองทางพวกเขาทั้งสอง
แม้เสียงของหลินเมิ้งหยาจะไม่ดัง แต่เขากลับได้ยินอย่างชัดเจน
หาใช่คนบนโลกใบนี้?หรือนางกำลังคิดว่าตนเองต้องเจอเื่รบราฆ่าฟันอย่างมากมายดังนั้นจึงใและหวาดกลัวกระนั้นหรือ
เขาละเลยนางจนเกินไป แม้นางจะมีอุปนิสัยแปลกประหลาดแต่ถึงอย่างไรก็เป็เพียงหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น
เวลาเพียงสามวันแต่กลับมีคนถึงสองกลุ่ม้าทำร้ายนางทุกวันนางต้องอยู่บนความหวาดกลัว แต่เขากลับดูแลนางไม่ดี
“เย่ นับจากวันนี้เป็ต้นไป เ้าต้องคอยจับตามองพระชายาให้ดีอย่าปล่อยให้นางได้รับาเ็โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอย่าโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีก”
เย่ที่ไม่เคยอยู่ห่างกายเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียวกลับถูกส่งไปอยู่กับผู้อื่นง่ายๆเช่นนี้
ั์ตาที่เคยสงบนิ่งเสมอของเย่พลันปรากฏร่องรอยของคลื่นบางอย่าง
เมื่อก่อนหลงเทียนอวี้เคยสั่งให้เขาคุ้มครองพระชายาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นแต่ตอนนี้ผู้เป็นายกลับสั่งให้เขาอยู่คุ้มครองพระชายาถาวร
์โปรด ท่านอ๋องป่วยหรือไร?
“ข้ารู้จักวิทยายุทธ์ของเ้าดีที่สุด เ้าหาได้ด้อยไปกว่าชิงหูไม่ดังนั้นเมื่อพวกเ้าช่วยกันคุ้มครองพระชายา ต่อให้มีศัตรูเป็ร้อยเป็พันบุกเข้ามานางก็จะปลอดภัย จงจำคำพูดของข้าเอาไว้ให้ดี จะต้องปกป้องดูแลนางให้ดีอย่าทำให้เส้นผมของนางหลุดร่วงแม้เพียงเส้นเดียว”
เขาเป็องครักษ์ที่มีฝีมือที่สุดเย่เคยป้องกันอันตรายแทนเขานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อต้องเปรียบเทียบกับความปลอดภัยของตนเองและหลินเมิ้งหยาแล้วเขาตัดสินใจโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย
บางทีอาจเพราะหากหลินเมิ้งหยาตาย เขาคงหาชายาแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ
แม้จะคิดเช่นนี้ ทว่าเท้าของเขากลับขยับเข้าใกล้ตำหนักหลิวซินราวกับ้าจะฟังสิ่งที่หลินเมิ้งหยาพูดให้มากขึ้น
“ข้ามีเื่หนึ่งที่สงสัยมานานมากแล้วคนทั้งเมืองหลวงต่างพากันบอกว่าเ้าเป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือนแต่พอข้าได้เจอเ้ากลับไม่ต่างอะไรจากจิ้งจอกเ้าเล่ห์อีกทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว”
พูดก็พูดเถอะ เขาอาศัยอยู่ในเจียงหูมานานสามสิบกว่าปีไม่เคยเลยสักครั้งที่จะพ่ายแพ้
แต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับนางเขารู้เสมือนคนไร้ค่าอย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้นชิงหูจึงเกิดสงสัยขึ้นมา
“นั่นก็เพราะเ้าโง่อย่างไรเล่า! อันที่จริงเมื่อก่อนข้าเป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือนแต่เพราะเกิดเื่มากมายในเกี้ยวเ้าสาวข้าจำได้เพียงแต่ว่าตอนนั้นเกิดแสงสว่างวาบ ต่อมาข้าก็กลายเป็เช่นนี้ไปแล้ว”
