บทที่ 153 ัคำรามปะทะแสงอสรพิษ
“จบกัน! เ้าเด็กนี่ประมาทเกินไป เขาไม่สังเกตบนพื้นด้วยซ้ำ!”
“เมื่อถูกสิ่งนี้ควบคุม มีเพียงนักรบที่มีฝีมือสูงกว่าอีน่าเท่านั้นที่จะหลบเลี่ยงได้พร้อมกับการะเิพลังปราณ ส่วนคนที่เหลือมีแต่ต้องยืนรอความตาย”
“ช่อไหมฟ้า เป็ิญญายุทธ์ที่เยี่ยมยอดยิ่งนัก!”
เมื่อมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่ถูกควบคุม ทุกคนก็ถอนหายใจ อารมณ์ที่ตื่นเต้นของพวกเขาราวกับถูกดับด้วยน้ำเย็นหนึ่งถัง
ช่อไหมฟ้า แม้จะเป็เพียงิญญายุทธ์ระดับหก ความสามารถในการดึงดูดพลังิญญาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเป็พิเศษ แต่ความสามารถทางิญญาที่มีนั้นเป็ทักษะที่ใช้ควบคุมคู่ต่อสู้ได้ นับเป็จุดที่แปลกมาก
ในอดีต หลายคนที่ไม่ทันระวังและเข้าไปพัวพันกับด้ายไหมสีทองนี้ ผลคือถูกพลังอสรพิษของอีน่าสังหารโดยไม่อาจรับมือได้
“การควบคุมของช่อไหมฟ้านั้นทรงพลังมาก หากพลังปราณไม่สูงกว่านาง เขาย่อมไม่อาจสะบัดหลุด”
ซิวหลัวหน้าผีพึมพำกับตัวเองและถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ ข้าเผลอไปคิดว่าเ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ที่แท้ก็แค่หนุ่มน้อยจอมสะเพร่า”
คิดได้เช่นนั้น ชายสวมหน้ากากผีก็ยืนขึ้นและเตรียมจากไป เพราะเขารู้สึกว่าเมื่อฉู่อวิ๋นถูกควบคุมแล้ว ก็ไม่มีโอกาสรับมือได้อีก
ท้ายที่สุดแล้ว คุณภาพของพลังปราณนั้นสำคัญนัก ซิวหลัวหน้าผีไม่เชื่อว่าขอบเขตควบแน่นพลังปราณของฉู่อวิ๋นเพียงอย่างเดียวจะพลิกกระแสได้ นี่แทบเป็ไปไม่ได้เลย
ยามนี้ ในลานประลอง ฉู่อวิ๋นเองก็ใเมื่อพบว่าขดไหมทองคำเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ เริ่มั้แ่เท้า ก่อนจะค่อยๆ รัดพันขึ้นมาบนร่างกาย น่อง ต้นขา เอว...
ในไม่ช้า ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ด้วยเสียง “ฟุ่บ” เพียงไม่กี่ครั้ง ก็เห็นงูเจ็ดตัวพุ่งลงมา เขี้ยวของพวกมันเรืองแสง ลมหายใจเย็นเยียบ เขี้ยวขอพร้อมบดขยี้
“ตึง!”
ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นพร้อมรับการโจมตี เขากระพือฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง ใช้พลังฝ่ามืออันทรงพลังของฝ่ามือรูปัเพื่อต้านทานเงาอสรพิษทั้งเจ็ดที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะล้มลงในท่าป้องกันชั่วขณะหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ! หนุ่มน้อย กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า? เ้าไม่อยากใช้พลังเต็มที่ แต่ตอนนี้ต่อให้อยากใช้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว!”
อีน่ายืนอยู่ที่นั่นไม่ขยับ ดูท่าทางเกียจคร้าน โบกแถบแพรเพื่อควบคุมการโจมตีของแสงอสรพิษ
เงาสีทองที่อยู่ข้างหลังนางยิ่งเปล่งประกายแวววาว สุกใสอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกัน ขดไหมบนร่างของฉู่อวิ๋นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด มันก็พันรอบหน้าอกของเขา
“หือ? ด้ายสีทองนี่แปลกมาก!”
ฉู่อวิ๋นลอบถอนหายใจ ตอนนี้เขาขยับมือไม่ได้เลย จะยกขึ้นมายังยาก ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะถูกควบคุมไว้หมดแล้ว ไม่อาจขยับได้ ท่าทางแข็งทื่อราวกับติดอยู่ในโคลนตม
“จบแล้วล่ะ”
ทุกคนตกตะลึงและส่ายหน้า ตอนนี้เ้าคนป่าถูกควบคุมไว้หมดแล้ว ทั้งยังไม่มีพลังพอจะโจมตีกลับ หากอีน่าขยับเพียงนิด เขาก็จะถูกแสงอสรพิษกัดจนเืกระเซ็นเนื้อกระจาย
ดูเหมือนว่าผลการประลองจะออกมาแล้ว
ทว่าทุกคนก็คล้ายจะผิดหวังเล็กน้อย เพราะต่างคิดว่าวันนี้จะได้เจอปาฏิหาริย์ ได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในขอบเขตควบแน่นพลังปราณท้าทายการประชันห้าัอย่างกล้าหาญ และข้ามไปได้ถึงสี่ระดับ
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกรางๆ ว่าฉู่อวิ๋นจะผ่านห้าระดับติดต่อกัน และจะกลายเป็นักรบห้าั
กระนั้นตอนจบก็ช่างโหดร้าย หลายคนรู้อยู่เต็มอกว่าอีน่าคนนี้โเี้เพียงใด ผู้ที่พ่ายแพ้แก่นางล้วนต้องตาย
“ช่างเป็เด็กที่น่าสมเพชจริงๆ อายุยังน้อยก็ต้องมาตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว เดิมทีเขามีความสามารถมาก เพียงแต่ยโสเกินไป สุดท้ายก็ทำลายตัวเอง” มีคนถอนหายใจกับตัวเอง
ยามนี้ บนเวทีประลอง อีน่าควบคุมแสงอสรพิษเจ็ดดวงให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า จ้องมองไปที่เขา พร้อมที่จะโจมตีและฆ่าได้ทันที นางจงใจระดมแสงอสรพิษต่อหน้าฉู่อวิ๋น เพื่อทำให้เขาหวาดกลัว
“หนุ่มน้อย ค่าของการอวดดี บางคนก็ไม่อาจจ่ายไหวหรอกนะ” อีน่ายกยิ้มน่าสะพรึง สะบัดเจ็ดอสรพิษร่ายระบำติดต่อกัน โดยให้พวกมันห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น
“ข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังพยายามทำอะไร ดูเหมือนจะยังไม่ชนะใช่ไหม? แม่นางงู” ทั้งตัวของฉู่อวิ๋นถูกควบคุม แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมที่จะหยอกเอินอีน่าด้วยรอยยิ้ม ทำให้นางเลิกคิ้วขึ้นมอง
ทันใดนั้น สีหน้าของอีน่าก็อ่อนลง พูดด้วยสายตาดุดัน “เ้าหนุ่มปากแข็ง รสชาติของการถูกคนอื่นเยาะเย้ยเป็อย่างไรบ้าง? หืม?”
เมื่อพูดเช่นนั้น อีน่าก็ควบคุมงูไฟดวงหนึ่งให้พุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋น มันอ้าปากอันดุร้ายและพ่นควันออกมา กลิ่นคาวคละคลุ้งคล้ายงูจริงๆ
“อวิ๋นเอ๋อร์——!” ฉู่ซินเหยากังวลมาก เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นถูกควบคุมและไม่สามารถขยับได้ หัวใจของนางก็เต้นรัว ฝ่ามือซีดขาว นาง้าลงไปบนลานประลองเดี๋ยวนี้
ต่อให้นางไม่มีแรงพอแม้จะเชือดไก่ แต่เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นตกอยู่ในอันตราย ผู้หญิงแสนอ่อนแอคนนี้ก็้าปกป้องเขาโดยไม่คิดชีวิต
สำหรับพี่น้องตระกูลเสวี่ย พวกเขามีท่าทีที่แตกต่างกัน หนึ่งในนั้นเยาะเย้ยอยู่ในใจ โบกพัดขนนกเบาๆ คล้ายดูยินดี ในขณะที่ผู้หญิงอีกคนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าตนเองมองคนผิดไป
“ที่แท้อวิ๋นชูผู้นี้เป็เพียงเสือกระดาษ[1]?” เสวี่ยหรูเยียนไม่พอใจเล็กน้อยพลางถามคำถามนี้
“หน้ากากปีศาจ! ตีนางๆๆ... เอิ้ก~” และในมุมหนึ่งของจัตุรัส ก็มีผู้หญิงขี้เมาคนหนึ่งะโออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตน
นี่ย่อมเป็มู่หรงซิน แม้ว่านางจะเดิมพันกับฉู่อวิ๋นเพียงเพราะคำว่า “อวิ๋น” แต่นางก็ไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของเขา
ทว่านางกลับรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าคนป่าบนเวทีนั้นช่างคุ้นเคย ดังนั้นนางจึงไม่อยากเห็นเขาพ่ายแพ้
แต่ฉู่อวิ๋นกลับสงบแตกต่างจากทุกคนที่อยู่ในสภาพหวาดกลัว
เขาหัวเราะเบาๆ มองตรงไปที่อีน่าแล้วพูดว่า “เ้า้าเอาชนะข้าด้วยผ้าเน่าๆ กับงูเหม็นๆ พวกนี้หรือ? ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อีน่าก็ะเิหัวเราะออกมาจนตัวโยน
“ฮ่าๆๆ หนุ่มน้อย เ้านี่ตลกดีจริงๆ ข้าไม่ฆ่าเ้าดีกว่า แต่จะตัดเอ็นข้อมือและข้อเท้าของเ้าทิ้ง แล้วมัดเ้าเอาไว้ จากนั้นก็จะเลี้ยงดูเ้าอย่างสัตว์เลี้ยง”
“หือ? แม่นางผู้นี้รสนิยมรุนแรงนัก แต่หนุ่มน้อยเช่นข้าเกรงว่าจะดื้อรั้น เลี้ยงไม่ไหวน่ะซี” ฉู่อวิ๋นตอบอย่างไม่จริงจัง แม้ว่าเขาติดกับดัก แต่ก็ยังกล้าพูดเื่ตลกออกมา
“เหอะๆ?”
ในที่สุด ดวงตาของอีน่าก็เบิกกว้างขึ้น รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง “หนุ่มน้อยปากคอเราะรายเช่นนี้ ต้องถูกตบปากสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!”
หลังจากพูดจบ อีน่าโบกมือข้างหนึ่ง แถบแพรก็ปลิวไปในอากาศ แสงอสรพิษทั้งเจ็ดกำลังพุ่งมาพลางอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวที่ดุร้ายของพวกมัน และกัดไปที่หัวของฉู่อวิ๋น!
ทุกคนถึงกับใ! มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ผู้หญิงบางคนถึงกับเอามือปิดตา ราวกับว่าพวกนางกำลังจะได้เห็นฉากที่โหดร้าย!
“ควับ!”
เงาอสรพิษสีสันสดใสลอยเข้ามาใกล้หัวของฉู่อวิ๋นมากขึ้นเรื่อยๆ!
“เ้าตัวน่ารังเกียจ ไปเลย”
แต่เมื่อเสียงคำสั่งดังขึ้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน! จู่ๆ พลังปราณอันไร้ขีดจำกัดก็ถูกปลดปล่อยออกมา!
นั่นคือพลังปราณที่ร้อนแรงอย่างยิ่ง มันส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา!
“ฉึก--”
ทันทีที่พลังปราณไฟหยางถูกปล่อยออกมาและไหลเวียนไปทั่วร่าง รัศมีสีทองของเส้นไหมก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็ควันดำ และหายไปในพริบตา!
“นี่มันเกิดอะไรชึ้น?! ช่อไหมฟ้าหายไป? หรือว่า... คุณภาพพลังปราณของเด็กคนนี้จะสูงกว่าข้า!?”
เวลานี้ อีน่าซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเห็นภาพนี้เป็คนแรก สีหน้าของนางใอย่างสุดขีด
เพียงชั่วพริบตา!
เมื่อมองดูแสงอสรพิษเจ็ดดวงที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ ฉู่อวิ๋นก็พ่นลมออกมาอย่างเ็า ระดมพลังปราณไฟหยางลงไปในฝ่ามือของเขา!
ชั่วขณะหนึ่ง ฝ่ามือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยแสงสีแดงพราว! มีเสียงคำรามของัเก้าตัว ราวกับว่าพวกมันกำลังเดินทางผ่านความว่างเปล่า!
“งูเหม็นไม่กี่ตัวทำเป็มาอวดดี ข้าจะให้เ้าดูว่าอะไรคือัตัวจริง!”
“ตูม!”
ฉู่อวิ๋นยืนอย่างเงียบๆ ด้วยแรงกดดันอันน่าเกรงขาม เขาปรบมือประสานกัน จากนั้นก็ดึงพลังปราณรูปัออกมาพร้อมเปลวไฟที่ลุกโชน
เขาเงยหน้าขึ้นและฟาดฝ่ามือออกไปโจมตีเพียงข้างเดียว พร้อมกับเสียงคำรามของัที่ดังสนั่นสั่นะเืจนเงาอสรพิษร่วงหล่น!
“เก้าัเขย่านภา!”
“ตึง!”
มีเสียงดังลั่นออกมา คลื่นพลังกวาดล้มไปทั่วทั้งลานประลองยุทธ์!
ราวกับว่ามีัเพลิงเก้าตัวคำรามอยู่ที่นี่ สะท้อนกลับไปกลับมาด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด!
ทันใดนั้น แสงฝ่ามือเก้าัก็เปล่งประกายจนสามารถฆ่าเงาอสรพิษทั้งเจ็ดตัวได้ในทันที! แม้แต่สมบัติแถบแพรก็กลายเป็เศษผ้าที่ปลิวว่อน
หลังจากที่แสงฝ่ามือเก้าัสังหารเงาอสรพิษได้สำเร็จ มันก็ยังคงลอยอยู่กลางอากาศเป็เวลานาน ส่งเสียงน่าผวาใส่อีน่าที่อยู่บนเวทีประลอง จากนั้นจึงค่อยๆ หายไป
“ทำไม... ทำไมถึงเป็เช่นนี้?!”
ดวงตาของอีน่าสั่นไหว นางไม่คิดว่าทักษะผสานแสนแข็งแกร่งของนางจะถูกเด็กคนหนึ่งในขอบเขตควบแน่นพลังปราณทำลายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้! ตอนนี้ แม้แต่อาวุธนางก็ไม่มี
“ยังไม่จบหรอกนะ!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ รู้สึกสะใจเล็กน้อย เดิมทีเขาเองก็อยากรู้ว่าช่อไหมฟ้าคืออะไร แต่จู่ๆ พลังปราณไฟหยางก็เผามันจนสิ้นโดยที่เขาก็ยั้งไม่ทัน
ไม่สนุกเลย!
“ฟิ้ว!”
เขาหลบและะโออกไป และกำลังจะยกฝ่ามือขึ้นต่อสู้กับอีน่า แต่ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ในพริบตาก็เผชิญหน้ากัน
แต่อีน่ายังคงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่โต้ตอบ นางใมากที่มีคนค้นพบท่าสังหารของตน จึงหงุดหงิดมาก
“นี่! ทำไมถึงไม่ออกกระบวนท่าล่ะ?!” ฉู่อวิ๋นใมาก เพราะเขาคิดว่าอีน่าจะสู้กลับ เขาจึงระดมกำลังทั้งหมดที่มีกับฝ่ามือนี้ ตั้งใจจะทำให้นางาเ็และกระแทกนางออกไป
ฉู่ซินเหยาอยู่ด้วย ฉู่อวิ๋นไม่้าฆ่าคนต่อหน้านาง
แต่อีน่าไม่มีเจตนาขัดขืนแต่อย่างใด ขืนยังออกกระบวนท่าต่อไป นางต้องตายคาที่เป็แน่!
แต่กระบวนท่าออกไปแล้วย่อมยากจะเก็บกลับ แม้ว่าเขาจะเก็บฝ่ามือได้ทัน แต่ร่างกายก็ยังคงพุ่งเข้าใกล้ร่างของอีน่าที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าอีน่าเองก็ถอยหลังหนีเช่นกัน แต่นางตื่นตระหนกจนสะดุดล้มไปข้างหลัง
ในเวลานี้เอง ฉู่อวิ๋นก็เสียหลักและล้มไปข้างหน้า!
“ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีสักเท่าไหร่เลย”
ฉู่อวิ๋นลอบถอนหายใจ จากนั้นด้วยเสียง “ปั๊ก” เขาและอีน่าต่างก็ล้มลงกับพื้น ศีรษะของพวกเขากระแทกกันจนเวียนหัว มองเห็นดวงดาววาวแสงในดวงตา
ทันใดนั้น ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง...
สีหน้าของทุกคนแข็งค้าง ปากอ้ากว้าง ราวกับว่าได้เห็นบางสิ่งที่เหลือเชื่อ
“เวียนหัวจัง... เอ๊ะ?” ฉู่อวิ๋นที่รู้สึกตัวรีบเงยหน้าขึ้นทันที แล้วก็พบว่าเขาล้มทับคนอื่นอยู่
ฉู่อวิ๋นหัวเราะแห้งๆ กลอกตาไปมา มองเห็นอีน่าที่เขานอนทับอยู่มีสีหน้าทั้งเขินอายทั้งโมโห
----------
[1] สิ่งที่ดูน่าเกรงขามแต่ไร้อำนาจและไม่อาจทนการต่อต้านได้