เฉียวเยว่โกรธแทบตายจริงๆ ไม่มีผู้ใดจะมาแทนที่พี่สาวในหัวใจของนางได้ ขณะเดียวกันรัชทายาทก็เป็ทั้งพี่ชายและพี่เขยของตน แต่ตอนนี้กลับมีคนมาบอกว่าสิ่งที่นางเห็นล้วนผิดหมด เฉียวเยว่ควรมีความรู้สึกเช่นไร
เห็นแม่นางน้อยโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ หรงจ้านพลันนึกเสียใจภายหลังที่บอกให้นางรู้
"แค่เื่เล็กน้อยเท่านั้นเอง" เขาปลอบประโลม
"ท่านอาจเห็นเป็เื่เล็ก แต่สำหรับพี่สาวข้าแล้วไม่ใช่เลย นี่ก็ครึ่งเดือนแล้วจากที่ข้าไปเยี่ยมนางคราก่อน นานขนาดนี้ปัญหายังมิได้สะสาง คิดว่าเื่น่าจะไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นเสียแล้ว" เฉียวเยว่วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
"มีคนที่ไม่ควรแทรกแซงยื่นมือเข้ามา เื่ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว" หรงจ้านเอ่ยอย่างช้าๆ
เด็กฉลาดอย่างเฉียวเยว่ย่อมตระหนักได้ทันที "เป็ไทเฮาหรือไม่ก็ฮองเฮา"
"ถูกต้อง คนเป็ของฮองเฮาจัดเข้ามา นางย่อมมิให้ชายารัชทายาทกำจัดทิ้งอยู่แล้ว ส่วนผลลัพธ์ตอนนี้ก็คือสิ่งที่นาง้า ส่วนไทเฮา... ทรงเป็ย่าทวดครั้งแรก เ้าคิดว่าพระนางจะเลือกเช่นไรเล่า?"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก รู้อยู่แก่ใจว่าชีวิตน้อยๆ คือผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังไม่คลอดออกมา จะมีผู้ใดนึกถึงหัวใจพี่สาวของนาง
ไม่ว่าจะเป็ชายหรือหญิง ความหมายของเด็กคนนี้ก็ไม่ต่างกัน และด้วยสถานการณ์ตรงหน้า เห็นชัดว่าหากพี่สาวลงมือทำสิ่งใด ทั้งไทเฮาและฮองเฮาก็จะทรงไม่พอพระทัย ต่อไปก็จะยิ่งทำอะไรยากขึ้น นี่คือสาเหตุที่นางยังลังเลไม่เคลื่อนไหว
พอนึกถึงจุดนี้ เฉียวเยว่ก็เข้าใจความลำบากของพี่สาว
"แล้วฝ่าาเล่า? ฝ่าาเคยตรัสว่าภายในสามปีนี้... คำตรัสของฝ่าาดุจเก้ากระถางศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ" เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก กระวนกระวายใจ แต่ก็ยังพยายามคิดหาเหตุผล "ฝ่าาทรงมิอาจเข้าไปแทรกแซงโดยตรงเพราะไทเฮาใช่หรือไม่"
หรงจ้านมองนางแล้วหัวเราะเบาๆ "เ้ายังเด็กจริงๆ ไม่นึกบ้างว่านั่นก็คือหลานของพระองค์เหมือนกัน แม้สถานะของมารดาจะต่ำต้อยไปบ้าง แต่ฝ่าาไม่มีความจำเป็ที่จะไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้ บุตรคนแรกของรัชทายาท เ้าเข้าใจความหมายนี้หรือไม่?"
เฉียวเยว่หัวเราะเสียงเย็น "เข้าใจ ไยจะไม่เข้าใจเล่า แต่มีใครนึกถึงหัวอกของพี่สาวข้าหรือไม่ เพื่อโจมตีสะใภ้คนนี้ ฮองเฮาก็ยังวางแผนได้แม้แต่กับโอรสของตนเอง คิดแล้วก็น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ"
หรงจ้านเห็นเฉียวเยว่เป็เช่นนี้ ก็นิ่งคิดอยู่สักพักแล้วเอ่ยว่า "ถ้าหาก..." เขาหน้าแดง
เฉียวเยว่ช้อนตาขึ้นมองเขา "ถ้าหากอันใด?"
ยามนี้ทั้งสองอยู่ในร้านตำรา ทว่าไม่มีใครอื่น เฉียวเยว่มองหรงจ้านอย่างงุนงง แต่รู้สึกได้ว่าสีหน้าของเขาดูผิดปรกติมาก
"ท่านคิดจะพูดอะไร ไยต้องอ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนี้ดูไม่คล้ายเป็นิสัยของท่านสักนิด"
หรงจ้านเงยหน้า "หากเ้ายอมจุมพิตข้า ข้าจะช่วยจัดการคนผู้นั้นให้"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ มองหน้าหรงจ้าน
ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย "เ้า... จะทำหรือไม่?"
ดวงหน้าน้อยของเฉียวเยว่พลันแดงซ่าน บอกไม่ถูกว่าตนเองรู้สึกอย่างไร รู้สึกแต่ว่าตกประหม่า จะว่าไปก็แปลก เมื่อก่อนพวกเขาก็ทำอะไรที่สนิทสนมกันอยู่บ้าง แต่การกระทำโดยไม่ตั้งใจกับการกระทำโดยตั้งใจเยี่ยงนี้ ความหมายย่อมแตกต่างกัน
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก "ท่านฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นยามเข้าตาจน"
หรงจ้านพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา "แค่นี้จะเป็ไรไปเล่า แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่ใช่คนดีเลิศเลออยู่แล้ว"
เฉียวเยว่เม้มปากเล็กน้อย หลุบสายตาลง คำนึงอยู่ในใจเงียบๆ ว่าควรจะรับปากหรือไม่ ตามเหตุผลแล้ว หรงจ้านหาใช่คนเลื่อนลอยไร้เป้าหมาย เมื่อเขาเอ่ยปาก ก็แสดงว่าสามารถทำได้จริง แต่เฉียวเยว่ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี
นางทำปากยื่นตัดพ้อต่อว่า "ท่านข่มขู่ข้าเช่นนี้ หาใช่การกระทำของสุภาพชน"
หรงจ้านมองเฉียวเยว่อย่างพิจารณา ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า "เอาล่ะ ไม่แกล้งเ้าแล้ว"
เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้นมองหรงจ้านอย่างงุนงง
"เื่นี้ข้าไม่สะดวกช่วยเ้าทำ มิเช่นนั้นจะดูล่อแหลมเกินไป" เขาไล้ปลายนิ้วไปบนดวงหน้าของเฉียวเยว่ ดูเหมือนว่าใบหน้าของนางจะเริ่มแดงขึ้นตามนิ้วมือของเขาที่เลื่อนผ่าน
"แต่ข้ามีถุงแพรน้อย [1] สองใบมอบให้เ้า" เขาเอ่ยเสียงเบา
เฉียวเยว่จ้องหรงจ้านตาไม่กะพริบ หรงจ้านจิ้มไปที่ลักยิ้มน้อยๆ สองข้างของนาง แล้วกล่าวว่า "ถุงแพรใบแรก ไทเฮามีหมัวมัวข้างกายคนหนึ่ง รูปร่างผอมแห้ง ชื่อว่าฉางหมัวมัว หมัวมัวผู้นี้มีปานขนาดใหญ่แต่กำเนิดที่ข้อมือ อาศัยแค่ปานกับชื่อก็จะรู้ได้ไม่ยากว่าเป็คนไหน นางเป็คนสนิทและได้รับความไว้วางใจจากไทเฮา"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังราวกับหนูชางสู่ [2] รอให้เขาพูดต่อ หรงจ้านเห็นดวงตาของนางทอประกายวับวาว ก็เอ่ยต่อไป "แต่ประจวบเหมาะอย่างยิ่ง นางกับฮองเฮามีความแค้นชนิดที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน ตอนนั้นบุตรชายของนางเป็ผู้ดูแลสนามม้า ฮองเฮากับหรงเหยียนได้รับาเ็ ฮองเฮาจึงสั่งโบยบุตรชายของนางจนตายทันที ส่วนหลานสาวของนางที่เลี้ยงไว้นอกวัง ก็ถูกหลานชายของฮองเฮาฉุดคร่าไปกระทำย่ำยี หากไม่เพราะพระเสาวนีย์ของไทเฮา แม่นางน้อยผู้นั้นก็คงตายไปแล้ว แต่ถึงตอนนี้นางก็กลายเป็คนป้ำๆ เป๋อๆ สติไม่สมประกอบเพราะได้รับความะเืใจอย่างแรงครานั้น"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก
"ถุงแพรใบที่สอง ฮองเฮาไม่เชื่อใจให้ผู้อื่นดูแลนางกำนัลผู้นั้น จึงจัดให้นางสวีซึ่งเป็คนของตนเองไปปรนนิบัตินาง นางสวีเป็น้าแท้ๆ ของนางกำนัลผู้นั้น และนางสวีคนนี้มักมีกิจวัตรพิเศษอย่างหนึ่งก็คือทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำจะต้องไปไหว้พระที่วัดไหวอันในเขตชานเมือง วัดไหวอันเป็วัดใหญ่ อย่าว่าแต่คนธรรมดาทั่วไปเช่นนางเลย แม้แต่่ที่ฮองเฮาทรงพระครรภ์ก็มักไปกราบไหว้อยู่บ่อยๆ ต่อมาให้กำเนิดรัชทายาท ก็เคยไปแก้บนที่นั่น"
หรงจ้านเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ทอยิ้ม "เื่เหล่านี้ล้วนเป็ความลับที่ไม่มีคนรู้ แต่ข้าคิดว่าอาศัยแค่ถุงแพรสองใบนี้ก็เพียงพอสำหรับพี่สาวของเ้าแล้ว"
ทันใดนั้นเฉียวเยว่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วจุมพิตแก้มของหรงจ้านโดยไม่ลังเล หรงจ้านอึ้งงันก่อนถอยไปด้านหลัง "เ้าทำอะไร"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ั์ตากลับเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง
เห็นท่าทางเสแสร้งของเขาแล้วก็เบ้ปาก พูดอย่างกระเง้ากระงอด "เห็นอยู่ว่าท่านพอใจมาก"
มุมปากของหรงจ้านโค้งขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ แต่เขายังคงเอ่ยปาก "พูดอะไรกัน เห็นชัดอยู่ว่าเ้าฉวยโอกาสจุมพิตเพราะหลงใหลในความหล่อเหลาของข้า ข้าไหนเลยจะพอใจ ข้ามิได้พอใจสักหน่อย"
หลงจ้านยังคงถอยไปด้านหลัง แต่แววตากลับเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
เฉียวเยว่พลันเกิดความคึกคะนองรู้สึกอยากกลั่นแกล้ง จึงย่างสามขุมเข้าไปตรงหน้าหรงจ้าน แล้วจิ้มที่อกเขา "ท่านคงมิได้แอบรักข้ามานานแล้วกระมัง"
หรงจ้านหัวเราะหึๆ จดจ้องเฉียวเยว่แล้วเอ่ยว่า "วันนี้เ้ามิได้เอาใบหน้าออกมาจากบ้านด้วยหรือ?"
เฉียวเยว่ย่างเท้าเข้าไปอีกก้าว "ข้าเป็ถึงเทพธิดาน้อยผู้ร่าเริงสดใส ใครว่าไม่มีหน้า? เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้ท่านแทบจะบินกลับจวนไปได้เลย"
หรงจ้านพยายามกลั้นหัวเราะ เขาสงสัยว่าตนเองคงจะป่วยเป็โรคบางอย่าง ยิ่งเห็นเฉียวเยว่ทำตัวเกเรเท่าไร ไยเขากลับยิ่งมีความสุข ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีเื่ไหนจะดีไปกว่าเื่นี้อีกแล้ว
เขาก้มศีรษะแล้วเข้าไปประชิดตัวนางอย่างฉับพลัน ก่อนเอ่ยอย่างช้าๆ "ใครบอกว่าเ้าเป็เทพธิดาหืม... เ้าคนแคระ"
เฉียวเยว่เหวี่ยงกำปั้นน้อยๆ ใส่เขาทันควัน
นางมิได้ฝึกยุทธ์ แต่ออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงมาั้แ่เล็ก และฝึกป้องกันตัวแบบง่ายๆ และเพื่อให้มีรูปร่างที่สวยงาม หากบอกว่าฝึกไว้เพื่อทะเลาะวิวาท นั่นย่อมจะไร้ประโยชน์ นางทุบตีคนอย่างมากก็แค่ทำให้รู้สึกคันๆ เหมือนถูกจั๊กจี้เท่านั้น
หรงจ้านเผยความอ่อนโยนออกมาอย่างยากที่จะได้เห็น ทันใดนั้นเขาก็ใช้แขนข้างหนึ่งคล้องตัวเฉียวเยว่ไว้ หลังจากนั้นก็โน้มตัวลงไปใกล้กับใบหูของนาง ใบหูเล็กจ้อยแดงก่ำขึ้นมาทันควัน เอ่ยเสียงเบาหวิว "ทะ...ท่าน ทะ...ทำไมจู่ๆ ก็... ท่านจะทำอันใด"
นางตื่นตระหนกจนพูดติดอ่างไปแล้ว
หรงจ้านมองใบหูน้อยแดงก่ำ สีโลหิตค่อยๆ กระจายตัวออกไปจนถึงไรผม ก็ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ จุมพิตลงไปบนใบหูของนางเบาๆ
เฉียวเยว่ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว จนทำอะไรไม่ถูก
หรงจ้านกระซิบ "ของดีมักทำให้คนอยากปกป้องคุ้มครอง"
"ข้าเป็แม่เสือ ยังดีอยู่หรือไม่?" นางถามเสียงเบาหวิว
หรงจ้านหัวเราะเสียงต่ำ จนหน้าอกกระเพื่อมตาม เฉียวเยว่ได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจของเขา
"แม่เสือ? เช่นนั้นก็พอดีเลยสิ ข้าไม่เคยเห็นเสือมาก่อน บัดนี้ก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ไม่เลวเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าการเลี้ยงสัตว์จำพวกเสือจะสิ้นเปลืองอาหารแค่ไหน"
ลมหายใจของหรงจ้านพรมรดข้างใบหูของเฉียวเยว่ นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเอ่ยเสียงเบา "สิ้นเปลืองมาก ท่านอยู่กับแม่เสือมาั้แ่เด็กยังไม่รู้อีกหรือ ตอนนั้นขนาดนางเป็แค่กระต่ายน้อยยังต้องเลี้ยงอาหารตั้งมากมาย”
"เช่นนั้นดูท่าภายหน้าก็คงต้องเลี้ยงต่อไป กระต่ายกลายเป็เสือไปเสียแล้ว ต้องกินเยอะขึ้นแน่ๆ"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก นางหันกลับมาดึงชายเสื้อของหรงจ้านแล้วสั่นไปมา "ท่านนี่ แม้จะวิปริตไปสักหน่อย แต่ก็เข้ากับข้าได้ดี"
หรงจ้านพยักหน้า "เ้าก็วิปริตเหมือนกัน"
เฉียวเยว่สั่นศีรษะ "เปล่าสักหน่อย ข้าแค่ตีสองหน้าเก่ง" นางตอบอย่างตรงไปตรงมา
หรงจ้านอมยิ้ม หลังจากนั้นก็เอ่ยอย่างจนใจ "ไฉนเ้าถึงขี้เล่นเช่นนี้"
เฉียวเยว่รั้งชายเสื้อเขาไว้ไม่ปล่อยแล้ว "ช่วยไม่ได้ ใครให้ข้าเป็สาวน้อยเยว่ที่ใครเห็นใครก็รักเองเล่า"
"เอาล่ะสาวน้อยเยว่ ตอนนี้เ้าจะกลับบ้านได้หรือยัง?" เขาเตือนด้วยความหวังดีอย่างยิ่ง "หากเ้าอ้างการซื้อตำราเพื่อมาพบข้าบ่อยเกินไป เกรงว่าครั้งหน้าลุงของเ้าคงจะถือมีดมายืนหน้าประตูร้านตำราแล้วล่ะ"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืดออกมา "ท่านลุงไม่ใช่คนเยี่ยงนั้นเสียหน่อย"
นางเกาศีรษะ "จะว่าไป ่นี้ไม่รู้เพราะเหตุใดท่านลุงดูงานยุ่งมาก"
ฉีจือโจวเป็เ้ากรมอาญา ถ้าหากกรมอาญางานยุ่ง สถานการณ์โดยรวมก็อาจจะมีเื่ไม่ดีเกิดขึ้น
"สองวันนี้ต้องตรวจสอบเื่การกลับมาเมืองหลวงของชายาอ๋องสี่แห่งซีเหลียง แต่ก่อนหน้านี้สองสามวันข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เ้าน่าจะรู้ว่าเชื้อพระวงศ์ไม่มีอำนาจอันใดที่แท้จริง แต่เสนาบดีฉีเป็คนสนิทของฝ่าา งานของเขาไม่มีทางเผยออกมาสู่ภายนอก"
เฉียวเยว่เข้าใจเหตุผลนี้ นางพยักหน้าแล้วเปรยขึ้นมา "ข้าคิดว่าแท้จริงแล้วการเป็พระญาติที่ไม่มีอำนาจกลับเป็เื่ที่ดีมาก"
หรงจ้านเลิกคิ้ว "เพราะเหตุใด?"
"มีของอร่อยกิน มีเงินใช้แถมไม่ต้องทำงาน คำเดียวเลยนะ เจ๋งสุด!"
หรงจ้านกุมหน้าผาก "ตอนนี้เวลาเ้าคุยกับข้านับวันก็ยิ่งใช้ถ้อยคำตามอำเภอใจ"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่น้ำเสียงกลับมีความสุข
เฉียวเยว่ตอบกลับมาอย่างฉาดฉาน "ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าต้องแต่งงานกับท่านกันล่ะ คุยแลกเปลี่ยนกับท่านแค่นี้ถือเป็เื่ปรกติ"
เฉียวเยว่ตอบเสียงดังฟังชัดเช่นนี้ หรงจ้านกลับรู้สึก... สดชื่นปลอดโปร่งทั้งกายใจอย่างบอกไม่ถูก!
...
[1] คนโบราณมักเก็บเอกสารลับของของสำคัญไว้ในถุงแพร จึงเป็การเปรียบถึงความลับสำคัญ
[2] ชางสู่ คือหนูแฮมสเตอร์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้