แม้หมอกล่าวอย่างอย่างนุ่มนวล ความจริงก็คือแนะนำเซี่ยเสี่ยวหลานว่าอย่าเข้าร่วมการสอบเกาเข่า
นี่คือความเ็ปอันแสนขมขื่นสำหรับนักเรียนทุกคน และสำหรับนักเรียนที่สอบคัดเลือกรอบแรกได้เป็อันดับหนึ่งของสายวิทย์ประจำเมือง ข่าวร้ายนี้ไม่ใช่แค่ความขมขื่น หมอจำใจบอกด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่ เขาคาดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอาจร้องไห้อย่างหนักหน่วง เขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงช่วยปลอบโยนนักเรียนหญิงคนนี้เบาๆ
ปรากฏว่าคนที่ร้องไห้โฮกลับกลายเป็ซุนเถียนผู้แจ้งว่าตนเองคืออาจารย์
น้าหวงปาดน้ำตาเช่นเดียวกัน “คุณหมอ คุณช่วยตรวจอย่างละเอียดอีกทีได้หรือไม่?”
พบรอยกระดูกร้าวผ่านการเอกซเรย์ หมอค่อนข้างแน่ใจทีเดียว อันที่จริงไม่จำเป็ต้องให้หมอบอกด้วยซ้ำ แผ่นฟิล์มวางหราอยู่บนโต๊ะแล้ว คนที่พอมีความรู้ทั่วไปทางการแพทย์ ดวงตาไม่ได้บอด สามารถมองเห็นรอยร้าวคดเคี้ยวนั่นได้ทั้งนั้น
ข้อมือขวาของเซี่ยเสี่ยวหลานกระดูกร้าวจริงๆ
เธอไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเหมือนซุนเถียน ไม่ได้หมายความว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่โกรธ
เข้าร่วมการสอบเกาเข่าไม่ได้?
เคราะห์ร้ายฉับพลันที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าราวกับน้ำเย็นจัดหนึ่งอ่างที่รดลงบนศีรษะของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ใต้ภายนอกที่สงบนิ่งของเธอ กำลังสุมไฟโทสะอันร้อนระอุ!
คนพวกนี้คงประมาณเธอว่าอ่อนแอสินะ? คนแล้วคนเล่า ก่อกวนเธอ วางแผนทำลายเธอ ตอนนี้ยังกล้าซุ่มโจมตีเธออีกด้วย!
เก่อเจี้ยนรู้สึกผิดจนอยากจะพุ่งชนกำแพง
หากตอนนั้นเขาเข้าใกล้ได้อีกหน่อย คนพวกนั้นไม่มีโอกาสก่อเื่ชั่วช้าแม้แต่น้อย แม้คุณผู้หญิงเซี่ยจะโดนจักรยานที่โผล่มากะทันหันชนล้ม ทว่าไม่มีทางโดนกระทืบมือแน่ เขาอยู่ที่หัวมุมถนนพอดี เก่อเจี้ยนชะลอฝีเท้า และถูกดึงตัวไปไกลสิบกว่าเมตรทันที
เก่อเจี้ยนกำหมัด ชกใส่กำแพงโรงพยาบาลอย่างแรง
หมอตกอกใ ถึงกระนั้นก็รับรู้หัวอกของผู้อื่น ขึงปลอบใจด้วยความห่อเหี่ยว “ปีหน้าค่อยสอบเกาเข่าก็ได้ เธอคะแนนดีขนาดนี้ เรียกซ้ำอีกปี ไม่แน่ว่าอาจได้เลื่อนขั้นจากอันดับหนึ่งของเมืองเป็อันดับหนึ่งของมณฑล...”
เอาเถอะ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ถูกกาลเทศะ เขาทั้งเห็นใจและไร้ซึ่งหนทาง
เซี่ยเสี่ยวหลานลองขยับข้อมือ มันเจ็บมากจริงๆ
ซุนเถียนห้ามเธอไว้ ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ “ไม่ต้องลองแล้ว อย่าฝืนตัวเอง”
ถ้าขยับไปเขยื้อนมา เกิดบริเวณที่ได้รับบาดอาการหนักขึ้นจะทำอย่างไร ซุนเถียนมิอาจรับไหว เธอคาดหวังสูงกับผลเกาเข่าในปีนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่ใช่เพราะความรู้สึกทรงเกียรติของอาจารย์เซี่ยนอีจงเท่านั้น ยังเป็เพราะความเอ็นดูของเธอที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานด้วย เธอคิดว่านักเรียนหญิงคนนี้ลำบากยากเข็ญเหลือเกิน เส้นทางการศึกษาเล่าเรียนเต็มไปด้วยอุปสรรค หรือว่าเด็กสาวหน้าตาสะสวยจะมีผลการเรียนดีไม่ได้ ไม่สามารถมีความสำเร็จอื่นนอกเหนือจากรูปลักษณ์?
เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถประสบความสำเร็จได้ ถ้าไม่เกิด ‘อุบัติเหตุ’ ครั้งนี้
ไม่ได้ เธอร้องไห้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องเรียกพลังบวกคืนมาเพื่อเกลี้ยกล่อมนักเรียนเสี่ยวหลาน
วัยเยาว์ของหญิงสาวนั้นล้ำค่ามาก แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า เรียนซ้ำอีกสักปีจะเสียหายอย่างไร?
ในเซี่ยนอีจง ผู้สมัครสอบอายุมากที่สุดเรียนซ้ำชั้นมาถึง 4 ปี! ซุนเถียนยังไม่ทันเริ่มร่ายแบบอย่างสร้างแรงบันดาลใจนี้ ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งพึ่บพั่บมาสมทบ ดันเป็อาจารย์ใหญ่ซุนเสียได้ ด้านหลังติดตามมาโดยเหล่าวัง อาจารย์ฉี และคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเฉินชิ่งอีกคน
พออาจารย์ใหญ่ซุนได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานถูกชนบริเวณหน้าประตูโรงเรียน ราวกับจิติญญาใหนีไปครึ่งหนึ่ง!
คนพวกนั้นก็บรรยายเสียเกินจริง เืโทรมกายอะไรกัน เวลานั้นอาจารย์ใหญ่ซุนถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ต้องให้เหล่าวังช่วยประคอง ก่อนหน้านั้นพวกเขากำลังหารือเื่เกาเข่าอยู่ในห้องทำงาน บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานถูกแยกออกมาวางไว้ สนามสอบในปีนี้ของเธอค่อนข้างห่างไกล อาจารย์ใหญ่ซุนกำลังคิดว่าจะส่งใครไปเป็เพื่อนโดยเฉพาะดี... ข่าวร้ายเช่นนี้ทำให้อาจารย์ใหญ่ซุน เหล่าวัง อาจารย์ฉี รวมถึงคนอื่นๆ แตกสลายไปพร้อมกันได้เลยทีเดียว
เฉินชิ่งมาส่งเอกสารของห้องสาม เขาไม่สนใจว่าสถานะของตนเองเหมาะสมหรือไม่ ตามพวกอาจารย์ใหญ่ซุนมาทันที
“อาการาเ็ของนักเรียนเสี่ยวหลานเป็อย่างไรบ้าง?”
อาจารย์ใหญ่ซุนกระวนกระวาย พยาบาลทำความสะอาดาแของเซี่ยเสี่ยวหลานและแปะผ้าก๊อซแล้ว ดูด้วยตาอย่างเดียวแบบนี้จะเห็นว่าไม่ได้สาหัสนัก
อาจารย์ใหญ่ซุนยังไม่ทันได้ยินดีเลย เห็นซุนเถียนหลานสาวของเขาตาบวมเป่งเป็เมล็ดเหอเถาแล้ว หัวใจของอาจารย์ใหญ่ซุนก็ร่วงดิ่งลง!
“เสี่ยวหลาน...”
ยังไม่ถึงคราวให้เฉินชิ่งได้เบียดเข้าไป แต่เฉินชิ่งร้อนใจไม่แพ้กัน
เหล่าวังตั้งสติพร้อมถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หมอกัดฟันอธิบายผลการวินิจฉัยอีกรอบหนึ่ง พอบอกถึงแค่ตอนแนะนำให้พักรักษาขณะใช้งานข้อมือไม่ได้ อาจารย์ฉีก็ร้องไห้ออกมาทันที
อาจารย์ใหญ่ซุนวิงเวียนศีรษะ ฟ้าดินหมุนติ้ว เขายืนไม่ไหวแล้ว
“ชนได้อย่างไร ฉันควรส่งบัตรเข้าสอบไปให้เธอ...”
การที่เซี่ยเสี่ยวหลานมาโรงเรียนเพื่อรับบัตรประจำตัวเข้าสอบคือกระบวนการที่เลี่ยงไม่ได้ คนอื่นไม่รู้ว่าเธอ ‘เคย’ ร่วมสอบเกาเข่าเสียหน่อย อาจารย์ในโรงเรียนย่อมต้องอธิบายข้อควรระวังของการสอบเกาเข่า พูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลาน สำรวจว่าเธอรู้สึกประหม่าหรือไม่ และช่วยเธอผ่อนคลายความกดดัน
ทว่าสิ่งเ่าั้ไม่สำคัญนะสิ!
อาจารย์ใหญ่ซุนเสียใจเหลือคณานับ คิดว่าการทำงานของเขาบกพร่อง
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้าเรียบเฉย เดาไม่ออกว่าในใจกำลังคิดอะไร อาจารย์ใหญ่ซุนยืนยันอาการาเ็ของเธอกับหมอซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลั้นความผิดหวังและหนักใจไว้ อีกทั้งต้องปลอบเซี่ยเสี่ยวหลาน “์จะมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้ใคร ย่อมมอบบททดสอบกายใจให้คนนั้นก่อน นักเรียนเสี่ยวหลาน... พวกเราสอบใหม่อีกทีในปีหน้าเถอะ”
เฮ้อ นักเรียนเสี่ยวหลานะเืใจมากพอแล้ว พวกเขายังร้องขออะไรได้?
ต่อให้ตอนนี้จะเสียใจเพียงใด ก็ห้ามพูดจาไม่รื่นหูกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเด็ดขาด
เหล่าวังและอาจารย์ฉีกลับมาอยู่ในสภาวะเดิม อาจารย์ฉีเช็ดน้ำตา เธอฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้ม
“เรียoอีกหนึ่งปี พอพื้นฐานวิชาภาษาจีนของเธอแข็งแรงหน่อย คะแนนสอบจะเพิ่มมากขึ้น!”
เรียนซ้ำชั้นสามารถทำคะแนนให้มากกว่าเดิมได้หรือเปล่า
จริงๆ แล้วมันก็ไม่เสมอไป บางคนเรียนอีกหนึ่งปี คะแนนเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่วนบางคนเรียนเพิ่มอีกหนึ่งปี ทว่าเนื่องจากแรงกดดันและปัจจัยอื่น เช่น ประสิทธิภาพในการทำข้อสอบ สภาวะร่ายกายที่ไม่เหมาะสม เป็ต้น คะแนนที่ได้อาจน้อยกว่าก่อนเรียนซ้ำเสียอีก
ตอนนี้อาจารย์ฉีจำเป็ต้องพูดเฉพาะแง่ดีเท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงขยับข้อมืออยู่ อาจารย์ใหญ่ซุนถึงกับทนไม่ได้ เ้าหน้าที่หลายคนผลัดกันดูแลอาการาเ็ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ส่งสุ้มเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
นี่นักเรียนเสี่ยวหลานได้รับความกระทบกระเทือนทางใจขนานใหญ่ เริ่มทำร้ายตัวเองแล้วหรือ... เด็กคนนี้ประสบพบเจอแต่ความไม่ราบรื่นต่างๆ นานา สภาพแวดล้อมในครอบครัวเลวร้าย ทำไมถึงปล่อยให้เธอร่วมสอบเกาเข่าโดยสวัสดิภาพและมีอนาคตที่ดีไม่ได้กันนะ!
“คุณผู้หญิงเซี่ย...”
เก่อเจี้ยนโทษตนเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่พูดไม่จาแบบนี้ จิตใจของเขาหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนโตพันชั่งถ่วงไว้ ขอแค่เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า เขาจะกลับไปจัดการคนพวกนั้นโดยพลัน ไม่สิ เื่แบบนี้จะรอให้คุณผู้หญิงเซี่ยเอ่ยปากได้อย่างไร เขาควรไปจัดการด้วยตนเอง!
เก่อเจี้ยนหมุนตัวเตรียมออกไป เซี่ยเสี่ยวหลานขวดคิ้ว
“เก่อเจี้ยน หยุดก่อน!”
เมื่อสักครู่เธอเหม่อลอยเล็กน้อย เจอเื่ประเภทนี้เข้า เธอเองก็ร้อนรนเหมือนกัน
พอหลุดจากภวังค์ เธอพบว่าผู้ชายทุกคนภายในห้องนี้กำลังโศกเศร้า ส่วนผู้หญิงทุกคนกำลังร้องไห้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตัวเธอควรพูดอะไรบ้าง
“ครูใหญ่ ครูวัง พวกคุณครูอย่าเป็แบบนี้เลยค่ะ เมื่อครู่หนูเพิ่งลองคิดดู ถ้าจะเข้าร่วมเกาเข่าปีนี้ก็พอมีวิธีอยู่...”
ทุกคนมีท่าทีระมัดระวัง ลังเลที่จะพูด
เฮ้อ จะฝืนอะไรอีกเล่า ปีนี้คงไม่มีดวงคว้าอันดับหนึ่ง นักเรียนเสี่ยวหลานก็ช่างเข้าใจโลกยิ่งนัก กลับกันยังต้องปลอบใจพวกเขาด้วย
“เสี่ยวหลาน ฝืนตัวเองไม่ได้นะ การฝืนทำทั้งที่รู้ดีว่าเป็ไปไม่ได้ นี่มันไม่ใช่ทรหด... มันคือไม่ฉลาด!”
หากกระดูกฟื้นฟูได้ไม่ดี ไม่ใช่ว่ามือข้างขวานั่นจะพิการหรอกหรือ? ต่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยก็ไร้ประโยชน์ มหาวิทยาลัยเอาไว้สอบปีหน้าก็ได้ แต่ถ้าเสียมือไป จะส่งผลกระทบต่อชั่วชีวิตนี้ หญิงสาวหน้าตาสะสวย มือขวาดันพิการ นอกจากกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคต ก่อเกิดความไม่สะดวกต่างๆ ในชีวิต อาจมีผลต่อการหาคู่ครองด้วย!
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นว่าทุกคนล้วนคัดค้าน เธอฝืนยกมือของตนเองที่ได้รับาเ็ข้างนั้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
“หนูมีความคิดอย่างหนึ่งค่ะ จะสำเร็จหรือไม่ต้องถามคุณหมออีกที”