หลังจากที่ลู่ซีอธิบายออกมาให้ฟังอย่างละเอียด เย่ชิงหานจึงได้เข้าใจว่าความมหัศจรรย์ลึกล้ำของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ที่ตนเองััรับรู้ได้นั้นสุดยอดมากมายเพียงใด
าาแห่งการหลบหนี!
ไม่!
เย่ชิงหานรู้สึกยินดีขึ้นมาภายในใจ สำหรับผู้ที่มีพลังฝีมือในระดับเดียวกัน แน่นอนว่าตนเองไม่ได้เก่งกาจเพียงแค่การหลบหนีได้อย่างไร้เทียมทานเพียงเท่านั้น แต่ยังมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรของตนเองที่ไร้คู่ต่อกรอีกด้วยเช่นกัน ถ้าหากทำการฝึกฝนความลึกล้ำมหัศจรรย์ของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ชนิดนี้ต่อไปจนสามารถใช้คำนวณรูปแบบการเคลื่อนที่และความถี่แรงกระเพื่อมของการโจมตีของศัตรูได้เต็มร้อยส่วนละก็ ถึงเวลานั้นต่อหน้าผู้มีพลังฝีมือในระดับเดียวกันตนเองก็จะกลายเป็ผู้ไร้เทียมทานทั้งพลังการโจมตีและพลังป้องกันอย่างแท้จริง!
ผู้มีพลังฝีมือในระดับเดียวกันไม่สามารถโจมตีถูกตนเองได้ แต่ในทางตรงกันข้ามตนเองกลับสามารถอาศัยวิชาต่อสู้ร่างอสูรสังหารศัตรูได้ในพริบตา อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ร่างกายของเย่ชิงหานสั่นเทิ้มขึ้นอย่างไม่อาจจะบังคับได้ ลูกกระเดือกกลืนน้ำลายลงคออย่างต่อเนื่อง จิตใจของเขาในตอนนี้เกิดอารมณ์ซับซ้อนขึ้นมาเป็อย่างมาก ในที่สุดตนเองก็สามารถกลับไปยังตระกูลและประกาศก้องออกมาอย่างเต็มเสียงได้แล้วว่า นายน้อยใหญ่ลำดับเจ็ดของตระกูลหวนกลับมาแล้ว นายน้อยใหญ่ลำดับเจ็ดของตระกูลหวนกลับมาแล้ว...
เขายังสามารถเดินไปยังตระกูลเยว่อย่างองอาจผ่าเผยแล้วบอกกับตระกูลเยว่ว่าการตัดสินใจของพวกเขาในตอนนั้นถูกต้องมากมายเพียงใด เขาสามารถไปที่เมืองหมันเพื่อบอกกับเถ้าแก่เนี้ยได้อีกว่าผู้ชายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งมากมายเพียงใด เขาสามารถบอกกับเย่ชิงอู่ได้แล้วว่าตนเองสามารถรับผิดชอบต่อนางได้อย่างเต็มที่แล้ว เขาสามารถบอกกับน้องสาวที่ดูอ่อนแอและบอบบางผู้นั้นได้แล้วว่า ในที่สุดตนเองก็สามารถปกป้องนางได้ตลอดชั่วชีวิตแล้ว
.................................
ทำการพักผ่อนอยู่เป็เวลาสามวัน เย่ชิงหานพยายามทำจิตใจของตนเองให้สงบลงและทำความคุ้นเคยกับพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ไม่มีเวลามาสนใจทดลองความสามารถในการเหาะลอยบนอากาศที่พลังฟ้าดินมอบให้เมื่อบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เขาตัดสินใจรีบท้าประลองเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ ถูกขังอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพมาเกือบจะสี่ปีแล้ว ภายในใจของเขาร้อนรนอยากที่จะออกไปจากที่แห่งนี้เต็มทีแล้ว อยากที่จะออกไปสู่ทวีปัเพลิง อยากที่จะกลับไปยังตระกูลเย่
“ท่านผู้าุโ! ข้าขอท้าประลองกับท่านอย่างเป็ทางการ!” เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่ชิงหานประสานมือแล้วกล่าวขึ้นต่อลู่ซี
ลู่ซียิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดขึ้น “เข้ามาเลย!”
ความจริงแล้วเขารู้ว่าเย่ชิงหานสามารถเอาชนะเขาที่ปรับลดระดับพลังฝีมือลงมาในตอนนี้ได้ แต่กฎกติกาก็คือกฎกติกาเพราะในตอนนั้นเขาได้กล่าวคำสาบานโลหิตแห่งเทพต่อหน้าท่านเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพ ถ้าหากเขาละเมิดกฎกติกาที่ท่านเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพที่ได้กำหนดขึ้นมาละก็ จะถูกพลังกฎเกณฑ์จบชีวิตอย่างไร้ปรานี
“อืม...ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน!”
ใบหน้าเย่ชิงหานเริ่มเคร่งขรึมขึ้นในทันที ดวงตาทอประกายแสงเร่าร้อนออกมา มือถือกริชัเขียวพร้อมกับร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง “รวมร่างสัตว์อสูร!”
เขารีบรวมร่างสัตว์อสูรขึ้นโดยทันที เสี่ยวเฮยปรากฏตัวออกมาครั้งแรกหลังจากหลับใหลเป็เวลาหนึ่งปี เงาร่างเล็กๆ ของมันกลายเป็เงาเลือนรางมุดหายกลับเข้าไปภายในร่างของเย่ชิงหาน วินาทีต่อมาพลังภายในร่างของเย่ชิงหานพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หางตาปรากฏรูปรอยสักที่มีเสน่ห์แปลกประหลาดลึกลับขึ้นมา
“เปลี่ยนรูปย้ายเงา!”
ร่างของเย่ชิงหานเลือนหายไปในทันที จากนั้นปรากฏออกมาเป็ระยะๆ ภายในห้องโถงใหญ่ ดวงตาไม่สามารถจับรูปแบบทิศทางการเคลื่อนที่ของเงาร่างได้โดยสิ้นเชิง แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังมุ่งตรงเข้ามาหาลู่ซีอย่างไม่ต้องสงสัย
“เฮ้อ!”
ลู่ซีร้องตวาดออกมาพร้อมกับร่างที่มีม่านพลังแสงลานตาออกมาห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นในเวลาเดียวกันเขาเริ่มเหาะลอยขึ้นจากพื้นพร้อมกับมือที่เริ่มฟาดฟันพลังแสงรูปกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนออกมารอบๆ ร่างกายทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างสะเปะสะปะไร้ระเรียบแบบแผน
“ฉลาดมาก!”
เย่ชิงหานร้องสรรเสริญออกมาครั้งหนึ่งภายในใจ ลู่ซีใช้วิธีการรับมือกับคู่ต่อสู้อย่างง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลู่ซีรู้ถึงไพ่ตายที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้จึงไม่ให้เขาเข้าไปประชิดตัว เช่นนี้วิชาต่อสู้ร่างอสูรก็จะทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากลู่ซีสามารถประคองสถานการณ์ให้เป็อยู่ในลักษณะนี้ได้ถึงหนึ่งเดือนละก็ ผลการต่อสู้ของทั้งเขาและลู่ซีก็จะออกมาเสมอกัน เสมอก็หมายความว่าเย่ชิงหานล้มเหลวเพราะเงื่อนไขในการผ่านด่านคือต้องเอาชนะลู่ซีให้ได้เพียงเท่านั้น
แม้ลู่ซีจะปรับลดระดับพลังปราณรบลงมาอยู่ระดับขั้นที่สองขอบเขตาาจักรพรรดิ แต่เขากลับไม่กลัวว่าพลังปราณรบของเขาจะหมดแม้แต่น้อย ขอแค่ยืนหยัดอยู่เช่นนี้อีกหนึ่งเดือนก็พอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ จากนั้นเขาก็จะสามารถฟื้นคืนพลังระดับเทพของเขาเช่นเดิม พลังปราณรบระดับขั้นที่สองขอบเขตาาจักรพรรดิที่สูญเสียไปนี้สำหรับเขาแทบจะไม่มองอยู่ในสายตา
ฟิ้วๆ!
เงาร่างของเย่ชิงหานปรากฏออกมาและเลือนหายไปเป็ระยะๆ ทำการหลบหลีกพลังแสงรูปกระบี่ที่ลู่ซีฟันออกมาอย่างมั่วซั่วไร้ระเบียบนั้นพร้อมกับครุ่นคิดหาหนทางแก้อยู่ภายในใจ
“ไม่มีทางเลือกแล้ว คงต้องยอมาเ็เพื่อแลกกับการโจมเข้าใส่แล้ว!” ผ่านไปเนิ่นนาน เย่ชิงหานคิดไปคิดมาก็ยังหาทางแก้ไขสถานการณ์ยากลำบากที่กำลังเผชิญอยู่ไม่ได้ ด้วยความจำใจจึงต้องฝืนโจมตีเข้าไปเพียงเท่านั้น
ตอนนี้ระดับพลังฝีมือของเขาอยู่ที่ระดับแรกขอบเขตาาจักรพรรดิ หลังจากรวมร่วงสัตว์อสูรพลังฝีมือของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับขั้นที่สามขอบเขตาาจักรพรรดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังิญญาบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่อาศัยสนามพลังป้องกันพลังแสงรูปกระบี่จากนั้นค่อยๆ เดินเข้าไปเพื่อใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูร
“ต้องเดินหน้าต่อไป!”
เย่ชิงหานกัดฟันเดินหน้าต่อไป แสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นทั่วร่างจากนั้นทำการห่อหุ้มเป็ม่านพลังครอบขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มพุ่งเข้าหาลู่ซีอย่างต่อเนื่อง
“แหะๆ!” ลู่ซีรู้ั้แ่แรกแล้วว่าสุดท้ายเย่ชิงหานจะต้องเลือกฝืนบังคับเข้ามาโจมตี ดังนั้นสองมือจึงทำการฟาดฟันพลังแสงรูปกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหนึ่งเท่าตัว ทำให้ทิศทางที่เย่ชิงหานพุ่งเข้ามานั้นพลังแสงรูปกระบี่หนาแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“สนามพลังช่วยข้าป้องกันเอาไว้ให้ได้! พลังหลอนสั่นคลอนิญญา!”
เย่ชิงหานไม่สนใจ เบิกตากว้างขึ้นพร้อมกับร้องคำรามออกมาครั้งหนึ่ง ในเวลาเดียวกันพลังแสงสีม่วงลึกลับสายหนึ่งส่องสว่างขึ้นแล้วปกคลุมไปยัง้าศีรษะของลู่ซีโดยทันที
ปัง! ปัง! ปัง...!
เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้นนับไม่ถ้วน สนามพลังของเย่ชิงหานถูกโจมตีจนพังทลายลงในฉับพลัน ด้านหลังยังมีพลังแสงรูปกระบี่อีกหลายระลอกที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาหาเขา เย่ชิงหานกัดฟันขึ้นร่างกายเคลื่อนไหวในรูปแบบที่แปลกประหลาดเร่งความเร็วมุ่งตรงไปด้านหน้ามากยิ่งขึ้น
ฉับ! ฉับ!
ก่อนที่ร่างของเย่ชิงหานจะเลือนหายไป พลังแสงรูปกระบี่หลายสายแทงผ่านร่างของเขาไปพร้อมกับสายเืที่พุ่งออกมากลางอากาศ วินาทีต่อมาเย่ชิงหานปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลู่ซีพร้อมด้วยใบหน้าที่ขาวซีดเผือดราวกับหิมะ ลำตัวและแขนขาล้วนเต็มไปด้วยเืและรูาแ
“ท่านผู้าุโ ข้าชนะแล้ว!”
กริชในมือของเย่ชิงหานตวัดกรีดลงไปยังบริเวณลำคอของลู่ซีอย่างแ่เบา ในขณะที่ดวงตาของเขาหลับลงไปเนื่องจากสติที่หลุดลอย จากนั้นบริเวณลำคอพลันปรากฏรอยเืจางๆ ขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นเทิ้มขึ้น เืสดๆ คำหนึ่งไหลออกมาจากมุมปากของเย่ชิงหาน จากนั้นร่างกายของเขาเริ่มร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
“เอ่ออ...”
ลู่ซีเมื่อได้สติกลับมารู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ปรากฏขึ้นบริเวณลำคอ สีหน้าอาการแสดงออกมาราวกับผู้ที่เห็นผีฉันนั้น ดวงตาที่เล็กเรียวขยายใหญ่กลมโตขึ้นมามองดูร่างของเย่ชิงหานกำลังร่วงหล่นลงไปกระแทกกับพื้นเบื้องล่าง เขารีบยื่นแขนออกไปรับร่างของเย่ชิงหานเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“เ้าหนู เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น? เ้าสามารถทำให้ข้าตกอยู่ในห้วงของภาพลวงตาได้ถึงหนึ่งวินาที! เ้าเกือบจะฆ่าข้าแล้วไหมล่ะ!”
เขารู้มาตลอดว่าเย่ชิงหานมีสัตว์อสูรตัวหนึ่ง และรู้ว่าหลังจากที่เย่ชิงหานรวมร่างสัตว์อสูรแล้วพลังฝีมือจะเพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก รู้ว่าเย่ชิงหานเก็บซ่อนไพ่ตายเอาไว้ และรู้ว่าเย่ชิงหานสามารถเอาชนะเขาได้ แต่คิดว่าถึงอย่างน้อยก็น่าจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดสักรอบอย่างแน่นอน แต่ที่ไหนได้เพียงแค่ประมือกันแค่ครั้งเดียวตนเองก็ถูกทำให้มึนงงซึ่งถือว่าสังหารเขาได้ในพริบตาเลยก็ว่าได้ เช่นนี้จะไม่ทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริด จะไม่ทำให้เขารู้สึกกลัวได้อย่างไรกัน? ซึ่งเมื่อสักครู่ถ้าหากเย่ชิงหานตวัดกริชกรีดลงมายังลำคอของเขาเพื่อสังหารจริงๆ รับรองได้ว่าเขาคงได้ซี้แหงแก๋ไปนานแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้