บทที่ 158 หลังจากชนะ
บนลานประลอง มีร่างหนึ่งโดนอัดติดกำแพงหินที่แตกเป็เสี่ยงๆ
พร้อมกับเสียง “แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก” หินกรวดก็ลอยล่องในอากาศ ทำให้ดูพร่ามัว เต็มไปด้วยฝุ่นควัน
โม่ซิวซึ่งเคยเย่อหยิ่งและบ้าอำนาจ ตอนนี้ถูกอัดติดอยู่ในกำแพงหินก่อนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นโดยมีเืไหลออกจากมุมปาก มีาแจากกระบี่แสนสะดุดตาคาบนอกกว้างพร้อมทั้งเืที่กระเซ็นพวยพุ่งไม่หยุด
เมื่อมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าแม้นายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่จะได้รับาเ็สาหัสจนหมดสติ และมีาแบนหน้าผาก แต่เขาก็ยังไม่อาจหลับตา
โม่ซิวจับจ้องไปยังเวทีประลองขนาดใหญ่พร้อมตาที่เบิกโพลง ราวกับกำลังบอกถึงความไม่เต็มใจและไม่ยอมรับในความอัปยศอดสูนี้
แค่คิดก็รู้ ว่าการโขกหัวของฉู่อวิ๋นนั้น ทำให้เขาใแค่ไหน
อัจฉริยะผู้เย่อหยิ่งคนนี้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพลาดท่าและพ่ายแพ้ต่อการโขกหัวของอันธพาลคนป่า
นี่มันน่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว!
น่าเสียดายที่การประลองก็เป็เช่นนี้ ผู้ชนะคือาา ผู้แพ้คือโจร ไม่ว่าในอดีตโม่ซิวจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาพ่ายแพ้ นี่คือข้อเท็จจริงที่รู้กันโดยทั่ว
ในขณะนี้ เมื่อโม่ซิวหมดสติไป ทั้งลานประลองก็ตกอยู่ในความเงียบงันจนแทบจะหายใจไม่ออก
ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก เมียงมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่อยู่ทางซ้าย เขายืนหยัดอย่างภาคภูมิใจบนเวที และเดินไปหาโม่ซิวที่อยู่ทางขวา ซึ่งถูกอัดติดกับกำแพง พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
การประลองเพิ่งเริ่มเข้มข้นขึ้น ฉู่อวิ๋นก็กำลังจะถูกกระบวนท่าแสนร้ายกาจสังหาร แต่ตอนนี้... สถานการณ์การต่อสู้กลับพลิกผัน!
ทุกคนขยี้ตาจนแทบถลน คิดว่าพวกเขาคงตื่นตระหนกไปเอง แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีประลองก็เป็เ้าเด็กป่าที่สวมหน้ากากจริงๆ!
“อืม... เยี่ยมมาก! เด็กป่าคนนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงการประลองกระบี่ แต่ยามคับขันภัยถึงตัวก็ยอมสู้สุดชีวิตว่ายทวนกระแสน้ำรอดตายมาได้ สุดยอดจริงๆ!”
ณ มุมใดมุมหนึ่งในลานประลองยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีประสบการณ์ได้วิเคราะห์และเอ่ยชื่นชมจนเกินจะบรรยาย
“สมกับที่เป็คนป่า เมื่อกี้นี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาหัวไปโขกให้โม่ซิวมึนงง เขาก็คงไม่อาจใช้ทักษะฝ่ามือนั่นมาสยบโม่ซิวกับร่างแยกจนชนะการประลองนี้ได้หรอก”
“ไม่ผิด โม่ซิวคนนั้นก็ประมาทเกินไป ไม่เช่นนั้น ด้วยข้อได้เปรียบของเขาเมื่อครู่นี้ คงค่อยๆ ฆ่าฉู่อวิ๋นได้ ไอ้หนุ่มเอ๋ย วู่วามเกินไปแล้ว”
“ฮ่าๆ สิ่งที่สหายนักพรตพูดก็ถูก และข้าว่าวิธีของอวิ๋นชูเองก็พบแสงไม่ได้[1]ยังกับเด็กๆ ทะเลาะกัน โขกหัวเนี่ยนะ... ไร้สาระสิ้นดี”
“โอ สหายนักพรตท่านนี้ผิดแล้ว การประลองยุทธ์จะมีกฎเกณฑ์มากมายขนาดนั้นได้อย่างไร? ชนะก็คือชนะ นอกจากนี้ การโขกหัวไม่ใช่ทักษะยุทธ์หรือ? มันเป็ทักษะยุทธ์แบบดั้งเดิมด้วยซ้ำ!”
“นี่ๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว ทักษะการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ เพราะคงเป็ไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะหลบกระบี่ร่ำสังหารได้เป็ครั้งที่สอง แต่เขาทำได้”
ในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนกำลังคุยกัน พวกเขาถกเถียงกันเื่การต่อสู้เมื่อครู่นี้จนหน้าแดง ใกล้จะลงมือกันแล้ว
เหล่านี้คือปรมาจารย์ยุทธ์ที่มายังลานประลองยุทธ์เพื่อชมการแข่งขัน พวกเขาล้วนเป็กลุ่มผู้าุโที่มารวมตัวกันเพื่อดูการต่อสู้ ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเกิดการประลองที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ขึ้น
เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้าอันดุเดือดระหว่างฉู่อวิ๋นและโม่ซิวนั้น ล้วนถูกกลุ่มคนาุโเหล่านี้จับจ้องอย่างเมามันั้แ่แรกแล้ว
คนส่วนใหญ่ชื่นชมฝีมือและความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นเป็อย่างมาก ผู้าุโบางคนที่สนใจจะรับเขาเป็ศิษย์ก็ไม่น้อย คิดใช้ลูกไม้หนีไปปลดเบาเพื่อไปพบฉู่อวิ๋น
คนป่าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณมีพร์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ แม้ไม่เคยได้ฝึกฝน ถ้าฝากตัวเป็ศิษย์ ก็เท่ากับว่าหยิบหยกไร้ตำหนิขึ้นมาได้!
ในเวลาเดียวกัน ลานขนาดใหญ่ก็ปะทุพลุ่งพล่าน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือ
ที่นั่งแน่นขนัด เสียงกระหึ่มราวคลื่นั์ดังไปทั่วเวทีประลอง
“หน้ากากมืดอวิ๋นชู!”
“หน้ากากมืดอวิ๋นชู!”
ฝูงชนโหมกระหน่ำ ทุกคนต่างกระตือรือร้น ร่วมกันเรียกฉายาของฉู่อวิ๋นจนดังลั่น
บางกลุ่มที่กินแตง[2]พลางรับชมก็ตกตะลึง ด้วยไม่รู้ว่าฉู่อวิ๋นเอาชนะโม่ซิวได้อย่างไร ต่างสับสนจนมึนงง
แค่ข้อเท็จจริงเดียวที่ได้รับมาก็เพียงพอแล้ว
ฉู่อวิ๋นชนะ!
ด้วยการฝึกฝนของเขาที่ระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เขาชนะห้ารอบติดต่อกัน เอาชนะผู้แข็งแกร่งที่สุดรอบแล้วรอบเล่า และในที่สุดก็รอดชีวิตจากสถานการณ์ที่วิกฤต โดยเอาชนะพร์รุ่นเยาว์ที่เรียกว่า “คนเหล็กแห้งห้าั” ได้!
เขาไม่เผยถึงที่มา เต็มไปด้วยความลึกลับ แต่มีความสามารถและทรงพลัง และในที่สุดก็ได้รับตำแหน่งผู้ชนะการประชันห้าั!
ผู้คนต่างตื่นเต้น ใ และโห่ร้องกันไม่หยุด ขณะเดียวกัน ต่างก็จ้องมองฉู่อวิ๋นด้วยแววตาประหลาดใจ อยากรู้อยากเห็นจนตาเป็ประกาย
เขาคือใคร? เขาสวมหน้ากากคริสตัลสีดำบนใบหน้าและสามารถต่อสู้ข้ามห้าระดับได้ เป็อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ ทำลายสถิติของการประชันห้าั ทั้งยังโดดเด่นยิ่งกว่าซิวหลัวหน้าผี
เด็กสาวหลายคนโปรยเสน่ห์และขยิบตาให้ฉู่อวิ๋น เด็กหนุ่มผู้มากฝีมือเช่นนี้ อนาคตย่อมรุ่งโรจน์ เป็หนึ่งในใต้หล้าแน่นอน
ผู้แข็งแกร่งบางคนพยักหน้าช้าๆ ภายนอกดูสงบนิ่ง แต่ภายในกลับไม่อาจนิ่งนอนใจ ต่างก็กำลังคิดที่จะชักชวนผูกมิตรกับฉู่อวิ๋น
นี่คืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สามารถต่อสู้ข้ามห้าระดับได้ ที่ระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ!
หากให้เวลาสักหน่อย เขาคงจะทลาย์ได้เลยหรือ?
“ก็แค่ชนะการประชันห้าัไม่ใช่หรือ? ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นหรอก” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจอย่างไม่ใส่ใจ
ยามนี้ เสียงะโดังขึ้นอย่างล้นหลาม ส่งเสียงหึ่งๆ จนหนวกหู ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกเวียนหัวจนแทบจะยืนไม่อยู่
เขาเพิ่งโขกหัวกับโม่ซิวมา ย่อมได้แผลกลับมาบ้าง เืสดๆ ยังคงไหลลงมาตามกรอบหน้า
แม้แต่หน้ากากคริสตัลสีดำก็ถูกกระแทกจนเกิดรอยร้าวลึก ใครๆ ก็จินตนาการได้ว่าพลังนั้นน่ากลัวแค่ไหน ไม่เช่นนั้น มันจะทำให้โม่ซิวมึนงงไปชั่วขณะได้อย่างไร?
“เ้าหนู คราวนี้เ้าโชคดี หากโม่ซิวป้องกันหัวตัวเองได้ทัน เ้าคงตายไปแล้ว”
โยวกู่จืออธิบายด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ยังเงียบขรึม เขารู้ว่าฉู่อวิ๋นเอาชนะไม่ได้ เพราะไม่สามารถใช้กระบวนท่ากระบี่ได้เลย ทำได้เพียงใช้ปราณกระบี่ต่อกรเท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่า ชัยชนะของฉู่อวิ๋นในครั้งนี้ เป็เพราะโชคช่วย
หากไม่ใช่เพราะอารมณ์ที่เย่อหยิ่งของโม่ซิว ฉู่อวิ๋นคงไม่อาจเอาชนะนักรบระดับห้าขั้นมหาสมุทรที่ทรงพลังได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“ไม่ว่าอย่างไร ชนะก็คือชนะ ฮิๆ... อึก…”
ขณะที่พูด ภาพตรงหน้าของฉู่อวิ๋นก็มืดลง เขารู้สึกเวียนหัวอย่างหนัก มีอาการคลื่นไส้ ใช้กระบี่ปักพื้นเพื่อพยุงตัวทันที
“ดูเหมือนจะใช้หัวค้อนแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว ฆ่าศัตรูนับพัน สูญเสียแปดร้อย…” ฉู่อวิ๋นยิ้มอย่างขมขื่น
แน่นอนว่า หลายๆ คนไม่ทันสังเกตเห็นฉากนี้ ในสายตาของพวกเขา ฉู่อวิ๋นโดดเด่นยิ่งนัก พวกเขาอยากจะร้องเพลงสรรเสริญทั้งวันคืน เพราะนี่คือการทำลายสถิติที่แสนอัศจรรย์
“ฮ่าๆ คุณชายอวิ๋นเป็อัจฉริยะจริงๆ ท่านพี่ เราเสียหินิญญาไปเยอะเลย”
เสวี่ยหรูเยียนหัวเราะเสียงดัง น้ำเสียงของนางฟังดูปลดปลง แม้แต่คนตาบอดก็ยังเห็นว่าสีหน้าของนางดูพอใจและมีความสุขมาก
ราวกับว่าชัยชนะของฉู่อวิ๋น ก็เป็ของนางเช่นกัน
“โม่ซิวคนนี้ประมาทเกินไป แต่จอมยุทธ์อวิ๋นเองก็ไม่เลว หินิญญาแค่หมื่นก้อน พี่ยังพอจะเสียให้ได้” เสวี่ยหานเฟยหรี่ตามองและหัวเราะเบาๆ พลางโบกพัดขนนกในมือ
อันที่จริง เขาไม่ยินยอมใจสักเท่าใดนัก เห็นๆ อยู่ว่าฉู่อวิ๋นชนะเพราะโชคช่วย นี่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ในเวลาเดียวกัน เสวี่ยหานเฟยก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะฉู่อวิ๋นเป็ผู้ฝึกกระบี่ แต่เหตุใดกลับไม่เคยเห็นเขาแสดงกระบวนท่ากระบี่เลย?
หรือว่าอวิ๋นชูคนนี้จะมาจากตระกูลคนป่าจริงๆ และตระกูลของเขาก็ไม่มีมรดกกระบี่เลย?
ขณะนี้ ผู้ชมทั้งหลายล้วนนั่งอยู่ที่โต๊ะ บางคนมีความสุข และบางคนก็เศร้า
มองเห็นร่างกายอันบอบบางของฉู่ซินเหยาสั่นเล็กน้อย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล กัดริมฝีปากแน่น ถ้านางไม่อ่อนแอ ป่านนี้คงกัดจนปากเป็แผลไปแล้ว
ในลานประลองที่อึกทึก นางคล้ายจะเป็คนเดียวที่มองเห็นฉู่อวิ๋นที่ใกล้จะหมดสตินอนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น นางเห็นว่าเขาเ็ปมาก
“นี่... คุณชายคนป่าคนนั้นดูไม่ค่อยดีนัก ทำไมถึงไม่ให้เขาลงจากเวทีไปพักผ่อนล่ะ?”
ในที่สุด ฉู่ซินเหยาก็อดไม่ได้ นางพยายามระงับอารมณ์อย่างเต็มที่ และพูดกับคนของจวนเสวี่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“คุณหนูฉู่ไม่ต้องกังวล อวิ๋นชูของข้าแข็งแกร่งที่สุด เขาจะเป็ลมไปได้อย่างไร?” เสวี่ยหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูตื่นเต้นมาก ราวกับว่าฉู่อวิ๋นกลายเป็ครอบครัวของนางไปแล้วจริงๆ
หญิงจากตระกูลเสวี่ยคนนี้ไร้สาระยิ่งนัก นางไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของฉู่อวิ๋นเลย
“จอมยุทธ์อวิ๋นผ่านการประลองถึงห้ารอบติดต่อกัน กรรมการยังไม่ได้ตัดสินอะไร ทุกคนดูตื่นเต้นมาก ข้าเองก็คิดว่าควรจะปล่อยให้เขาสนุกไปกับเสียงโห่ร้อง ฮ่าๆ”
เสวี่ยหานเฟยรับคำและบอกฉู่ซินเหยาว่าไม่ต้องกังวล เขาเองก็ไม่ได้รักชอบฉู่อวิ๋นมากนัก ดังนั้นย่อมไม่สนใจชีวิตเป็ตายของอีกฝ่ายสักเท่าใด
เมื่อฉู่ซินเหยาได้ยินสิ่งที่พี่น้องตระกูลเสวี่ยพูด ใจของนางก็แข็งค้าง คนเหล่านี้คือใคร? หน้าเนื้อใจเสือยิ่งนัก เอาแต่อ้างว่าฉู่อวิ๋นเป็หนึ่งในครอบครัว แต่ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเขาด้วยซ้ำ?
ความรู้สึกเป็เกียรติ? เสียงโห่ะโ? ของพวกนี้มีประโยชน์อันใด? ฉู่ซินเหยาแค่อยากพาฉู่อวิ๋นออกไป รักษาาแบนหน้าผากเขา ดูแลเขา และรักเขา
ในขณะเดียวกัน ด้านล่างเวทีประลอง ผู้หญิงขี้เมาคนหนึ่งยืนโซเซพลางขมวดคิ้ว
“คนประหลาดสวมหน้ากากคนนี้ดูคุ้นเคยยิ่ง…” มู่หรงซินมองร่างของ “อวิ๋นชู” บนเวที ดวงตาของนางพร่ามัว ราวกับว่ามีเงาอีกร่างทับซ้อนขึ้นมา
ทันใดนั้น มู่หรงซินก็เรอออกมาอีกครั้งอย่างประหลาดใจ
“ดูเหมือนว่าเ้าคนประหลาดสวมหน้ากากจะาเ็นะ…”
ทันทีที่พูดจบ มู่หรงซินก็เผยแววตาโกรธและไม่พอใจอย่างมากออกมา
นางเดินสองสามก้าวไปที่ด้านข้างโต๊ะกรรมการ ตบมือบนโต๊ะแล้วะโว่า “ใครเป็คนรับผิดชอบที่นี่?! เ้าคนประหลาดสวมหน้ากากนั่นแข่งเสร็จแล้ว ก็ควรจะประกาศจบแล้วให้เขาพักไม่ใช่หรือ?!”
“อ๊ะ เ้าคนขี้เมามาจากไหนกัน?...”
“แม่นางน้อย อย่าสร้างปัญหาให้เราเลย ตอนนี้คนดูตื่นเต้นมาก ทำไมเราไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ต่ออีกสักหน่อยเล่า?”
ผู้ตัดสินาุโกลุ่มหนึ่งใเพราะมู่หรงซิน ก่อนจะพยายามเกลี้ยกล่อมนาง นี่เป็่เวลาทำลายสถิติ พวกเขาจึงอยากยืดเวลาออกไป
“ยืดบ้าอะไรอีกเ้าพวกโง่?!”
“พลังของเ้าคนประหลาดนั่นจะหมดอยู่รอมร่อแล้ว!”
“ถ้าพวกเ้าไม่ประกาศผลแล้วปล่อยเขาลงมา ข้าจะคว่ำโต๊ะกรรมการของพวกเ้าเสีย!”
“แล้วอย่ามาหาว่าคุณหนูเช่นข้าไม่เคารพผู้ใหญ่เชียว! ข้ากล้าพูดกล้าทำ เอิ้ก~”
มู่หรงซินตบโต๊ะอีกครั้ง นางชี้นิ้วขึ้นฟ้าและลงดินคล้ายเป็ท่านป้าที่ตามด่าคนตามถนน กลิ่นสุราทำให้ชายชราเหล่านี้ต้องบีบจมูกด้วยทำอะไรไม่ถูก
ในท้ายที่สุด ผู้าุโทุกคนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากถอนหายใจและสัญญากับท่านป้าเ้ากรรมคนนี้ เตรียมจะประกาศผลการแข่งขัน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้สึกได้ว่าฉู่อวิ๋นาเ็สาหัสจริงๆ และจำเป็ต้องไปพัก
ในเวลาเดียวกัน ณ มุมใดมุมหนึ่งในลานประลองยุทธ์ ซิวหลัวหน้าผีดูตื่นเต้นและเฝ้ารอ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าราวกับว่ามีแผนการในใจ
-----------
[1] แปลว่า มีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่
[2] มองดูความสนุก