“ท่าน...ท่านเ้าสำนัก ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?” ข่าถูถึงกับพูดอย่างตะกุกตะกัก...
ขณะนั้นทั้งเชียนหยวนจิ้นและคนอื่นๆ รวมถึงข้าต่างก็ตกตะลึงอย่าบอกนะว่าตาแก่หน้าเหี่ยวคนนี้คือ ฉื่อเสี่ยนที่เป็ถึงเ้าสำนักหมื่นิญญา!?
เมื่อข้าคิดได้แบบนี้ก็มึนงงไปหมดเขาคือเหล่าฉื่อที่อยู่ในโรงเกลากระบี่ไม่ใช่หรือไง?
เป็ถึงเ้าสำนักหมื่นิญญาซ้ำยังเป็หนึ่งในห้าอันดับแรกของเทพศาสตราวุธของสหพันธ์แต่กลับยอมคลุกตัวอยู่ในโรงเกลากระบี่ คนแบบนี้มันแปลกประหลาดชะมัด!
ฉื่อเสี่ยนปรายตามองข่าถูพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ฮึ!เ้ามันช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะถูกเล่นงานจนหมอบเร็วขนาดนี้...เ้าไม่กลัวขายขี้หน้าคนของสำนักหมื่นิญญาของข้าหรือไงกัน? นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าเอาชาชั้นดีมาส่งให้ข้าเป็ถังๆทุกปี ข้าเองก็ี้เีจะเข้ามาช่วยเ้าเหมือนกันนั่นแหละ!”
ข่าถูที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกระดากใจจนความอวดดีก่อนหน้ามันหายไปจนหมด
และในตอนนี้ฉื่อเสี่ยนก็หันมามองข้าแล้วพูดขึ้น “เ้าก็เหมือนกันวันๆ เอาแต่ไปตรงนั้นทีไปตรงนี้ที ทำให้ข้าต้องคอยติดตามไปด้วยตลอดทั้งตอนนี้ยังมีสมุนอย่างพวกหมาป่าอีกต่างหาก!”
ข้าได้ยินแล้วถึงกับพูดไม่ออก และงงงวยไปพร้อมๆ กัน...
เขาดูออกว่าข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรจึงพูดต่อ“เป็เพราะพี่สาวของเ้าไม่สบายใจดังนั้นเมื่อเ้าเข้ามาในหุบเขาหลิงหยุนข้าก็เลยต้องเข้ามาด้วย ฮึ!”
ขณะที่คนหนึ่งกำลังยืนซื่ออ้าปากค้างอย่างนายกองเจิ้งหยางก็ถามอย่างสงสัย“ท่าน...ท่านผู้าุโ พี่สาวของเ้าเด็กนี่เป็ใครอย่างนั้นหรือขอรับ?”
ฉื่อเสี่ยนถลึงตาใส่ก่อนจะพูดขึ้น “เ้าเด็กนี่ชื่อปู้อี้เชวียนพี่สาวของเขาชื่อปู้เสวียนยิน เ้าเคยได้ยินชื่อนี้ไหมล่ะ?”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเจิ้งหยางก็ซีดลงทันทีที่เมืองหลินเสี่ยเฉิงมีคนเคยพูดเอาไว้ว่า ‘ยอมเป็ศัตรูกับถังอานหลีดีกว่าเป็ศัตรูกับปู้เสวียนยิน’ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รู้ว่าพี่เสวียนยินมีชื่อเสียงและพลังอำนาจสูงกว่าเ้าเมืองด้วยซ้ำ!
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ทราบว่าท่านผู้าุโคือ?...” เว่ยฉือเป้าถามอย่างสงสัย
ฉื่อเสี่ยนยิ้มบาง ก่อนจะตอบกลับ“ตาแก่อย่างข้าก็คือเ้าสำนักหมื่นิญญาตัวจริงเสียงจริงและยังเป็หมาแก่ของพวกเ้าด้วยอย่างไรล่ะ!”
“มิได้ มิได้...ท่านผู้าุโ ก่อนหน้านี้เป็เพราะพวกข้ามีตาหามีแววไม่ขอท่านาุโโปรดอย่าได้โมโหไปเลย ท่านเป็ถึงจอมยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดของคนปากสุนัขรุ่นหลังอย่างพวกข้าหรอก ใช่ไหมขอรับ?”
“ไม่ใช่”
ฉื่อเสี่ยนยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ที่บอกว่าพวกเ้าเป็สุนัขนั่นก็ไม่ผิดแต่เื่คิดเล็กคิดน้อยข้าไม่พลาดอยู่แล้ว พวกเ้าด่าข้าเป็หมาแก่ไม่เป็ไรแต่นึกไม่ถึงว่าพวกเ้าจะคิดแย่งโสมโลหิตสามพันปีแท่งนี้ไปจากข้าทำแบบนี้มันไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือไง? ข้าทนเห็นคนอื่นคิดแย่งโสมโลหิตไปจากข้าไม่ได้หรอกนะ!”
ในตอนนี้เองเจิ้งหยางจึงพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมถ่อมตน“ท่านผู้าุโขอรับเื่นี้เป็การเข้าใจผิดกันล้วนๆ...ทางกองทหารเือินทรีอย่างพวกเรากับสำนักหมื่นิญญาต่างคนต่างอยู่มาโดยตลอดจึงไม่จำเป็จะต้องมาผิดใจกันเพราะเื่แบบนี้ ข้าว่าเราจบกันไปเพียงเท่านี้ดีกว่านะขอรับข้าน้อยเองก็ต้องขอตัวก่อน...”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะเดินไปแต่ฉือเสี่ยนก็เรียกไว้เสียก่อน
“ข้าอนุญาตให้เ้าไปได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
คำพูดเรียบๆของฉื่อเสี่ยนทำให้เจิ้งหยางเหมือนกำลังตกลงไปในขุมนรกที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
“ไม่ทราบว่าท่านาุโมีอะไรจะสั่งสอนอย่างนั้นหรือขอรับ? ข้าน้อยยินดีรับฟังทุกประการ”
“ข้าไม่ได้จะอบรมสั่งสอนอะไร”
ฉื่อเสี่ยนกระตุกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมา“แต่ว่าข้าได้คอยสืบสาวเื่ราวการตายของถานหลินซึ่งเป็ศิษย์ในสำนักหมื่นิญญาคนหนึ่งกว่าครึ่งปีจนมีเบาะแสใหม่พบว่าข้างศพของเขามีสิ่งนี้ตกอยู่!”
ว่าแล้วเขาก็แบมือออกเผยให้เห็นตราสัญลักษณ์ของกองทหารเือินทรีที่จะมีแต่นายกองเท่านั้นที่สามารถพกติดตัวได้และถึงแม้ว่ามันจะมีสนิมเกรอะแต่ยังสามารถบ่งบอกได้ว่าเป็ของนายกองอย่างเจิ้งหยางนั่นเอง
“นี่มัน...”
สีหน้าของเจิ้งหยางซีดขาวลงกว่าเดิมก่อนจะรีบพูดขึ้น“ข้าน้อยสาบานได้ว่าไม่ใช่ฝีมือของกองทหารเือินทรีแน่นอนขอรับ!ขอท่านาุโผู้ปราดเปรื่องโปรดให้ความเป็ธรรมกับข้าด้วยข้าสาบานด้วยชื่อเสียงและเกียรติยศของข้าได้เลยว่าไม่ใช่ฝีมือของคนในกองทหารเือินทรีอย่างแน่นอนขอรับขอท่านาุโได้โปรดเชื่อข้าด้วยเถิด!”
เขายังพูดไม่ทันจบก็กางมือออกแล้วทำท่าเหมือนกรงเล็บของเหยี่ยวก่อนจะพุ่งเข้ามายังคอของฉื่อเสี่ยน
ถึงแม้เจิ้งหยางจะลอบทำร้ายแต่ฉื่อเสี่ยนกลับยืนนิ่งไม่ไหวติงชนิดที่ว่าไม่หลบหลีกเลยแม้แต่นิดเดียวร่างกายของเขาเกิดสนามพลังอันกล้าแกร่งพุ่งขึ้นมาและนึกไม่ถึงว่าจะเป็พลังของัพันศิลา!
ทั้งที่เป็เพียงวิชาลมหายใจัขั้นที่สองแต่กลับมีพลังที่หนักแน่นน่าเกรงขามดุจูเาสูงใหญ่
ตั้ง!!
พอนิ้วของเจิ้งหยางกระทบเข้ากับพลังจนแตกออกและมีเืกระเซ็นออกมาจึงได้รู้ว่าพลังของเขาและฉื่อเสี่ยนต่างกันเพียงใดเมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงรีบหันหลังแล้วะโขึ้นไปบนยอดไม้หมายจะหลบหนี
“คิดหนีอย่างนั้นเหรอ?”
ฉื่อเสี่ยนยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือซ้ายออกพริบตาเดียวพลังก็แผ่ออกมาอย่างมหาศาลจนได้ยินเสียงคำรามของัออกมาด้วยนิ้วทั้งห้ากางออกราวกับกรงเล็บของั ก่อนจะเผยให้เห็นพลังเป็รูปเป็ร่างจับตัวของเจิ้งหยางเอาไว้เพื่อไม่ให้หลบหนีไปไหนได้
นี่มันวิชากรงเล็บั วรยุทธ์ขั้นสูงประจำตระกูลของฉื่อเสี่ยน!
พวกเราต่างก็ตกตะลึงกันจนนิ่งไม่ไหวติง
แค่พริบตาเดียวพลังของกรงเล็บัก็แผ่ซ่านพลังอันน่าเกรงขามออกมามากกว่าเดิมจนไม่อยากจะละสายตาความน่าเกรงขามและพลังของัที่แข็งแกร่งปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้เจิ้งหยางหมดโอกาสจะต่อต้านใดๆ
“คนที่บังอาจสังหารศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาอย่างเ้ามันสมควรตาย!!”
พอฉื่อเสี่ยนพูดจบก็มีเสียงะเิดังขึ้นมาตรงปลายยอดไม้นั้น ร่างของเจิ้งหยางแตกสลายกลายเป็ผุยผงอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ร้องออกมาเลยสักนิด
“ส่วนพวกเ้า...”
ฉื่อเสี่ยนหันมาพูดกับสามพี่น้องตระกูลเว่ยฉือด้วยแววตาเยือกเย็น
เว่ยฉื่อหลงถึงกับผวาในน้ำเสียงก่อนจะพูดขึ้น “ท่านผู้าุโ...พวกข้า...พวกข้าไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลยนะขอรับ!”
“ฆ่าพวกบริสุทธิ์หรือเปล่าข้าไม่รู้แต่พวกเ้ากล้ามายุ่งกับคนของสำนักหมื่นิญญาดังนั้นข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเ้าไปทำความชั่วอีกเด็ดขาด” ฉื่อเสี่ยนกางมือออกก่อนพลังของกรงเล็บัจะปรากฏอีกครั้งแล้วพูดขึ้นเสียงเข้ม“ข้าจะทำลายปราณิญญาของพวกเ้าซะ!”
ตูม! ตูม! ตูม!เสียงดังขึ้นติดต่อกันสามครั้งเหมือนประทัดก่อนร่างกายของทั้งสามจะอ่อนยวบลงไปร่างที่เต็มไปด้วยเืล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแม้จะยังไม่ตายแต่การบำเพ็ญทั้งหมดก็สูญสิ้นจนหมด ถึงแม้ฉื่อเสี่ยนจะใจดีไม่ฆ่าพวกมันทั้งสามแต่การกลายเป็คนธรรมดาในหุบเขาหลิงหยุนคงไม่มีทางมีชีวิตรอดออกไปอยู่ดี
...
“ช้าก่อน ข้าบอกให้พวกเ้าไปได้แล้วเหรอ?” ขณะที่สามนักฆ่ากำลังจะคลานออกไปฉื่อเสี่ยนก็พูดรั้งเอาไว้เสียก่อน
“ท่านเทพศาสตราวุธ...พวกข้า...พวกข้าถูกท่านทำลายพลังไปจนหมดแล้วท่าน...ท่านยังมีอะไรจะสั่งอีกอย่างนั้นหรือขอรับ?” เว่ยฉือหลงถามขึ้นด้วยความสงสัยและหวาดกลัวพี่น้องอีกสองคนนั้นก็ไม่ต่างกัน
ฉื่อเสี่ยนเอามือไพล่หลังก่อนจะพูดขึ้น“พวกเ้าเอาของของพวกข้าไปแล้วคิดจะหนีไปดื้อๆ แบบนั้นหรือ?”
“อ๋อ...อ๋อ...”
เว่ยฉือหลงและอีกสองคนต่างพยักหน้ารับรู้แล้วรีบนำอาวุธิญญาและสมุนไพรของเชวียนหยวนจิ้นและคนอื่นๆคืนออกมาโยนลงบนพื้น ซึ่งของพวกนี้เสมือนเนื้อชั้นดีที่หลอกล่อฝูงหมาป่าเข้ามาเพราะถึงแม้ฉื่อเสี่ยนไม่ฆ่าพวกมันแต่ถ้าผู้ฝึกฝนิญญาคนอื่นเห็นของพวกนี้แล้วละก็ จุดจบคงไม่ต่างกันอยู่ดี...
“ทั้งหมดอยู่นี่แล้วขอรับ...ทีนี้พวกข้าจะไปได้หรือยังขอรับท่านเทพศาสตราวุธ?” เว่ยฉือหลงพูดเสียงสั่น
ฉื่อเสี่ยนหันมามองข้าก่อนจะถามขึ้น “ปู้อี้เชวียนเ้าล่ะว่าอย่างไร?”
ข้าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบไป“ตอนนี้พวกมันต่างก็กลายเป็พวกไร้น้ำยา ที่ไม่น่าจะมีโอกาสรอดออกไปจากที่นี่ได้แต่ข้าก็มีข้อเสนอดีๆ ให้อย่างหนึ่ง”
“ท่านจอมยุทธ์น้อยว่ามาเลยขอรับ ว่ามาเลย!”
ข้ายิ้มอ่อนก่อนจะพูดขึ้น“ข้าจะรับจ้างโดยการพาพวกเ้าออกไปจากหุบเขาหลิงหยุนแห่งนี้แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเ้ามีความซื่อสัตย์มากพอหรือเปล่า...”
“ท่านจอมยุทธ์ยอมให้พวกข้ามีชีวิตรอดออกไปจากหุบเขาหลิงหยุนจริงๆหรือขอรับ!?”
เว่ยฉือหลงว่าพลางมองด้วยแววตาเป็ประกาย ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น“ถ้าเกิดเป็แบบนั้นจริงท่านจอมยุทธ์น้อยก็เป็เหมือนพ่อผู้ให้ชีวิตแก่พวกข้าอีกครั้งเลยล่ะขอรับ!”
ข้าได้ยินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เว่ยฉือหลงรีบล้วงเข้าไปในเสื้อเพื่อนำรากของพืชชนิดหนึ่งออกมาซึ่งมันมีแสงสีครามอ่อนๆ ส่องประกายออกมา “นี่คือรากไผ่หินที่มีอายุเจ็ดสิบปีอย่างน้อยๆ ก็น่าจะขายได้ถึงสองแสนเหรียญหลงหลิงเป็อย่างต่ำข้า...ข้าไม่อยากได้มันแล้ว! แต่ไม่รู้ว่าท่านจอมยุทธ์น้อยจะรับมันไว้ได้หรือเปล่าถือว่าเป็สิ่งตอบแทนที่ท่านพาพวกเราออกไปจากหุบเขาแห่งนี้แล้วกันนะขอรับ”
ข้าหรี่ตามองเขาเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเหมือนเดิม
ส่วนเว่ยฉือหูก็รีบถอดกำไลที่ข้อมือของตัวเองออกมาก่อนจะพูดขึ้น“ท่านจอมยุทธ์น้อย นี่คือกำไลกระดูกเสือ อาวุธิญญาระดับเงินเมื่อสวมใส่แล้วจะทำให้พลังิญญาเพิ่มขึ้นไม่น้อย ขอ...ขอให้ท่านรับไว้ด้วยเถอะขอรับ!”
เว่ยฉือเป้าซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเืพูดขึ้นเช่นกัน“ท่านจอมยุทธ์น้อย ข้าเองก็มีเหมือนกันขอรับ ถึงแม้กระบี่สยบัเล่มนี้จะเป็เพียงอาวุธิญญาระดับเงินแต่ก็มีพลังมหาศาลเพียงแค่ท่านกวัดแกว่งมันออกไปเพียงครั้งเดียวก็จะทำให้คู่ต่อสู้มีอันตรายถึงชีวิตขอให้ท่านจอมยุทธ์น้อยโปรดรับไว้ด้วยเถอะขอรับ ถือว่าเป็ของเล็กๆ น้อยๆ ของข้าและก็ยังมีบัตรเครดิตของพวกเราสามพี่น้องที่มีเงินอยู่ทั้งหมดสามสิบล้านเหรียญหลงหลิงรหัสคือ 123321 เป็ของที่ท่านจอมยุทธ์จะต้องรับไว้ด้วยนะขอรับ!”
เว่ยฉือหลงพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่กลัวว่าข้าจะเปลี่ยนคำพูดเพราะคำพูดของข้าสามารถทำให้ฉื่อเสี่ยนเปลี่ยนใจได้เลยทีเดียว “ท่านจอมยุทธ์น้อยพวกเราต่างก็เป็ลูกมีพ่อมีแม่เหมือนๆ กัน ได้โปรดไว้ชีวิตพวกข้าด้วยเถอะขอรับข้าสาบานเลยว่าถ้าออกไปได้พวกข้าจะเป็คนดี...”
ข้าปรายตามองพวกนั้นเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“พวกเ้าถูกทำลายพลังและการบำเพ็ญไปขนาดนี้แล้ว พอออกไปก็ต้องทำตัวดีๆไม่อย่างนั้นทั้งข้าและสำนักหมื่นิญญาไม่มีทางปล่อยพวกเ้าไว้แน่ส่วนเื่ของตอบแทนของพวกเ้า...ข้าจะรับไว้ก็แล้วกันพรุ่งนี้เช้าก็เตรียมตัวออกจากหุบเขาพร้อมกับพวกข้า”
“ขอรับ ขอบคุณท่านจอมยุทธ์น้อยที่ให้พวกข้าได้มีชีวิตต่อไปอีกครั้งพวกข้าจะจำฝังใจไว้อย่างดีเลยขอรับ!”
ฮึๆ จำฝังใจอย่างนั้นเหรอ? ขอแค่วันใดที่พวกมันได้รับพลังกลับมาอีกครั้งและไม่กลับมาฆ่าข้าก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้วล่ะ!
...
หลังจากจัดการเื่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉื่อเสี่ยนก็นั่งลงข้างข้าแล้ววางถุงอันหนักอึ้งใบนั้นลงแล้วปรายตามองข้าพักหนึ่ง“เ้าาเ็ตรงไหนหรือเปล่า?”
“เหมือน...จะไม่มี”ข้านึกดูแล้วเมื่อกี้นอกจากจะคอยสั่งการพวกหมาป่าเพื่อนรักพวกนั้นแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้ลงมืออะไรเลยด้วยซ้ำแต่ก็น่าเสียดายที่หมาป่าพวกนั้นต้องมาตายอย่างรวดเร็วแบบนี้...
“ไม่เป็อะไรก็ดี พี่สาวของเ้าจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับข้าอีก”
เขาว่าแล้วเริ่มค้นสมุนไพรในกระเป๋าซึ่งก็เป็อย่างที่พวกนั้นว่าจริงๆ เพราะข้าเห็นโสมโลหิตที่มันกลายเป็สีทองท่อนอวบอิ่มพร้อมกับพลังิญญาก็แผ่ซ่านออกทั่วสารทิศนึกไม่ถึงว่าเป็แค่โสมโลหิตท่อนหนึ่งแต่กลับมีพลังมากมายขนาดนี้ เป็ของดีจริงๆด้วยสินะ!
ข้าพูดขึ้นบ้าง “ท่านเ้าสำนักฉื่อ ท่านกะจะเอาโสมโลหิตนี่ไปทำอะไร?”
เขาได้ยินจึงหันมามองข้าอย่างระมัดระวังตัว“อย่าบอกนะว่าเ้าก็คิดจะแย่งโสมโลหิตของข้าเหมือนกัน?”
“เปล่า ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”
เขาทำตาโตแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ก็ดีแล้วล่ะ...เพราะการบำเพ็ญของเ้าตอนนี้ถึงจะกินเข้าไปก็ดูดซึมพลังของมันไม่ได้อยู่ดีเพียงแค่กัดลงไปคำเล็กๆ โสมโลหิตก็จะทำให้ปราณิญญาในตัวเ้าะเิและการบำเพ็ญจะกลับกลายเป็ศูนย์ ฉะนั้น...ถ้ากินแล้วไม่มีประโยชน์เ้าก็อย่าคิดจะแย่งมันไปจากข้าเชียวและอีกอย่างข้าก็เป็คนแก่ที่ขึ้นเขาลงห้วยไปหามันด้วยตัวเองและจะให้เ้าง่ายๆ ได้อย่างไรถึงจะเป็ปู้เสวียนยินเอ่ยปากขอด้วยตัวเองข้าก็ไม่ให้”
ข้าถึงกับหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น “เอาน่าข้าไม่ได้ละโมบขนาดนั้นสักหน่อย แต่ข้าก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เป็ถึงเ้าสำนักอย่างท่านถึงออกมาเที่ยวเล่นไปไหนมาไหนได้แล้วทิ้งงานในสำนักไว้ให้พี่สาวข้าจัดการล่ะ?”
เขาได้ยินแล้วจึงตอบด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความคับแค้นใจ “เมื่อครั้งที่ข้าตัดสินใจประลองกับพี่สาวเ้าเพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็เ้าสำนักแต่สุดท้าย...”
“ท่านแพ้เหรอ?”
“จะเป็ไปได้ยังไง ข้ามีพลังกรงเล็บัที่ไม่มีใครสามารถสู้ได้พี่เ้าก็แค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นจะมาสู้กับกรงเล็บัของข้าได้ยังไง!?”
ข้าได้ยินแล้วจึงพูดด้วยความสงสัย“แต่ว่า...ถ้าเคยดูการจัดลำดับเทพศาสตราวุธ พี่เสวียนยินอยู่ในลำดับที่สองแต่ท่านอยู่ในลำดับที่ห้า ท่านชนะพี่สาวข้าได้จริงๆ เหรอ?”
ฉื่อเสี่ยนถึงกับหน้าแดงก่อนจะพูดขึ้น“การประลองก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็ธรรมดาถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะข้านอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงและโรคเบาหวานกำเริบก็คงไม่มีทางแพ้ให้นางอย่างแน่นอนแต่จะว่าไปแล้วนางก็ถือเป็คู่ต่อสู้ที่ฝีมือไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ข้าต้องยอมรับเลยว่าสำหรับจอมยุทธ์ที่อยู่ในอันดับเทพศาสตราทุกคนแล้วข้ายอมให้นางคนเดียวเลยจริงๆ”
“อย่างนั้นเหรอ? แล้วพวกท่านประลองกันกี่กระบวนท่าถึงรู้ผลแพ้ชนะล่ะ?”
“เ้าเด็กนี่! เ้าจะถามอะไรนักหนา!?” เขาเริ่มอารมณ์ร้อนขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ“ถ้ายังมัวถามเื่อะไรไร้สาระแบบนี้อีกข้าจะทิ้งให้กลับสำนักคนเดียวนะให้สัตว์ิญญาระดับหกพวกนั้นเป็เพื่อนเ้าไปก็แล้วกัน!”
ข้ายิ้มเขินๆ ก่อนจะพูดขึ้น “อย่าเพิ่งโกรธไปสิท่านรองเ้าสำนักข้าไม่ถามแล้วก็ได้...อืม ดูเหมือนโสมโลหิตอายุแปดร้อยปีของท่านก็ดูไม่เลวเหมือนกันนี่น่า”
“เอาไปสิ!”
“ว้าว ท่านเ้าสำนักนี่ช่างใจดีจริงๆ เลยแล้วอันนี้เป็จินตานระดับไหนกันล่ะขอรับ?”
“ระดับเจ็ด เอาไป!”
“ข้ารู้สึกเกรงใจท่านจริงๆ เลย...”
ข้าช่วยเขาแบ่งประเภทของพวกนั้นไปพลางเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไปพลางพอมองออกไปก็เห็นว่าทั้งเชวียนหยวนจิ้น ไอลาและคนอื่นๆต่างก็ยืนมองอ้าปากค้างเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาเพราะคนที่กล้าพูดกับท่านเ้าสำนักด้วยท่าทางแบบนี้คงจะมีแต่ข้าคนเดียว
ซึ่งข้าก็ไม่ได้ละโมบโลภมากจึงเก็บแค่โสมโลหิตแท่งหนึ่งและจินตานอีกหนึ่งลูกเท่านั้นโสมโลหิตเป็สิ่งจำเป็สำหรับการบำเพ็ญของข้าในตอนนี้ส่วนจินตานระดับเจ็ดก็สามารถเอาไปให้จ้าวห้าวเพื่อช่วยในการบำเพ็ญได้เหมือนกันเพราะถึงแม้เขาจะดูมีพละกำลังมหาศาลแต่จริงๆแล้วก็เป็แค่คุณชายกำมะลอที่บ้านไม่ได้มีฐานะเท่าไร อย่าว่าแต่จินตานระดับเจ็ดอันนี้เลยขนาดสมุนไพรสำหรับฝึกฝนและบำเพ็ญต่างๆยังต้องประหยัดของกินเพื่อนำเงินไปซื้อของพวกนั้นมาด้วยซ้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้