่นี้เซี่ยเจิงและชวีเสี่ยวปอล้วนค่อนข้างที่จะยุ่งด้วยกันทั้งคู่
เดิมที่เวลาที่ถือว่าเป็เดทสั้นๆ หลังเลิกเรียนของเขาทั้งสองคนก็ยังถูกงานนักร้องในร้านเหล้าของเซี่ยเจิงกินเวลาไปแล้วหนี่งชั่วโมง เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ซือจวิ้นมาเล่นเกมที่บ้านชวีเสี่ยวปอ ชวีเสี่ยวปอจึงพูดบ่นออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
แต่ทว่าซือจวิ้นกลับกดมือถือเล่น และในทุกๆ สามสิบวินาทีก็จะตอบขึ้นมาหนึ่งคำว่า “อืม” “ใช่” “เป็อย่างนี้เลย” “นายพูดถูก” “แล้วยังไงต่อ” นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีคำพูดที่มีประโยชน์เลยสักประโยคเดียว
ชวีเสี่ยวปอขยับมืออย่างรวดเร็ว และแล้วในหน้าจอก็แสดงขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าเขาถูกคนยิงจนล้มลงมากับพื้นเป็ที่เรียบร้อย เมื่อชวีเสี่ยวปอมองขึ้นไปยังภาพบนหน้าจอ เขาก็ขว้างจอยสติ๊กทิ้งด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็ยื่นขาไปเตะซือจวิ้นทีหนึ่ง : “นายมานี่เพื่อพูดเชียร์เขาหรือไง? โดนครูคนนั้นจ้างให้มาพูดเชียร์ในทอล์กโชว์แล้วเหรอฮะ? ”
“เปล่าๆ เปล่าๆ โถ่เอ๊ย” ซือจวิ้นที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นดูไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากมองขึ้นไปบนหน้าจอก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า : “ปอเอ๋อร์ แพ้เกมแล้วก็ไม่เป็ไร มา เดี๋ยวฉันเล่นเป็เพื่อนอีกรอบ”
“ไม่มีอารมณ์ ไม่อยากเล่นแล้ว” ชวีเสี่ยวปอที่นั่งอยู่บนพื้นเอนหลังพิงไปกับเตียงพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้น เนื่องจากเขานั่งอยู่ในท่าเดิมเป็เวลานาน จึงทำให้มีเสียงกระดูกลั่นขึ้นมา “เมื่อกี้นายได้ฟังหรือเปล่าว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง? ”
“มา ช่างเบอร์ห้ามาบริการให้คุณแล้ว” ซือจวิ้นขยับเข้าไปใกล้ บีบนวดต้นคอของชวีเสี่ยวปออย่างเอาใจ พลางหัวเราะขึ้นมาสองครั้ง “ฟังแล้วๆ ก็เมื่อกี้ฉันคุยกับสาวอยู่ นายรู้ไหมว่าผู้หญิงอะ ถ้านายไม่ตอบเธอกลับไปภายในสามสิบวินาที เธอก็จะบล็อกนายไปสามวันสามคืน แล้วก็ขอเลิกเลย”
“ใคร” ชวีเสี่ยวปอหันหน้าไปมองเขา “ทำไมฉันจำได้ว่าคนที่นายจีบก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้สนใจนายสักเท่าไหร่เลยไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมตอนนี้กลับไปคุยอีกแล้วล่ะ? ”
“พอเลย” ซือจวิ้นเพิ่มน้ำหนักมือให้แรงขึ้น แล้วใช้น้ำเสียงที่ประมาณว่า “ความหลังทำได้เพียงแค่คิดถึง” พูดขึ้นมา : “คนที่นายพูดถึงเป็อดีตไปแล้ว คนนี้เป็รุ่นน้องมอสี่ที่เต้นแอโรบิกต่างหาก”
“ให้ตายสิ นายมีความเป็คนหน่อยเถอะ” ชวีเสี่ยวปอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าภายในระยะเวลาอันสั้น โลกความรักของซือจวิ้นจะโดดเด่นแพรวพราวขึ้นมาได้มากถึงเพียงนี้
“ไม่มีความเป็คนตรงไหน? ” ซือจวิ้นจบ่เวลาของการบริการลง ขยับข้อมือเล็กน้อย แล้วจึงลงจากเตียงมานั่งขัดสมาธิข้างๆ ชวีเสี่ยวปอ “เธอมาขอเบอร์ฉันก่อนหรอกนะ เธอชมว่าฉันเล่นบาสเก่ง นายอย่าคิดว่าตัวเองเปิดไฟกับเซี่ยเจิงได้ แล้วจะมาไม่อนุญาตให้ฉันเปิดไฟกับรุ่นน้องนะ”
“นายสิเหมือนไฟ” ทันทีที่ชวีเสี่ยวปอได้ยินชื่อของเซี่ยเจิงเขาก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง “อย่ามาพูดถึงเขาให้ฉันได้ยิน”
“ให้ตายสิ? เป็อะไรไป? ไม่ใช่มั้ง” ในที่สุดซือจวิ้นก็รู้สึกได้แล้วว่าชวีเสี่ยวปอมีบางอย่างผิดปกติไป จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างรู้สึกประหลาดใจ “นายทะเลาะกับเซี่ยเจิงเหรอ? ”
“ไม่ได้ทะเลาะ” ชวีเสี่ยวปอบีบปลายนิ้วสลับกันไปมา “ฉันแค่รำคาญ”
“ให้ตายสิ ยังจะมาบอกว่าไม่ได้ทะเลาะอีก? ” ซือจวิ้นทำเสียงจิ๊ปากออกมาสองครั้ง “นายเคยรำคาญเซี่ยเจิงที่ไหนกันล่ะ ว่าแต่นายสองคนทะเลาะกันเป็ด้วยเหรอเนี่ย? ”
“เราสองคนทำไมจะทะเลาะกันไม่ได้ฮะ? ” ชวีเสี่ยวปอถามกลับไป
“ไม่ใช่ ก็นายสองคนรักกันหวานฉ่ำดูดดื่มแแ่มาตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนฉันเห็นนายสองคนนะ ในหัวของฉันก็มีเพลงวันนี้เธอต้องแต่งกับฉันดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติตลอดเลย” ซือจวิ้นพยายามคิดขัดเกลาคำพูดออกมา หลังจากพูดจบก็แทบจะรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที “นายสองคนทะเลาะกันเป็ด้วย? ”
“บอกแล้วไง ไม่ได้ทะเลาะ” ชวีเสี่ยวปอพูดเน้นขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“ให้ตายสิ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ซือจวิ้นะเิหัวเราะออกมาอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่สงบลงมาเล็กน้อยก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พร้อมกันนั้นมือก็ชี้ไปยังชวีเสี่ยวปอสองครั้งพลางเอ่ยขึ้นว่า : “ปอเอ๋อร์ ให้ฉันถ่ายรูปท่าทางตอนนี้ของนายเอาไว้หน่อยไหม ที่แท้นายก็มี่เวลานี้กับเขาด้วย? ”
ชวีเสี่ยวปอลูบใบหน้าตัวเองสองที ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมา “ถ่ายบ้านนายสิ ฉันทำไมฮะ? ”
“หญิงสาวผู้คับแค้นใจที่เ็ปจากความรัก” ซือจวิ้นอธิบายอย่างถูกต้องแม่นยำ “ตอนนี้นายเป็แบบนั้นเลย มา เล่าให้ฉันฟังหน่อย เซี่ยเจิงไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้ทำให้นายโกรธขนาดนี้”
“ฉันก็แค่...” ชวีเสี่ยวปอเบิกตากว้างจ้องมองซือจวิ้น ในขณะที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็หญิงสาวผู้คับแค้นใจจริงหรือเปล่า ถ้าเป็เช่นนั้นเซี่ยเจิงก็คงจะก่อกรรมเอาไว้ไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ยังกำลังเรียบเรียงคำพูดไปด้วย “นายรู้ใช่ไหมว่าเซี่ยเจิงมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ั้แ่แรกอยู่แล้ว? ”
“ฮะ ไม่รู้” ซือจวิ้นผงะไปทันที
“ให้ตายเถอะ งั้นฉันจะบอกนายทำบ้าอะไรเนี่ย !” ชวีเสี่ยวปอกำลังจะะเิขึ้นมาแล้ว
“เฮ้! นายดูความหัวร้อนของตัวเองสิ” ซือจวิ้นรีบร้อนพูดขึ้นมา “ฉันไม่รู้นี่สิเป็เื่ปกติ เื่ส่วนตัวแบบนี้ก็ควรมีแค่นายที่รู้ไหม ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้แต่ตอนนี้รู้ไปแล้ว นายเล่าต่อเถอะ”
“ได้” ชวีเสี่ยวปอเองก็รู้สึกว่าท่าทีตอบโต้ของเขารุนแรงเกินไปหน่อย หลังจากหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง เขาจึงพูดต่อไปว่า : “เพราะงั้นนายว่าเขาจะไปชอบคนอื่นหรือเปล่า? ”
“อ๋า? ” ซือจวิ้นรู้สึกคิดไม่ตกขึ้นมาแล้ว “ตามทฤษฎีแล้ว บางทีอาจจะ...ไม่ใช่สิ นายถามคำถามนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี ตอนนี้เขาคบกับนายอยู่ไม่ใช่หรือไง? แล้วจะไปชอบคนอื่นได้ไงเล่า”
“......” ชวีเสี่ยวปอเงียบไปแล้ว
“หรือว่า นายเห็นเขามีแนวโน้มที่จะเป็แบบนั้น? ” ซือจวิ้นตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาอย่างกล้าหาญ
“......” ชวีเสี่ยวปอยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม
“ให้ตายสิ จริงเหรอเนี่ย? ” ซือจวิ้นะเิขึ้นมาแล้ว “เซี่ยเจิงไปมีคนอื่นจริงเหรอเนี่ย? ”
“อย่าพูดเพ้อเจ้อ” ชวีเสี่ยวปอส่ายหน้าไปมา
“บรรพบุรุษ นายนี่เป็บรรพบุรุษจริงๆ !” ซือจวิ้นกุมศีรษะอย่างร้อนใจ ั้แ่ที่เขารู้จักกับชวีเสี่ยวปอมา เขาไม่เคยเห็นชวีเสี่ยวปอมีท่าทางกังวลกับการได้มาและกลัวว่าจะต้องเสียไปเช่นนี้มาก่อนเลย ประเด็นสำคัญก็คือหลังจากที่ชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงคบกัน เขาสองคนมีความสุขกันมาโดยตลอด แต่ถ้าหากมีเื่อะไรเกิดขึ้นมาจริงๆ เขาซึ่งเป็คนดูอยู่ข้างๆ ก็พลอยจะไม่สบายใจตามไปด้วย “นายพูดมาสิ! นายจะอัดอั้นเก็บเอาไว้ทำไม”
เื่มันเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
งานร้องเพลงในร้านเหล้าของเซี่ยเจิงก็ราบรื่นเป็ปกติดี แต่ประเด็นมันอยู่ที่ “เขาร้องเพลงดี ลูกค้าหลายคนเลยตามเขามาที่นี่” นี่คือคำพูดเดิมของเถ้าแก่หน้าหนวดคนนั้น ชวีเสี่ยวปอตามเซี่ยเจิงไปอยู่หลายครั้ง เถ้าแก่แกก็ใจกว้างมาก ทุกครั้งที่ชวีเสี่ยวปอไปเขาก็จะเอาเบียร์มาให้ดื่มฟรี ซึ่งเป็เช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนเขารู้สึกเกรงใจไม่กล้าไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทุกวันเขาก็ตัดสินใจไปใน่เวลาที่กระชั้นชิดขึ้นมาหน่อย ซึ่งเป็ประมาณตอนที่เซี่ยเจิงเหลืออีกแค่เพลงเดียวก็จะเลิกงาน ชวีเสี่ยวปอจะไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตูอย่างตรงเวลาทุกครั้ง
ในคืนวันศุกร์ ชวีเสี่ยวปอก็ยืนรออยู่ด้านนอกตามปกติเหมือนเช่นเคย ในวันนั้นอากาศไม่ดี มีลมพัดแรงตลอดทั้งวัน จึงทำให้ผู้คนบนถนนที่เป็แหล่งรวมร้านเหล้าน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทุกคนตรงนั้นก็เดินกันอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ ราวกับกลัวว่าทันทีที่เปิดปากพูดทรายจะกระเด็นเข้าไปจนเต็มปาก
ชวีเสี่ยวปอยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา ซึ่งเป็เวลาที่เขาควรจะออกมาแล้ว
แต่หลังจากรอไปห้านาทีแล้วห้านาทีเล่า จนกระทั่งนักร้องที่ร้องต่อจากเซี่ยเจิงเริ่มส่งเสียงขึ้น เซี่ยเจิงก็ยังคงไม่ออกมา
ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอจึงผลักประตูเปิดเข้าไปด้านใน
ในร้านเหล้าคนไม่ถึงกับเยอะสักเท่าไหร่ ดังนั้นชวีเสี่ยวปอจึงกวาดสายตามองไปคร่าวๆ และแล้วก็สามารถระบุตำแหน่งของเซี่ยเจิงได้อย่างแม่นยำ
ตรงโต๊ะที่อยู่ด้านข้างเวที นอกจากเซี่ยเจิงแล้ว ยังมีผู้ชายอีกสองคน ที่ดูเหมือนจะอายุไม่มากเท่าไหร่นัก ในขณะนั้นเซี่ยเจิงยกแก้วเหล้าขึ้นมา จากนั้นก็ชนเบาๆ ไปที่แก้วของผู้ชายหนึ่งคนในนั้น แล้วยกดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว