ในความทรงจำของอาจารย์ร่างบึ้ก น้อยคนเหลือเกินที่เมื่อได้รับเคล็ดวิชา ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ไปฝึกฝนเป็ครั้งแรกแล้วจักสมบูรณ์แบบเหมือนต้นฉบับชนิดถอดพิมพ์กันมาได้ขนาดนี้
เ่ิูผู้นี้ สมแล้วที่เป็ต้นกล้าซึ่งดอกไม้เพลิงแห่ง ‘คบเพลิงนักปราชญ์’ เบ่งบานทั้งเก้าดอก
อาจารย์นึกชื่นชมอยู่ในใจ เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องตาค้างและชะงักงันด้วยภาพที่เห็น
เพราะเ่ิูกำลังเลียนแบบรูปแบบที่สอง
ยังคงหมดจดหาใดเปรียบไม่ได้
เขารู้สึกถึงแม้กระทั่งกลิ่นอายดุร้ายบางเบาของพญางู ผังแผ่ออกมาจากร่างลูกศิษย์...
“นี่...ไม่ใช่แค่เลียนแบบแล้ว ยังมีเสน่ห์น่าเคลิบเคลิ้มอีก!”
อาจารย์ร่างกำยำเริ่มตระหนกในชั่วครู่นี้เอง
เ่ิูคงไม่ได้ศึกษา ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ นี้มาก่อนหรอกมั้ง? ถ้าไม่แล้วเขาทำได้อย่างไร...เห็นทีนี่แหละคือความน่ากลัวที่แท้จริงของคนผู้ทรงสติปัญญาระดับเก้า
ต่อมา ยามเริ่มฝึกท่าที่สาม ไม่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้น เ่ิูยังดึงดูดสายตาเพื่อนร่วมเรียนทุกคนจนอยู่หมัดอีกด้วย
สรรพางค์นั้นประหนึ่งอสรพิษ ขู่ต่ำๆ หรือจู่โจม กล้ามเนื้ออ่อนยวบราวไร้กระดูก ใน่เวลาอันคลุมเครือนั้น เขาเหมือนกลายร่างเป็งูไปแล้วจริงๆ คอยคืบคลานแผ่รังสีชวนเจ็บไข้อยู่เหนือพื้น
จวบจนเขาเริ่มบรรเลงท่าที่หก ทุกท่วงท่านั้นพลิ้วไหวดั่งสายน้ำ เหมือนฝึกปรือมามากจนคุ้นเคยถึงที่สุด!
“งูพิษพ่นฟอง!”
เ่ิูตวาดก้อง
ท่วงทำนองฝ่ามือพลันกำเนิดเสียงอึกทึกในอากาศ ดั่งว่ามีพญางูเหลือมพิษกำลังขู่ฟ่อ พ่นพิษร้ายแรงจู่โจมเหยื่อ จนต้องร้องขอความเมตตา
“งูเทพเปลี่ยนจันทร์!”
เ่ิูแสดงกระบวนท่าสุดท้าย
อาจารย์รูปลักษณ์บึกบึนตระหนกจนจวนจะกัดลิ้นตัวเองอยู่แล้ว
เขาสอนพื้นฐานการฝึกร่างกายอยู่สำนักกวางขาวมาก็เกือบสิบปี พบเจอเด็กแปลกมีพร์มาไม่น้อย ทว่าเ่ิูที่เห็นกระบวนท่าอสรพิษเพียงครั้งเดียวก็สามารถเรียนรู้ได้ดั่งทวยเทพประทานให้นี้ เขาไม่เคยพบเคยเห็น
ถ้าเกิดว่าเด็กคนนี้ไม่เคยร่ำเรียน ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ มาก่อนจริงๆ ล่ะก็ นับได้ว่าน่ากลัวยิ่งนัก มองครั้งเดียวคงจำยันวันตาย ปฏิภาณไหวพริบและเรี่ยวแรง ล้วนแล้วแต่ประหลาดเกินคนทั้งสิ้น
เด็กหนุ่มคนนี้ เกิดมาเพื่อวรยุทธ์จริงๆ
คนรุ่นราวคราวเดียวกันโดยรอบ ล้วนมองเ่ิูด้วยอารมณ์ปะปนกันไป ทั้งอิจฉา ริษยา พรั่นพรึง และบรรดาที่เคยเชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งกล้าใครก็สู้ไม่ไหว กลับพบว่าแค่ท่าแรกของ ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ก็ยังงมโข่งอยู่เลยด้วยซ้ำ ถ้าจะมาเปรียบเปรยกัน คงไม่ต้องพูดถึงผลแล้วกระมัง
อาจารย์ร่างล่ำสันกวาดตามองเด็กหนุ่ม เขาตะเบ็งเสียง “มัวมองอะไรอยู่ ไปฝึกเสีย คลำหาทางซะ มีตรงไหนไม่เข้าใจค่อยมาถามข้าพรุ่งนี้”
เหล่าศิษย์ตื่นจากภวังค์ พวกเขาถูกการกระทำของเ่ิูกระตุ้นเข้าให้ จึงเพียรฝึกฝนกันเป็บ้าเป็หลัง
เ่ิูแสดงท่าทั้งแปดของ ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ได้ครบถ้วนแล้ว เขารู้สึกเหมือนร่างถูกปกคลุมด้วยไอร้อนระอุ ภายในราวกับมีพลังร้อนเร่า้าอัดฉีดออกมา เืไหลเร็วและแรง
เขาหายใจช้าๆ เพื่อปรับสมดุลร่าง
หลังจากนั้นจึงเริ่มฝึกซ้อมรอบที่สอง
อาจารย์มิได้เอ่ยอะไรอีก เพียงแต่ยืนเฝ้ามองลูกศิษย์อยู่ข้างสนามอย่างเงียบๆ ราวกับกำลังกำกับดูแลการฝึกฝนของพวกเขา แต่เวลาส่วนใหญ่นั้นก็เอาแต่จดจ้องไปที่เ่ิู
ยิ่งสังเกตเท่าไร ยิ่งตื่นตระหนกมากเท่านั้น
ยามเ่ิูฝึกฝนเป็รอบที่ห้า อาจารย์ร่างกำยำก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้เข้าถึงแก่นแท้ของกระบวนท่าไปแล้ว เสมือนเป็จอมยุทธ์ที่ลอยตัวเกินวัยเดียวกัน ทุกอากัปกิริยา ทั้งการแสดงออกและเสน่ห์ ล้วนไร้ช่องโหว่ใดให้โจมตี
เื่ที่ไม่อาจมองข้ามได้ยิ่งกว่านั้นก็คือ เวลาเดียวกันกับที่เ่ิูฝึกปรือ ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ แสงอาทิตย์ฉาดฉายลงมา ตกกระทบผิวเนื้อของเด็กหนุ่ม ซึ่งเริ่มมลังเมลืองด้วยแสงทองอ่อนจาง
นั่นคือสัญลักษณ์ของการผ่านวรยุทธ์ระดับเขตหนัง!
ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขารู้สึกเหมือนความรู้และกฎเหล็กมากมายที่ตัวเองศรัทธาในโลกวรยุทธ์ ถูกคนๆ นี้ทำลายมันจนหมดสิ้น แค่ฝึกฝนเจ็ดครั้งก็สามารถผ่านระดับไปได้แล้วจริงๆ?
ให้ฟ้าผ่าตายเถอะ!
เป็ไปได้อย่างไรกัน?
นี่ไม่ใช่เื่ที่การเค้นสมองคิดจะอธิบายได้
แท้จริงแล้วเด็กยากจนคนนี้ มีความลับใดซ่อนอยู่กันแน่?
...
เ่ิูแสดงกระบวนท่าอสรพิษครั้งแล้วครั้งเล่า
หากตอนเริ่มร่างกายยังบีบรัดไม่ผ่อนคลาย ตอนนี้มันหายไปตามกระแสเวลา เขาขลุกกับกลวิธีพื้นฐานนี้มาจนรู้แกวหมดสิ้น
ตามการฝึกทั้งแปดท่าที่ยิ่งฝึกยิ่งคุ้นเคย ส่งผลให้ทุกส่วนของกายเขา ทุกอณูิั กระดูกทุกชิ้น กล้ามเนื้อทุกมัด สอดประสานกันกลมเกลียวด้วยผลจากกระบวนท่าอสรพิษทั้งแปด
ในร่างร้อนดั่งมีเปลวเพลิงแผดเผา อัคคีจากเดิมที่แอบซ่อนอยู่ในซอกหลืบ บัดนี้เริ่มออกอาละวาด
เ่ิูรู้สึกร่างกายร้อนขึ้น โลหิตเหมือนเดือดปุด มีพลังร้อนบางอย่างใคร่จะแทรกซึมออกมาทุกรูขุมขน
สมองของเขาปลอดโปร่งนัก
เขานึกถึงคำสอนไม่ถึงร้อยคำของอาจารย์ร่างองอาจเมื่อครู่ อธิบายถึงเื่โครงสร้างคร่าวๆ ของวรยุทธ์ เดิมทีก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับเริ่มแจ่มแจ้งขึ้นมาฉับพลัน การกระทำก็สัมพันธ์กันไร้ปัญหา
พลังร้อนอัศจรรย์ที่ฟุ้งขจายออกมาจากในร่าง ถูกสัญชาตญาณแต่กำเนิดและจิตสำนึกผนึกไว้
ความรู้สึกแปลกๆ ไหลเวียนตามกล้ามเนื้อ ก่อนกระจายไปทั่วร่าง
คือความสบายอกสบายใจอันน่าแปลกประหลาด นำมาซึ่งความตื่นเต้น
เ่ิูฝึกกระบวนท่าอสรพิษต่อไป
พอถึงเวลา เขาก็ถือวิสาสะไม่แสดงเรียงลำดับตามที่อาจารย์สอน แต่คละขั้นตอนสลับกันไปมา ทำตามใจเรียกร้อง แสดงมันออกมาด้วยเจตนาของตัวเอง
เวลาหมุนเวียนไปรวดเร็วเฉกเช่นหยาดเหงื่อพลิ้วไหวบนใบหน้า
เ่ิูเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองฝึกมากี่รอบแล้ว ความอ่อนล้าเริ่มจู่โจมเป็ระลอกเล็กระลอกน้อย เขาจึงหยุดทุกการกระทำของตัวเองลง จิติญญาของทุกคนถูกการฝึกปลุกปั่นให้ตื่น
“เอ่อ? พวกเ้า...เป็อะไรหรือ?”
เ่ิูเพิ่งรู้ตัวเอาตอนนี้ ว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนห้อมล้อมเขาเป็วงเล็ก มีอาจารย์ร่างกำยำยืนเป็แกนนำ
พวกเขามองตนชนิดลูกตาแทบจะหลุด
แววตานั้น ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
หนุ่มน้อยทั้งหลายไม่เชื่อเป็อันขาด
อาจารย์ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว แต่เดินเข้ามาหา จับมือข้างขวาและข้อมือของเ่ิูขึ้นมา สำรวจอย่างรอบคอบ แววตาเผยความประหลาดจิต ทำแม้กระทั่งลูบกล้ามเนื้อศิษย์ที่เปล่าเปลือย
“เขตหนังสำเร็จ...อย่างยิ่งใหญ่ สำเร็จแล้วจริงๆ...เ้าทำได้อย่างไรกัน?”
อาจารย์บอกผลลัพธ์ ดวงตาเขม็งมองเ่ิูอย่างแรงกล้า
เ่ิูไม่รู้เื่รู้ราว เขาส่ายหน้าตอบ “ข้า...ไม่รู้ขอรับ!”
อาจารย์ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
เขามองออก ว่าเ่ิูไม่ได้มดเท็จ
เจออีแบบนี้เข้าไป เขาเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีเหมือนกัน
เด็กหนุ่มตรงหน้านี้ ฝึกกระบวนท่าอสรพิษไปพักครึ่งเท่านั้น แต่ิัมังสาทั้งกายกลับพราวระยับอย่างกับเคลือบทอง มันแข็งกร้าวเป็ที่สุด นี่เท่ากับบรรลุจุดสูงสุดของวรยุทธ์เขตหนังแล้วชัดๆ
อะไรคือเหนืุ์น่ะหรือ?
ก็เ้านี่ไง!
แรกทีเดียวตอนเห็นเ่ิูสำเร็จวิชาอย่างสมบูรณ์แบบเขาก็อึ้งพอแล้ว แต่ตอนนี้...เขาใกล้จะมึนงงเต็มที่แล้วล่ะ
พอผละจากเ่ิูแล้ว อาจารย์ร่างบึกบึนก็สูดหายใจลึก ทำสมาธิแน่วแน่แล้วหันกลับไปมองศิษย์ที่ยืนห้อมล้อม
“ข้าตรวจดูมาครึ่งวัน ไม่ต้องสนว่าจะเป็คนโง่ของคนโง่อีกทีหนึ่ง ใครๆ ก็สามารถจดจำแนวทางของทุกท่าในกระบวนท่าอสรพิษได้ สามารถเข้าใจและรับรู้แก่นแท้ของวิชานี้ได้ เ่ิูพร์ประหลาดเกินมนุษย์ เพียงแค่มองข้าแสดงให้ดูทีเดียวก็สามารถจดจำได้ไม่รู้ลืม เชี่ยวชาญได้ในพริบตา นั่นก็เป็เื่ส่วนตัวของเขา แต่ก็เป็เื่ที่น่ายินดีของพวกเ้าด้วยเช่นกัน แค่วันแรกก็ได้เห็นการสาธิตซึ่งเป็ครูชั้นดีให้พวกเ้าแล้ว และยังผ่านครึ่งวันไปในไม่กี่อึดใจอีก”
ลูกศิษย์ลูกหายืนฟังอาจารย์สอนสั่งเงียบๆ
“แน่นอนว่า พวกเ้าอย่ามีเื่กับเขาเพียงเพราะความเกินคนนี้ นั่นเป็เื่ของเขา พวกเ้าไม่ต้องเปรียบตัวเองกับเขา จงจำเอาไว้ให้ดี ว่าพวกเ้าทุกคนคืออัจฉริยะตัวจริงที่ผ่านการสอบสุดหินเข้าสำนักกวางขาวแห่งนี้ พวกเ้าเก่งกล้าสามารถกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่านัก เส้นทางวรยุทธ์ไม่มีก่อนมีหลัง ผู้ถ่ายทอดคืออาจารย์ เ่ิูอาจสำเร็จเร็วในยามนี้ แต่พวกเ้าอาจทำได้ในวันหลังเช่นกันใช่ไหม?”
สายตาของเขา ไล่มองั้แ่เ่ิูจนเด็กสาวเด็กหนุ่มทั่วสนาม น้ำเสียงเต็มเปี่ยมด้วยให้กำลังใจและเสริมความฮึกเหิม
ศิษย์ะโรับคำกลับ
ใบหน้าอาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในที่นี้ประดับรอยยิ้ม เขาพยักหน้าก่อนว่า “เลิกเรียนได้!”
จากนั้นเขาก็ไม่มองหน้าเ่ิูอีกแล้ว แต่หันหลังเดินจากไปแทน
ทว่าเขารู้ดีว่าเื่ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี้ อาจารย์ร่างใหญ่ท่านนั้นจะต้องนำไปรายงานแก่เบื้องสูงเป็แน่
เ่ิูคิดว่าอาจารย์ท่านนั้นเป็คนดีคนหนึ่ง
ไม่ได้ยกยอปอปั้นเขา หรือดูถูกดูเบานักเรียนคนอื่น ประโยคสุดท้ายของท่านก็มีเพื่อให้กำลังใจศิษย์คนอื่นทั้งสิ้น หลีกเลี่ยงแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ในความเป็จริงแล้วอีกทางก็เป็การช่วยตัวเขา และไม่ให้สำนักอื่นเข้ามาแทนที่ตนเอง
ในสำนักกวางขาวนี้ ไม่เคยสิ้นคนดีจริงๆ
แต่อาจารย์ชั้นเลวอย่างหลิวเหิง คงเป็หนึ่งในส่วนน้อยที่เน่าเฟะ
...
เมื่อเ่ิูกินข้าวในโรงอาหารอิ่มแล้ว เขาก็เดินกลับหอพัก
เขากำลังคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่าย
เพียงแค่เขาฝึกฝนกระบวนท่าอสรพิษไปนับสิบครั้ง ก็บรรลุขั้นสูงสุดของวรยุทธ์เขตหนัง จึงเป็เื่ที่น่าตกตะลึงไม่น้อย ถึงแม้กระบวนท่าอสรพิษจะเป็ด่านแรกเพื่อเข้าสู่เขตหนัง แต่การเข้าถึงระดับนี้ ก็พูดลำบากอยู่เหมือนกัน
คนธรรมดานั้นการที่จะบรรลุถึงจุดสูงสุดของเขตหนังได้ ไม่เพียงแค่ต้องฝึกฝนวิทยายุทธ์ แต่ยังต้องกินยาต้มที่เหมาะสม เร็วสุดต้องใช้เวลาหลายเดือน มากสุดเป็ปี หากมีอัจฉริยะคนใดทำได้ในสองเดือนก็ถือว่าน่าตะลึงมากแล้ว
แต่ว่าเขา...
เ่ิูเชื่อมั่นในพร์ของตัวเองมาตลอด แต่เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่อาจเอาพร์มาเป็คำตอบได้อีกแล้ว ว่ากันตามตรงเขาเกือบจะรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ
ที่จริงแล้วเป็เพราะอะไรกันแน่นะ?
เ่ิูคิดแล้วคิดอีก หรือจะข้องเกี่ยวกับของสองอย่างด้วย...
อย่างแรกคือวิชาลมหายใจไร้ชื่อที่บิดาถ่ายทอดเป็มรดก อย่างที่สอง...หรือจะเป็ตราทองเหลืองแห่งวีรชนดวงนั้น?
นับแต่ภูมิหลังเต็มไปด้วยปริศนาที่เขาเป็มา เขาก็ฝึกฝนมันมาจวนจะสิบปีอยู่รอมร่อ ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร เพียงแค่ทำให้เรี่ยวแรงมากขึ้นเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้