ความจริงแล้วตอนที่เย่เฟิงเห็นหลินซือฉิงและเซียวฉี่ เขาเองก็ใ ชายหนุ่มไม่คิดว่าสองสาวผู้เย่อหยิ่งจากเมืองเยี่ยนจิงจะมาทำอะไรในสถานที่น่ากลัวอย่างที่นี่ แต่ไม่ว่าใครที่คิดขัดขวางเย่เฟิง คงพูดได้เพียงสามคำว่า ไม่มีทาง!
เขาและหลงหว่านเอ๋อร์ต่างใช้ทักษะล่องหน ทั้งสองคนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่มีอาวุธครบมือทั้งสี่นายคอยคุ้มกันหลินซือฉิงและเซียวฉี่เป็กรณีพิเศษ และเป้าหมายอีกอย่างของพวกเขาก็คือการจับกุมตัวชายสวมหน้ากาก ตอนที่เห็นหนานฟางและชูชู พวกเขาต่างไม่แยกแยะถูกผิด ตรงดิ่งมาจับกุมตัวทันที เพราะถึงอย่างไรคนที่ปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ยามดึกดื่นจะเป็เพียงบุคคลธรรมดาได้อย่างไร!
เ้าหน้าที่สองคนทำหน้าที่คุ้มกันหลินซือฉิงและเซียวฉี่ ส่วนเ้าหน้าที่อีกสองคนถือปืน เดินเข้าไปทางหนานฟางและชูชูด้วยความระแวดระวัง
“บนรถยังมีอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ?”
เย่เฟิงที่อยู่ใกล้ๆ ใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองก็พบว่าบนรถยังมีคนอยู่อีกหนึ่งคน เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีสามคน จึงยากที่พวกเขาจะจัดการตีให้สลบในทีเดียว
โดยปกติแล้วเย่เฟิงไม่คิดลงมือสังหารคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เพราะมันไม่เพียงทำให้เื่ยุ่งยากแต่ยังเป็การทำลายรั้วของชาติ คนที่คอยปกป้องประเทศชาติ
แน่นอนว่าสำหรับหลี่เฟิงนั้นเป็เื่ที่ต่างออกไป อีกฝ่ายทั้งหยิ่งผยองและบ้าอำนาจ ต่อให้ฆ่าตายสักร้อยครั้งก็ไม่ใช่เื่ที่ทำเกินเลย
เย่เฟิงหันกลับไปมองหนานฟาง พวกเขาทั้งสามคนคงต้องร่วมมือกันอีกครั้ง
เย่เฟิงที่ใช้ทักษะล่องหนเดินเข้าไปหาหญิงสาวสองคนในชุดกันฝนซึ่งยืนอยู่ข้างหลินซือฉิงอย่างไร้ความลังเล เขาชิงลงมือก่อนโดยใช้สันมือทั้งสองข้างกระแทกท้ายทอยเ้าหน้าที่หญิงของสำนักความมั่นคงแห่งชาติสองคนจนสลบเหมือด!
เสียงครางเบาๆ สองเสียงดังขึ้น ดึงความสนใจจากเ้าหน้าที่สำนักความมั่นคงแห่งชาติสองคนที่อยู่ด้านหน้าให้หันกลับมาพร้อมยกปืนขึ้นมา
พลั่ก! พลั่ก!
หลงหว่านเอ๋อร์มีระดับพลังลมปราณสูงยิ่งกว่าเย่เฟิง ทำให้เ้าหน้าที่ทั้งสองคนถูกตีจนสลบไปอย่างรวดเร็ว
ด้านเ้าหน้าที่ของสำนักความมั่นคงแห่งชาติที่เหลืออยู่ เมื่อพวกเขาเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปก็้าส่งข่าวเพื่อเรียกกำลังเสริมทันที ทว่าในเวลานั้นเอง เสียง ‘พรึบ’ ดังขึ้นพร้อมชายชุดดำปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิด อีกฝ่ายะโมาตรงด้านข้างของเขา
ชายชุดดำคนนี้ก็คือหนานฟางที่สวมใส่รองเท้าบูทของมือปราบิญญานิโคตินนั่นเอง
ฉึก!
หนานฟางยิงลูกศรจากหน้าไม้ขนาดเล็กใส่ฝ่ามือของเ้าหน้าที่ เขาจงใจขัดขวางการเรียกกำลังเสริม จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งลากอีกฝ่ายลงจากตำแหน่งคนขับกระแทกพื้นอย่างรุนแรงท่ามกลางสายฝนที่ยังตกหนัก
เย่เฟิงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนใช้สันมือตีเ้าหน้าที่จนสลบไป
ทหารสำนักความมั่นคงแห่งชาติใส่เสื้อผ้าค่อนข้างหนา ทั้งยังมีอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม หนานฟางจึงไม่มีทางตีพวกเขาให้สลบได้ ดังนั้นเย่เฟิงต้องลงมือเอง
จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว!
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ทำให้หลินซือฉิงและเซียวฉี่ล้วนไม่อาจตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน จนกระทั่งคนขับรถถูกตีสลบไปแล้ว สองสาวหันหน้ากลับไปมองก็เห็นเงาร่างของหนานฟางกับเย่เฟิง
“เป็เขา!”
เซียวฉี่ตื่นเต้นยินดีอยู่สักพัก สายตาของเธอจ้องเย่เฟิงที่สวมหน้ากากอย่างไม่วางตา ภายใต้ชุดกันฝน ใบหน้าน่ารักของเธอแดงก่ำ
“พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หลินซือฉิงะโอย่างเคร่งขรึม “นี่ถึงขั้นกล้าลงมือกับคนของสำนักความมั่นคงแห่งชาติเชียวหรือ....”
ในใจเธอตกตะลึง เ้าหน้าที่ทั้งห้าคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติล้วนเป็ทหารมากฝีมือ แต่ในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขากลับถูกอีกฝ่ายจัดการโดยไม่ทันได้ตอบโต้ อีกฝ่ายเข้าหาพวกเขาอย่างไร้สุ้มเสียงจนไม่ทันรู้ตัว ไม่รู้ว่าพวกเขาล่องหนมาหรืออย่างไร?
“อย่ามัวพูดจาไร้สาระอยู่เลย พวกคุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่?” เสียงทุ้มต่ำของเย่เฟิงขัดจังหวะการพูดของเธอ
“พวกเรามาหาคุณ” เซียวฉี่รีบเอ่ยปาก เธอตอบเขาไปตามตรง
“เฮ้ เซียวฉี่ พี่หลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม?” หนานฟางที่ยืนพิงต้นไม้เอ่ยทักหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเป็กันเอง “สำหรับเื่นี้ ผมขอแนะนำว่าพวกพี่อย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่านะ เื่ในยุทธจักร กระทั่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ยังไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว แล้วพี่สองคนยังจะอยากเข้ามาเกี่ยวด้วยทำไม?”
จ้าวิเจ๋อ?
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทั้งหลินซือฉิงและเซียวฉี่ต่างก็ตกตะลึง
เพื่อนสนิทของไช่เฉ่าหง ชายที่มีท่าทางตุ้งติ้งในสายตาของพวกเธอ พอมาตอนนี้กลับรวมกลุ่มกับชายสวมหน้ากาก ทั้งยังร่วมมือกันจัดการเ้าหน้าที่ของสำนักความมั่นคงแห่งชาติ!
ความจริงข้อนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็มีการตรวจสอบ หลินซือฉิงจึงรู้ว่าในปีนั้นมีคนตระกูลหนานเหลือรอดอยู่สองคน คนหนึ่งคือหนานฟาง ส่วนอีกคนก็คือหนานเฟิง สำหรับหนานเฟิง เขาเข้าร่วมสำนักหมัดเทวาและเปลี่ยนสกุลเป็ลัวเฟิงตามสำนักหมัดเทวาั้แ่ก่อนหน้านั้นแล้ว แน่นอนว่าคนตรงหน้าก็ต้องเป็หนานฟาง
ข่าวการตายของลัวเฟิงไม่ได้กระจายออกไปรวดเร็วนัก นับประสาอะไรกับหลินซือฉิงที่ไม่ใช่คนในยุทธจักร เธอจึงยังไม่ทราบเื่นี้
“เยี่ยม พวกนายต่างก็อยู่ด้วยกันทั้งคู่” หลินซือฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนใช้คำพูดเชิงจิตวิทยาเพื่อให้อีกฝ่ายคล้อยตาม “ตอนนี้เพ่ยเค่อกรุ๊ปกำลังกดดันประเทศเราอย่างหนัก ถ้าเป็ไปได้ฉันก็หวังว่าพวกนายทั้งคู่จะยอมให้ความร่วมมือ...”
“ต้องขอโทษด้วย พวกผมไม่มีเวลา” เย่เฟิงออกปากปฏิเสธ เขาขบขันกับเื่นี้ “แค่บริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา จะถึงขั้นกล้าหาเื่ประเทศจีนทั้งประเทศเชียวหรือ? ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่เชื่อหรอก”
เหตุผลที่เขาไม่ทำให้พวกเธอสลบไปก็เพื่อถามถึงเป้าหมายของทั้งคู่ ในเมื่อตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วก็ถึงเวลาจัดการอีกฝ่ายเสีย แน่นอนว่าการทำให้พวกเธอสลบไปท่ามกลางสายฝนเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก ถ้างั้นหลังจากตีพวกเธอสลบค่อยลากไปไว้ในรถก็แล้วกัน
เย่เฟิงเดินเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองคน หน้ากากที่เขาสวมเอาไว้ดูน่าสะพรึงกลัว
“นายคิดจะทำอะไร?”
ทันใดนั้นหลินซือฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมา ในสถานที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ หากชายสวมหน้ากากคิดทำอะไรพวกเธอขึ้นมา เธอและเซียวฉี่คงไม่มีแรงต่อต้านหรือขัดขืนเขาได้แน่!
แต่ถึงอย่างนั้นหลินซือถิงก็ไม่ได้ถอยหนี ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องจับชายสวมหน้ากากให้ได้ เพราะนี่ถือเป็เื่ใหญ่สำหรับคนทั้งประเทศ เธอเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อกันฝนก่อนกระชับปืนในมือแน่น เตรียมพร้อมยิงยาสลบใส่เขา...
เซียวฉี่แสดงออกตรงข้ามกับเธออย่างสิ้นเชิง อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ เธอยิ้มหวานพร้อมเดินเข้าไปหาเย่เฟิง “ฉันตามหานายตั้งนาน ขอบคุณนะ...”
เย่เฟิงเห็นท่าทางะโโลดเต้นด้วยความดีใจของเธอก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก หญิงสาวคนนี้ไม่นึกกลัวสักนิดเลยหรืออย่างไร?
“เื่นั้นมันแค่สบโอกาสพอดีน่ะ ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เย่เฟิงโบกมือเบาๆ จากนั้นหันไปมองหลินซือฉิง “อย่าคิดใช้กลอุบายเล็กๆ แบบนั้นดีกว่า ปืนยาสลบนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
เมื่อเย่เฟิงเอ่ยปาก หลินซือฉิงก็ใ เธอซ่อนปืนยาสลบนี้อย่างดี ทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ตัว? เป็ไปไม่ได้ เขาต้องกำลังหลอกเธอแน่!
เธอไม่อยากรีบร้อนคิดอะไรมากจึงหยิบปืนยาสลบขึ้นมา อาศัยแสงสว่างจากไฟหน้ารถเล็งปืนไปที่เย่เฟิงก่อนกดยิง!
ฉึก
ใน่จังหวะนั้นเอง เย่เฟิงก็ดึงตัวเซียวฉี่ที่ยืนอยู่ใกล้เขามาด้านหน้าทำให้ยาสลบปักเข้าที่หลังของเธอ ถึงอย่างไรปืนยาสลบนี่ก็ไม่ใช่อาวุธร้ายแรงนัก เขาจึงไม่คิดมากถ้าจะดึงตัวเธอมาเป็เกราะกำบัง เพราะถึงอย่างไรก็ต้องลงมือทำให้เธอสลบอยู่ดี
“อะ...”
เซียวฉี่เบิกตากว้าง จากนั้นสลบไป
เย่เฟิงประคองร่างของเซียวฉี่ ก่อนพยุงร่างของเธอให้เข้าไปในรถเพื่อหลบฝน
“ต่อไปถึงคิวของคุณแล้ว”
เย่เฟิงเงยหน้ามองหลินซือฉิง เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาอยู่แล้ว แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมเขาต้องเสียเวลากับเธอด้วยล่ะ?
ขณะที่เขาคิดจะลงมือจัดการหลินซือฉิงให้สลบ ทันใดนั้นสีหน้าของหลงหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนไป
“แย่แล้ว ไม่ทันแล้ว” หลงหว่านเอ๋อร์พูดเสียงเบา ความจริงไม่จำเป็ต้องให้เธอเตือนก็ได้เพราะแม้แต่หนานฟางก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน
เสียงฝีเท้าดังมาจากทั่วทุกทิศ รวมทั้งกลิ่นอายของพลังที่แข็งแกร่งหลายสาย ในที่สุดผู้คนในยุทธจักรที่เฝ้าอยู่ตามชายฝั่งก็ค้นพบความผิดปกติ และต่างก็ทยอยมุ่งหน้าตรงมาที่นี่
“ล้อมพวกเขาเอาไว้” น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัวที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นจากระยะที่อยู่ไม่ไกล
หลงโม่หราน!