“เ้า……” ฉินมู่เยว่นึกว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะโกรธที่ทำเช่นนั้น กลับคาดคิดไม่ถึงจะสวนกลับรุนแรงเช่นนี้
ดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยิ้มมุมปากอย่างเหนือชั้นกว่า “พี่ลี่เป็ถึงองค์ชาย สามารถมีสนมได้มากมาย ทำไมเ้าถึงได้ตัดสินว่าพี่ลี่จะมีเ้าเพียงคนเดียว?”
มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันระงับความโมโหที่พลุ่งพล่าน แต่พอได้ยินประโยคนี้ใจเต้นรัวอย่างกับทะเลบ้าคลั่งที่โหมซัดเข้าฝั่ง
“เถียงกันจบหรือยัง?”
ฉู่ลี่ที่ยืนฟังนิ่งเอ่ยเสียงขึ้น ยื่นมือไปจับไหล่มู่อวิ๋นจิ่น ประกาศให้รู้โดยทั่ว “นี่เป็เื่ส่วนตัวของเปิ่นหวงจื่อ พวกเ้าบังอาจมาวิจารณ์ได้ยังไง?”
ทุกคนในที่นั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของฉู่ลี่ ต่างพากันก้มหน้าก้มตามิกล้ามองไป
ฉินมู่เยว่หันเดินไปข้างหน้า ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “พี่ลี่ น้อง……”
“พอได้แล้ว!” ฉินมู่หลานะโใส่หน้านาง แล้วหันไปคำนับฉู่ลี่กับมู่อวิ๋นจิ่น “เื่ในวันนี้น้องสาวทำไปโดยมิได้ไตร่ตรอง ขอให้องค์ชายหกกับพระชายาหกให้อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่ชายเป็อะไรไป?” ฉินมู่เยว่พูดด้วยความโกรธที่มากกว่า วันนี้นางอุตส่าห์ช่วยเขาสร้างโอกาสทองขึ้น ไม่แน่ฉู่ลี่อาจทิ้งมู่อวิ๋นจิ่น ทว่าฉินมู่หลานกลับทำเป็ทองไม่รู้ร้อน
เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่าทางของพี่มู่หนานที่มีต่อมู่อวิ๋นจิ่น เต็มไปด้วยความรู้สึกปฏิพัทธ์นี่หน่า
ฉินมู่หลานหันจ้องไปที่ฉินมู่เยว่ ตามด้วยทุกคนที่จ้องดูอย่างสนุก “ข้าน้อยชื่นชมในตัวพระชายาหกมาเนิ่นนาน โดยที่พระชายาหกไม่เคยรับทราบเลย เื่ในวันนี้มู่เยว่ทำด้วยความบุ่มบ่าม ขาดสติและการไตร่ตรองที่รอบด้าน ขายหน้าต่อทุกท่านแล้ว”
แต่ไหนแต่ไรฉินมู่เยว่ไม่เคยถูกหักหน้าเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังไม่รู้ว่าฉินมู่หลานรักมู่อวิ๋นจิ่นได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของมู่อวิ๋นจิ่นไว้แล้ว เขายอมผลักให้น้องสาวแท้ๆ ต้องอับอายขายขี้หน้า
ถือดีอะไร!
ทำไมต้องเป็มู่อวิ๋นจิ่นอีกแล้ว!!!
……
ระหว่างที่เดินกลับออกจากวังหลวง มู่อวิ๋นจิ่นกับฉู่ลี่เดินเคียงข้างออกจากตำหนักฉินไท่เฟย โดยไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว
“พี่ลี่ พี่สะใภ้หกรอข้าประเดี๋ยว” เสียงฉินมู่เยว่ดังขึ้นจากด้านหลัง
ทั้งสองคนกลับเดินต่อไปข้างหน้า โดยไม่แยแสเสียงนั้นแม้แต่น้อย
ฉินมู่เยว่รีบเพิ่มความเร็วในการเดินมากขึ้น จนมาขวางทางทั้งสองคนได้ และโค้งคำนับเบื้องหน้า “ขออภัยด้วย เื่ในวันนี้มู่เยว่คิดไม่รอบคอบเองเพคะ”
“ขอให้พี่ลี่และพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นให้อภัยด้วย นับจากนี้มู่เยว่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกแล้ว”
มู่อวิ๋นจิ่นค้อนมองขวับไปทีหนึ่ง สตรีเยี่ยงฉินมู่เยว่เหตุใดพูดมากไร้สาระถึงเพียงนี้ นางจึงเดินต่อไปโดยไม่แยสแส
เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินไปแล้ว ฉินมู่เยว่กลับเงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่ลี่ทำตาคลอ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดจากใจ “พี่ลี่ เื่ในวันนี้มู่เยว่ทำไปอย่างขาดสติยับยั้งชั่งใจ พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นไม่ยอมยกโทษให้น้อง อย่างไรเสียพี่ลี่ต้องยกโทษให้น้อง……”
ฉู่ลี่มองไปที่ฉินมู่เยว่ ด้วยแววตาใสสด “ต่อไปไม่ต้องคิดหาทางเล่นงานมู่อวิ๋นจิ่นอีก”
“พี่ลี่” ฉินมู่เยว่ขมวดคิ้ว ตามด้วยพยักหน้ารับอย่างเชื่องฟัง “น้องทราบแล้ว เื่ในวันนี้น้องไม่แน่ชัดกลับทำไปอย่างละเลยขาดสติเพคะ”
“พี่ลี่ยอมยกโทษให้น้องใช่ไหม?” ฉินมู่เยว่ขยับเข้าใกล้ฉู่ลี่ แววตาจับจ้องไปที่เขาอีกต่างหาก
ฉู่ลี่จ้องนางด้วยสายตาเ็า “นับจากนี้อย่าเข้าใกล้เปิ่นหวงจื่อ เพื่อที่นางจะได้ไม่เข้าใจผิด”
ฉินมู่เยว่ยืนชะงักงันอยู่ตรงนั้น สายตาเผยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ ขบฟันอย่างไม่ยอมใจ รีบสาวเท้าตามไป “ให้น้องอย่าเข้าใกล้? ทว่าพี่ยัง้าความช่วยเหลือจากน้องมิใช่หรอกหรือ?”
“ไม่้าแล้ว” ฉู่ลี่เสียงแข็งกร้าว จ้องเขม็งไปที่สตรีที่อยู่เบื้องหน้า
ฉินมู่เยว่กระทืบเท้าตึงตัง น้ำตาไหลพราก เมื่อเห็นทั้งสองเดินจากไป
ด้านข้างกลับมีคนยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้
“พี่ชายคิดว่าหากเราไม่เลือกออกไปสู้รบ จุดจบของเื่นี้จะเป็แบบนี้ไหม?”
……
“คุณหนูเป็อะไรเ้าคะ?”
จื่อเซียงยืนมองดูมู่อวิ๋นจิ่นนั่งทานองุ่นอยู่ที่โต๊ะหิน พอทานเนื้อเสร็จก็พ่นเปลือกและเม็ดใส่หน้าประตูห้องฉู่ลี่ จนจื่อเซียงยืนตะลึงงัน
“ไม่เป็อะไรทั้งนั้น แค่ทานองุ่นเอง” มู่อวิ๋นจิ่นหยิบองุ่นขึ้นทาน พ่นเปลือกและเม็ดต่อไป
ภายในระยะเวลาอันสั้น หน้าห้องฉู่ลี่ก็ดูแทบไม่ได้
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นหยิบกล้อวยหอมขึ้นมาทาน เขวี้ยงเปลือกไปที่หน้าห้องฉู่ลี่ แต่คราวนี้ประตูเปิดออกพอดี ทำให้เปลือกลอยเข้าไปในห้องเลย
ฉู่ลี่ที่เพิ่งชำระร่างกายเรียบร้อย เปิดออกมาเห็นเปลือกกล้วยหอมและองุ่นถึงกับขมวดคิ้ว จ้องไปที่มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังหยิบชาขึ้นจิบ
จื่อเซียงทำหน้าไม่ถูก รีบสะกิดแขนมู่อวิ๋นจิ่น “คุณหนู องค์ชายออกมาแล้วเ้าค่ะ”
ฉู่ลี่ก้าวออกจากประตู ยกมือผายให้จื่อเซียงถอยไป นางจึงรีบวิ่งออกเรือนลี่เฉวียน
ในตอนนี้เหลือเพียงฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นเพียงสองต่อสอง
ฉู่ลี่อารมณ์ยังดี จึงเข้ามากระซิบข้างหูมู่อวิ๋นจิ่น “เ้าโกรธข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใครโกรธเ้ากัน” มู่อวิ๋นจิ่นหยิบถั่วเข้าปาก โดยไม่หันไปมอง
ฉู่ลี่ยิ้มอย่างเสียอาการ และยกมือไปลูบผมของนาง “องุ่นพวกนี้คงเปรี้ยวจนทำให้เ้าเสียอารมณ์สิท่า?”
“เชอะ” มู่อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นยืน ทำท่าทำทางเหมือนจะกลับห้อง
ฉู่ลี่ยกมือคว้าแขนของนางไว้ พร้อมขมวดคิ้ว “เปิ่นหวงจื่อกับฉินมู่เยว่ไม่มีสัมพันธ์ใดกันทั้งนั้น!”
“ใครบอกว่าเป็เื่นี้” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเสียงนิ่ง ก่อนจะหันหน้ามาถามฉู่ลี่ “เ้ากำลังอธิบายให้ข้าฟัง?”
ฉู่ลี่ยิ้มเจื่อนๆ ทำหน้าไม่ถูก “ใช่ กำลังอธิบายให้ฟัง”
ความโมโหและอึดอัดคับข้องพลันหายไปในพริบตา นางหย่อนตัวนั่งลงอีกครั้ง และเอ่ยปากอย่างมิค่อยเต็มใจเท่าไร “เ้ามาอธิบายให้ข้าฟังทำไม อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่ได้เป็อะไรกันทั้งนั้น”
ฉู่ลี่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ประโยคนี้ เปิ่นหวงจื่อตีความได้ว่า เ้ากำลังอยากจะเป็ภรรยาของข้าจริงๆ ใช่ไหม?”
“เ้า…” มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันถลึงตา “อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ใครจะเป็ภรรยาเ้าจริงๆ”
สิ้นเสียงตอบมู่อวิ๋นจิ่นก็เดินจากไปอย่างมีอารมณ์
พอได้ยินเสียงประตูห้องนางปิดลง ฉู่ลี่หันไปใช้สายตาพิฆาต กวักมือเรียกติงเซี่ยน
“องค์ชายมีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไปจัดการให้เรียบร้อย!”
หลังจากนั้นฉู่ลี่ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของมู่อวิ๋นจิ่น
ติงเซี่ยนยืนมองฉู่ลี่ผลักประตูห้องมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไป จึงยืนพึมพำคนเดียว “ทางที่ดีนอนที่ห้องพระชายาก็สิ้นเื่”
……
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้อง มู่อวิ๋นจิ่นกำลังเตรียมตัวเอนกายลงเพื่อพักผ่อน จึงเห็นคนที่ต่อว่าเมื่อครู่กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“เ้ามาทำอะไร?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างไม่พอใจ
นึกไม่ถึงว่าฉู่ลี่จะไม่สนใจคำพูดของนาง เขาเลือกเดินมานั่งบนเตียง ถอดรองเท้า แล้วเอนกายลงในชั่วพริบตาเดียว
มู่อวิ๋นจิ่นพรวดลุกขึ้นทันที ใช้มือไปผลักฉู่ลี่ที่อยู่ด้านข้าง “เ้ามานอนอะไรตรงนี้?”
“เป็เพราะเ้านั่นแหละ ห้องของเปิ่นหวงจื่อ้าความสะอาด” ฉู่ลี่เอ่ยปากตอบด้วยความอ่อนเพลีย
มู่อวิ๋นจิ่นกัดริมฝีปาก จ้องเขม็งที่เขา เปลือกองุ่นและกล้วยหอมที่จนหน้าห้องสกปรกไปหมด นี่จึงกลายเป็เหตุผลที่ใช้มาเป็ข้ออ้างในการนอนที่นี่
“เปิ่นหวงจื่อเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีก” ฉู่ลี่รู้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นต้องต่อความยาวสาวความยืดจึงตัดบทขึ้นก่อน
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตามองไปฉู่ลี่ที่นอนแน่นิ่งด้วยความเอ็นดูรักใคร่ ภายในหัวมีเื่โองการลับปรากฏขึ้น จิตใจของนางจึงสร้อยเศร้า ไม่รู้ว่าโองการลับเปิดเผยเมื่อใด ความสงบสุขในชีวิตของนางคงวุ่นวาย
มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง เอนตัวลงนอน โดยแบ่งผ้าห่มที่ใช้ประจำให้กับฉู่ลี่ครึ่งหนึ่ง
่สองสามวันนี้ ภายในใจเต็มไปเื่ราวที่ไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเป็เพราะฉู่ลี่นอนอยู่ข้างกายหรือไม่ มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สงบเยือกเย็น ก่อนจะงีบหลับไป
……
“ให้ข้าพบพี่ลี่เดี๋ยวนี้… พวกเ้าหลบไปให้หมด ข้ามาขอโทษพี่ลี่ของข้า พวกเ้าไม่ต้องมาขวางทาง”
ในเช้าวันถัดมา ยามแสงอรุณแห่งวันใหม่สาดแสงส่องเข้ามาในจวน นอกห้องมีเสียงเอะอะโวยวาย จนฉู่ลี่ต้องตื่นขึ้นมา พร้อมกับสัมัสได้ถึงบางอย่างที่กดทับร่างเขาอยู่
พอเงยหน้าขึ้นมา พบว่าท่านอนของมู่อวิ๋นจิ่นน่าขันสิ้นดี ขาของนางพาดมาที่ขาของเขา จึงต้องเอื้อมมือขยับให้อย่างช้าๆ
เมื่อเปิดประตูห้องออกไป ฉินมู่เยว่ยื่นถือกล่องเถียงกับบ่าวใช้หลายคนเสียงดังโวยวาย หนึ่งในบ่าวใช้รวมจื่อเซียงในนั้น ที่มิยอมให้ฉินมู่เยว่เข้าไปในห้อง
ฉินมู่เยว่เห็นฉู่ลี่ก็ร้องด้วยความยินดี รีบผลักบ่าวใช้ออก วิ่งไปหาข้างหน้า “พี่ลี่ น้องมาเพื่อขอโทษพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นโดยเฉพาะเลย”
บัดนี้ เสียงที่ดังลั่นทำให้มู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ในภวังค์ได้สติขึ้น จนอารมณ์เสียแต่เช้า เลือกะโออกไป “หากขืนเสียงดังเช่นนี้ จะให้คนลากไปโบยจนตาย!”
ฉินมู่เยว่ที่อยู่หน้าห้องชะงักไป นึกไม่ถึงว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะอยู่ในห้อง และฉู่ลี่ก็เพิ่งเดินออกมาเช่นกัน
เมื่อก่อนนางได้ฟังคนมารายงานว่า ั้แ่ทั้งสองคนแต่งงานกัน ต่างนอนแยกห้องมาโดยตลอด ทำไมตอนนี้……
ฉินมู่เยว่สายตานิ่งผิดปกติในพริบตา แอบกัดริมฝีปากด้วยความอิจฉาริษยาตาร้อน
“น้องจะรอพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นจนกว่าจะตื่น” ฉินมู่เยว่ถอยไปนั่งบนเก้าอี้หินและวางกล่องบนโต๊ะหิน
ฉู่ลี่เลือกไม่สนใจนาง ปิดประตูเดินหันหลังเข้าไปในห้องดังเดิม
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นต่อว่าเรียบร้อยก็ล้มตัวลงนอนต่อไปแล้ว ฉู่ลี่เดินเข้ามาข้างเตียงห่มผ้าให้ แล้วนั่งลงมองใบหน้าที่สะสวยของนางอยู่ข้างเตียง
……
ฉินมู่เยว่ที่นั่งอยู่โต๊ะหินด้านนอก นั่งรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงยามอู่สือ ทว่าในห้องกลับยังไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองคนจะเดินออกมา
ขืนนั่งรอต่อไปคงไม่เป็ผล นั่งเสียเวลาเปล่า ระหว่างที่ตัดสินใจได้ว่าจะกลับไป ประตูห้องกลับค่อยๆ แง้มเปิดทีละน้อย
ฉินมู่เยว่ลุกขึ้นยืนในฉับพลัน เห็นดังนั้น มู่อวิ๋นจิ่นจึงเอ่ยวาจาออดอ้อน “ฉู่ลี่ เมื่อครู่เ้ามองข้าน่ากลัวเหมือนผีเลย ทำเอาข้าหลับไม่ลงเลย”