ผู้เฒ่าท่าทีตื่นเต้นของผู้คนทั้งบนทั้งล่างพลันออกอาการเบื่อหน่าย กระแอมแล้วเอ่ย
“นี่คือไข่อ่อนของหมาป่าเืสีขาว เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นทางงานประมูลจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็การแลกเปลี่ยนแทน ขอเพียงท่านใดที่สามารถนำของที่มีราคาเท่ากันออกมาได้ หลังจากผ่านการพิจารณาของโรงประมูลเจ็ดดวงดาราแล้ว ไข่อ่อนหมาป่าเืสีขาวใบนี้ก็จะตกเป็ของคนนั้นทันที”
พอเอ่ยจบคำพูดนี้ ผู้คนต่างแตกตื่นกัน
นึกไม่ถึงว่าไข่อ่อนขั้นแปดใบนี้กลับใช้เงินตรามาตีราคาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเงินทอง แต่ก็ไม่แปลก เพราะของบางอย่างนั้นไม่สามารถใช้เงินตราซื้อได้ อีกอย่างหากเปลี่ยนเป็พวกเขา ก็คงตัดสินใจทำแบบเดียวกัน
หลิงเซียวที่อยู่ชั้นสองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ลำพังไข่อ่อนขั้นแปดต้องใช้ของมีค่าเท่าเทียมมาแลกเปลี่ยน แต่พอคิดดูก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะที่นี่สัตว์ปีศาจขั้นแปดนั้นค่อนข้างหายาก
คิดเช่นนี้แล้ว สายตาหลิงเซียวก็ฉายแสงประกายวับ ขณะเดียวกันก็หันไปมองโหยวเสี่ยวโม่ หากไม่ใช้เงินตราในการประมูลคงไม่ต้องเปลืองแรงเขาเท่าไร
“ศิษย์น้องเล็ก เ้าอยากได้ไข่อ่อนใบนั้นรึเปล่า?”
ขณะที่โหยวเสี่ยวโม่กำลังดูอย่างจดจ่อ ก็ได้ยินเสียงหลิงเซียวดังขึ้นจากด้านหลัง เอะใจครู่หนึ่งจึงถาม “หมาป่าเืสีขาว? แต่ว่าผู้เฒ่านั่นบอกว่าต้องใช้ของมีค่าทัดเทียมกันเป็การแลกเปลี่ยนนี่นา ข้าไม่มีของมีค่าอะไรมาแลกหรอก”
“ใครบอกว่าเ้าไม่มีกันเล่า” หลิงเซียวสายตามองแก้มเขา ยิ้มมุมปาก “เ้าลืมน้ำปราณเมื่อครู่ไปรึเปล่า? ของพวกนั้นอาจไม่มีประโยชน์สำหรับเ้า แต่กับนักหลอมโอสถหรือนักฝึกตนนั่นคือยาวิเศษเลยก็ว่าได้ ทุกคนล้วนใจเต้นเพราะมัน”
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก ตาเป็ประกายทันใด “ศิษย์พี่หลิง งั้นพวกเราต้องใช้น้ำปราณเท่าไหร่เพื่อแลกกับพวกเขาล่ะ?”
หลิงเซียวคำนวณ “หนึ่งร้อยหยดก็พอ”
โหยวเสี่ยวโม่ลองตีราคาเป็เงินดูคร่าวๆ หนึ่งร้อยหยดก็เท่ากับสิบล้าน หากประมูลขายคงได้ถึงยี่สิบล้าน น้ำลายไหลเยิ้ม…
คำพูดผู้เฒ่าพึ่งจะจบไปครู่เดียว มู่อวิ๋นเทียนที่อยู่บนที่นั่งฝั่งแขกพิเศษก็ลุกยืนขึ้น เห็นเพียงเขามองไปทางเวทีท่าทีนิ่งเฉย จากนั้นเอ่ยเสียงขรึม “ข้าแลกกับยาทะลวงจันทราชั้นสูงหนึ่งเม็ดและยาเมฆาสีม่วงชั้นสูงอีกหนึ่งเม็ด”
สิ้นเสียงคำเสนอของเขา คนทั้งหมดหันไปมองทางมู่อวิ๋นเทียนเป็สายตาเดียว คนส่วนใหญ่ต่างตกตะลึง เพราะยาทะลวงจันทรานับว่าเป็ยาเซียนตันขั้นห้า สรรพคุณยานี้ช่วยเื่เพิ่มพลังในการบรรลุชั้นจันทรา ขึ้นไปสู่การเป็จอมยุทธ์ชั้นดวงดารา อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงตามมา ดังนั้นจึงเป็ยาเซียนตันขั้นห้าที่มีค่าสูงสุด
ส่วนยาเมฆาสีม่วงนั้นมีค่ามากกว่าไปอีก เพราะมันคือยาเซียนตันขั้นหก การใช้ยาเซียนตันนี้จะเพิ่มพลังได้หนึ่งถึงสองดาว ยกตัวอย่างเช่น จอมยุทธ์ชั้นดวงดาราหนึ่งดาว หากใช้ยาเมฆาสีม่วงเข้าไป พลังก็จะเพิ่มเป็สองดาวถึงสามดาว แต่มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ จอมยุทธ์ที่มีพลังสูงอยู่แล้ว หากใช้ยานี้เข้าไปเพิ่มพลังก็จะยิ่งด้อยลง
มู่อวิ๋นเทียนออกโรงแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่รีรอ
มู่เหยานั้นควัก ‘เคล็ดวิชาการควบคุมไฟ’ คัมภีร์เล่มนี้คือวิชายุทธ์ ขั้นกลางชั้นสูง สามารถควบคุมเปลวไฟในการโจมตีผู้อื่น ระดับขั้นของพลังไฟยิ่งสูง การโจมตีก็ยิ่งรุนแรง อีกทั้งหากมีเปลวไฟหลายชนิด สามารถรวมร่างเป็ค่ายกลเปลวไฟที่เป็กระบวนท่าที่มีพลังโจมตีร้ายกาจ หากไม่ใช่เพราะไข่อ่อนขั้นแปด พรรคเซียวเหยาคงไม่มีทางเอาคัมภีร์เล่มนี้ออกมาแน่
แน่นอนว่า พรรคเซียวเหยาจงใจใช้วิชายุทธ์เล่มนี้แลกเปลี่ยน เพราะพวกเขารู้ว่าเ้าเมืองฮุยจี๋นั้นเป็จอมยุทธ์ที่ควบคุมไฟ พลังของเขาเก่งกาจนัก แต่ที่ขาดไปเพียงอย่างเดียวก็คือเคล็ดวิชายุทธ์ดีๆ สักเล่ม
หลังจากมู่เหยาลงมือ ก็ถึงตาสำนักเซวี่ยซ่าลุกขึ้นมาบ้าง เขาเสนอยาเซียนตันเพียงเม็ดเดียว แต่หากพูดถึงเื่ราคานั้น แลดูจะสูงกว่ายาเซียนตันของมู่อวิ๋นเทียนอยู่มากโขทีเดียว ผลลัพธ์ของยาเซียนตันคล้ายกับยาทะลวงจันทรา แต่ชั้นที่บรรลุไม่ใช่ชั้นจันทรา ปากแต่เป็ชั้นดวงดารา อีกทั้งยานี้ยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย ขณะบรรลุขั้นพลังยังช่วยรวบรวมพลังทุกชั้นเข้าไว้ด้วยกัน แต่โอกาสในการบรรลุขั้นจะน้อยกว่ายาทะลวงจันทรา
เมื่อเทียบกับยาเซียนตันของมู่อวิ๋นเทียน เคล็ดวิชาควบคุมเปลวไฟของมู่เหยา ยาเซียนตันเม็ดนี้มีค่าสูงกว่าอย่างชัดเจน เพราะหากบรรลุได้ ก็จะกลายเป็จอมยุทธ์ชั้นรุ่งสาง ถึงว่าสำนักเซวี่ยซ่าไยจึงกล้าเอามันมาแลกเปลี่ยน
มู่อวิ๋นเทียนกับมู่เหยาสีหน้าเปลี่ยนทันใด ท่าทีพลันสงบนิ่งลง
ตอนนี้เอง คนชุดดำผู้นั้นที่อยู่ท่ามกลางคนดูก็ลุกขึ้นต่อจากสำนักเซวี่ยซ่า กระนั้นสายตาผู้คนก็ไปหยุดที่เขาพร้อมกัน พลางคาดเดาว่าคนชุดดำผู้นี้จะมีสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจอะไรมาให้พวกเขาดูชมอีก
“หญ้าเซียนแลกได้รึเปล่า?”
ผู้เฒ่าบนเวทีชะงัก พลันส่ายหัวปฏิเสธ “ขออภัย พวกเราไม่รับแลกเปลี่ยนหญ้าเซียน”
คนชุดดำนิ่งเงียบทันใด ดูไม่ออกว่านั่นคือท่าทีผิดหวังหรือคาดคิดไว้ก่อนแล้ว จากนั้นนั่งลงกับที่ เห็นทีว่าจะไม่แก่งแย่งกับพวกเขาแต่อย่างใด
จากนั้น นอกจากเ้าอำนาจทั้งสามนั้น ก็มีหลายคนที่หวังอยากได้ไข่อ่อนใบนั้นพลันหยิบเอาของรักของหวงของตนออกมายื่นเสนอ รวมถึงบรรดาเคล็ดวิชายุทธ์ต่างๆ นานา
ผู้เฒ่ารออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นมีใครเสนอเพิ่มเติม กำลังหันหลังจะลงไปเจรจากับคณะของตน ทันใดนั้นบนชั้นสองก็มีชายผู้หนึ่งยืนขึ้น ชายผู้นั้นทั่วทั้งร่างนั้นแผ่รัศมีความสง่าสูงส่ง สร้างภาพประทับใจแก่ทุกคนยิ่งนัก เขาคือหลิงเซียวนั่นเอง ซึ่งถูกโหยวเสี่ยวโม่คะยั้นคะยอให้ลุกขึ้น
หลิงเซียวหัวเราะแล้วเอ่ยน้ำเสียงนิ่มนวลชวนฟัง “ไม่ทราบว่าน้ำปราณหนึ่งร้อยหยดจะสามารถแลกเปลี่ยนของชิ้นนี้ได้หรือไม่?”
คำพูดของเขานั้นราวกับการโยนก้อนหินลงไปในบึงน้ำที่นิ่งสงบ จากนั้นทั่วทั้งลานประมูลก็ฮือฮาเสียงดังเป็ระลอก หลายคนคิดไปถึงน้ำปราณที่พึ่งขายประมูลไปแปดสิบแปดหยด แต่คนผู้นี้กลับเสนอน้ำปราณหนึ่งร้อยหยด หรือว่าน้ำปราณแปดสิบแปดหยดก่อนหน้าก็มาจากเขานั่นเอง?
แม้ว่าไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่ชายหนุ่มนั้นท่าทีมั่นอกมั่นใจ รู้คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว
มู่เหยาที่อยู่ตรงข้ามถึงกับตะลึงงัน ดวงตาคู่นั้นพลันเปล่งประกาย สายตาที่จ้องมองหลิงเซียวยิ่งร้อนแรงมากขึ้น ราวกับพบเจอของต้องใจหลังจากผิดหวังมาก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินน้ำปราณหนึ่งร้อยหยด ผู้เฒ่าถึงกับตัวสั่น สายตาฉายแววความตื่นเต้นบ้าคลั่งจนควบคุมไม่อยู่ ความเป็จริงนั้น ท่านเ้าเมืองของพวกเขานั้นสนใจน้ำปราณพอๆ กับไข่อ่อนขั้นแปดใบนี้ แต่เสียดายตรงที่น้ำปราณก่อนหน้านั้นเป็สินค้าประมูล โรงประมูลเจ็ดดวงดารานั้นแม้จะสนใจสินค้ามากเพียงใด ก็มิอาจทำลายชื่อเสียงตนเองได้ ท้ายสุดจึงได้แต่ถอดใจ
แต่กลับคาดไม่ถึงว่า เ้าของน้ำปราณนั้นยังมีน้ำปราณเหลืออยู่อีก แถมตั้งหนึ่งร้อยหยด จากราคาของมัน ผู้เฒ่าแทบไม่ต้องคิดก็ตัดสินใจได้เลย
“หากว่าไม่มีท่านไหนเสนอสินค้าเพิ่มเติม งั้นข้าขอประกาศผู้ที่จะได้ไข่สัตว์ปีศาจขั้นแปดนี้” ผู้เฒ่ากวาดตามองผู้ชมในลานประมูลเพื่อเพิ่มอรรถรส หยุดไปชั่วขณะ พลันเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “การประมูลประจำรอบนี้ ผู้ที่ได้ไข่อ่อนปีศาจขั้นแปดก็คือ…ท่านชาย แขกพิเศษหมายเลขสิบ”
พอกล่าวจบ บรรยากาศในลานประมูลเงียบสงัดทันใด คนทั้งหมดหันไปยังหลิงเซียวที่อยู่ชั้นสอง โหยวเสี่ยวโม่ที่คลานอยู่ตรงคานกั้นก็ถูกเมินไปโดยปริยาย
หลิงเซียวยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วนั่งลงกับที่
การประมูลที่สามปีมีครั้งของโรงประมูลเจ็ดดวงดารา ในที่สุดก็จบลงอย่างเหนือความคาดหมาย เ้าอำนาจทั้งสามนั้นถูกม้ามืดสองคนก้าวข้ามเป็ที่เรียบร้อย ของล้ำค่าสองชิ้นสุดท้ายกลับไม่ได้มาสักอย่าง ผลลัพธ์นี้สร้างความตึงเครียดให้กับทั้งสามสำนัก สายตามีพลังหลายคู่จ้องมองคนชุดดำและหลิงเซียว สายตาแฝงด้วยความอำมหิตคิดไม่ซื่อ แม้ว่าของจะถูกพวกเขาประมูลไป แต่ยังมีบางคนที่ยังไม่ถอดใจ สายตาเหมือนกำลังวางแผนชั่วอะไรอยู่
หลิงเซียวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร มุมปากยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ ตลอดเวลา
โหยวเสี่ยวโม่ยิ่งไม่ได้รับรู้อะไรเลยกับบรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ยังคงตกอยู่ในภวังค์แห่งความดีใจที่ได้ไข่อ่อนสัตว์ปีศาจมา ดึงแขนเสื้อหลิงเซียว “ศิษย์พี่หลิง เราไปรับของได้เมื่อไหร่?”
หลิงเซียวเม้มปาก แล้วหันไปมองทางผู้เฒ่าที่เป็พิธีกรงานประมูล
โหยวเสี่ยวโม่หันขวับไปดู ผู้เฒ่าก็สั่งให้คนเก็บไข่อ่อนลงจากเวทีแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้มหันกลับมายังเบื้องหน้าฝูงชน หัวเราะแล้วเอ่ย “ทุกท่าน การประมูลสามปีมีหนของเราในครั้งนี้เป็อันยุติลง ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมการประมูลนี้ ต่อจากนี้คนที่ประมูลสินค้าครั้งนี้ได้ สามารถเลือกเวลามารับของด้านหลังเวทีได้ทุกเมื่อ”
เมื่อผู้เฒ่าพูดจบก็เดินลงจากเวที ผู้ชมชั้นหนึ่งและชั้นสองต่างก็ลุกขึ้นเพื่อออกจากลานประมูล คนชุดดำนั้นจากไปเมื่อใดไม่มีใครรู้ ทว่าฝั่งแขกพิเศษนั้นไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด คิดว่าคงสั่งให้คนตามดูเขาไว้แล้ว
หลิงเซียวลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับโหยวเสี่ยวโม่ “ศิษย์น้องเล็ก เราไปกันเถอะ”
โหยวเสี่ยวโม่ปัดก้นแล้วเดินตามออกไป เขายังไม่รู้ว่าครั้นเมื่อออกจากเมืองฮุยจี๋แล้ว มีคนมากมายที่้าแย่งชิงไข่อ่อนจากเขา แต่หารู้ไม่ว่าในสายตาเขานั้น ไข่อ่อนใบหนึ่งเทียบอะไรกับเงินทองพวกนั้นไม่ได้เลย ต่างจากคนอื่นๆ
หลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่รีบไปรับของที่ประมูลได้ทันที
ผู้เฒ่าคนนั้นยืนรอพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเขาเดินมา พลันมีท่าทีอบอุ่นต้อนรับ กล่าวทักทายไม่กี่คำ จึงนำของที่พวกเขาประมูลได้ออกมา เตาหลอมอเวจีทองกับกล่องหยกที่มีไข่อ่อนสัตว์ปีศาจขั้นแปด แล้วก็เงินจำนวนสิบเก้าล้าน แต่หักค่าธรรมเนียมออกไปร้อยละห้า ดังนั้นจึงเหลืออยู่สิบแปดล้านห้าหมื่นถ้วน จากนั้นหยิบของใส่ถุงเก็บของพร้อมกับยื่นทั้งถุงเก็บของนั้นให้กับโหยวเสี่ยวโม่
เมื่อรับของมาแล้ว หลิงเซียวจึงพาโหยวเสี่ยวโม่กลับโรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารา
พอพวกเขากลับมา ก็มีคนได้รับข่าวทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้