"หนิงอ้ายเ้าคิดว่าปีนี้การทดสอบจะเป็อย่างไร?" หลี่ซวงถามขึ้นหลังจากที่พวกเขาใช้เวลาพูดคุยกันไปหลายชั่วยาม นับว่าเป็สหายที่พูดคุยกันได้ถูกคอยิ่ง
"ข้าคิดว่าผู้าุโที่คอยกำกับดูแลในเื่นี้คงไม่ได้มีการทดสอบที่ยากจนเกินไป เพราะว่าแต่ละปีจำนวนของผู้ฝึกตนที่ผ่านการทดสอบแรกก็มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว หากหลังจากนี้การทดสอบยังเป็สิ่งที่ยุ่งยากอีก ข้าว่าทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์คงไม่ได้ศิษย์ใหม่เลยซักคนเป็แน่..." หนิงอ้ายตอบกลับไปตามความคิดของตน
เพราะสำหรับจำนวนผู้ฝึกตนที่ผ่านการทดสอบแรกจนมาถึงประตูทางเข้าของสำนักก็ว่ามีจำนวนน้อยมากแล้ว หากยังมีการทดสอบที่ยุ่งยากเขาเกรงว่าสิ่งที่เขาตอบไปอาจเกิดขึ้นจริงก็เป็ได้
"ก็จริงของเ้านะหนิงอ้าย ฮ่าฮ่าฮ่า" ชายหนุ่มที่เหลือทั้งห้าคนต่างหัวเราะขึ้นเสียงดังกับคำตอบที่หนิงอ้ายได้เอ่ยจบไปเมื่อครู่อย่างอดใจไม่ได้
ทางฝั่งของผู้าุโที่เฝ้ามองอยู่ในค่ายกลส่งเมื่อพวกเขาคิดตามคำพูดของเด็กหนุ่มก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน เื่ของจำนวนศิษย์ใหม่ในแต่ละปีมีจำนวนน้อยเพียงใดพวกเขาต่างกระจ่างใจเป็ที่สุด...
ด้วยจำนวนของผู้ผ่านการทดสอบแรกนี้มีจำนวนมากถึงห้าสิบกว่าคน นับว่าเป็จำนวนที่มากกว่าทุกปี อีกทั้งกลุ่มรุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างมีผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพร์หลากหลายด้าน ดังนั้นพวกเขาที่อยู่ในห้องโถงหลักแห่งนี้จึงต้องปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดอีกครั้งเพื่อที่จะได้จัดการให้รุ่นเยาว์เหล่านี้ให้สามารถเข้าอยู่ในสังกัดตำหนักที่สามารถส่งเสริมพวกเขาให้ได้มากที่สุด
แน่นอนว่าเ้าตำหนักที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงผู้าุโระดับอื่น ต่างพากันเสนอความคิดเห็นออกมาอย่างหลากหลาย จนมีมติตกลงกันว่าจะให้รุ่นเยาว์ทั้งห้าสิบกว่าคนนี้ประลองกับศิษย์ชั้นปีที่สองเพื่อแสดงความสามารถพิเศษของตนออกมา เ้าตำหนักแต่ละคนจะเป็ผู้เสนอถึงสิ่งที่สามารถสนับสนุนรุ่นเยาว์คนนั้นได้ แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจเข้าร่วมในแต่ละตำหนัก จะต้องให้รุ่นเยาว์เป็ผู้เลือกเองโดยที่พวกเขานไม่สามารถเข้าไปขู่เข็นบังคับอีกฝ่ายได้เช่นกัน
"หากเ้าตำหนักสนใจรุ่นเยาว์คนเดียวกันนั้น ทางเ้าตำหนักจะต้องโน้มน้าวให้รุ่นเยาว์เ่าั้เข้ามาเป็ศิษย์ในตำหนักของตนได้ แน่นอนว่าทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมพอใจของเหล่าศิษย์ใหม่เหล่านี้เช่นกัน..." โจวห่าวหรือผู้หนึ่งในสามผู้คุมกฎของสำนักศึกษาได้เอ่ยสรุปขึ้นเมื่อเห็นว่าท้ายเ้าสำนักได้พยักหน้ารับรู้ไม่เอ่ยสิ่งใด ดังนั้นแล้วเขาจึงได้สั่งการให้ผู้าุโอีกสองคนที่เหลือและคนอื่น ๆ ออกไปจัดการเตรียมสถานที่สำหรับการทดสอบนี้ในทันที
รุ่นเยาว์ชายหญิงจำนวนมากกว่าห้าสิบคนต่างยืนรวมกันตรงทางเข้าของสำนักอย่างเป็ระเบียบด้วยการจัดการของหัวหน้าผู้คุ้มกันที่ได้รับหน้าที่รับผิดชอบในเื่นี้ ก่อนที่ด้านหน้าของประตูสำนักจะปรากฎเป็ชายชราร่างเล็กท่าทางใจดีคนหนึ่งที่มองสำรวจรุ่นเยาว์เหล่านี้อย่างถี่ถ้วน แน่นอนว่าสายตาคมกริบยังคงจ้องมองกลุ่มของหนิงอ้ายอยู่ชั่วครู่
"ข้าโจวห่าวหนึ่งในสามผู้คุมกฎของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับพวกเ้ารุ่นเยาว์ชายหญิงทุกคนที่สามารถผ่านการทดสอบแรกนี้ได้อย่างปลอดภัย แต่นี่นับได้ว่าเป็เพียงก้าวแรกพวกเ้าทั้งหลายจงอย่าชะล่าใจและทะนงตัวจนเกินไป เอาล่ะ! พวกเ้าทุกคนจงเข้ามารับป้ายศิษย์ใหม่ชั่วคราวจากข้าได้แล้ว..." เสียงอันทรงพลังของผู้าุโระดับสูงตรงหน้าดังขึ้นก้องไปทั่วทั้งบริเวณดังกล่าว
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ชายหญิงทุกคนในที่นี้ต่างรับรู้ได้ถึงพลังิญญาอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาอันเป็เอกลักษณ์ของผู้ฝึกตนระดับสูง สิ่งนี้นับว่าเป็อีกหนึ่งที่สร้างแรงกระตุ้นให้กับรุ่นเยาว์เหล่านี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะว่าในยุทธภพโลกฝึกตนต่างนับถือกันตรงที่ฝีมือและความแข็งแกร่งเสียเป็ส่วนใหญ่
สำหรับพวกเขาแล้วผู้าุโตรงหน้าย่อมเป็แบบอย่าง ชื่อเสียงของผู้าุโโจวห่าวท่านนี้นับได้ว่าเป็อีกยอดฝีมือระดับแถวหน้าในมหาทวีปนี้อย่างแท้จริง กลุ่มของหนิงอ้ายเองต่างมองไปยังผู้าุโดังกล่าวด้วยความเคารพนับถือไม่ต่างไปจากทุกคนในที่นี้ แม้ว่าพวกเขาจะเก็บซ่อนความตื่นเต้นอยู่ในใจเพราะในตอนนี้พวกเขาถือได้ว่าเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้วในที่สุดนั่นเอง
"ไปกันเถอะ ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!!" เป็อี้หลินที่เอ่ยขึ้นมาในก่อนในที่สุดด้วยเพราะไม่สามารถหยุดยั้งความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในใจตนได้ก่อนที่จะเอ่ยชวนสหายของตนไปในทิศทางดังกล่าวนั้นทันที
กลุ่มของหนิงอ้ายที่เหลือได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในท่าทางตื่นเต้นของอีกฝ่าย แม้พวกเขาจะพูดคุยและถือกันเป็สหายได้เพียงไม่กี่ชั่วยามแต่ด้วยเพราะได้แลกเปลี่ยนความเห็นพูดคุยกันในหลายเื่จึงทำให้พอทราบถึงนิสัยของแต่ละคนรวมไปถึงท่าทางของอี้หลินนี้ได้ พวกเขาที่เหลือจึงรีบเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่รอช้าเพื่อเข้าแถวรอรับป้ายชั่วคราวของศิษย์ใหม่ ที่ในตอนนี้เหล่ารุ่นเยาว์ชายหญิงหลายคนได้ถูกหัวหน้าผู้คุมกันนั้นช่วยจัดแจงให้เป็ไปด้วยความระเบียบเรียบร้อย
"สองคนทางซ้ายมือก็มาถึงก่อนพวกข้า ฝีมือของทั้งสองคนนั้นไม่ธรรมดาเช่นกันจากที่ข้าััได้..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางหนึ่งที่เป็ผู้ฝึกตนชายหญิงอายุประมาณสิบแปดปีอีกทั้งสองคนนั้นหน้าตาคล้ายคลึงกันเป็อย่างมาก กลุ่มของหนิงอ้ายจึงคาดเดากันว่าทั้งสองคนนั้นอาจเป็ฝาแฝดกันก็เป็ไปได้
"ทั้งสองคนเป็ราชทินนามเทวะิญญาขั้นต้น แม้ว่าพลังิญญาจะยังไม่เข้มข้นมากนักอาจด้วยเป็เพราะว่าพึ่งข้ามขั้นพลังิญญาอยู่ในระดับนี้ได้เพียงไม่นาน แต่ถึงอย่างไรก็ตามทั้งสองคนนั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาที่แท้จริง..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นให้ทุกคนได้รับรู้ตามข้อมูลที่เนตรแห่ง์แจ้งให้ตนทราบ เมื่อทุกคนต่างรู้ได้ถึงระดับพลังิญญาของอีกฝ่ายแล้วจึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดทั้งสองคนจึงสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้อย่างง่ายดายและมาถึงที่นี่ก่อนพวกเขาได้กัน
"ถึงกับเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามระดับเทวะิญญาขั้นต้นด้วยอายุน้อยเพียงนี้ แสดงว่าพวกเขาทั้งสองคนย่อมเป็สุดยอดรุ่นเยาว์อัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ของแคว้นใดแคว้นหนึ่งเป็แน่ แสดงว่าในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่นั้นนับได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็ศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ใช่หรือไม่??" จินหั่วเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังทั้งสองคนอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะััได้ถึงสายตาของกลุ่มของหนิงอ้ายก่อนที่หนึ่งในสองคนนั้นจะส่งการโจมตีด้วยจิติญญามาทางฝั่งของพวกเขาในทันที แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วนอยู่ในการรับรู้จากหนิงอ้ายทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เื่ยากที่จะสหายการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่ส่งการโจมตีเข้ามามองหนิงอ้ายด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่หนิงอ้ายจะเป็ฝ่ายส่งยิ้มและโค้งตัวเล็กน้อยเพราะพวกตนนั้นถือว่าไร้มารยาทที่มองอีกฝ่ายไปเช่นนี้
"ผู้ฝึกตนชายหญิงทั้งสองคนนั้นจะแข็งแกร่งด้วยเพราะอยู่ในระดับเทวะิญญาขั้นต้น สิ่งนี้ทำให้ข้าไม่แปลกใจสักเท่าไหร่นักเพราะข้าพอที่จะคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่ที่ข้าสงสัยคือเ้าสามารถรับรู้ถึงระดับพลังิญญาของอีกฝ่ายได้อย่างไร?" หลี่ซวงเอ่ยถามหนิงอ้ายขึ้นด้วยความแปลกใจเพราะว่าโดยปกติทั่วไป ผู้ฝึกตนระดับขั้นที่ต่ำกว่าจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงระดับฝึกตนของผู้อื่นที่มากกว่าด้วยความแตกต่างของพลังิญญา
"เ้าคิดมากเกินไปแล้วหลี่ซวง ขนาดเ้าเองก็ยังพอคาดเดาระดับพลังิญญาของทั้งสองคนนั้นได้ เพียงแต่ข้าอาศัยการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าระดับพลังิญญาของทั้งสองคนนั้นคงจะพึ่งอยู่ในระดับเทวะิญญาได้ไม่นานนักเพราะยังหลงเหลือััให้ตรวจสอบได้..."
"อีกทั้งเ้าอย่าลืมว่าข้าก็เป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงย่างก้าวระดับเทวะิญญาขั้นต้นแล้ว เมื่อนำทุกสิ่งอย่างมาประกอบกันจึงพอที่จะคาดเดาระดับพลังิญญาของอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก..." เป็หนิงอ้ายที่ตอบกลับสหายใหม่ของตนไปด้วยความสัตย์จริงเพราะต่อให้เนตรแห่ง์ไม่ส่งข้อมูลให้รับรู้เขานั้นก็พอที่จะทราบได้เช่นกัน
"คงเป็ข้าที่คิดมากไปเอง จริงสิ! คนนั้นก็เป็เพียงคนเดียวที่รอดพ้นจากค่ายกลเคลื่อนย้ายของข้า ญาณััของเขาตื่นตัวว่องไวเป็อย่างมากจนพวกเ้าต้องประหลาดใจ..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นตอบกลับไปแม้ว่าส่วนลึกในใจของเขาจะร้องบอกว่าหนิงอ้ายผู้นี้เต็มไปด้วยความลับบางอย่าง
ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาต่างถือว่าเป็สหายกันแล้ว ทุกคนต่างล้วนมีความลับของตนทั้งสิ้น หากอีกฝ่ายไม่้าให้ตนทราบในตอนนี้ตนก็จะรอให้สักวันหนึ่งให้อีกฝ่ายพร้อมและบอกกับเขาเอง เช่นนั้นแล้วจึงเปลี่ยนเื่คุยเป็เื่อื่นในทันที
กลุ่มของหนิงอ้ายหันไปมองอีกครั้งก่อนที่จะเห็นเป็ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีดำไปทั้งตัว ใบหน้านับว่าธรรมดาทั่วไปทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นไม่สามารถดูเบาได้ คล้ายกับว่ามีบางสิ่งที่คอยหมุนเวียนรอบตัวของเขาชวนให้ผู้พบเห็นนั้นต่างไม่อยากเข้าใกล้สักเท่าไหร่นัก
หนิงอ้ายเองก็ไม่รอช้าใช้เนตรแห่ง์ตรวจสอบอีกฝ่ายในทันทีซึ่งข้อมูลที่ปรากฎนั้นทำให้ตนรับรู้ได้เพียงว่าชายหนุ่มเป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงคนหนึ่งและมีสายเืของสัตว์อสูรไหลเวียนอยู่ คาดว่าเป็สัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อในเื่การป้องกัน
หมายเหตุด้านล่างนั้นทำให้หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าด้วยระดับพลังิญญาของเขาในตอนนี้ไม่สามารถตรวจสอบอีกฝ่ายได้ อาจด้วยเพราะอยู่ในระดับพลังิญญาขั้นเดียวกันหรืออาจเป็เพราะความพิเศษของทางสายเือสูรที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของอีกฝ่ายก็เป็ไปได้เช่นกัน
'ไม่น่าเชื่อว่าจะพบเจอผู้ที่มีสายเืสัตว์อสูรเหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วคนผู้นี้มีสายเืของสัตว์อสูรสายพันธ์ใด?'
'เนตรแห่ง์ยังไม่สามารถรับรู้ถึงข้อมูลทั้งหมดได้ ไม่รู้ว่าเป็เพราะความพิเศษของทางสายเืหรือสิ่งใดกัน...'
'ปราณธาตุน้ำในตัวได้ถูกนำออกมาหมุนเวียนอยู่โดยรอบตัว อีกทั้งนี่ยังเป็สิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้ใช้บทเวทย์ใดช่างเป็สายเืที่น่าชื่นชมยิ่ง…' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นกับตัวเองอยู่ในใจพร้อมกับลอบสังเกตชายหนุ่มต่อไปอย่างเงียบ ๆ
"เขาดูแข็งแกร่งมาก แต่ก็ดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน..." เป็อี้หลินที่เอ่ยขึ้นเป็คนเเรกก่อนที่จะถอนสายตาออกมาในที่สุด
"เขาต้องมีความพิเศษเป็แน่เพราะสามารถรอดพ้นจากค่ายกลประหลาดของอู่ฮั่นได้อย่างไรเล่า..." จ้าวหลานเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยอกล้อสหายของตนไปอีกครั้งอย่างอดใจไม่ได้
"ปล่อยเ้าพูดต่อไปเถอะ อย่างไรข้าต้องฝากตัวเป็ศิษย์ของตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลให้ได้!!" อู๋ฮั่นเอ่ยขึ้นด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
" ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด หากไม่มีอะไรก็อย่าไปข้องเกี่ยวกับเขาผู้นี้แล้วกันพวกเราควรตั้งใจรอรับป้ายศิษย์ใหม่ชั่วคราวจากผู้าุโได้แล้ว..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นสรุปในที่สุดก่อนที่จะบอกให้ทุกคนอยู่ในความสงบเรียบร้อยเสียที
ผู้าุโโจวห่าวได้เห็นตัวจริงที่ไม่ได้ผ่านค่ายกลส่งภาพ ต่างรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้ช่างเต็มไปด้วยพร์มากมายเสียจริงสมกับที่ตาเฒ่าทั้งหลายได้หมายตากลุ่มของหนิงอ้ายเอาไว้เพื่อเข้าตำหนักของตน การมอบป้ายชั่วคราวของศิษย์ใหม่ได้เสร็จสิ้นแล้ว รุ่นเยาว์ชายหญิงทุกคนต่างมีป้ายชื่อเป็ของตนเองกันหมดแล้วผู้าุโจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ขอต้อนรับศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้อีกครั้ง พวกเ้าทุกคนทั้งห้าสิบกว่าคนในที่นี้ล้วนเป็ต้นกล้ารุ่นเยาว์ชั้นยอดที่สำคัญต่อสำนักศึกษาของเรา หวังว่าพวกเ้านั้นจะใช้เวลาตลอดที่อยู่ในสำนักศึกษาแห่งนี้เพื่อพัฒนาตนเองให้ได้มากที่สุด อนึ่งก็เพื่อตัวของพวกเ้าเองที่จะสามารถยืนอยู่ในยุทธภพนี้ได้อย่างมั่นคงและแน่นอนว่าอีกหนึ่งนั่นคือการตอบแทนสำนักศึกษาของพวกเราให้ยังคงเป็อีกหนึ่งสำนักศึกษาอันดับต้น ๆ ของมหาทวีปแห่งนี้สืบไป!!!" สิ้นเสียงของผู้าุโโจวห่าวได้กล่าวจบลง รุ่นเยาว์ชายหญิงผู้ฝึกตนจำนวนมากกว่าห้าสิบชีวิตในที่นี้ต่างโห่ร้องกันออกมาเสียงดังบ้างก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด
พวกเขาเหล่านี้นั้นล้วนแบกความหวังทั้งของตนเองและตระกูลของตนในการเข้าทดสอบของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ภาพของรุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้าุโและหัวหน้าผู้คุ้มกันรวมไปถึงเหล่าผู้าุโที่เฝ้ามองดูจากค่ายกลส่งภาพต่างอดไม่ได้ที่จะล้วนเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นกัน
‘ในที่สุดข้าก็ทำได้สำเร็จ ท่านพ่อของข้าต้องภูมิใจมากเป็แน่...’
‘ข้าได้เป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ ข้าทำได้แล้ว!!’
‘ข้าต้องส่งข่าวบอกให้กับตระกูลของข้าได้ทราบ พวกเขาต้องดีใจมากเป็แน่ที่ข้าสามารถทำได้เช่นนี้...’
‘ในที่สุดความพยายามของข้าตลอดสามปีมานี้ก็สำเร็จเสียที ข้าคิดว่าต้องเข้าทดสอบทุกปีจนกว่าจะถึงกำหนดของอายุเสียแล้ว...’
เสียงของเหล่าบรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ที่เอ่ยขึ้นพูดคุยกันด้วยความยินดีที่ดังขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณลานหน้าประตูทางเข้าสำนัก การทดสอบครั้งนี้ที่ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ได้จัดขึ้น จำนวนผู้ที่ผ่านการทดสอบเป็ศิษย์ใหม่มีมากถึงห้าสิบกว่าคนเลยทีเดียว นับได้ว่าเป็จำนวนที่มากที่สุดในรอบหลายร้อยปีที่ได้มีการจัดทดสอบขึ้น
กลุ่มรุ่นเยาว์เหล่านี้ด้วยญาณััของผู้ฝึกตนระดับสูงเช่นพวกเขาต่างรับรู้ได้ว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างเป็สุดยอดรุ่นเยาว์อัจฉริยะที่มากไปด้วยพร์และความพิเศษทั้งทางพลังิญญาและทางสายเือันโดดเด่น แน่นอนว่าหน้าที่ของพวกเขาที่เป็ผู้าุโประจำสำนักหรือเ้าตำหนักต่าง ๆ คือการสนับสนุนผลักดันให้รุ่นเยาว์เหล่านี้สามารถที่จะพัฒนาได้มากที่สุดตามขีดจำกัดของพวกเขา
"พวกเ้าจงอยู่ในความสงบเสีย จากนั้นให้ใช้พลังิญญาลงไปในแผ่นป้ายหยกที่ได้รับแล้วหลับตาลงได้แล้ว!!!" เสียงของผู้าุโโจวห่าวเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่เงาร่างจะหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาตั้งสติได้จึงทำตามที่ผู้าุโได้เอ่ยขึ้นในทันที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้