นี่ทำให้จางซานกับคนที่เหลืออยู่ในลานบ้านเกิดความลังเล “ลูกพี่ใหญ่ ยังไม่นอน เอาอย่างไรดี?”
“รอ!”
ขณะนี้พวกเขาลืมไปหมดสิ้นว่ายาสลบของตน นอกจากสามารถทำให้สัตว์สลบไสลได้ มันยังสามารถทำให้คนสลบได้เช่นกัน
จางซานกับพวกนั่งยองๆ ในลานบ้านรอคนสกุลลั่วเข้านอน แต่ใครจะรู้ว่าไฟกลับไม่ดับสักที
......
โจวย่าอวิ๋นเป็กังวล จึงยุ่งกับการตามหาคนอยู่ข้างนอก ตอนนี้เพิ่งจะมีเวลากลับบ้าน เขาจูงรถม้าและจับม้าเข้าคอก จากนั้นตั้งใจจะล้างมือและเตรียมเข้าไปรายงานกับผู้เป็นายเื่การตามหาคน ใครจะรู้ว่ากลับมองเห็นเงาดำหลายเงาจากฝั่งตรงข้ามกะละมัง เริ่มแรกเขาคิดว่าตนเองตาฝาดไป เมื่อมองดูให้ชัดถึงรู้ว่ามีโจรเข้าบ้านแล้ว
เพื่อไม่ให้เป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจงใจหาวและเดินโซเซเข้าห้องโถงไป
พอเดินเข้าประตู เขาก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนห้ามส่งเสียง
จางซานกับพวกที่อยู่ด้านนอก เมื่อครู่กำลังอกสั่นขวัญแขวน เขารู้สึกว่าคนผู้นั้นเหมือนจะเห็นพวกเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่เผยสิ่งใดให้สังเกต ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าพวกเขาถูกพบเข้าหรือยังและจะจู่โจมดีหรือไม่
ขณะที่กำลังลังเล ไฟในห้องก็ดับลง รอจนแน่ใจว่าคนในบ้านลั่วหลับแล้ว จางซานก็รีบให้สัญญาณมือ
“ไป!”
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้เข้าบ้าน ก็มีชายชุดดำสองคนปรากฏตัวกลางอากาศ ทั้งสองคนยืนเฝ้าเรือนหลักทั้งสองฝั่งซ้ายขวา ชัดเจนว่าไม่คิดจะให้พวกเขาเข้าไป
“ดันมีคนแย่งงานของเรา พี่ใหญ่ ทำอย่างไรดี? จัดการพวกเขาเลยหรือไม่?”
หากเป็แต่ก่อน คำพูดของพี่จางคงได้รับการพยักหน้าตอบรับจากจางซานแล้ว แต่สองคนนี้สร้างความรู้สึกอันตรายอย่างมากให้แก่ตนเอง
“แยก แยกย้ายเดี๋ยวนี้!”
ไม่ทันรอให้คนอื่นมีปฏิกิริยาตอบสนอง จางซานก็พาคนวิ่งหนีไป
......
ผู้อารักขาลับทั้งสองเห็นดังนั้น คนหนึ่งรีบไปรายงานจ้าวจือชิง ส่วนอีกคนก็วิ่งไล่ตามกลุ่มของจางซานไป
คนสกุลลั่วที่อยู่ในห้องโถงที่กำลังรอโจรจู่โจมเข้ามา จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวสักที
โจวย่าอวิ๋นส่งสัญญาณให้พวกเขายืนข้างหลัง ส่วนตนเองก็แง้มประตูมองดูข้างนอกอย่างระมัดระวัง
“นี่มัน…” เขาง้างประตูออกทันใด ที่ลานบ้านกลับไม่มีผู้ใดอยู่ “หรือว่าข้าตาฝาดไป?” โจวย่าอวิ๋นลูบศีรษะตนเองอย่างงงๆ
ลั่วจิ่งเฉินหิ้วตะเกียงไฟออกมาและมองดูลานบ้านหนึ่งรอบ รอยเท้าบนผนังกำแพงชัดเจนมาก ไก่ เป็ด กระต่ายและม้าในบ้านถึงขั้นนอนสลบบนพื้น
“ไม่ได้ตาฝาด เพียงแต่ไม่รู้เหตุใดพวกเขาถึงหนีไป”
ลั่วจิ่งเฉินพูดจบ หลิงชางไห่เองก็ลุกขึ้นหลังจากตรวจสอบอาการของม้า
“ยาสลบ สัตว์เหล่านี้หมดสติเพราะยาสลบ เดาว่าพวกเขาอยากใช้ยาสลบกับเรา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ได้ลงมือ”
จางซานกับพวกจำได้แค่ว่าการทำให้สัตว์สลบ จะช่วยป้องกันไม่ให้มันส่งเสียง แต่กลับลืมไปว่าสามารถทำให้คนสลบได้ด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงใจทำเช่นนั้น เพียงแต่ในอดีตไม่เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงลืมเื่นี้ไป อีกทั้งต่อมายังเจอกับผู้อารักขาลับ พวกเขาจึงยิ่งกระวนกระวาย
......
ทางด้านจ้าวจือชิงเมื่อได้ข่าวจากผู้อารักขาลับ เขาถึงปลีกตัวออกจากคุกใหญ่ของอำเภอเฉา เมื่อจ้าวจือชิงจากไป คนทั้งสามที่นอนคุดคู้อยู่ในคุกถึงได้เหมือนกับฟื้นคืนชีพและหายใจหอบอีกครั้ง
พวกเขาถูกเ้าร่างหินั์นี่ทรมานกว่าครึ่งชั่วยาม จึงสารภาพทุกอย่างไปหมดเปลือก จะเหลือก็เพียงแค่สารภาพเื่ปัสสาวะรดกางเกงในวัยเด็ก หวังว่าเ้าปีศาจั์ตนนี้จะรีบหาแม่นางคนนั้นให้เจอและอย่าได้มาทรมานพวกเขาอีกเลย
......
ทางด้านที่จางซานรู้สึกว่าถูกคนสะกดรอยตาม จึงอ้อมไปมา ภารกิจครั้งนี้เขาคิดว่าออกมาจะได้ลาภลอยก้อนใหญ่สักก้อน ดังนั้นคนเฝ้ายามจึงมีเพียงสองคน ทำให้ชีเหนียงคอยพินิจว่าจะหนีออกไปอย่างไร
ขณะที่เหม่อลอย นางเหมือนได้กลิ่นไม้ถานเซียงที่คุ้นเคย กลิ่นนี้เหมือนกับกลิ่นเทียนหอม
หรือตอนนี้นางจะอยู่ในสถานที่เหมือนวัด? สถานที่ในอำเภอเฉา นางก็พอรู้บ้างไม่มากก็น้อย ในระยะร้อยลี้นี้มีวัดเพียงแห่งเดียว ซึ่งก็คือสถานที่ที่ร่างเดิมเคยอยู่สมัยยังเป็ทารก คนกลุ่มนี้ช่างเ้าแผนการนัก ถึงขั้นร่วมมือกับวัด ผู้ใดเล่าจะกล้าคิดว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ดันมีเื่สกปรกอยู่ด้วย
ชีเหนียงเขย่าหลานไฉ่เตี๋ยเพื่อปลุก “ชู่ อีกเดี๋ยว…”
ทั้งสองกระซิบกระซาบกัน จากนั้นหลานไฉ่เตี๋ยจึงคลานไปกับพื้นและดิ้นไม่หยุด
“เร็วเข้า ใครก็ได้! ใครก็ได้ มีคนจะตายแล้ว! มีคนจะตายแล้ว!”
ชีเหนียงทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง ทำให้คนเฝ้าประตูสองคนสะดุ้งตื่นและรีบเปิดเข้ามาดู
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าก็ไม่รู้ เมื่อครู่จู่ๆ นางก็ลงไปดิ้นกับพื้นแล้วบอกปวดท้อง พวกเ้ารีบไปหาหมอที ข้าว่านางกับคนที่มา่บ่ายวันนี้ค่อนข้างสนิทกัน หากเกิดเื่ พวกเ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”
คนที่เฝ้าย่อมรู้ดีว่าชีเหนียงพูดถึงใคร จึงส่งอีกคนไปเรียกหมอ ส่วนตนเองก็เฝ้าพวกนางอยู่ที่นี่
ชีเหนียงกับหลานไฉ่เตี๋ยสบตากัน เป็ดั่งที่ตนเองคาดเดาจริงๆ กลางคืนมีคนเฝ้าแค่สองคน หากยังมีคนที่สามอยู่ คนที่ไปตามหมอเมื่อครู่ต้องไม่ใช่หนึ่งในพวกเขาสองคนแน่
ชีเหนียงประคองหลานไฉ่เตี๋ยลุกขึ้นและแสร้งกลับไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องขัง ขณะที่เห็นคนเฝ้ายามหันหลังกลับไป ก็วาดขาเตะทำให้ฝ่ายคนเฝ้ายามล้มลง ขณะที่บุรุษผู้นั้นยังไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกนางก็จัดการทุบเขาจากด้านหลังจนอีกฝ่ายหมดสติ
“เ้าเก่งเช่นนี้ เหตุใดจึงยังถูกจับมาอีก?”
หลานไฉ่เตี๋ยมองนางด้วยดวงตาเปล่งประกาย สายตาของตนดีเยี่ยมจริงๆ ถึงได้หาคนเก่งกาจเจอ
ชีเหนียงไม่มีแก่ใจจะคุยกับนางต่อ นางเองก็ถูกคนทำให้สลบตอนที่ไม่ทันตั้งตัว
“อย่าถามมาก รีบไปเร็ว!”
ชีเหนียงไม่ได้สนใจคนอื่นๆ แม้สตรีเหล่านี้ที่ถูกจับมาจะน่าสงสาร แต่พวกนางกลับไม่มีใจในการช่วยตัวเอง แต่หลานไฉ่เตี๋ยกลับทำให้นางรู้สึกว่าใช้ได้ แม้จะตกอยู่ในอันตราย แต่ก็รู้ว่าทำอย่างไรจึงมีชีวิตอยู่ได้ คนเรามีเพียงมีชีวิตรอด จึงจะสร้างความเป็ไปได้ที่ไม่จำกัด
เมื่อเห็นพวกนางสองคนจากไป คนที่เหลือเห็นว่าประตูเปิดทิ้งไว้ ก็รู้สึกเหมือนกับได้เห็นโอกาสมีชีวิตรอดจึงรีบพากันกรูออกไป
“ข้าจะไป ข้าจะไป!”
“ในที่สุดก็ได้ไปแล้ว ถอยไป ให้ข้าไปก่อน!”
ชีเหนียงรวบรวมแรงฮึดปีนขึ้นบันได จนถึงชั้นบนสุดกลับพบว่า้าถูกลงกลอนไว้
ไม่ใช่สิ หากถูกลงกลอนไว้ คนเมื่อครู่จะจากไปได้อย่างไร
นางออกแรงผลักข้างบน ไม่ว่าอย่างไรก็ผลักไม่ออก ขณะนี้้ามีเสียงฝีเท้าเดินมา ซึ่งนางไม่รู้ว่าคือผู้ใด ฉับพลันนางก็ะโลงไปด้านล่าง “หากคิดจะออกไป ก็หุบปากเสีย!”
หญิงสาวที่ร้องโอดครวญรีบปิดปากของกันและกัน ตอนนี้โอกาสหนีของพวกนางขึ้นอยู่กับตัวชีเหนียง แต่ชีเหนียงยังกลับแยกแยะไม่ถูกว่าคน้าคือผู้ใด นางจึงได้แต่พาคนทั้งหมดหาทางอื่นเพื่อหนี
“ที่นี่ถูกปิดตายแล้ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เราจำเป็ต้องหาช่องทางอื่น”
ชีเหนียงสั่งให้คนทั้งหมดไปหาเส้นทางอื่น ส่วนตนเองกลับหันกลับไปจุดที่ถูกขังและดูว่าจะมีข่าวคราวที่มีประโยชน์จากคนเฝ้ายามบ้างหรือไม่
......
ทางด้านสกุลลั่ว เนื่องจากชีเหนียงยังไม่กลับมาอย่างปลอดภัยสักที เมื่อวานก็เกือบมีโจรเข้าบ้าน รุ่งเช้ายายโจวจึงเตรียมกระดาษและเทียนหอม
“ข้าตั้งใจจะไปกราบไหว้ที่วัดเฉิงเอินใกล้ๆ เพื่อขอให้นายหญิงกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
ยายโจวไม่อาจช่วยเหลือสิ่งอื่นใด มีเพียงวิงวอนพระโพธิสัตว์เพื่อให้จิตใจร่มเย็น
“เราก็จะไปด้วย”
หลิงชางไห่ไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่การนั่งรออยู่ในบ้านมันทรมานเกินไป ดังนั้นจึงคิดอยากไปด้วย เด็กๆ ทั้งหลายห่วงชีเหนียงจึงลาโรงเรียน จิ่งซีกับจิ่งไหลเองก็จะตามไปด้วยเช่นกัน เพียงแต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ หลิงชางไห่จึงให้พวกเขารออยู่ที่บ้าน หากมีข่าวคราวก็ให้ไปตามหาตนที่วัดเฉิงเอิน
-----