เหยาอวี้เอ๋อร์กัดฟันจนแทบแตก พลางสบเข้ากับสายตาของเป่ยเหลียนโม่ที่มองมา ทว่านางกลับทำได้เพียงยิ้มฝืนๆ เท่านั้น
“น้องหญิงกล่าวอันใดกัน ก็แค่คำพูดสัพเพเหระเมื่อครู่เท่านั้น ต่อพระพักตร์ท่านอ๋องเ้าอย่าเอามาล้อเล่นสิ”
เหยาซื่อเฟิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาดูออกแล้ว นางเด็กบ้านั่นไม่อยากให้ตระกูลเหยาได้อยู่ดี จึงชิงทรยศองค์ชายสามไปเสียก่อน ยามนี้ก็ยืมมือเป่ยเหลียนโม่มาแก้แค้นตระกูลเหยา
ช่างอกตัญญูโดยแท้!
“เชียนเชียน ต่อพระพักตร์ของท่านอ๋องอย่าพูดไร้สาระ” เขาปั้นหน้าเ็า “เมื่อครู่ล้วนเป็เื่ตลกของคนชั้นต่ำทั้งนั้น จะเอามาทำให้พระกรรณของท่านอ๋องแปดเปื้อนได้อย่างไร”
เหยาเชียนเชียนนั่งลงบนเก้าอี้ทั้งเหงื่อโซมกาย หากไม่ใช่เพราะมือข้างหนึ่งของเป่ยเหลียนโม่คอยโอบ่เอวไว้ นางคงนั่งให้มั่นคงไม่ได้ นางรู้สึกวิงเวียนเหลือเกิน ศีรษะพร้อมจะจุ่มลงไปในชามน้ำแกงตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเ้าของร่างเดิมจะมีร่างกายอ่อนแอเช่นนี้
“คนกันเองทั้งนั้น ไยจึงถือเคร่งในกรอบ” นางยิ้มพลางอิงซบลงบนลาดไหล่ของเป่ยเหลียนโม่ อดทนกับความเจ็บตึงที่มุมปากและอาการวิงเวียนศีรษะ พออิงซบเช่นนี้ยิ่งดูเหมือนนางจงใจพะเน้าพะนอ ร้อนให้เหยาอวี้เอ๋อร์รู้สึกริษยา
“ท่านอ๋อง หลังจากกลับมาที่จวนหม่อมฉันก็ได้รับการสั่งสอนจากท่านพ่อ เมื่อท่านทราบว่าหม่อมฉันทำความผิดร้ายแรงลงไป ท่านพ่อจึงตำหนิหม่อมฉันอย่างเข้มงวด และหม่อมฉันเองก็รู้สึกผิดจากใจจริง หม่อมฉันละอายในความประพฤติของตัวเอง และรู้ตัวว่าไม่คู่ควรที่จะปรนนิบัติท่านอ๋อง มิสู้คัดเลือกคนมาคอยปรนนิบัติข้างกายและจงรักภักดีต่อท่านอ๋องเพิ่มอีกสักสองสามคน”
เป่ยเหลียนโม่สีหน้าไม่เปลี่ยน เขาฟังนางพูดไปเรื่อยอย่างเงียบเชียบ จะคัดเลือกสตรีให้เขาอย่างนั้นหรือ เหยาเชียนเชียนไม่ได้ใจกว้างถึงเพียงนั้นหรอก
ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น นางแต่งงานกับเขาแล้ว ซึ่งก็เป็ความ้าของเป่ยเซวียนเฉิงอยู่ส่วนหนึ่ง ในจวนมีผู้คนมากมาย นางจึงทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก ทว่ายามนี้กลับกล่าวเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ได้จะเล่นลูกไม้อะไรกับเขากระมัง
“ท่านอ๋อง ท่านพี่ของหม่อมฉันถ่อมตนและนอบน้อม ทั้งยังคุ้นเคยกับมารยาทสตรี ต้องสามารถปรนนิบัติพ่อแม่สามีและดูแลบุตรได้ดีเป็แน่ ไยท่านอ๋องจึงไม่รับเราสองพี่น้องเข้าจวนด้วยกันเล่าเพคะ หม่อมฉันจะได้มีเพื่อนด้วย”
เหยาอวี้เอ๋อร์มองไปทางเป่ยเหลียนโม่อย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง แม้ไม่รู้ว่าเหยาเชียนเชียนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่หากนางได้แต่งงานกับชิงผิงอ๋องจริง ชีวิตนี้ก็จะได้เสพสุขความรุ่งเรืองและความร่ำรวยอย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้สามียังเป็ถึงัในหมู่คนที่มีรูปโฉมงามสง่าอีกด้วย
นางทอดมองเขาด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม สองแก้มแดงก่ำ พร้อมฉวยโอกาสจากประโยคนั้นโอ้อวดตนเองอย่างอดไม่ได้ ไม่แน่ว่าหากผลักดันเื่นี้สักเล็กน้อยก็อาจจะมีโอกาสสำเร็จได้!
“หวังเฟยล้อเล่นอีกแล้ว” เป่ยเหลียนโม่จิ้มจมูกของเหยาเชียนเชียนอย่างเอ็นดู “ยามที่เปิ่นหวังสู่ขอหวังเฟยกับเสด็จพ่อได้ให้สัญญาไว้ว่าจะดีต่อเ้าไปตลอดชีวิต เพิ่งแต่งงานกับเ้าเพียงไม่กี่วันจะให้สู่ขอพี่สาวได้อย่างไร เช่นนี้ท่านพ่อจะไม่กล่าวโทษเปิ่นหวังว่าไม่เอาใจใส่เ้าหรือ”
“ท่านอ๋อง อวี้เอ๋อร์ไม่กล้าชิงรักหักสวาทกับน้องสาวหรอกเพคะ” เหยาอวี้เอ๋อร์ก้มหน้าก้มตา แสดงท่าทีเป็กุลสตรีจากตระกูลใหญ่ที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย “ขอเพียงได้ปรนนิบัติท่านอ๋อง อวี้เอ๋อร์ยินดีเป็อนุเพคะ”
นางสามารถกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ เหยาอวี้เอ๋อร์ต้องอยากแต่งงานกับท่านอ๋องหน้าตาเ็าผู้นี้มากเท่าใดกัน?
เหยาเชียนเชียนมองเป่ยเหลียนโม่อย่างสื่อความนัย โดยความนัยนั้นคือให้ดูท่าทางเพ้อฝันไม่เปลี่ยนแปลงนั้น หากนางเป็บุรุษก็คงอดจะสงสารไม่ได้ อนุคนหนึ่ง รูปโฉมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสนมหลิ่ว ขอท่านได้โปรดรับนางไว้เถิด
เพราะหากรับเข้าจวนอ๋องแล้ว นางจะทรมานเหยาอวี้เอ๋อร์จนตายเอง!
“เปิ่นหวังให้สัญญาต่อพระพักตร์ของเสด็จพ่อแล้ว คุณหนูเหยาทำเช่นนี้้าให้เปิ่นหวังผิดคำพูดต่อเสด็จพ่อหรือ?”
เป่ยเหลียนโม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าอารมณ์โกรธที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนั้น แม้แต่เหยาอวี้เอ๋อร์เองก็ฟังออกจนไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไร
นางนึกชิงชังในใจ ถ้าหากเหยาเชียนเชียนไม่ได้ขึ้นมาก่อน แสดงท่าทางประจบสอพลอชิงผิงอ๋อง เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสได้เป็ชายาอยู่ข้างกายชิงผิงอ๋อง
น่าเสียดายบุรุษรูปงามเช่นนี้ ต่อให้วันหน้าเขามิอาจได้นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด แต่แค่ได้รับความโปรดปรานจากเขา เพียงเท่านี้ก็นับว่าเกิดมาไม่เสียเปล่าแล้ว
“ชีวิตนี้ของเปิ่นหวังมีหวังเฟยเพียงคนเดียว” เป่ยเหลียนโม่แย้มยิ้มอ่อนโยน เขายิ้มจนเหยาเชียนเชียนขนลุกไปทั้งตัวและไม่กล้าเย้าแหย่อีก “เื่ใดที่เป็การกระทำผิดต่อนางเปิ่นหวังจะไม่ทำ”
เหยาเชียนเชียนเอนซบอ้อมแขนของเขาอย่างเอาใจ พลางคิดในใจว่าคำพูดหลอกลวงเช่นนี้เขายังกล้ากุขึ้นมา ไม่กลัวฟ้าผ่าเอาหรืออย่างไร?
ทั้งคู่ดูรักกันอย่างยิ่งในสายตาคนนอก เหยาซื่อเฟิงคิดสะระตะในใจ เขาเกรงว่าลูกสาวคนนี้จะสวามิภักดิ์ต่อเป่ยเหลียนโม่ไปเสียแล้ว เช่นนั้นทางด้านองค์ชายสามเล่า เขาจะทูลต่อพระองค์อย่างไรดี
เหยาซื่อเฟิงเกลียดตัวเองที่เลี้ยงลูกอกตัญญูเช่นนี้ ไม่รู้ว่านางถูกชิงผิงอ๋องผู้นั้นหลอกล่อด้วยคำกล่าวหวานหูอย่างไร ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
ในยามนี้ เหยาเชียนเชียนซึ่งถูกบังคับให้อยู่ในอ้อมแขนของเป่ยเหลียนโม่กำลังฝืนฟัง ‘คำกล่าวหวานหู’ นั้นอยู่ ทว่าในใจของนางไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
“หวังเฟยอยากให้เปิ่นหวังสู่ขอพี่สาวของเ้าจริงๆ หรือ ถึงเวลานั้นเปิ่นหวังและนางต้องอยู่อาศัยด้วยกันทั้งวันทั้งคืน หวังเฟยไม่กลัวข้าทอดทิ้งเ้าหรือ?”
เหยาเชียนเชียนคล้องแขนรอบลำคอของเป่ยเหลียนโม่ มือข้างหนึ่งไล้วนบนแผ่นอกเบาๆ ทั้งร่างแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของเขา ซึ่งความจริงแล้วท่าทางเช่นนี้มันบิดเบี้ยวเสียจนปวดเอว นางฝืนประคองตัวได้สักพักก็เริ่มตัวสั่น
“ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว ผู้เป็ภรรยาควรมีจิตใจกว้างขวาง หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”
นางรู้ว่าเขาจะไม่สู่ขอเหยาอวี้เอ๋อร์ เหยาเชียนเชียนเอามือเท้าเอวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ
แม้จะไม่ชัดเจนแต่ชิงผิงอ๋องไม่ได้เป็อย่างที่คนนอกเล่าลือกัน เขารักใคร่เอ็นดูนาง เพราะฉะนั้นจึงอ้อนวอนขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ ในเมื่อเขาสามารถทุ่มสุดตัวเพื่อสู่ขอนางเข้าจวนได้ และสามารถเมินเฉยต่อคำพูดของคนนอก เช่นนั้นเขาคงไม่ทำให้นางดูไม่ดีต่อหน้าผู้คนข้างนอกเป็แน่
ถึงขั้นที่ปล่อยให้นางหิวตายในเรือนหอ เกรงว่าถ้านางไม่พูด ผู้คนนอกจวนก็คงไม่มีผู้ใดรู้
ดังนั้นเหยาเชียนเชียนจึงจงใจแสดงท่าทางโอบอ้อมอารีออกมาให้เหยาอวี้เอ๋อร์ฝันหวานจนพอใจแล้วค่อยให้โดนเป่ยเหลียนโม่เหยียบย่ำทีหลัง
ดูไฟแค้นในแววตาของเหยาอวี้เอ๋อร์ยามนี้ นางคงเกลียดที่ไม่สามารถถลกหนังเลาะกระดูกและโยนเหยาเชียนเชียนลงจากตำแหน่งชายาของชิงผิงอ๋องได้ เหยาเชียนเชียนมองอย่างเบิกบานใจ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางเป่ยเหลียนโม่
แววตาของชายหนุ่มชะงักชั่วครู่ กระทั่งรอยยิ้มตรงมุมปากก็นิ่งค้างไปชั่วขณะ เขาก้มหน้ามองสตรีน้อยที่ดีใจจนลืมตัว ในใจเกิดเป็ระลอกคลื่นขึ้นมา
ความเปลี่ยนแปลงนี้เล็กน้อยจนไม่อาจสังเกตได้ แม้แต่ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจ
“หวังเฟยกำลังทดสอบเปิ่นหวังอยู่” เขายิ้ม “โชคดีที่เปิ่นหวังผ่านการทดสอบมาได้”
การแลกเปลี่ยนสายตาของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของคนอื่น ไม่มีผู้ใดคิดว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีเช่นนี้ ชิงผิงอ๋องกระซิบชิดใบหูของนาง และไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงทำให้เหยาเชียนเชียนหน้าแดงไม่หยุดหย่อน
ที่จริงแล้วเหยาเชียนเชียนรู้สึกผิดปกติอยู่เล็กน้อย เมื่อครู่ตอนทะเลาะกับคนตระกูลเหยา นางแค่ถูกตบสองฉาดเท่านั้น เดิมคิดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น ทว่ายามนี้กลับยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
นางไม่รู้ตัวว่าเวลานี้ใบหน้าของนางแดงก่ำยิ่งนัก เพราะนางอยู่ในอ้อมแขนของเป่ยเหลียนโม่ ดังนั้นคนอื่นจึงคิดว่านางกำลังขวยเขินชิงผิงอ๋อง แต่สายตาของเหยาซื่อเฟิงซึ่งตกอยู่ที่ใบหน้าของนางนั้นซับซ้อนเหลือเกิน
คล้ายกับมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ เหยาเชียนเชียนไอสองครั้งแต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด นางรู้สึกทรมานมากขึ้น อย่างไรก็สร้างอุปสรรคให้แก่เหยาอวี้เอ๋อร์ไปไม่น้อยแล้ว เช่นนั้นวันนี้ก็สมควรพอแค่นี้
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงตบลงไปบนแผ่นอกของเป่ยเหลียนโม่เบาๆ เป็นัยว่าเรากลับกันได้แล้ว
ทว่ายังไม่ทันที่นางจะลุกออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เืคำหนึ่งก็พ่นออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน กระเซ็นเปื้อนอาภรณ์ของเป่ยเหลียนโม่จนเป็รอยแดงวงใหญ่
“ท่านอ๋อง มียาพิษ...” เหยาเชียนเชียนพูดได้เพียงครึ่งประโยคก็สลบไป