มู่จื่อหลิงกำลังจะยืนขึ้น
แต่ทันใดนั้น คิ้วของมู่จื่อหลิงก็กระตุก นางรู้สึกว่ามีร่างหนึ่งกำลังพุ่งเข้าโจมตีจากทางด้านหลัง
ใน่เวลาที่สำคัญเช่นนี้
มู่จื่อหลิงไม่หันกลับไปมอง จากปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณทำให้ร่างของนางพุ่งไปจุดปลอดภัยด้านข้างทันที
เนื่องจาก้าหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างเร่งรีบ มู่จื่อหลิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นแสงวาบจากร่างตนเอง ความเร็วของนางรวดเร็วมาก หายวับไปรวดเร็วพอๆ กับในยามที่กุ่ยเม่ยใช้วิชาตัวเบา
แม้มู่จื่อหลิงจะไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา แต่นางก็รู้สึกแ่เบาในตอนที่นางหลบเมื่อครู่นี้ มีคลื่นความร้อนพุ่งขึ้นมาจากจุดตันเถียนของนาง
แต่น่าเสียดายที่ความร้อนนั้นหายวับไปอย่างรวดเร็ว มู่จื่อหลิงจึงไม่สนใจ
ในทางกลับกัน เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วนเมื่อครู่ คนอื่นๆ จึงไม่สังเกตถึงความเร็วในการหลบหลีกของมู่จื่อหลิง
เพราะ...ในขณะเดียวกัน
“หวางเฟย ระวัง!” สีหน้าของกุ่ยเม่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบพุ่งเข้าไปทันที ยื่นมือออกมาเตรียมดึงมู่จื่อหลิงที่กำลังจะถูกผลักลงไปในทะเลสาบขนาดใหญ่
แต่ความเร็วในการหลบหลีกที่ว่องไวของมู่จื่อหลิงนั้นรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มือที่ยื่นออกมาของกุ่ยเม่ยไม่ทันได้ััมู่จื่อหลิง ภาพการพลิ้วไหวของกระโปรงนางจางหายไปจากปลายนิ้วของเขาทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะทำให้ทุกคนคิดว่ามันเป็การเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ แม้กระทั่งกุ่ยเม่ยก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเื่นี้
เนื่องจากมู่จื่อหลิงหลบหลีกการจู่โจมของคนที่อยู่เื้ัได้อย่างหวุดหวิด กุ่ยเม่ยจึงรู้สึกโล่งใจเป็อย่างมาก
เมื่อเห็นว่ามู่จื่อหลิงหลบได้อย่างปลอดภัย กุ่ยเม่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีเืทันที ดวงตามีแววอาฆาต
เขาหันกลับมาจ้องหลินเกาฮั่นอย่างดุดัน ะโเสียงดังด้วยความกระหายเื “หลินเกาฮั่น เ้าช่างกล้า เ้ากล้าโจมตีฉีหวางเฟย!”
ขณะพูดกุ่ยเม่ยก็ยกกระบี่ในมือขึ้น
ปลายกระบี่ยาวแหลมคมชี้ตรงไปยังลำคอของหลินเกาฮั่น ราวกับว่าหากมีการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ปลายกระบี่จะเจาะเข้าไปในลำคอของเขาโดยไร้ข้อผิดพลาด
เฉียดฉิว! เฉียดฉิวยิ่งนัก! มู่จื่อหลิงที่อยู่ด้านหลัง หายใจเข้าลึกๆ เหลือบมองทะเลสาบที่ส่งกลิ่นเหม็นตรงหน้าด้วยความกลัว
หลังจากได้ยินเสียงกุ่ยเม่ยตะคอกอย่างเ็า หัวใจของมู่จื่อหลิงที่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีประกายแห่งความโกรธพุ่งเข้าแทนที่
เ้าบ้านี่
เ้าหลินเกาฮั่นตัวดี นางอดกลั้นไม่ไหวแล้ว...เขากล้าดีอย่างไรแอบเข้าไปหานางจากทางด้านหลัง?
ใจร้อนรนหาที่ตายยิ่งนัก!
รูม่านตาของมู่จื่อหลิงหดตัวลงเล็กน้อย แสงเย็นส่องประกายในดวงตาของนาง
โชคดีที่เมื่อครู่นางหลบเลี่ยงได้รวดเร็ว ไม่เช่นนั้น หากนางถูกผลักลงไปจริงๆ แม้ว่านางจะไม่เหม็นสาบจนถึงตาย แต่คงสะอิดสะเอียนแทบตาย ที่ต้องตกลงไปในกองซากศพเน่าเฟะนับพัน นางอาจถูกิญญาผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนตามหลอกหลอนทั้งวันทั้งคืนจนไม่อาจหลับใหล
ใช่ กลอุบายที่ครุ่นคิดในสายตาของหลินเกาฮั่นเมื่อครู่นี้ เขาเพียงแค่มองแผ่นหลังของมู่จื่อหลิง ก่อนจะเกิดความอยากผลักนางลงไปในทะเลสาบใหญ่ที่ส่งกลิ่นเหม็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเช่นนั้น หลินเกาฮั่นก็ทำตามความคิดอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขายื่นมือออกไปผลักมู่จื่อหลิง หลินเกาฮั่นลืมคำเตือนซ้ำๆ ของมู่จื่อหลิงเื่มือต้องพิษของตนไป
ความแค้นและความชั่วร้ายก่อตัวขึ้นในดวงตาบดบังหัวใจของเขา เขาเพียง้าผลักมู่จื่อหลิงลงไป...ผลักนางลงไปสู่ก้นบึ้งของการลงโทษชั่วนิรันดร์
ความคิดที่น่ากลัวในใจของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้โอกาสยอดเยี่ยมเช่นนี้ หลินเกาฮั่นจึงยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว
ด้วยการผลักเพียงครั้งเดียว มู่จื่อหลิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็จะถูกผลักลงไปในทะเลสาบเหม็นนั้นแล้ว
แต่ใครจะรู้ สิ่งที่หลินเกาฮั่นไม่คาดคิดก็คือมู่จื่อหลิงราวกับมีตาด้านหลัง นางหลบออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ทันทีที่มือของเขายื่นออกไป ร่างอ้วนท้วนของหมอหลวงหลิน ก็พุ่งไปตรงหน้าอย่างเชื่องช้า เขาโยกเยกไปมาสองสามครั้งในขณะที่ยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ในยามที่เขาควบคุมร่างตนเองไม่ได้จนกำลังจะตกลงไปในทะเลสาบ...
ทันใดนั้นเด็กปรุงยาทั้งสองก็ะโมาข้างกายเขา จับมือเขาทั้งซ้ายขวา แล้วดึงเขากลับขึ้นมา
เนื่องจากเด็กปรุงยาทั้งสองรีบร้อนเข้ามาช่วยหมอหลวงหลิน พวกเขาจึงไม่มีการป้องกันและการระแวดระวังมากนัก
ทั้งสามคนยืนอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลสาบเพียงเล็กน้อย ทำได้เพียงยืนนิ่ง คาดไม่ถึงว่ากระบี่แวววาวในมือกุ่ยเม่ยจะชี้ตรงมายังร่างของหมอหลวงหลิน
ยามได้ยินเสียงดุดันของกุ่ยเม่ย หัวใจของหลินเกาฮั่นซึ่งยังคงตกตะลึงก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม คมกระบี่ที่ชี้มายังลำคอของเขาทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวของหลินเกาฮั่นยิ่งซีดลงมากกว่าเดิม หัวใจของเขาก็หวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หลินเกาฮั่นมองกระบี่คมกริบตรงหน้าเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ทั้งร่างแข็งทื่อราวกับเหล็ก ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ในยามนี้เขาเกรงว่าหากเขาขยับ เขาจะถูกกระบี่ไร้ตาในมือกุ่ยเม่ยแทงทะลุ ตัดผ่านศีรษะจนขาดสะบั้น
แสงเย็นะเืปรากฏขึ้นในดวงตามู่จื่อหลิง มุมปากของนางมีรอยยิ้มเย้ยหยัน “หลินเกาฮั่น เ้าทำดีจริงๆ! เ้าปฏิบัติต่อความเมตตาของเปิ่นหวางเฟยราวตับและปอดลา [1] เ้ากล้าดีอย่างไรถึงพุ่งเข้ามาผลักเปิ่นหวางเฟย? ผู้ใดให้ความกล้าเ้า หืม?”
ความเมตตา? ยามได้ยินคำพูดของมู่จื่อหลิง หัวใจของหลินเกาฮั่นที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวก็เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมา
เรียกว่าความเมตตา หรือความเมตตาของยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้จะเป็ยาที่นางมอบให้ในครั้งก่อน? หรือเป็หน้ากากพิษที่มอบให้เขาเมื่อครู่นี้
ช่างมีเมตตาจริงๆ
“หวางเฟย นี่เป็ความเข้าใจผิด เข้าใจผิดจริงๆ!” กลอุบายของหลินเกาฮั่นไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งยังถูกเปิดโปง เขาจึงพยายามเล่นลิ้น “เมื่อครู่นี้กระหม่อมเพียงอยากรู้เกี่ยวกับทะเลสาบ จึงเดินเข้ามาดู ใครจะไปคิดว่า...”
ในขณะพูด หลินเกาฮั่นขยับร่างของเขาโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับถูกกระบี่คมตรงหน้าขวางไว้ เขายิ่งโกรธมากขึ้น
กลอุบายไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ว่าเขากล่าวเช่นไรย่อมเป็เช่นนั้น แต่สิ่งที่เขาพูดต่อหน้านางมีประโยชน์หรือ? มู่จื่อหลิงเยาะเย้ยในใจ
ในยามนี้มู่จื่อหลิงมองหมอหลวงหลินอย่างเ็า ทั้งโเี้และกล้าหาญ นางใช้นิ้วเรียวถูคางเบาๆ คิดเกี่ยวกับวิธีการทรมานคนชราผู้นี้
เดิมที นางวางยาพิษคนชราผู้นี้ก็เพื่อให้เขามีความทรงจำที่ยาวนาน แต่คาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมีความกล้าหาญ ทั้งยังกล้าผลักนาง!
คนชราผู้นี้ นางควรจะกำจัดทิ้งไปเสียเลยดีไหม? หรือควรค่อยๆ บดขยี้เพื่อให้เขาอยู่ไม่สู้ตายดี?
ในขณะที่มู่จื่อหลิงกำลังคิด หลินเกาฮั่นที่อยู่ตรงนั้นเห็นนางเงียบไป เขาจึงคิดว่านางจะไม่สนใจเขาแล้ว
แต่ในยามนี้ เขาไม่สามารถรับมือกับการคุกคามของกุ่ยเม่ยได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายในการอธิบายไปที่กุ่ยเม่ย
เสียงสั่นเทาของเขา รวมกับนิ้วสั่นๆ ชี้ไปที่กระบี่ยาวบนคอตนของกุ่ยเม่ย ก่อนเริ่มคุยกับเขา
“กุ่ยเม่ย...ท่านกุ่ยเม่ย...มีอะไรค่อยๆ พูดกันดีกว่า แม้ว่าข้าจะมีความกล้ามากมาย ข้าก็ไม่กล้าโจมตีหวางเฟยเป็แน่! ท่านวางกระบี่ลงก่อนเถิด...”
แต่หลินเกาฮั่นไม่รู้ว่ากุ่ยเม่ยไม่ใช่คนประเภทที่พูดดีด้วยได้? ยิ่งไปกว่านั้นหลินเกาฮั่นอยากสังหารหวางเฟยของเขา
นี่เป็เื่ที่ยกโทษให้ไม่ได้! ดวงตาเ็าของกุ่ยเม่ยหรี่ลงเล็กน้อย กลิ่นอายสังหารอบอวลรอบตัว
หากอยากพูด คงต้องถามกระบี่ในมือเขาก่อน
ก่อนที่หลินเกาฮั่นจะพูดจบ กุ่ยเม่ยก็ตวัดกระบี่คมกริบเบาๆ เกิดเป็รอยไม่ลึกหรือตื้นเกินไป าแไม่ร้ายแรงเกิดขึ้นตรงคอเหี่ยวย่นของหมอหลวงหลิน
“อ๊า!” หลินเกาฮั่น กรีดร้องด้วยความใ หากไม่ใช่เพราะกระบี่ของกุ่ยเม่ยยังคงแตะคางของเขาอยู่ เขาคงทรุดตัวลงไปแล้ว
ในพริบตา คราบเืยาวถูกวาดลงบนคอของหลินเกาฮั่น เืไหลลงมาจากคอของเขาจนถึงชุดบริเวณอกชุ่มโชก
เมื่อเห็นภาพดังกล่าว เด็กปรุงยาทั้งสองก็รู้สึกกังวลใจ
ดวงตาของพวกเขาเรียบนิ่งเหมือนเคย ในทันใดนั้นอายสังหารกลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา ก่อตัวหนาขึ้น ควบแน่นจนเกิดเป็แสงมืดมน
แต่เนื่องจากในยามนี้กุ่ยเม่ยอยู่ในตำแหน่งเหนือกว่า กระบี่ในมือของเขาจึงเป็ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา อีกทั้งหมอหลวงหลินผู้ถูกชี้ด้วยกระบี่คมกริบยังเป็หมากต่อรองชั้นดีที่สุดของกุ่ยเม่ย
ดังนั้น ในยามนี้เด็กปรุงยาทั้งสองจึงทำได้เพียงกำมือแน่น ระงับเจตนาฆ่าในใจของตนลง
ดวงตาสองคู่เ็าราวกับใบมีดจับจ้องกุ่ยเม่ย
หากคนอย่างหลินเกาฮั่นผู้รักชีวิตหวาดกลัวความตายถูกจ้องมองเช่นนี้ เขาคงหวาดกลัวจนตายอย่างแน่นอน แต่โดยทั่วไปแล้วกุ่ยเม่ยจะยังคงสงบเพราะได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดี
ยามเผชิญกับการจ้องมองเช่นนี้ กลิ่นอายที่น่ากลัวของกุ่ยเม่ยย่อมสูงส่ง กลิ่นอายสังหารกระหายเืในดวงตาของเขาไม่น้อยไปกว่าเด็กหนุ่มทั้งสอง ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อครู่นี้หวางเฟยของเขาเกือบจะถูกโจมตี
คุ้มหรือไม่?
โชคดีที่หวางเฟยหลบหนีได้ ไม่เช่นนั้น เขาคงทำให้คนชราผู้นี้ถูกฝังไว้ที่นี่ ณ บัดนี้ ดวงตากุ่ยเม่ยมีแววอาฆาตทั้งยังเต็มไปด้วยความกระหายเืรุนแรง
แม้ว่าเจตนาฆ่าของกุ่ยเม่ยจะน่ากลัว แต่เหตุผลของเขายังคงอยู่ เขาไม่ได้โจมตีโดยตรง แต่ยามนี้ขอเพียงหวางเฟยออกคำสั่ง เขาจะสะบัดหัวเ้าคนผู้นี้ออกจากร่างทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง กุ่ยเม่ยและอีกสองคนที่แสดงท่าทีก้าวร้าวใกล้ถึงจุดแตกหัก
มู่จื่อหลิง้าสอนบทเรียนแก่ชายชราผู้นี้ แต่สถานที่นี้ไม่เหมาะสำหรับการอยู่อีกต่อไป นับประสาอะไรกับนางที่ไม่้าอยู่ต่อ
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจถึงสาเหตุการตายของเหล่านายกองและทหารเ่าั้
ก่อนที่ลางสังหรณ์ร้ายจะเกิดขึ้นจริงพวกเขาควรรีบออกไป
มู่จื่อหลิงตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอีกครั้ง พบว่าเงื่อนงำทั้งหมดที่ควรพบไม่หลงเหลือแล้ว หลังจากออกไป นางจะชำระบัญชีเก่ากับคนผู้นี้
“กุ่ยเม่ย เราพบเบาะแสแล้ว ไม่สมควรอยู่ที่นี่นาน ออกไปก่อน” มู่จื่อหลิงสั่งเบาๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” กุ่ยเม่ยตอบรับด้วยความเคารพ
เขารู้ว่าหวางเฟยจะไม่มีวันปล่อยคนผู้นี้ไป ดังนั้นกุ่ยเม่ยจึงไม่วางกระบี่ในมือลง เพียงะโใส่หลินเกาฮั่นอย่างเ็า “ไป!”
เมื่อเป็เช่นนั้น เด็กปรุงยาทั้งสองจึงประคองหลินเกาฮั่น เนื่องจากพวกเขาถูกกระบี่ของกุ่ยเม่ยชี้อยู่เช่นเดิม พวกเขาจึงทำได้เพียงเดินถอยหลังเท่านั้น
“เดี๋ยว!” ขณะที่พูด มู่จื่อหลิงเดินไปที่ด้านข้างของกุ่ยเม่ย ก่อนจะส่งยิ้มให้หลินเกาฮั่นที่อยู่ตรงหน้า “เ้าอยากผลักเปิ่นหวางเฟย แม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่...เปิ่นหวางเฟยเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น ขอชำระความก่อนสักหน่อยนะ!”
ก่อนพูดจบ ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนอง มู่จื่อหลิงก็ยกเท้าขึ้น รวบรวมพละกำลังในทันที
สายเกินไปที่จะพูด!
เท้าของหญิงซึ่งทุกคนคิดว่าแข็งแรงพอๆ กับไก่ ะโผ่านร่างเด็กปรุงยา ทันใดนั้นนางก็เตะลงไปที่ท้องอ่อนนุ่มของหมอหลวงหลิน เป็การเตะในแนวเฉียง...
แต่ใครจะรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ตับและปอดลา (驴肝肺) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ไม่รู้ดีชั่ว หรือการเอาเจตนาดีของผู้อื่นมาเข้าใจผิดว่าเป็เจตนาร้าย