บทที่ 7 ภาพวาดในแจกัน
คนที่นำแจกันลายครามมาเป็เด็กหนุ่มท่าทางเ้าเล่ห์เพทุบาย ดูแล้วไม่เหมือนคนดีเท่าไรนัก
แต่กลับกันคือเ้าของโรงรับจำนำคนนั้นดูใจดีมาก อีกทั้งยังมีหนวดเครายาวด้วย
เถ้าแก่ร้านถามแล้วจึงก้าวเข้าไปรับแจกันลายครามมามาถือไว้ มือข้างที่ถือแว่นขยายสังเกตดูแจกันอย่างละเอียด
แจกันลายครามสูงประมาณหนึ่งเมตร แค่ผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาก็ดึงดูดผู้คนให้เข้ามามุงดูมากมาย แต่ครู่เดียวคนบางคนที่ดูออกก็ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
บ่งบอกได้ว่า สิ่งนี้คือของปลอม
เ้าของโรงรับจำนำก็ย่อมเป็คนที่เข้าใจดีอยู่แล้ว หลังจากที่มองดูคร่าวๆ แล้วพบว่าเป็ของปลอมก็หมดความสนใจไป
"เถ้าแก่..."
"แจกันลายครามของลื้อเป็ของที่ทำเลียนแบบชิ้นงานในยุคปัจจุบันนี้ ชิ้นใหญ่ขนาดนี้เอามาวางไว้ก็กินพื้นที่อั๊วเปล่าๆ ลื้อเอากลับไปเถอะ"
"เถ้าแก่ นี่เถ้าแก่คงไม่ได้จงใจจะกดราคากันหรอกนะ ถ้าเถ้าแก่ให้ราคาดี สมเหตุสมผลก็ขายได้แล้ว"
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เองก็เป็คนที่ใจกว้าง พอได้ยินเด็กหนุ่มพูดแบบนี้ก็ไม่ได้โกรธแต่กลับยิ้มรับแทน
"หลิวหย่งคนนี้อยู่ที่ถนนคนเดินโบราณมาสิบกว่าปีแล้ว สิ่งที่ใส่ใจคือความน่าเชื่อถือ ลื้อเอาไปถามใครที่เขารู้ดูได้เลย ดูสิว่าอั๊วหลอกลื้อหรือเปล่า"
ทันใดนั้น ผู้คนที่มีความรู้ในด้านนี้หลายคนก็ส่งเสียงรับต่อกันเป็ทอดๆ
ที่จริงแล้วเด็กหนุ่มก็รู้แจ่มแจ้งอยู่แก่ใจว่าแจกันลายครามนั้นเป็ของปลอม เ้าตัวเพียงคิดอยากจะเสี่ยงดวงดูว่าจะสามารถหลอกลวงใครได้บ้าง
เพียงแต่ เขาอาจจะไอคิวต่ำเตี้ยไป ถึงได้วิ่งโร่มาหลอกคนที่ตลาดถนนคนเดินโบราณแห่งนี้
"เดี๋ยวก่อน"
เย่จื่อเฉินคว้าตัวเด็กหนุ่มเอาไว้ ก่อนชี้ไปที่แจกันลายครามชิ้นนั้นแล้วพูด
"นายอยากได้เท่าไร?"
เด็กหนุ่มตาลุกวาว ดูท่าว่าเขาจะดวงดีไม่น้อย มีคนโง่ติดกับแล้วจริงๆ
"พ่อหนุ่ม แจกันของเขามันเป็ของปลอม งานฝีมือก็ค่อนข้างหยาบ เอาไปวางไว้ในบ้านก็เปลืองพื้นที่เปล่าๆ ไม่คุ้มค่าให้เก็บสะสมด้วยซ้ำ"
หลิวหย่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี พอเด็กหนุ่มได้ยินว่ามีคนคิดจะทำลายธุรกิจของเขา จึงด่าทอออกมา
"แกมันพ่อค้าหน้าเื รวมหัวกับคนที่เดินไปเดินมาหลอกฉัน ตอนนี้มีคนที่รู้จักคุณค่าของมันแล้วอยากได้ แกก็ยังคิดจะใส่ร้ายป้ายสีฉันอีก คอยดูเถอะตอนเย็นฉันจะเอาเืหมาดำมาสาดใส่ประตูร้านของแก"
สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม หลิวหย่งก็มีสีหน้าที่นิ่งไป
มีนักธุรกิจหลายคนที่ยังคงถือในสิ่งเหล่านี้อยู่ อีกอย่าง เขากับเย่จื่อเฉินก็ไม่ได้สนิทหรือว่าเป็ศัตรูกัน ที่สามารถทำได้ก็มีแค่การตักเตือนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
หลิวหย่งถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในร้าน ส่วนเด็กหนุ่มก็ถูมือและพูดขึ้น
"เถ้าแก่ครับ เถ้าแก่จะให้ราคาเท่าไรครับ?"
"เมื่อครู่นี้เถ้าแก่โรงรับจำนำบอกว่าแจกันของนายมันคือของปลอม มันคงจะไม่ใช่ของปลอมจริงๆ หรอกนะ?"
เย่จื่อเฉินแสร้งทำเป็คนไม่รู้จักชิ้นงาน และถามอย่างระแวดระวัง
ก็ไม่รู้จักจริงๆ นั่นแหละ!
เด็กหนุ่มดีใจ ดูเหมือนว่า โชคลาภจะมาหาจนฉุดไม่อยู่แล้วจริงๆ!
"ชิ ตาแก่นั่นก็แค่อยากจะกดราคาแจกันของผมเท่านั้นแหละ จะบอกให้นะเถ้าแก่ แจกันนี้เป็ของตกทอดมาจากบรรพบุรุษของผมเลยนะ ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน"
"ฉันก็คิดว่าคล้ายอยู่นะ"
เย่จื่อเฉินพยักหน้าเหมือนว่าคล้ายตามคำพูด เ้าของโรงรับจำนำคนนั้นฟังบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วถึงกับถอนหายใจยาวอีกครั้ง อยากจะเอ่ยเตือน แต่กลับโดนเด็กหนุ่มคนนั้นถลึงตาใส่
"ปู่ฉันชอบเครื่องลายครามมาก ฉันว่าของของนายมันก็ดูไม่เลว เลยอยากจะซื้อกลับไปให้เขาสักหน่อย นายคิดเท่าไร?"
เด็กหนุ่มชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
สามแสนหยวน โลภมากจริงๆ
เย่จื่อเฉินยิ้มหยันอยู่ในใจ
"โห...แพงเกินไป ฉันไม่ได้พกเงินสดเยอะขนาดนั้นหรอกนะ ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ซื้อแล้ว"
เย่จื่อเฉินทำทีเป็หันหลังเดินจากไปด้วยท่าทางเสียดาย พอเห็นแบบนี้ เ้าของโรงรับจำนำคนนั้นจึงถอนหายใจโล่งอกแทนเขา
แต่ทว่า เด็กหนุ่มคนนั้นกลับร้อนรน
อ้อยจะเข้าปากช้างอยู่แล้ว จะปล่อยไปได้ยังไง
"เถ้าแก่ เถ้าแก่บอกมาเลยครับว่าให้ได้เท่าไร แม่ผมป่วยหนัก ต้องรีบใช้เงินในการรักษา"
เด็กหนุ่มคนนี้ถือว่าเนรคุณเลยทีเดียว ถึงขั้นพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ เพียงเพื่อจะหลอกเอาเงิน
ความเยือกเย็นฉายแวววาววับขึ้นมาในดวงตาของเย่จื่อเฉิน พร้อมกับชูขึ้นมาห้านิ้ว
"ฉันให้ห้าหมื่น"
"ได้ ผมขายให้เถ้าแก่เลย"
เด็กหนุ่มทำทีเหมือนตัดใจยกให้ไปอย่างเ็ปใจ ส่วนเย่จื่อเฉินก็ไม่ได้ลังเล เดินไปกดเงินให้เขาห้าหมื่นหยวน แล้วก็ส่งให้เด็กหนุ่ม
เมื่อแจกันลายครามมาอยู่ในมือ เย่จื่อเฉินก็ลูบคลำมันไปมาเหมือนกับเป็ของรักของหวง
"ฮะฮะ นี่แหละหนาคนจน ซื้อแจกันดอกไม้ปลอมมาแล้วยังทำเหมือนมันเป็สมบัติล้ำค่าอีก"
เสียงขำขันดังขึ้นมาในกลุ่มคน เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นมอง และได้เห็นกัวเฉียงยืนกอดเอวเหยาเยว่อยู่ไม่ไกล
เย่จื่อเฉินไม่สนใจเขา สายตามองเข้าไปภายในแจกัน
แจกันนี้เป็ของปลอมอย่างไร้ข้อสงสัย ไอสีม่วงนั้นน่าจะเป็ของที่อยู่ภายในแจกัน
ที่จริงแล้วเขาก็ยืนยันไม่ได้ว่าของที่อยู่ข้างในแจกันมันคือสมบัติล้ำค่าอะไรกันแน่ เขาแค่เดิมพันดูเท่านั้น
ถ้าขาดทุนก็ถือเสียว่าได้ซื้อบทเรียน แต่ถ้าได้กำไรละก็...
หึหึหึหึ!
"เ้าห้า ตามหานายตั้งนาน ทำไมมาอยู่ที่นี่"
และทันใดนั้น ซูอี้อวิ๋นตามด้วยหนุ่มหล่อสมาร์ตคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาหาเขา
"แจกันนี่นายซื้อเหรอ?"
เมื่อมองดูแจกันใบใหญ่ข้างกายเย่จื่อเฉินแล้ว ซูอี้อวิ๋นจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
"เพิ่งซื้อมา"
"ซื้อมาเท่าไร?"
ครั้งนี้คนที่เปิดปากพูดไม่ใช่ซูอี้อวิ๋น แต่เป็ผู้ชายที่อยู่ข้างเขาคนนั้น
ซูอี้อวิ๋นจึงหัวเราะเบาๆ แล้วแนะนำ
"เ้าห้า ฉันขอแนะนำให้นายรู้จักกับเซียวไห่ บุคคลที่รวยระดับเทพ"
จากนั้น เขาก็หันไปยิ้มและพูดกับเซียวไห่
"นี่เพื่อนผม เย่จื่อเฉิน"
หลังจากที่ทั้งสองคนพยักหน้าให้กันแล้ว เซียวไห่จึงเปิดปากถามขึ้นอีกครั้ง
"แจกันนี่ซื้อมาเท่าไร"
"ห้าหมื่น" ยังไม่ทันที่เย่จื่อเฉินจะได้อ้าปากพูด กัวเฉียงก็อ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันมาจากอีกทาง"คนจนก็คือคนจน ซื้อแจกันปลอมมาด้วยเงินห้าหมื่นหยวน ทำอย่างกับเป็สมบัติล้ำค่า..."
"ของปลอม?"
ซูอี้อวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย แต่เซียวไห่ที่อยู่ข้างกายเขานั้นคือผู้เชี่ยวชาญเชียวล่ะ
"อืม ของปลอม เงินห้าหมื่นก็คิดเสียว่าซื้อบทเรียนก็แล้วกัน ไม่ได้แพงเท่าไร"
เซียวไห่พยักหน้าไม่ออกความเห็น แต่กัวเฉียงกลับพูดกลั้วหัวเราะด้วยท่าทางมีเยาะเย้ยอีกครั้ง
"สำหรับคุณเซียวแล้วเงินห้าหมื่นมันไม่มากก็จริงอยู่ แต่สำหรับเขา เงินห้าหมื่นนั้นเขาก็ต้องหาอยู่นานเลยล่ะ"
ซูอี้อวิ๋นขมวดคิ้ว เขาไม่อยากสนใจกัวเฉียงด้วยซ้ำไป
กัวเฉียงค่อนข้างโด่งดังในมหาวิทยาลัย เขาก็รู้จักเหมือนกัน แต่แค่โรงงานเล็กๆ ของพ่อเขา ตัวเขาไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เซียวไห่เองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงเลิกคิ้วถาม
"มีปัญหากัน?"
"ก็ประมาณนั้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างเ้านั่นเป็แฟนเก่าผม"
เย่จื่อเฉินพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ เซียวไห่พยักหน้าเข้าใจ สายตาที่มองเย่จื่อเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"เพื่อนของเสี่ยวอวิ๋นก็คือเพื่อนของฉันด้วย ดูท่าแล้วนายก็คงจะอายุพอๆ กับเสี่ยวอวิ๋น ถ้านายไม่รังเกียจจะเรียกฉันว่าพี่ไห่ก็ได้ เครื่องลายครามนี้ก็คิดเสียว่าฉันให้นายก็แล้วกัน เหล่าฮวาง เอาเงินมาให้ฉันห้าหมื่น"
"ขอบคุณครับพี่ไห่ แต่เงินห้าหมื่นผมยังจ่ายเองได้ครับ ของปลอมก็ของปลอม คิดเสียว่าซื้อมาฟังเสียงดู"
เย่จื่อเฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเก็บก้อนหินขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินไปทางแจกันลายคราม
คิดไม่ถึงเลยว่าเย่จื่อเฉินจะปล่อยวางได้ขนาดนี้ เซียวไห่และซูอี้อวิ๋นต่างพากันอึ้งไป
แต่เพียงครู่เดียว เซียวไห่ก็เม้มปากกลั้นยิ้ม
เย่จื่อเฉินคนนี้ เอาเื่อยู่เหมือนกันนะเนี่ย
ดูท่างานนี้กัวเฉียงจะเล่นงานเขาได้ยากแล้ว...
"อย่ามาเสแสร้งเลยน่า เสียใจจะตายแล้วมั้งนั่น"
คำพูดถากถางไม่จบไม่สิ้นที่แม้แต่เซียวไห่ก็ยังไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน เมื่อครู่นี้เย่จื่อเฉินเพิ่งจะเรียกเขาว่าพี่ไห่ไป แบบนี้มันไม่ไว้หน้ากันเลยสินะ!
เพล้ง!
และทันใดนั้น แจกันลายครามก็แตกกระจาย
ชิ้นส่วนแตกหักกระจัดกระจายไปทั่วพื้น เศษแก้วที่แตกละเอียดก็เป็เครื่องยืนยันอย่างดีว่าของชิ้นนี้เป็ของปลอมจริงๆ
ทว่า...
แจกันแตกไปแล้วก็จริง
แต่รูปภาพม้วนหนึ่งกลับไหลออกมาจากภายในของแจกัน