“แบบนี้ได้หรือไม่? คุณหนูซู”
“ได้” ซูิเยว่พยักหน้า “รบกวนพี่องครักษ์ช่วยข้าถือนี่ก่อนเ้าค่ะ”
“ได้ขอรับ”
จี๋โม่หานที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จามาตลอดก็พลันเอ่ยขึ้น “เขาชื่อว่าหลิงชวน”
จี๋โม่หานที่จู่ๆ ก็โพล่งแนะนำขึ้นมาทำให้ซูิเยว่ชะงักไป ส่วนหลิงชวนแค่รู้สึกหนาวสันหลังอย่างน่าประหลาด
“อ๋อ เช่นนั้น.....พี่หลิงชวน” ซูิเยว่ปกติแล้วไม่ค่อยสนใจเื่การเรียกชื่อเท่าไร
จี๋โม่หานก็เอ่ยปากพูดขึ้นอีก “เรียกเขาว่าหลิงชวนก็พอ”
ซูิเยว่มองจี๋โม่หานด้วยความสงสัย นี่เป็คำสั่งพิเศษหรืออะไรกัน แต่นางก็รับคำแต่โดยดี “ก็ได้ ก็ได้เพคะ”
ส่วนหลิงชวนเ้าของชื่อก็หัวขาวโพลน เขามองซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจ
เฉินอวี้เหอเริ่มหยิบขวดยาในกล่องยาขึ้นมาเขย่าแล้วมองซูิเยว่ด้วยใบหน้าไม่พอใจ “แม่หนูน้อย ยาพิษที่ข้าทำออกมา ให้เ้าแก้พิษให้ข้าดูก่อนแล้วกัน หากเ้าเห็นข้าแก้พิษได้ง่ายๆ อาจจะสร้างความกดดันให้กับเ้าได้”
“ได้สิเ้าคะ” ซูิเยว่ลากเก้าอี้มานั่งสบายๆ มองการเคลื่อนไหวในมือของเฉินอวี้เหออย่างมั่นใจ “ตามใจท่านเลย”
“เหอะ” เฉินอวี้เหอเห็นท่าทางของซูิเยว่ก็ร้องเหอะออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วเริ่มจัดการขวดยาในกล่องยา
้าขวดยาพวกนั้นไม่มีตัวหนังสือใดใดเขียนเอาไว้จึงไม่รู้ว่าด้านในใส่อะไรเอาไว้บ้าง ทำได้แค่พึ่งตัวเองในการแยกแยะมันให้ออก
ซูิเยว่นั่งอยู่อีกด้านของโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกียจคร้านไม่มีท่าทางจริงจังเลยสักนิด
ทุกคนในห้องต่างพากันกลั้นหายใจแล้วจ้องมาทางนี้อย่างตั้งใจ เห็นเพียงเฉินอวี้เหอหยิบขวดหลายใบออกมาเขย่าผงที่อยู่ข้างใน
“เสร็จแล้ว” ผ่านไปประมาณหนึ่งแก้วน้ำชา เฉินอวี้เหอก็วางขวดเล็กสีขาวลงตรงหน้าซูิเยว่ดังปัง
“พิษที่ข้าทำออกมาจะต้องดื่มยาแก้พิษภายในหนึ่งชั่วยาม ไม่เช่นนั้นเทพเซียนจากต้าหลัวก็คงยากที่จะช่วยชีวิตเ้าเอาไว้ได้”
มุมปากของซูิเยว่ยกยิ้ม แววตากวาดมองขวดสีขาวใบนั้น นางเอามือยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ได้สิเ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเริ่มเลยนะ”
นางพูดแล้วก็โบกมือเรียกหลิงชวนที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาก็ได้เอากระต่ายที่เตรียมไว้ก่อนแล้วเข้ามา
“ช่วยข้าง้างปากกระต่ายออกที”
ซูิเยว่เทผงในขวดสีขาวใส่ปากของกระต่ายเล็กน้อย กระต่ายตัวนั้นดิ้นพล่านอยู่สองสามที แต่ยังไม่ได้แสดงท่าทางผิดปกติอะไรออกมา
หลิงชวนเอากระต่ายไปวางไว้ด้านข้าง ซูิเยว่ก็เริ่มศึกษาผงยาที่เหลืออยู่ในขวดแล้วเริ่มลงมือทำยาแก้พิษ
ที่จริงแล้วการแข่งนี้ไม่ยุติธรรมกับซูิเยว่ั้แ่เริ่มแล้ว ผงยาในกล่องของเฉินอวี้เหอนั้นมีอะไรกันแน่ ไม่มีใครรู้ดีเท่าเขา ดังนั้นซูิเยว่จะต้องแยกแยะผงในขวดเสียก่อนว่าเป็ผงพิษมาผสมกันกี่ชนิดกันแน่ หากรู้แล้วถึงจะสามารถทำยาแก้พิษออกมาได้
เฉินอวี้เหอนั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้ามองซูิเยว่อย่างเหยียดหยาม
ภายในหนึ่งชั่วยาม เขาอยากจะเห็นว่าแม่หนูตัวน้อยจะสามารถแก้พิษของเขาได้หรือไม่
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้รีบร้อน ใบหน้าไม่ได้มีความเครียดเลยสักนิด นางเอาผงยาในขวดออกมาแยกแยะอย่างละเอียด
ทางด้านกระต่ายที่หลิงชวนอุ้มไว้ก็เริ่มแสดงอาการออกมา กระต่ายดิ้นพล่านอย่างรุนแรงก่อนสองสามที ต่อมาก็หายใจแรงก่อนจะซุกอยู่ในอ้อมกอดของหลิงชวนแล้วอ่อนแรงลง
เวลาที่กำหนดไว้หนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ผ่านไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
พวกจิ่งฉือต่างเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาจ้องการเคลื่อนไหวของซูิเยว่นิ่ง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ ซูิเยว่ถึงได้เริ่มหายาที่เป็ส่วนผสมในกล่องของเฉินอวี้เหอเจอแล้วเริ่มผสมยาแก้พิษ
เฉินอวี้เหอเป็จิ้งจอกเ้าเล่ห์ เขาแทบจะเอายาพิษทั้งหมดในกล่องออกมาใช้ ยาพิษหลายสิบชนิดจะต้องแยกออกมาทีละอย่าง ดังนั้นเวลาที่ใช้ถึงจะสั้นลงมาหน่อย
แต่การทำยาแก้พิษนั้นง่ายมาก ผงยาด้านในกล่องมีครบหมดแล้ว นางจึงผสมยาออกมาตามอัตราส่วนของยาต่างๆ
เฉินอวี้เหอนั่งจ้องการเคลื่อนไหวในมือของซูิเยว่อยู่ด้านข้าง ตอนที่เห็นนางหยิบขวดหนึ่งในนั้นออกมา รอยยิ้มเหยียดหยามในแววตาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นจนแทบจะควบคุมรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากตัวเองไม่ได้ เขาอยากเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะเสียงดัง
ซูิเยว่ไม่เพียงแต่ทำส่วนผสมขาดไป แต่นางยังหยิบยาแก้พิษขึ้นมาผิดอีกด้วย
เมื่อเห็นกระต่ายในอ้อมกอดของหลิงชวนแทบจะไม่มีลมหายใจแล้ว เวลาก็คงใกล้จะถึงแล้ว
“เสร็จแล้ว” ซูิเยว่เอ่ยบอกความสำเร็จในก้าวสุดท้ายแล้วถือขวดในมือส่งให้หลิงชวน จากนั้นก็เทผงยาเข้าไปในปากของกระต่าย
ต่อมานางก็เดินไปนั่งด้านข้างแล้วรินชาให้ตัวเองดื่มแก้วหนึ่ง
ชั่ววินาทีนั้นทุกคนก็มีสมาธิอย่างมาก แววตาจ้องไปยังกระต่ายที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงชวน
ภายในเวลาครึ่งแก้วน้ำชาผ่านไป หนึ่งแก้วน้ำชาผ่านไป แต่กระต่ายก็ยังคงหายใจรวยริน ดูแล้วไม่มีทีท่าจะดีขึ้นมาได้
เฉินอวี้เหอเห็นภาพนี้ก็แทบจะควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ไม่อยู่ เขายิ้มเย็นพร้อมเอ่ยออกมา “เหอะ แม่หนู นี่คือจุดจบที่เ้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ข้าว่าพวกเราไม่ต้องแข่งกันแล้ว”
ซูิเยว่กำลังใช้ฝาแก้วชาตักใบชาที่ลอยอยู่ออก พอฟังแล้วก็เหลือบตามองอย่างเกียจคร้าน
นางมองเฉินอวี้เหอที่ทำท่าทางได้ใจด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะพูดเสียงเบา “หมอเฉินมั่นใจว่าท่านจะชนะขนาดนั้นเชียวหรือ เมื่อครู่ท่านพูดเอาไว้ว่า ยาพิษของท่านขอแค่ภายในหนึ่งชั่วยาม หากไม่ได้ดื่มยาแก้พิษ เทพเซียนต้าหลัวก็ยากจะช่วย แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แค่หนึ่งชั่วยามนะ”
รอยยิ้มมุมปากของเฉินอวี้เหอแข็งค้างอยู่ตรงนั้น เขามองไปที่อ้อมกอดของหลิงชวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใช่สิ ยาพิษที่เขาทำออกมาไม่มีใครเข้าใจฤทธิ์ของมันได้เท่าเขาอีกแล้ว แต่ตอนนี้พลังชีวิตของกระต่ายตัวนั้นถึงแม้จะอ่อนแรง แต่ก็ยังไม่ตาย
พวกจิ่งฉือเองก็ต่างมาล้อมข้างกายหลิงชวนเพื่อดู หลิงชวนเองก็เอามือไปแตะที่จุดชีพจรตรงคอของกระต่ายและพบว่ามันยังมีชีวิตอยู่จริงๆ อีกทั้งชีพจรก็เหมือนจะแข็งแรงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อยด้วย
เฉินอวี้เหอยืนขึ้นสาวเท้าเดินเข้าไปตรวจกระต่ายในอ้อมกอดของหลิงชวนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ไม่....เป็ไปไม่ได้ เมื่อครู่ข้าเห็นชัดๆ ว่าเ้าใส่ส่วนผสมแก้พิษขาดไปหนึ่งชนิด ทั้งยังใส่ผิดไปอีก จะไม่เป็อะไรได้อย่างไร....”
ซูิเยว่ไม่ได้สนใจเขา ทุกคนรออีกครู่หนึ่ง กระต่ายในอ้อมกอดหลิงชวนก็เริ่มฟื้นฟูกำลังและกลับมาปกติอีกครั้ง จากนั้นมันก็พยายามดิ้นจะะโลงไป
สีหน้าของเฉินอวี้เหอก็ทะมึนจนเหมือนจะมีน้ำหมึกหยดลงมา สายตาจ้องซูิเยว่เขม็ง
ซูิเยว่ยกยิ้มจนตาหยีกลับไป “เป็อย่างไรบ้างหมอเฉิน ตอนนี้ถึงตาของท่านแล้ว”
นางพูดจบก็ลุกขึ้นเดินตรงไปหน้ากล่องยาแล้วเริ่มปรุงยาพิษ
“เหอะ” เฉินอวี้เหอโกรธจนเคราสั่น เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วหันหลังไป
ความเร็วในการปรุงยาพิษของซูิเยว่ไวกว่าเฉินอวี้เหอเมื่อครู่ไม่น้อย เพียงครู่เดียวก็ทำเสร็จแล้ว เฉินอวี้เหอรับขวดในมือของซูิเยว่ไปก่อนจะเอาไปที่ข้างจมูกแล้วดมกลิ่น จากนั้นก็เผยรอยยิ้มมั่นใจของผู้กำชัยชนะเอาไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้