“พวกเซียวเฉินและเชี่ยนเอ๋อร์ไปเขติญญาแล้ว” จั๋นอวี่มองผู้าุโสามพลางเอ่ยถาม ผู้าุโสามหัวเราะหึๆ “เข้าไปหมดแล้ว”
จั๋นอวี่ก็หัวเราะ
“ขัดเกลาหน่อยก็เป็เื่ดี ใช่หรือไม่”
ผู้าุโสามพยักหน้า “ถูกต้อง”
สามวันต่อมา อีกสามคนของสถานศึกษาชางหวงก็ถูกส่งตัวเข้าไปในเขติญญาเช่นกัน ผู้าุโสามดำเนินการด้วยตนเอง ผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาหกคนเข้าไปทั้งหมด
...
ตูม!
“ไม่ไหวแล้ว ต้องตายแน่ๆ” ภายในเขติญญา เซียวเฉินนอนาแเต็มตัวอยู่บนพื้น เสื้อขาดรุ่งริ่ง เซียวเฉินที่เปลือยท่อนบนอ้าปากหอบหายใจ อีกทั้งบนร่างยังมีรอยกรงเล็บหลายสาย เืหยดติ๋งๆ
สามวันแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ได้ยินว่ามาเขติญญาจึงมีสีหน้าเหมือนรับประทานอาจม ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ให้คนอยู่จริงๆ
สามวันก่อน คนทั้งสามเพิ่งเข้ามาในเขติญญาก็เจอเข้ากับคลื่นสัตว์ ทำให้พลัดหลง ไม่รู้ร่องรอยกัน
ส่วนคลื่นสัตว์มีแต่สัตว์ปิศาจระดับเจ็ด พลังขั้นเสวียนฟ้า เห็นมนุษย์เหมือนเจอศัตรูคู่แค้น ราวีไม่หยุดทั้งทิวาราตรี
ตอนแรกเซียวเฉินยังเืร้อนจึงต่อสู้ด้วย ต่อมาก็ได้แต่หนีถ่ายเดียว
โจมตีไม่ไหวแล้ว!
สัตว์ปิศาจพวกนี้เหมือนไม่กลัวตาย
ฆ่าไปตัวหนึ่งก็มาอีกตัว ฆ่าไปตัวหนึ่งก็มาอีกตัว
พวกมันไม่เหนื่อย แต่เซียวเฉินไม่ไหว
จนกระทั่งวันนี้ ในที่สุดเซียวเฉินก็สลัดหลุดจากสัตว์ปิศาจฝูงนั้นได้ นอนอยู่บนพื้นอ้าปากหอบหายใจแฮ่กๆ หลายวันมานี้ เขาใช้พลังเกินตัวสุดๆ
“เ้าหนูที่นอนอยู่บนพื้น” ในเวลานี้เอง มีเสียงดังมาช้าๆ เซียวเฉินลืมตาขึ้นมอง เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมา คนนำหน้าแบกขวานั์ เรือนร่างล่ำสัน มีพลังขั้นเสวียนฟ้า
“มีอะไร?” เซียวเฉินรีบโคจรพลังเสวียนฟื้นฟู สีหน้าระแวงระวัง คนในนี้ประหลาดทั้งนั้น ระวังไว้ก่อนดีกว่า
“เ้าไม่ใช่คนในเขติญญาสินะ?” คนแบกขวานั์ถาม ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแต่ไม่มีเจตนาดี รอยยิ้มบนใบหน้ากำลังเสียดสี เื่นี้ทำให้เซียวเฉินชิงชังจากใจ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเ้าด้วย ไม่มีอะไรก็หาเื่คุย พวกเราไม่รู้จักกัน อย่ามารบกวนข้า” เซียวเฉินเอ่ยเสียงเ็า แววตาเย็นเยียบเปล่งประกายแหลมคม
“เ้าหนู เ้าบ้ามาก”
คนแบกขวานั์ผู้นั้นเอ่ย “ดูท่า เ้าคงไม่ใช่คนในเขติญญาจริงๆ วันนี้นับว่าเ้าดวงซวย มาเจอคนสำนักไคซานเรา หากสำนึกตัวก็ทิ้งทรัพยากรในการฝึกวิชาทั้งหมดไว้ จากนั้นทำลายพลังฝีมือของตนเอง บิดาจะไว้ชีวิต ไม่เช่นนั้น ขวานในมือของบิดาจะไม่ปรานี ฟันเ้าแล้วเอาไปป้อนสัตว์เดรัจฉานเสีย” คุนอู๋ยิ้มเหี้ยมเกรียม คนด้านหลังมีสีหน้าดุร้าย ล้วนมิใช่ชนชั้นมีเมตตา
เซียวเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยน คิดไม่ถึงว่าเพิ่งรอดจากสัตว์ปิศาจมาได้ก็มาเจอเข้ากับโจรกลุ่มหนึ่ง
โง่สุดขีดจริงๆ
เซียวเฉินกวาดตามองพวกเขา ไม่เอ่ยวาจา
คุนอู๋หัวเราะอย่างเหิมเกริม หันหน้าไปยิ้มดูแคลนกับคนทางด้านหลัง “พี่น้องทั้งหลาย เ้าหนูนี่คงไม่ถูกพวกเราข่มขู่จนโง่ไปแล้วหรอกนะ ขนาดพูดยังไม่พูด ฮ่าฮ่าฮ่า...”
“ขี้ขลาดแบบนี้ยังกล้ามาเขติญญา ใครมอบความกล้าให้น่ะ”
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องเปลืองวาจาแล้ว ฆ่าทิ้งให้สิ้นเื่สิ้นราว”
“เฮ้ย ไอ้เศษสวะ พวกเราพูดกับเ้าอยู่นะ เมื่อครู่ยังพูดได้อยู่เลยนี่ ทำไมตอนนี้เป็ใบ้แล้วล่ะ”
เซียวเฉินมองทุกคนที่บอกว่าอยู่สำนักไคซานแล้วยิ้มหยัน เป็เ้าพวกไม่กลัวตายแท้ๆ
“ไสหัวไป” เสียงบริภาษทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนแข็งค้าง จากนั้นมีสีหน้าอัปลักษณ์
เ้าคนไม่รู้จักตาย กล้ามาด่าคนสำนักไคซานอย่างพวกเขา สีหน้าคุนอู๋อึมครึมจนน่ากลัว ะเิสภาวะบนร่างฉับพลัน ใช้ขวานั์ในมือชี้หน้าเซียวเฉิน “เ้าหนู มีความกล้าไม่เบานะ กล้าด่าข้าหรือ? วันนี้ข้าจะให้เ้าตายที่นี่ ทำให้เ้ารู้จุดจบของการหยามเกียรติสำนักไคซานเรา!” เพิ่งสิ้นเสียง ไม่รอให้เซียวเฉินตอบ ก็ใช้ขวานั์ในมือฟันใส่เซียวเฉิน
พลังมหาศาล สภาวะน่าใ
เซียวเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ไสหัวไป!” บริภาษแล้ว เซียวเฉินก็ไม่ลังเลอีก ที่นี่ไม่อยู่ในแคว้นชางหวง ถึงฆ่าคนก็ไม่มีใครสนใจ ยิ่งกว่านั้น เขามาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์ยกระดับความสามารถของตนเอง มิใช่มาถูกรังแก
คิดถึงตรงนี้เซียวเฉินก็หัวร่อหยัน
สองหมัดะเิพลัง ปลดปล่อยแรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลก เวลานี้เขาย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้า เรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว บวกกับแรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลก กำลังของเขาจึงมหาศาลเกือบสามหมื่นชั่ง
ตูม!
จู่โจมหนึ่งหมัด คุนอู๋สีหน้าแปรเปลี่ยน ร่างถูกแรงกระแทกอันกล้าแข็งอัดกระเด็นไปกระแทกหินั์ที่อยู่ไม่ไกล หินั์แตกเป็เสี่ยงๆ ร่างของคุนอู๋ยังไม่หยุดลง
พรวด!
คุนอู๋พ่นโลหิตสดอย่างบ้าคลั่งยามลอยคว้าง
แม้กระทั่งขวานั์ก็ถูกะเืหลุดจากมือ
หมัดนี้หนักสามหมื่นชั่ง เกินขอบเขตที่ขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าจะรับไหวแต่แรก ถึงมีพลังเสวียนคุ้มกายก็ถูกะเืสลายอย่างง่ายดาย
หลังร่วงพื้น คุนอู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก
“เหตุใดเ้าจึงมีกำลังแข็งแกร่งปานนี้?”
เซียวเฉินยิ้มหยัน “คนตายไม่มีคุณสมบัติตั้งคำถาม”
เคร้ง!
เซียวเฉินกุมกระบี่หนักเบิกฟ้าไว้ในมือ ประกายกระบี่วูบวาบ เหินไปถึงเบื้องหน้าชายผู้นั้นทันที รัศมีกระบี่เจิดจรัส เปล่งอานุภาพไร้ขีดจำกัด ปราณกระบี่กวาดขวางกลางเวหา ได้ยินเสียงพรวด คมกระบี่ปักเข้ากลางทรวงอกของคุนอู๋ โลหิตสดกระฉูดสูง
เซียวเฉินแค่นเสียงออกจมูก
“เศษสวะ”
เอ่ยจบก็หันกายจากไป
...
ในถ้ำแห่งหนึ่ง เซียวเฉินกำลังเก็บตัวเพื่อทะลวงระดับขั้น หลังจากหาประสบการณ์อย่างบ้าคลั่งหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็บรรลุ ย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้า
วิ้งวิ้ง!
แสงเสวียนสลักอยู่บนร่างของเซียวเฉินดุจคำจารึก รัศมีหงสาโอบล้อมรอบกาย แผ่อานุภาพกดดันแห่งาสยบฟ้าดิน
ตูม!
พลังแห่งดาราร่วงลงมาอีกครา
“ทะลวง!”
เซียวเฉินตวาดเสียงต่ำ พลังเสวียนพลุ่งขึ้นกวาดม้วนไปทั่วร่าง ทะลวงระดับขั้น ย่างสู่สองชั้นฟ้า หลังจากเซียวเฉินปรับลมหายใจหนึ่งวันก็ออกเดินทางต่อ
ในเมื่อมาหาประสบการณ์ที่นี่ แน่นอนว่าเป็เต่าหดหัวไม่ได้
ไม่เช่นนั้นมาที่นี่แล้วจะมีความหมายใด?
ฟุ่บ!
เซียวเฉินจากไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้ไม่ต้องให้ถูกไล่ล่า เขาพุ่งเข้ากลางฝูงสัตว์ปิศาจเอง หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ ทำเอาสัตว์ปิศาจร้องโหยหวนทุกแห่งหนที่ผ่าน
โลหิตสดกระเซ็น สัตว์ปิศาจโหยไห้
“สมใจนัก!”
เซียวเฉินคำราม
ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น!
ัตระหนกพิโรธ เก้าชั้นฟ้าเปี่ยมวายุคลั่งและอสนีบาต!
สิบปีเป็ตายไร้ขอบเขต จักรวาลทอดแสงทอง!
คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์สามกระบวนท่า ไปมาอย่างรวดเร็ว ไร้ผู้ต่อต้าน รุกรับพร้อมพรัก ทำให้เซียวเฉินเข้าๆ ออกๆ กลางฝูงสัตว์ เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง ไร้สัตว์ปิศาจต้านติด
“พวกเดรัจฉาน ข้าเซียวเฉินมาล้างแค้นแล้ว”
เซียวเฉินกวัดแกว่งเบิกฟ้าอย่างเต็มที่พลางคำรามลั่น “พวกไล่สังหารบิดามารับความตายให้หมด!” เสียงดังตูมตามอย่างต่อเนื่อง จากนั้น เซียวเฉินก็สยบสัตว์ปิศาจทั้งหมดด้วยกำลังตัวคนเดียว บรรดาสัตว์ปิศาจแตกตื่นหนีป่าราบ
เซียวเฉินใช้กำลังจนเหน็ดเหนื่อย มีโลหิตไหลจากาแไม่หยุด แต่าแกลับฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ครึ่งชั่วยามอาการาเ็ก็หายดีดังเดิม
สถานที่อีกแห่งหนึ่ง มีเงาร่างอรชรกำลังหลบหนีอย่างว่องไว ด้านหลังมีคนกลุ่มหนึ่งตามมาติดๆ บางครั้งยังส่งเสียงหัวเราะหยาบโลน
“คนงามน้อย เ้าหนีไม่รอดหรอก” บุรุษที่เป็หัวหน้าสองตาเปล่งประกายฉายแววปรารถนา สตรีเบื้องหน้าไม่ส่งเสียงสักนิด สีหน้าเย็นเยียบถึงขีดสุด กุมกระบี่แล้วหลบหนีอย่างเร็วรี่
หากเซียวเฉินเห็นเข้าต้องใมากแน่ๆ
เพราะสตรีผู้นี้คือเสิ่นเล่ย
เสิ่นเล่ยก็เข้าสู่เขติญญาได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว หลังจากพวกเซียวเฉินสามคนเข้าเขติญญา เสิ่นเล่ยกับคนอื่นๆ อีกสองคนก็เข้าเขติญญาและเจอเหมือนพวกเซียวเฉิน คือถูกคลื่นสัตว์ทำให้พลัดหลงกัน จากนั้นนางก็หาประสบการณ์ตามลำพัง จนกระทั่งเจอคนชั่วกลุ่มนี้ พวกเขาเห็นนางอยู่ตัวคนเดียวก็เกิดจิตคิดร้ายจะล่วงเกินนาง นางฆ่าคนหนึ่งในบรรดานั้น แต่สู้คนมากไม่ไหวจึงถูกไล่ล่า
ฟุ่บฟุ่บ!
เสิ่นเล่ยพลันชะงักฝีเท้า ใช้กระบี่ยาวกวาดขวาง โจมตีด้วยรังสีกระบี่สายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทันใด บุรุษที่เป็หัวหน้าสีหน้าอึมครึมฉับพลัน
“นางตัวดี ไว้หน้าแล้วไม่รับ ดูสิว่าอีกสักครู่จะทรมานเ้าอย่างไร”
ตูม!
โจมตีหนึ่งฝ่ามือ ทรงพลังดุจลมกวาดใบไม้ร่วง
“ฮึก...” เสิ่นเล่ยแค่นเสียงหนักๆ โลหิตไหลลงมาจากมุมปาก
แต่นางไม่หยุดชะงัก เพราะนางรู้ว่าหากหยุดลง เกรงว่านางคง...
ในเวลานี้เอง นางพลันมองเห็นคนผู้หนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ใต้น้ำตกตรงเบื้องหน้า ดังนั้น นางจึงพยายามรุดไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง
“ช่วยด้วย...”
เซียวเฉินอึ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็มีสีหน้าพิกล
“ทำไมนางมาอยู่ที่นี่ได้?” เซียวเฉินพึมพำ เห็นท่าทางได้รับาเ็ ด้านหลังก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่า อนาถมากจริงๆ
เซียวเฉินรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเหินออกมา
โอบเสิ่นเล่ยไว้ในอ้อมอกทันที จากนั้นปักเบิกฟ้าลงพื้นดินจนเกิดเสียงดังสนั่น ทำให้กลุ่มคนที่ล่าสังหารเสิ่นเล่ยชะงักฝีเท้า
พวกเขามองเซียวเฉินด้วยสายตาอำมหิต
“ผู้ใดกัน กล้ามาขวางทางข้า”
เซียวเฉินทำไขหู มองเสิ่นเล่ยในอ้อมอกแวบหนึ่ง เห็นาเ็สาหัสจนเกือบหมดสติจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า “ใครข้ามผ่านกระบี่นี้มา ตาย ไม่คิดจะเข้ามาก็ไสหัวไป”