บทที่ 81 คำขู่ของฮ่าวเหวิน
“จื่อเฉิน ที่เธอพูดกับไป๋ต้าไห่เมื่อกี้คงไม่ได้จริงจังหรอกนะ?”
เซียวอี้เหม่ยขับรถไปด้วยพลางมองไปทางที่นั่งข้างคนขับด้วย เย่จื่อเฉินกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนลดกระจกรถลงเพื่อจุดบุหรี่ให้กับตัวเอง
“คุณคงไม่ได้คิดว่าเ้าอ้วนนั่นมาขอร้องหรอกนะ?”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เซียวอี้เหม่ยอึ้งไป เธอคิดว่าคำพูดของชายอ้วนนั้นสมเหตุสมผล
ก้อนหินในแวดวงที่มีผลึกหยกได้โดนพวกเธอกว้านซื้อไปหมดแล้ว ด้วยแร่หินจำนวนนี้สามารถทำให้ธุรกิจร้านจิวเวลรี่ของเธอพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน คู่แข่งเดิมเ่าั้ก็จะตกอยู่ใน่เวลาที่ตกต่ำ
ในฐานะที่ชายอ้วนนั้นเป็ผู้นำในแวดวงธุรกิจจิวเวลรี่ จึงไม่สามารถแบกรับความกดดันอันหนักหน่วงของธุรกิจเอาไว้ได้ การมาร้องขอซื้อแร่หินมันก็ถือเป็เื่ปกติ
“เหอะ เ้าอ้วนคนนี้ ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่คุณคิดหรอกนะ”
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง เคาะปลายบุหรี่ออกไปนอกกระจกรถพร้อมกลั้วหัวเราะ
ใน่เวลาเดียวกัน ด้านนอกร้านจิวเวลรี่ของเซียวอี้เหม่ย
ชายอ้วนนั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ภายในรถ แต่มือกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก
“พี่ฮ่าว เย่จื่อเฉินบอกว่าให้แบ่งเปอร์เซ็นต์หุ้นของร้านเราให้ร้านเขาห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ผมต้องตอบตกลงเขาหรือเปล่า?”
“ห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์?”
คนในสายอึ้งไป แต่ครู่เดียวก็ส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมกลับมา
“ให้เขาไป”
“แต่ว่า…”
ชายอ้วนไม่ค่อยพอใจเท่าไร นี่เป็รากฐานการงานที่เขาลำบากตรากตรำสร้างขึ้นมากับมือ จะมายกให้ไปอยู่ในกำมือของคนอื่นง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ
“ไม่ต้องแต่ หรือฉันยังใจดีกับแกไม่พอ? นึกถึงลูกสาวแกไว้!”
คำพูดเ้าเล่ห์ในสายทำให้รูม่านตาของชายอ้วนหดลงทันที ตามมาด้วยความผิดหวังปนไม่พอใจ
“ผมเข้าใจแล้ว”
เถียนเถียนแต่งตัวเหมือนกับเ้าหญิงตัวน้อย วิ่งไปมาในบ้านเหมือนกับกวางเรนเดียร์ที่ร่าเริงตัวหนึ่ง
เย่จื่อเฉินนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก เขายื่นมือออกไปหาเถียนเถียน ก่อนอีกฝ่ายจะกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“คุณพ่อขา ทำไมคุณพ่อถึงไม่มีของขวัญมาให้เถียนเถียนเลยล่ะคะ”
เย่จื่อเฉินอึ้งไปนิด เขาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ตุ๊กตาบาร์บี้ที่ซื้อไว้ให้เถียนเถียนตอนนั้นยังอยู่ที่บ้านของเขา
“เถียนเถียน เดี๋ยวครั้งหน้าพ่อเอามาให้หนู โอเคไหม?”
“ค่ะ หนูจะเอาทรานส์ฟอร์มเมอร์สตัวใหญ่ๆ เลย” เถียนเถียนพยักหน้ายิ้มตาหยี เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วสงสัยก่อนส่งยิ้ม
ไม่คิดว่าเด็กแบบเถียนเถียนจะชอบพวกของเล่นเด็กผู้ชายแบบนั้น
“จื่อเฉิน เถียนเถียน มากินข้าวได้แล้ว”
งานวันเกิดของเถียนเถียนจัดขึ้นภายในบ้าน คนในบ้านก็ไม่ได้มีเยอะ ในยามที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ด้วยกัน ความอบอุ่นก็ได้แผ่กระจายออกมาจากโต๊ะอาหาร
เถียนเถียนเอาแต่นั่งเกาะติดเย่จื่อเฉินไม่ห่างกาย ดูออกเลยว่าหนูน้อยชอบคุณพ่อคนนี้มากจริงๆ
พอกินเค้กเสร็จแล้ว เถียนเถียนก็วิ่งเล่นไปมาอยู่ในห้องอีกครั้ง
เย่จื่อเฉินกับเซียวอี้เหม่ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก มองดูท่าทางที่สดใสร่าเริงของเถียนเถียน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอย่างห้ามไม่ได้
“เถียนเถียนเขาดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก แต่ก่อนเขาไม่เคยร่าเริงขนาดนี้”
“ต่อไปผมจะมาเยี่ยมเถียนเถียนบ่อยๆ นะครับ” เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นไปสางผมที่พันกันของเซียวอี้เหม่ยแล้วโอบเอวเธอเอาไว้
เซียวอี้เหม่ยเอียงหัวซบลงบนไหล่ของเย่จื่อเฉินเบาๆ แล้วหลับตาลงทันทีเพื่อััความรู้สึกปลอดภัยของผู้ชายข้างกายคนนี้ที่มอบให้กับเธอ
ติ๊งต่อง!
กริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น เซียวอี้เหม่ยเลิกคิ้วขึ้นทันที
เธอไม่มีเพื่อนที่ไหน ตามความเป็จริงแล้ว ในเวลานี้ไม่น่าจะมีคนมากดกริ่งหน้าประตูบ้านได้เลย
ลุกออกจากโซฟาด้วยความสงสัย เมื่อเซียวอี้เหม่ยเดินกลับมา ในมือของเธอก็มีกล่องสี่เหลี่ยมใบหนึ่งอยู่ด้วย
“อะไรเหรอ?”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว เซียวอี้เหม่ยส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
“ไม่รู้สิ เห็นวางไว้หน้าประตูบ้าน”
ถือกล่องเอาไว้ในมือ กล่องนี้มีน้ำหนักเบามาก ขนาดเขย่าดูแรงๆ ก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไร
แกะผ้าผูกกล่องออกด้วยความงุนงง ก่อนเปิดฝากล่องออก
การ์ดอวยพรใบหนึ่งหล่นออกมาจากกล่อง
สุขสันต์วันเกิดเถียนเถียน
ลงชื่อ : ฮ่าวเหวิน
การ์ดอวยพรง่ายๆ แต่ที่ดึงความสนใจของเขาได้คือรูปมีดจากหยดเืบนภาพด้านหลังการ์ด
“ฮ่าวเหวิน”
ใบหน้าของเซียวอี้เหม่ยซีดขาวขึ้นทันที เย่จื่อเฉินก็ขมวดคิ้วมุ่นมองการ์ดในมือ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
“จื่อเฉิน ฮ่าวเหวินเขาส่งการ์ดมาที่นี่ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ รูปมีดนั่นมันหมายความว่ายังไง หรือว่าเขาจะทำอะไรเถียนเถียน?”
ในน้ำเสียงของเซียวอี้เหม่ยเต็มไปด้วยความกังวล ถึงแม้ว่าเถียนเถียนจะเป็เด็กที่เธอรับมาเลี้ยง แต่เธอก็อยู่ข้างกายเด็กน้อยมาโดยตลอด เธอไม่สามารถเห็นเถียนเถียนเป็อะไรไปได้
“อย่ากังวลเลยครับ บางทีเขาอาจจะแค่อวยพรวันเกิดเถียนเถียนก็ได้” เย่จื่อเฉินยื่นมือออกไปลูบผมเซียวอี้เหม่ย พร้อมกับพูดปลอบเธอเสียงแ่
“แต่ว่า…”
“งั้นเอาอย่างนี้ ให้เถียนเถียนไปอยู่ที่บ้านผม ที่นั่นต้องปลอดภัยแน่นอน ต่อให้เขาจะมีอำนาจใหญ่คับฟ้าแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถแตะต้องเถียนเถียนได้แม้แต่ปลายผม”
“จื่อเฉิน ฉัน…”
“ผมเข้าใจครับ”
เอื้อมมือไปโอบเอาเซียวอี้เหม่ยเข้ามาในอ้อมกอด พลางตบไหล่เธอเบาๆ ก่อนที่ดวงตาของเย่จื่อเฉินจะค่อยๆ เยือกเย็นขึ้นมา
ฮ่าวเหวิน ถ้าฉลาดพออย่าคิดที่จะเล่นสกปรกกับเขาจะดีที่สุด
ไม่อย่างนั้น ต่อให้ใครจะเป็คนที่หนุนหลังเขา คนพวกนั้นจะไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปากได้อีก ตกกลางคืน เถียนเถียนที่เล่นมาทั้งวันก็กลับเข้าไปนอนที่ห้อง เย่จื่อเฉินบิดี้เีก่อนลุกออกจากโซฟาแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อี้เหม่ย ผมกลับแล้วนะ”
“อย่ากลับเลยนะ”
เซียวอี้เหม่ยลุกขึ้นมากอดเขาไว้จากทางด้านหลังทันที
ััจากทางด้านหลังเรียกเืลมในกายของเย่จื่อเฉินให้พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาตวัดมือโอบเอวเซียวอี้เหม่ย ปากหนาประทับลงไปอย่างไม่ลังเล…
อื้ม
“จื่อเฉิน ไปห้องฉันนะ”
ตุบ
เมื่อผลักเซียวอี้เหม่ยลงบนเตียงแล้ว เย่จื่อเฉินก็แทบจะออกแรงดึงทึ้งเสื้อผ้าของทั้งคู่ออกราวกับสัตว์ร้ายบ้าคลั่ง
ไม่นาน ทั้งสองร่างก็เปลือยเปล่า
ใบหน้าของเซียวอี้เหม่ยแดงลงมาจนถึงลำคอ ดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำมองเย่จื่อเฉินที่ดวงตาสองข้างแดงก่ำ อ้าปากหอบหายใจคร่อมอยู่บนตัวเธอ
“จื่อเฉิน…”
หลังจากพึมพำแ่เบา เธอก็เกี่ยวลำคอของเย่จื่อเฉินลงมาก่อนจะแนบริมฝีปากแดงสดเข้าหาริมฝีปากของเขา
นาทีนั้น ประกายไฟก็ปะทุขึ้นทันที
เมื่อเย่จื่อเฉินตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา เซียวอี้เหม่ยก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาแล้ว เมื่อคิดถึงความคลุ้มคลั่งเมื่อคืน เย่จื่อเฉินก็เลียริมฝีปากโดยอัตโนมัติ…
เธอเป็ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาั้แ่เกิดจริงๆ
...
“ไอ้คนลามก!ไอ้คนลามก!”
เสียงะโของหลิวฉิงดังขึ้นมาเหนือหัวทันที พอเงยหน้าขึ้นไปถึงได้เห็นว่าเธอกำลังจ้องเขาอย่างกับจะกินเืกินเนื้อ
เย่จื่อเฉินตบขาฉาดใหญ่ ก่อนจะยิ้มฝืดเคืองออกมา
เมื่อคืนก็มัวแต่คลอเคลียอยู่กับเซียวอี้เหม่ย จนลืมไปเลยว่ายังมีหลิวฉิงตัวน้อยที่เป็ผีสาวบริสุทธิ์อยู่กับเขาอีกคน
ดูจากท่าทางของเธอแล้ว หรือว่าเมื่อคืนนี้เธอจะดูาอยู่ตลอดทั้งคืน?
ถ้าเป็แบบนั้นมันจะต้องเป็หายนะทางสายตาและจิติญญาของเธอแน่นอน
“แหะๆ ขอโทษที แต่จะมาโทษฉันก็ไม่ได้นะ อารมณ์มันถลำลึกไปแล้ว… อีกอย่างเธอเข้าไปอยู่ในเนตรัก็ได้นี่ ฉันก็ไม่ได้มาบังคับให้เธอดูหนังสดซะหน่อย”
เย่จื่อเฉินพูดอย่างไร้ยางอาย หลิวฉิงที่ได้ยินก็เหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่เขา
เขาปล่อยให้กำปั้นของเธอชกเข้าที่หน้าอก ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเย่จื่อเฉินก็ดังขึ้นมา
เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู น้ำเสียงเข้มในสายก็ดังขึ้นมา
“เย่จื่อเฉิน เรามาเจอกันหน่อยสิ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้