ต้วนเฟิงและจิ้งหยุนออกมาจากรถม้า และเมื่อพวกเขาเห็นฉากที่น่าสยดสยองนี้ก็ทำให้พวกเขาถึงกับคลื่นไส้
โหดร้าย ไร้ความปรานี พวกเขานองเืมากเกินไป สำหรับโจรพวกนี้ชีวิตผู้คนก็เหมือนถ้วยรางวัล
“ลุงหวัง ไม่ใช่ท่านบอกว่าหลินเฟิงเป็คนทรยศหรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ พวกเขา้าสังหารพวกเรา”
ว่านชิงซานะโอย่างเกรี้ยวกราด
แม้ว่าหลินเฟิงอาจจะเป็สายลับ พวกเราก็ไม่ควรไล่เขาออกไป อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องถูกกลุ่มโจรฆ่าตาย แต่ลุงหวังท่านทำให้เขาต้องจากไป หลินเฟิงเป็คนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตพวกเราให้พ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ได้
“เ้าโทษข้า? เ้าเองก็เรียกเขาว่าเศษสวะ?” ลุงหวังะโใส่ว่านชิงซาน
“อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้ไล่เขาไป” ว่านชิงซานตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด ในตอนนี้เขารู้สึกเกลียดลุงหวังมาก เขายังอายุน้อยแล้วเขาจะต้องมาตกตายอยู่ที่นี้ได้อย่างไร?
มันสายเกินไปแล้ว พวกเขาคล้ายกำลังรอถูกฆ่าตายหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ พวกเราชะตาถึงฆาตแล้ว และพวกเรากำลังจะถูกฆ่าตาย
“ตอนนี้เ้าจะมาพูดจาเช่นนี้ แล้วคิดว่าจะรอดอย่างนั้นหรือ?”
ลุงหวังกล่าวอย่างอวดดี ทำให้ว่านชิงซานโกรธมากขึ้น
“ตายซะ!”
กลุ่มโจรยังคงโจมตีไม่หยุด กริชยาวของพวกมันชูขึ้นไปในอากาศทำให้เกิดแสงอันเยือกเย็น
“อ๊าก…” ว่านชิงซานะโอย่างโกรธเกรี้ยว เขา้าหนีออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้เพราะเขายังไม่อยากตาย
แต่เบื้องหน้าของว่านชิงซานมีโจรสองคนยืนขวางอยู่ ในมือของพวกมันทั้งสองถือกริชและพร้อมโจมตี พวกมันสามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อ ชะตาชีวิตของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว
“พวกเ้าเป็ใครกันแน่ ทำไมถึง้าฆ่าข้า?”
ต้วนเฟิงถามหัวหน้าโจรด้วยท่าทีไร้เดียงสา แต่ใบหน้าของเขายังคงดื้อดึง
“นายน้อย ท่านไม่ควรสัญญากับพี่ชายของท่านว่าจะไปยังเมืองหลวงเลย!” ลุงหวังะโ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น
“รู้ตัวไหมว่าเ้ากำลังจะตาย ทำไมต้องถามคำถามมากมายกัน”
ผู้นำกลุ่มโจรกล่าวอย่างสงบ เขากำลังมองไปที่ต้วนเฟิง สายตาที่มองเช่นเดียวกับที่เขามองไปยังซากศพบนถนน
“ฆ่ามัน”
ผู้นำกลุ่มโจรสั่งลูกน้อง ในขณะนั้นได้มีโจร 2 คนปลดปล่อยคลื่นดาบอันแข็งแกร่งออกมา
“พี่จิ้งหยุน ลุงหวัง ข้านำปัญหามาให้พวกท่านแล้ว”
ต้วนเฟิงกล่าวขณะขอโทษด้วยความจริงใจ เมื่อลุงหวังได้ยินสิ่งที่ต้วนเฟิงพูด เขาถึงกับส่ายหัว ส่วนจิ้งหยุนได้แต่ถอนหายใจและไม่คิดหนีเอาตัวรอด นางคิดว่าต่อให้นางรอดตายเมื่อนางออกจากนิกายหยุนไห่ได้ แต่ความตายก็ยังวกกลับมาหานางอีกครั้ง
แต่ในขณะนั้นได้มีเสียงควบม้าดังทะลุผ่านบรรยากาศ เหมือนกับว่ามันจะมาจากที่ไกลๆ แต่มันก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจเมื่อพวกเขามองไปที่ขอบฟ้า
“หยุด!”
เสียงะโดังมาจากขอบฟ้า ขณะที่เสียงเกือกม้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพวกเขาเห็นร่างเงาที่กำลังยืนอยู่บนหลังม้า ก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
“นั่นพี่หลินเฟิง และก็พี่เมิ่งฉิง!”
ต้วนเฟิงไม่คิดว่าหลินเฟิงจะกลับมา
ผู้นำกลุ่มโจรหันหลังและจ้องมองไปที่หลินเฟิง
เมิ่งฉิงใช้แส้ตีม้ามากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มันวิ่งให้เร็วขึ้น ในขณะนั้นพวกเขาได้วิ่งผ่านกลุ่มโจรมาหาต้วนเฟิง
เมื่อหลินเฟิงสังเกตเห็นหัวขององครักษ์บางคนอยู่บนพื้น มันก็ทำให้เขาโกรธมากขึ้น
โจรพวกนี้เป็เหมือนสัตว์เดรัจฉาน วิธีการช่างโหดร้ายอย่างแท้จริง
“พี่หลินเฟิง” ต้วนเฟิงกล่าวอย่างดีใจและรู้สึกซึ้งใจเป็อย่างมาก แม้ว่าลุงหวังได้ดูิ่หลินเฟิง แต่หลินเฟิงก็กลับมาช่วยพวกเขา
หลินเฟิงพยักหน้าให้ต้วนเฟิง และเริ่มจ้องมองไปที่พวกโจรอย่างเยือกเย็น
“เป็ทหารแต่กลับปลอมตัวเป็โจรและสังหารคนของตัวเอง พวกเ้ารู้สึกละอายบ้างหรือไม่?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า จึงทำให้ต้วนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ประหลาดใจ กองทหาร?
ผู้นำกลุ่มโจรก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงและถามว่า “ทำไมเ้าถึงหาว่าพวกข้าเป็ทหารกัน?”
“หากเป็แค่โจรม้ามีวินัยที่เข้มงวดเช่นนี้ คงจะเข้าใจรูปแบบการจัดขบวนในการเคลื่อนพลหรอกนะ?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็ากับพวกโจร ทำให้พวกมันทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
กองโจรนั้นจะไม่เคลื่อนที่เป็รูปขบวนและแข็งแกร่งเช่นนี้ นอกจากนี้กลุ่มโจรทั้งสองกลุ่ม หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของม้าโลหิตที่อยู่บนตัวของพวกเขา เพียงแต่ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับที่เคยเจอมาก่อน
“กลุ่มโจรที่เจอก่อนหน้านี้ ยังปลอมตัวเนียนกว่าพวกเ้าเสียอีก” หลินเฟิงกล่าว
“พูดมาเช่นนี้ หมายความว่าโจรกลุ่มนั้นถูกเ้าสังหารไปแล้ว?”
กริชของผู้นำกลุ่มโจรเริ่มเรืองแสง และสายตาเขาก็จ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างมุ่งร้าย
“ใช่ ไม่เพียงแต่ข้าสังหารพวกมันเท่านั้น แต่ข้ายังได้สังหารสัตว์ของพวกมันอีกด้วย” หลินเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“ช่างโอ้อวดเสียจริง ในเมื่อเ้าวิ่งมาหาที่ตาย งั้นข้าก็จะสนองตามความ้าของเ้า” หัวหน้าโจระโและออกคำสั่ง “ฆ่ามัน!”
“ขอรับ”
โจรสองคนที่้าสังหารต้วนเฟิงหันกลับ และเดินตรงไปที่หลินเฟิงพร้อมกับกริชที่กำลังเรืองแสง
แต่หลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่งและไม่ขยับเขยื้อน เมื่อโจรสองคนเข้ามาใกล้เขา เขาจึงขยับมือเล็กน้อย
“เคล็ดวิชาชักดาบ”
การโจมตีด้วยดาบของหลินเฟิงนั้นทรงพลังมาก ทันใดนั้นได้มีน้ำพุเื 2 สายสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ และมีหยดเืกระเด็นไปที่ม้าของหลินเฟิง
“ขอบเขตแห่งจิติญญา” หัวหน้าโจรกล่าวขณะที่มันดูประหลาดใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกำเริบเสิบสานเช่นนี้ และยังได้สังหารกลุ่มโจรก่อนหน้านี้อีกด้วย ที่แท้ก็แข็งแกร่งเช่นนี้เอง แต่เ้าคิดว่าจะอาศัยความแข็งแกร่งนี้แล้วจะสามารถกำเริบเสิบสานได้หรือ งั้นข้าจะบอกอะไรเ้าให้ เ้ามันช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว”
ในขณะนั้นลมปราณอันแข็งแกร่งได้พุ่งเข้าหาหลินเฟิง และกดทับเขา
“เห็นหรือยัง? ความแข็งแกร่งของข้า ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 เมื่อเทียบกับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 ของเ้าก่อนหน้านี้ มันก็กลายเป็เพียงเศษเสี้ยวของจิติญญากริช สำหรับข้านั้นคิดว่าผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ก็ยังสามารถสังหารเ้าได้อย่างง่ายดาย และด้วยการกระทำของเ้า สมควรต้องตาย แต่วันนี้ข้าจะใจดีและจะปล่อยเ้าไป ตราบใดที่เ้ามาเป็คนของข้า”
ผู้นำกลุ่มโจรพยายามทำให้หลินเฟิงประทับใจ แต่ในใจของเขาหวังเป็อย่างยิ่งว่าหลินเฟิงจะเข้าร่วมกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับหลินเฟิงเป็เด็กหนุ่มที่มีพร์มาก ผู้คนที่อายุเท่าเขาน้อยนักที่จะบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาได้ อนาคตของหลินเฟิงนั้นสว่างไสว และหัวหน้าโจรหวังว่าหลินเฟิงจะสามารถทำให้พวกเขาได้รับโชคลาภภายใต้คำสั่งของพวกเขา
“แม้ว่าความแข็งแกร่งของเ้าจะยังไม่เพียงพอ แต่ข้าก็สามารถทำลายได้ ทำให้เ้ามาเป็คนของข้า เพียงแค่เ้าติดตามข้า เ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้” หัวหน้าโจรกล่าว
หลินเฟิงจ้องมองผู้นำกลุ่มโจรอย่างไม่ไหวติงและเริ่มยิ้ม
“ฝันไปเถอะ” หลินเฟิงกล่าว
ผู้นำกลุ่มโจรถึงกับมึนงง และถาม “ข้าเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 เ้าไม่กลัวว่าข้าจะสังหารเ้าตอนนี้เลยหรือไง?”
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 แข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยท่าทีเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา เขาเริ่มปลดปล่อยลมปราณออกมาทันที พลังที่ออกมาจากร่างของเขามันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1?”
“ไม่ มันคือขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก”
ฝูงชนสามารถรู้สึกได้ถึงลมปราณที่อยู่รอบๆ ตัวหลินเฟิง ทุกคนล้วนมึนงงเพราะการทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ได้ในวัยนี้ มันเป็เื่ที่พิเศษมากและยากที่จะทะลวง
พร์ของหลินเฟิงช่างน่ากลัวจริงๆ
แต่พวกเขาไม่มีเวลาที่จะจ้องมองหลินเฟิงมากเกินไป เพราะลมปราณที่ออกมาจากร่างหลินเฟิงยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“หืม?” โจรหลายคนส่งเสียงประหลาดใจ หลินเฟิงแข็งแกร่งขึ้น! เป็ไปได้ไหมว่าเขาอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2?
พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นที่เห็นความแข็งแกร่งของหลินเฟิงแข็งแกร่งเท่าผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2
“ช่างเป็พร์ที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้”
ฝูงชนรู้สึกถึงการโจมตี พร์ของหลินเฟิงช่างแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก
“ช้าก่อน ลมปราณของเ้าทำไมมันยังเพิ่มขึ้นอีก?”
หลายคนต่างประหลาดใจอย่างมาก เป็ไปได้ไหมว่า…
“ตูม!”
ฝูงชนต่างประหลาดใจ อำนาจดาบและคลื่นดาบของหลินเฟิง จู่ๆ ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ได้ทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 และมันก็หยุดลง
ต้วนเฟิงและจิ้งหยุนถึงกับพูดไม่ออก เพราะความประหลาดใจ และหัวใจของพวกเขาทั้งสองกำลังเต้นระรัวเพราะความตื่นเต้น
เขาอายุประมาณ 16 ปี แต่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3? ช่างเป็อัจฉริยะที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!
“เ้าเด็กนี่ ต้องดึงมาเป็พวก”
ผู้นำกลุ่มโจรอยากดึงหลินเฟิงมาเป็พวก ถ้าเขาแนะนำหลินเฟิงให้กับคนอื่นๆ บางทีเขาอาจจะได้รับรางวัลก้อนใหญ่ ซึ่งจะเพิ่มสถานะให้เขา และยังได้รับเงินจำนวนมหาศาล
“ข้ายอมรับในความแข็งแกร่งและพร์ของเ้า แต่ด้วยการอาศัยพลังของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 แม้ว่าเ้าจะเป็คนของข้ามันก็ยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้เรายังมีคนมากมายที่สามารถฆ่าเ้าได้อย่างง่ายดาย” ผู้นำโจรกล่าว และกล่าวเสริมว่า “ในทางกลับกัน หากเ้าไปกับข้า ข้าจะให้เ้าเป็ผู้ช่วยของข้า จากนั้นข้าจะแนะนำเ้าด้วยยศที่สูงกว่านี้ และเมื่อถึงเวลานั้น อนาคตของเ้าจะไม่มีที่สิ้นสุด”
“นอกจากนี้ ถ้าเ้า้าอะไร ข้าสามารถหาให้ได้ เพียงแค่สัญญา เ้าจะรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง”
“มีแค่นี้? เ้ามั่นใจในตัวเองมากสินะ”
หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างเ็า ในขณะนั้นหลินเฟิงได้ปลดปล่อยลมปราณและอำนาจมหาศาลออกมา และควบแน่นมันทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่ากลัว
ในขณะนั้นทุกๆ คนสามารถรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากหลินเฟิงกดทับ และรู้สึกว่าพวกมันกำลังเจาะพวกเขาราวกับใบมีด
“อำนาจดาบ” หัวหน้าโจรกล่าว ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
“ตอนนี้เพียงพอหรือยัง?” หลินเฟิงกล่าวขณะหัวเราะอย่างชั่วร้าย และปลดปล่อยอำนาจดาบออกมามากยิ่งขึ้น ทำให้คราวนี้มันทรงพลังมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก
“ความแข็งแกร่งของพี่หลินเฟิงช่างน่ากลัวยิ่งนัก ท่ามกลางคลื่นดาบนั่น เป็ข้าคงจะถูกคลื่นดาบตัดเป็ชิ้นๆ แล้ว”
ต้วนเฟิงกระซิบกับจิ้งหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา จิ้งหยุน… เ้าไม่รู้หรือว่าหลินเฟิงกลายเป็คนที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายที่เ้าเจอเขาเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกัน
ลุงหวังยังคงจ้องมองไปที่หลินเฟิง และมีความคิดจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าจะคิดหรือจะเชื่ออะไรดี
เมื่อผู้นำกลุ่มโจรได้ยินคำพูดของหลินเฟิง สีหน้าจึงซีดขาวในทันที นักดาบที่ตระหนักถึงอำนาจดาบ จึงสามารถเพิ่มพลังโจมตีอย่างทวีคูณ ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงเองก็ทรงพลังมาก จึงไปเพิ่มอำนาจดาบให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีก มันก็เพียงพอที่จะข่มเหงเขาได้แล้ว แม้อาจจะแข็งแกร่งกว่าเขา และเมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่ตัวเองต่อปากต่อคำ เขาจึงรู้สึกว่ามันน่าตลกขบขันเสียจริง
