หลิวเหรินกุ้ยเห็นด้วยกับการแยกบ้าน เพียงแต่เขาไม่กล้างัดข้อกับหลิวฉีซื่อซึ่งๆ หน้า สาเหตุหลักเป็เพราะบ้านของตนถูกเ้านายยึดไปใช้หนี้แล้ว เงินในกระเป๋ายังไม่เพียงพอให้เขาซื้อบ้านในตำบลตอนนี้
หลิวซานกุ้ยเห็นทั้งสองต่างก็้าแยกบ้าน ในใจเองก็มีความสุข แต่เบื้องหน้ายังคงนั่งด้วยท่าทีจริงจังราวกับเป็เสาบ้าน
หลิวฉีซื่อกับซุนต้าเตาทะเลาะกันในบ้านไปอีกหนึ่งยก ทั้งบ้านฝั่งสามีและภรรยาต่างก็มีเหตุผลเป็ของตัวเอง
หากแต่หลิวฉีซื่อถือไพ่เหนือกว่า เพราะมีอำนาจจัดการทรัพย์สินในบ้านอยู่ในมือ หลิวเหรินกุ้ยไม่กล้าแข็งข้อกับนางมากนัก ทั้งหมดทะเลาะกันจนหลิวจื้อไฉกับหลิวจื้อเป่าไปเรียน คนทั้งหมดถึงได้ยุติลง
หลิวเหรินกุ้ยเห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว ท้องไส้ก็เริ่มหิว จึงเชิญทั้งสามคนไปกินเกี๊ยวกันในตำบล
ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาล้วงเงินจะมาจ่าย หลิวฉีซื่อก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เหรินกุ้ย จ่ายแค่ในส่วนของเราสามแม่ลูกก็พอ”
“น้องเขย จ่ายในส่วนของข้าด้วย” ซุนต้าเตาไม่ชอบหน้าหลิวฉีซื่อ จึงจะเป็ปฏิปักษ์กับนางทุกเื่
เมื่อหลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเดือด ชี้นิ้วไปที่จมูกของซุนต้าเตา “มารดาเ้าสิ นั่นคือเงินของลูกชายข้า เื่อะไรต้องมาจ่ายให้คนตระกูลซุนเช่นเ้า ตระกูลซุนช่างหน้าไม่อาย ราวกับพวกขอทาน”
“เ้าบอกว่าใครเป็ขอทาน? นางเฒ่าหงำเหงือก” ซุนต้าเตาคือพวกนักเลง ไม่เคยมานั่งคิดว่าหลิวฉีซื่อคือผู้าุโ อ้าปากก็ใช้เพียงคำหยาบตอบโต้กลับไป
หลิวฉีซื่อโกรธมากจนดวงตาแดงก่ำ อยากจะบีบคอเขาให้ตายเดี๋ยวนั้น
หลิวซานกุ้ยเห็นเช่นนี้ หากว่าไม่แยกทั้งสองออกจากกันเห็นทีคงทะเลาะกันกลางถนน จึงรีบดึงหลิวฉีซื่อไปปากทางตำบล หลิวเหรินกุ้ยจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วกล่าวลากับซุนต้าเตา จากนั้นจึงตามไปที่ปากทางตำบลด้วย
......
หลิวเต้าเซียงฟังพ่อแสนดีของนางเล่าเื่สนุกสนานเช่นนี้อย่างมีอรรถรส ถึงกับเหล่ตาใส่บิดาของตนหนึ่งที
จากนั้นก็ถามว่า “แล้วอย่างไรต่อ? จะไม่รับป้ารองกลับมาแล้วหรือ? ท่านย่าของเราโมโหร้าย เกรงว่าคงไม่มีทางยินยอม”
หลิวซานกุ้ยถอนหายใจ “นั่นสิ เดิมทีลุงรองของเ้าเองก็ไม่คิดจะกลับมา ปรากฏว่า ย่าของเ้าจงใจรอเขาที่ปากทางตำบล บอกลุงรองเ้าว่า หากเขาไปรับซุนซื่อกลับมา ทรัพย์สินในบ้านจะไม่แบ่งให้เขาแม้แต่นิดเดียว”
หลิวเต้าเซียงรู้ว่าหลิวเหรินกุ้ยไม่เพียงแต่เฝ้ารอที่นาผืนดี เขายัง้าเงินส่วนตัวของมารดาอีกด้วย ตอนนี้หลิวฉีซื่อเป็แม่สามีที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่รู้ว่าเมื่อนางแก่เฒ่าไป สถานการณ์จะกลายเป็เช่นใด
แน่นอนว่าเื่เหล่านี้ไม่เกี่ยวกับหลิวเต้าเซียง
ตอนนี้นางยังเหม่อลอยอยู่ หลิวซานกุ้ยก็บอกกล่าวนางอีกเื่หนึ่ง “ลุงรองเ้าคราวนี้เจอกับงานยากแล้ว ได้ข่าวว่า นายท่านจิ่วตอนนี้เฝ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมทุกวัน และสั่งห้ามผู้ใดแอบขโมยของ ชีวิตของลุงรองเ้าคงไม่ได้ดีเช่นแต่ก่อน”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าหลิวซานกุ้ยมีความคิดเห็นใจคนที่ตกระกำลำบาก จึงเอ่ย “ท่านพ่อ อย่าได้ลืมว่าลุงรองเขาทำงานในโรงเตี๊ยม ถึงแม้จะแย่ลง แต่ก็คงไม่แย่เท่ากับที่ครอบครัวเรากินอยู่ อย่างน้อยในโรงเตี๊ยมก็มีอาหารดีๆ นำกลับบ้านได้”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าเกาจิ่วดูแลได้เข้มงวดเพียงใด แต่อาหารที่แขกไม่ได้แตะ หรือว่าที่แขกสั่งไปแล้วแต่ไม่มา ก็คงมีเป็เื่ปกติ อาหารสุกเหล่านี้จะให้ทิ้งไปก็เสียดาย ส่วนใหญ่จึงแบ่งให้กับลูกน้องไป
เมื่อนางพูดเช่นนี้ หลิวซานกุ้ยก็พินิจอีกรอบ จึงเกิดความหงุดหงิดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าพี่รองของตนนั้นเห็นเขาเป็คนโง่เขลาหรืออย่างไร
หลิวเหรินกุ้ยโน้มน้าวหลิวฉีซื่ออยู่นานครึ่งค่อนวัน เมื่อเห็นว่านางไม่มีทีท่าจะยอมใจอ่อน จึงได้แต่กลับไปคิดหาทางต่อในตำบล
วันเวลานั้นสงบดั่งผืนทะเลสาบที่ไร้ซึ่งสายลม หลิวซุนซื่อกับหลิวจูเอ๋อร์ยังคงอยู่บ้านตระกูลซุน ส่วนหลิวเหรินกุ้ยไหว้วานคนส่งของไปหลายรอบ แต่หลิวฉีซื่อก็ไม่ยอม เขาจึงไม่กล้าเสี่ยงไปรับสองแม่ลูกกลับมา เพียงแต่มักจะเขียนจดหมายปลอบโยนพวกนาง บอกให้พวกนางอาศัยโอกาสนี้พักอาศัยที่บ้านมารดาไม่กี่วัน
วันนี้หลิวซานกุ้ยกลับมาจากตำบล ใบหน้าเต็มไปด้วยความเบิกบานอย่างเก็บไว้ไม่อยู่
หลิวเต้าเซียงเพิ่งให้อาหารไก่ที่บ้านของหลี่ชุ่ยฮัวเสร็จ เมื่อเห็นไก่เ่าั้ตัวใหญ่ประมาณกำปั้นแล้ว จิตใจก็รื่นรมย์ ฮัมเพลงหลงทำนองเดินกลับบ้านด้วยท่วงท่าเหมือนชายชรา
ทันทีที่กลับถึงบ้านก็เห็นหลิวซานกุ้ยยืนอยู่ด้านหลังประตูห้องปีกตะวันตก ใบหน้าดูลึกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างพร้อมกับโบกมือมาทางนาง
หลิวเต้าเซียงมองไปบนท้องฟ้า เห็นตะวันสาดส่อง แล้วมองดูพ่อผู้แสนดี มุมปากจะฉีกถึงใบหูอยู่แล้ว
เก็บเงินได้หรือ?
หลิวเต้าเซียงเดินกลับไปที่ห้องปีกตะวันตกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ก้าวเข้าประตู นางก็ถูกมือคู่หนึ่งยื่นออกมาสอดเข้าใต้รักแร้ จากนั้นก็รู้สึกว่าพื้นดินอยู่ห่างออกจากนางเรื่อยๆ
“ท่านพ่อ มีเื่ดีอะไรหรือ? ดูท่านดีใจถึงเพียงนี้”
อารมณ์ของหลิวซานกุ้ยเรียกได้ว่าสวยงาม เขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครอยู่บ้าน จึงไม่เก็บสีหน้าท่าทางที่ดีใจเช่นนั้น
เขาอุ้มหลิวเต้าเซียงไปที่ขอบคั่งที่เขากับจางกุ้ยฮัวใช้นอน แล้ววางนางลงบนนั้น จากนั้นล้วงกระเป๋าผ้าอันเก่าออกมาจากในอก ซึ่งมีน้ำหนักและเหมือนมีของปริมาณหนึ่ง
ไม่นานก็ได้ยินเสียงที่คมชัดดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน
หลิวเต้าเซียงจ้องมองกระเป๋าผ้าขาดๆ หืม? เสียงนี้ช่างคุ้นเคย
ต่อจากนั้นมือของนางก็หนักอึ้ง ข้างหูมีเสียงของหลิวซานกุ้ยดังขึ้น “รับไว้ ลูกรัก เก็บไว้ให้ดี”
หลิวเต้าเซียงดีใจมาก นางััผ่านเนื้อผ้า เป็เงินแท่งของแท้ อีกทั้งเงินหนึ่งแท่งก็มีน้ำหนักมาก
“ท่านพ่อ นี่มันอะไรกัน? ท่านไปได้มาจากไหน?”
“จะมาจากไหนอีกเล่า ก็บ้านในชื่อของเ้าเช่าออกไปแล้วน่ะสิ ฮ่า คิดไม่ถึงว่านายท่านจิ่วจะคุยง่ายเพียงนี้ ตอนนั้นบอกว่าจะช่วยเราหาคนเช่า นี่เพียงแค่สิบกว่าวัน ก็ปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ไปได้แล้ว มีเงินแท่งสี่ก้อนและห้าตำลึงอีกหนึ่งก้อน ค่าเช่าทั้งหมดสิบห้าตำลึงต่อปี ห้าตำลึงในนั้นคือค่าประกัน ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรเหล่านี้ แต่นายท่านจิ่วช่วยข้าจัดการ อ้อ แล้วก็โฉนด ให้ไว้ที่เ้าได้เลย เ้าต้องเก็บไว้เป็สินเ้าสาว”
สำหรับเื่นี้ หลิวซานกุ้ยเป็พ่อที่ดีจริงๆ เขาไม่เคยคิดโลภเอาเงินของบุตรสาวเลย
หลิวเต้าเซียงมีห้วงมิติอยู่ในมือ ไม่ได้สนใจเงินเล็กน้อยเหล่านี้ เพียงแต่เห็นว่ายังไม่ได้แยกบ้านอยู่ หากเก็บไว้ในมือของหลิวซานกุ้ยก็อาจถูกหลิวฉีซื่อพบเข้า ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่จะรักษาเงินเหล่านี้ไว้ กระทั่งการปล่อยเช่าบ้านหลังนั้นก็คงเปิดเผยออกมาแน่นอน
หากหลิวฉีซื่อรู้แล้ว ชื่อในโฉนดคงไม่มีทางเป็ชื่อของหลิวเต้าเซียงอีกต่อไป
ดังนั้น นางจึงเก็บเงินทั้งหมดไว้ในอ้อมอกอย่างไม่เกรงใจ ความเป็จริงคือโยนเข้าไปในคลังเก็บของห้วงมิติ
“ท่านพ่อ ข้า้าปรึกษาหารืออะไรด้วย”
หลิวซานกุ้ยฟังดังนั้น ดวงตาก็เป็ประกาย ทุกครั้งที่บุตรสาวคนรองบอกว่ามีเื่จะปรึกษา แสดงว่าในครอบครัวจะมีเงินไหลเข้ามาอีกแล้ว
“ลูกรัก เื่อะไรหรือ?”
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าในตำบลของเราขายไข่ใบละสามอีแปะ หากว่าข้าไปหมู่บ้านอื่นเพื่อรับไข่มา เราเองก็ไม่ได้คิดหากำไรมากนัก ไข่สิบใบได้กำไรหนึ่งอีแปะ หาค่าแรงสักหน่อยก็ถือว่าคุ้ม”
เกษตรกรไม่ค่อยสะสมไข่ ทั่วไปแล้วเมื่อสะสมได้สักสิบกว่าใบก็จะไปขายแลกเป็เงินมาใช้จ่ายในบ้าน
แต่บางหมู่บ้านที่ห่างไกลไม่สามารถไปตลาดนัดได้ เพราะการหิ้วไข่ไปในระยะทางที่ไกลนั้นเปลืองแรงมาก อีกเื่เพราะบ้านหลังหนึ่งเลี้ยงไก่ไม่กี่ตัว อย่างมากก็วางไข่แค่วันละใบสองใบ เวลาผ่านไปก็สะสมได้ไม่เกินสิบเอ็ดถึงสิบสองฟอง แล้วยังต้องไปไกลถึงตลาดนัดจึงจะขายได้ คิดอย่างไรก็ไม่คุ้ม
“เช่นนี้ก็ดี เพียงแต่เ้าจะหิ้วไหวหรือ? ่เช้าพ่อต้องไปเรียน ่บ่ายยังต้องทำงานเกษตรกับจับปลา”
หลิวซานกุ้ยทําสิ่งนี้อย่างแเี จับปลาได้มาก็จะเลือกแต่ตัวเล็กกลับบ้าน ส่วนตัวใหญ่เก็บไว้ในข้องปลา และเลี้ยงในที่ลับตาคน
ดังนั้น ด้วยเหตุนี้หลิวฉีซื่อจึงไม่เคยเห็น
“ท่านพ่อ ไม่เป็ไร ถึงอย่างไรข้าคิดว่าหิ้วไม่ไหวก็จะส่งกลับมาที่บ้านก่อน”
วิธีทำของหลิวเต้าเซียงเหมือนเ้าหน้าที่ส่งของ
หลิวซานกุ้ยลังเลเล็กน้อย เขาไม่อยากให้บุตรสาวลำบาก
หลิวเต้าเซียงโอบแขนของเขาไว้แล้วเริ่มบิดตัว “ท่านพ่อ ท่านตามใจข้าเถอะ ถึงอย่างไรงานในบ้านก็มีท่านแม่กับพี่ใหญ่ทำแล้ว สู้ให้ข้าออกไปทำงานดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะหาเงินได้หลายอีแปะมาซื้อน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊วขาวกับน้ำส้มสายชูจะได้ประโยชน์กว่า”
หลิวซานกุ้ยยังคงลังเลที่จะปล่อยให้นางต้องลำบาก “เ้าก็หาเงินได้สิบห้าตำลึงต่อปีแล้วไม่ใช่หรือ รอสะสมสักสองปี พ่อจะคิดหาทางเก็บที่นาผืนดีให้เ้าสักหน่อย”
“ท่านพ่อ ใครเล่าจะรังเกียจการหาเงินได้เยอะ อีกอย่าง ข้าออกไปทำงานยังหาได้หลายอีแปะ สะสมจากน้อยเป็มาก บ้านเราก็จะได้มีชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้น หากข้าอยู่แต่บ้าน วันๆ ต้องช่วยปู่ย่าทำงาน อ้อ ไม่สิ เป็การทำงานให้ลุงใหญ่ ลุงรองโดยเปล่าๆ ต่างหาก เื่อะไร ข้าไม่เอาด้วยหรอก สู้ให้ข้าออกไปหาเงินใช้จ่ายเองดีกว่า”
ทันใดนั้น หลิวเต้าเซียงก็รู้สึกว่าการขอให้พ่อของนางไปเรียนที่ตำบลนั้นราวกับเป็การเอาก้อนหินทุบขาตนเอง
เดิมทีหลิวซานกุ้ยไม่เห็นด้วย แต่พอได้ฟังนางพูดเช่นนี้ก็นึกถึงที่หลิวเหรินกุ้ยพูดก่อนหน้านั้น ครอบครัวของเขาบุตรสาวเยอะ สิ่งอื่นทำไม่ได้ หากเป็การเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ก็ถือว่าใช้ได้
ในใจเขารู้ดีว่าหลิวเหรินกุ้ยคิดว่าเขาซื่อตรงรังแกง่าย จึง้าให้บุตรสาวตนเองเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู พูดให้เพราะหน่อยคือช่วยย่าของพวกนางเลี้ยง อันที่จริงของเหล่านี้ก็เข้าไปอยู่ในกระเป๋าพี่น้องตนเองไม่ใช่หรือ?
ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรม จึงกัดฟันตกปากรับคำเื่นี้ไป
ไม่ต้องพูดถึงว่าหลิวเต้าเซียงดีใจเพียงใด ซุกอยู่ในอกเขาพร้อมกับหัวเราะร่า
ในที่สุด ไข่ในห้วงมิติของนางก็มีทางเอาออกมาขายอย่างเปิดเผยได้
แน่นอนว่าการเสแสร้งก็ต้องทำ ใน่บ่ายหลิวซานกุ้ยจึงสานตะกร้าใบใหม่ให้นาง ขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถใส่ไข่ได้ราวสี่สิบใบเท่านั้น
จะว่าไปเขาก็ยังกลัวบุตรสาวตนเองลำบาก ไข่สี่สิบใบสามารถแลกเงินได้สี่อีแปะ เพียงพอให้นางซื้อขนมต่าไป๋ถังแล้ว
ด้วยข้ออ้างนี้ เงินในห้วงมิติของหลิวเต้าเซียงนับวันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พริบตาเดียวก็มาถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ไก่สองไร่ที่หลิวเต้าเซียงดูแลอยู่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว
เป็ดน้อยเริงร่าในหนองน้ำตื้นและลึก ลูกบ๊วยผลสุกงอมภายใต้ท้องฟ้าที่ทั้งแดดแจ้งและครึ้มสลับกันไป
นางถอดเสื้ออ๋าวออกแล้วเปลี่ยนเป็เสื้อกระโปรง ฤดูร้อนมาเยือนโดยไม่รู้ตัว
ห้วงมิติของหลิวเต้าเซียงถึงคราวได้เก็บผลผลิตอีกแล้ว
“เซียงเซียง เรากำลังจะรวยแล้ว จะรวยแล้วจริงๆ”
ก่อนรุ่งสาง สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดก็เรียกด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าเป็หนุ่มโสดที่แปดร้อยปีไม่เคยได้เห็นผู้หญิง พอเห็นหมูเพศเมียก็กรีดร้องอยู่นานครึ่งค่อนวันอย่างไรอย่างนั้น
หลิวเต้าเซียงหันมาและพึมพำสองประโยค “ฟ้ายังไม่สางเลย เสียงดังอะไรเนี่ย”
เสียงของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเต็มไปด้วยความเย้ายวน “เซียงเซียง คุณอยากหาเงินให้ได้มากมายไม่ใช่หรือครับ? บริษัทส่งข่าวสารมาว่า วันนี้จะมารับไก่ หนึ่งไร่มีไก่ห้าร้อยตัว ของคุณจะเป็หนึ่งร้อยตัวนะครับ ไก่ตัวผู้สองร้อยตัวบริษัทก็จะเก็บกลับไปด้วย ครั้งนี้คุณได้ไก่ตัวเมียสองร้อยตัวเชียวนะครับ นั่นมันคือเงินจำนวนเท่าไรกันเนี่ย?”
ไก่เท่ากับเงิน?!
หลิวเต้าเซียงที่เดิมทีกำลังง่วงเต็มที ชั่วอึดใจก็ตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นไหวไปมา
-----
