ปัจจุบันการตกแต่งภายในอาคารยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญถึงหลิวหย่งจะใช้อาชีพช่างก่อสร้างมาบังหน้า และงานที่ทำคือการลักลอบขนของเถื่อน แต่อย่างไรเสียเขาก็เคยเรียนวิชาการก่อสร้างจริงๆ
ฉาบผนัง ปูกระเบื้อง หรือแม้แต่ติดฝ้าเพดาน ล้วนไม่ยากเย็นสำหรับหลิวหย่ง
เซี่ยเสี่ยวหลานวางความไม่เชื่อมั่นในลุงของตนเองไว้ก่อนหาคนงานอื่นมาสื่อสารยิ่งยุ่งยาก ในเมื่อตอนนี้ใครๆ ต่างก็ไม่มีประสบการณ์การตกแต่งภายในหากต้องเปลืองแรงอธิบายกับคนงานเ่าั้อีก ไม่สู้บอกกับลุงของเธอเลยเสียดีกว่า
หลิวหย่งมองอย่างงุนงง เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ด้านข้างค่อยๆ อธิบายกับเขา เขาจึงพอเข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไร
รวมไปถึงตะขอแขวนผนัง ราวติดผนัง ไม้แขวนเสื้อและราวแขวนผ้าจะจัดอย่างไร ‘แบบ’ ของเซี่ยเสี่ยวหลานได้แสดงถึงแผนผังของทั้งร้านออกมาอย่างชัดเจนเนื่องจากเงินทุนจำกัด ความคิดมากมายจึงไม่สามารถทำให้เป็จริงได้ เช่นภาพในความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานร้านขายเสื้อผ้าทันสมัยที่ไหนมีประตูไม้กัน หากไม่ติดตั้งกระจกโปร่งใสทั้งหมดจะทำให้คนสัญจรผ่านไปมาถูกดึงดูดด้วยเสื้อผ้าแบบใหม่ในร้านได้อย่างไร?
ร้านเสื้อผ้าที่มีระดับ หนึ่งปีสี่ฤดูกาลอุณภูมิห้องคงที่เสมอฤดูร้อนลองเสื้อผ้าจะไม่มีเหงื่อไคลเหนียวเหนอะฤดูหนาวก็ไม่กลัวว่าถอดเสื้อนอกออกแล้วจะหนาวจัดกระจกเต็มตัวและดวงไฟออกแบบเป็พิเศษเช่นกันเวลาลองสวมใส่เสื้อผ้าไม่ว่าสีผิวหรือรูปร่างล้วนดูดีขึ้น อดกลั้นความ้าในการควักเงินซื้อเสื้อผ้าแทบไม่ไหว
เซี่ยเสี่ยวหลานหาดวงไฟแบบนี้ไม่ได้ และไม่มีนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญถึงขนาดนี้
เธอทำได้เพียงจัดการอย่างสุดความสามารถ ภายในเงินทุนตกแต่งที่มีอย่างจำกัดพยายามตกแต่งออกมาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“ฉันคำนวณคร่าวๆ แล้ว ต่อให้ไม่เปลี่ยนประตูร้านชั่วคราวตกแต่งเสร็จอย่างไรก็ต้องใช้เงินหลายพันหยวน”
“ตอนนี้ในมือหลานยังมีเงินเท่าไร? เพิ่งจ่ายค่าเช่า 2000 หยวนไปนี่”
ก่อนหน้านี้เป็จำนวน 9000 หยวนเซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้าสินค้า 5000 หยวนเงินหมุนเวียนเหลือแค่ 4000 หยวนหักค่าเช่าที่ให้เมื่อวาน เดิมทีควรเหลือ 2000 หยวนทว่าเธอนำเสื้อผ้ากลับมาได้สามสี่วันแล้ว และขายออกไปได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินจมคือเสื้อนอกขนแพะชายราคา 140 หยวน ต้นทุนรวมกำไรของสินค้าอื่นรวบรวมเงินได้ 4000 กว่าหยวนแล้ว
นั่นก็แปลว่าทุกวันนี้ในมือเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีเงินอยู่ 6000 กว่าหยวน
เธอและหลิวหย่งคาดไว้ว่าหากจะตกแต่งให้ได้ผลลัพธ์ที่้า เงินจำนวน 6000 หยวนนี้อาจเพียงพอพอดี
หลิวหย่งวางแผนในใจสักพัก “ชั้นวางที่โรงงานฝ้ายไม่เอาก็ซ่อมสักหน่อยวัสดุไม้ไม่เลว ถ้าตอนนี้จ้างช่างไม้ทำตู้เสื้อผ้าสามบานยังต้องใช้มากกว่า 150 หยวน... ตรงส่วนนี้คงสามารถประหยัดเงินได้บ้าง”
การออกเรือนในยุคนี้นิยมตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ประตูสามบานเป็ของขวัญแต่งงานทั้งเคลือบสีและฉลุลายแถมต้องฝังกระจกหลายแผ่น้าเป็ลวดลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าไร้รสนิยม ทว่าเป็ความนิยมของตอนนี้
เธอจะไม่วางตู้แบบนี้ในร้านแน่ชั้นแสดงสินค้าบางส่วนที่โรงงานฝ้ายแห่งชาติทิ้งไว้ยังสามารถรื้อออกเป็ของเก่าและนำไปใช้ประโยชน์ได้
มีเงินจำนวนนี้ในมือก็ไม่ขาดแคลนเื่การตกแต่งแล้ว ตกแต่งร้านเสร็จสิ้นใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนใน่เวลานี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงขายเสื้อผ้าดั่งเดิมมีแต่ต้องไม่หยุดใช้เงินสร้างเงิน ถึงจะสะสมความร่ำรวยมากขึ้นได้เมื่อหน้าร้านตกแต่งเรียบร้อย เงินทุนสำหรับนำเข้าสินค้าจะกลับมาเพียงพออีกครั้งสำหรับร้านนี้ ไม่สามารถทำกำไรอย่างเดียวโดยไร้ค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็ธุรกิจที่สองครอบครัวร่วมหุ้นลงทุนกันเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจใช้เงินทุนจำนวนนี้ตามใจชอบได้ปกติใช้จ่ายเงินจึงพึ่งพาหลิวเฟินทั้งนั้น—ขายกากน้ำมันหนึ่งรอบทุกวันกำไรที่ได้สามารถนำมาเป็ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของสองแม่ลูกได้พอเสียยิ่งกว่าพอ
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกคิดขณะนี้เป้าหมายระยะสั้นของเธอคือก่อนปีใหม่จะทำการปันผลหนึ่งครั้ง
หลิวหย่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานสนทนาหารือกันอยู่นานสองนาน ประเดิมนำเงิน 2000 หยวนไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อนจากนั้นก็หาช่างก่อสร้างที่รู้จักก่อนหน้านี้มาช่วยงาน ริเริ่มลงมือตกแต่งร้านค้า
เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับโทรเลขจากโจวเฉิง
“...เสี่ยวหลาน เสื้อผ้า พุทรา และใบชาล้วนถึงมือแล้วสวมเสื้อขนเป็ดที่เธอซื้อให้ท่ามกลางลมหนาว ไม่ใช่อบอุ่นแค่กายแต่ยังรวมถึงหัวใจด้วยพุทราหวานมาก พอคิดว่าคือความห่วงใยของเธอ ฉันไม่ยินดีแบ่งปันกับคนอื่นเลยแต่ใบชาเยอะมากเหลือเกิน เกรงว่าหากโดนความชื้นคุณภาพจะเปลี่ยน ฉันจึงมอบให้คนอื่นไปบ้าง...ไป๋เจินจูคือน้องสาวไป๋จื้อหย่งเพื่อนร่วมงานของฉันเอง ฉันเคยช่วยเหลือไป๋จื่อหย่งค่อนข้างเชื่อมั่นในคุณธรรมของเขา ธรรมเนียมครอบครัวเช่นนี้เธอเชื่อใจไป๋เจินจูน้องสาวเขาได้เหมือนกัน ทว่าห้ามขาดจิตใจระวังคนเธอต้องสังเกตสหายไป๋เจินจูต่อไป... คะนึงหาเธอไม่ว่างเว้นรอคอยได้พบหน้ากับเธออีกครั้ง”
การส่งโทรเลขต้องมีเ้าหน้าที่เห็น ไม่เหมือนจดหมายส่วนตัวที่ผนึกได้
อาจเพราะเหตุนี้ โจวเฉิงถึงอุตสาหะบอกเก้าเล่าสิบในโทรเลขโดยใช้ถ้อยคำที่เป็ทางการต่อให้ทำแบบนี้ ใครก็ดูออกว่านี่คือโทรเลขที่ส่งให้ยอดดวงใจ ความรู้สึกเร่าร้อนของเขานั้นช่างเข้มข้นถึงขนาดล้นออกมาจากบรรทัดระหว่างตัวอักษร
ความเร่าร้อนนี้ส่งมาถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน ความรักทำให้จิตใจคนอ่อนเยาว์เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองกระปรี้กระเปร่าเป็พิเศษ
หลิวหย่งรับผิดชอบการตกแต่ง เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อาจละเลยได้อย่างสิ้นเชิงผลการตกแต่งออกมาอย่างไรยังต้องพิจารณาระหว่างทางการตกแต่งต้องใช้เงินหลายพันหยวนหรือแม้แต่เป็หมื่น เงินนี่จะค่อยๆ จ่ายทีละน้อยโชคดีที่ไม่จำเป็ต้องนำออกมาทั้งหมดในคราวเดียว ให้เวลาเซี่ยเสี่ยวหลานได้หมุนเวียนเงินอยู่บ้าง
----------------------------------------
ต้องคิดหนทางขายเสื้อนอกชายขนแพะจำนวนนั้นจนหมดให้ได้
คุณภาพดี ออกแบบก็เด่น ไร้ซึ่งเหตุผลจะกักสินค้าไว้ในมือเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนไม่ได้หาสถานที่ที่เหมาะสม คนมีเงินของเมืองซางตูอยู่ที่ไหนกันนะ? ในหมู่คนทำงานสตรีผู้ร่ำรวยมักทำงานในโรงงานฝ้ายแห่งชาติดังนั้นร้านของเธอจะเปิดที่ถนนเอ้อร์ชี ที่นี่ใกล้โรงงานฝ้ายแห่งชาติหลายแห่งจุดที่กำลังซื้อรวมตัวกันอยู่
ส่วนพนักงานบุรุษผู้มั่งคั่ง ต้องเป็องค์การรถไฟอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจเปลี่ยนที่ตั้งแผงห้องที่หลิวหย่งเช่าอาศัยก็คือหอพักขององค์การรถไฟซางตูเป็ศูนย์กลางระบบรางรถไฟประจำเขตภาคกลาง องค์การรถไฟเป็กิจการขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรจำนวนมากหอพักพนักงานของหน่วยงานจึงโอ่โถงเช่นกัน เปรียบเทียบกับที่อยู่อาศัยซึ่งไม่เพียงพอของพนักงานหลักหมื่นจากโรงงานฝ้ายแห่งชาติแล้วสภาพที่อยู่อาศัยขององค์การรถไฟดูสุขสบายกว่านิดหน่อย... อย่างน้อยห้องของบางคนก็สามารถปล่อยเช่าได้
เซี่ยเสี่ยวหลานเอ่ยว่าจะเปลี่ยนที่ตั้งแผง หลี่เฟิ่งเหมยลังเลอยู่บ้าง
ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในอาคารเอื้ออาทรบอกกับคนนอกได้แค่เป็ญาติเ้าของห้องเดิม เพื่อนบ้านซ้ายขวาก็รู้ว่าครอบครัวเธอทำธุรกิจอิสระคนพวกนั้นไม่พูดอะไร แต่ที่จริงล้วนดูแคลนธุรกิจอิสระ ธุรกิจอิสระลำบากทนลมทนฝนทว่าพนักงานขององค์การรถไฟเป็พวกชามข้าวเหล็ก หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวหย่งไม่คิดอับอายขายหน้าใครเพียงแต่เธอกลัวว่าเด็กคนอื่นในละแวกใกล้เคียงจะดูถูกหลิวจื่อเทา
หลิวจื่อเทาเพิ่งย้ายมาเรียนในเมือง เป็่อายุสำหรับการอบรมบ่มเพาะสามทัศน์ [1] พอดี เด็กน้อยเรียนรู้ได้รวดเร็วมากตัวหลี่เฟิ่งเหมยเองตัดใจใส่เสื้อขนเป็ดแสนแพงไม่ลงแต่ปัจจัยพื้นฐานที่มอบให้ลูกชายนั้นไม่เคยขอไปทีเด็กคนนี้พูดจายังเจือสำเนียงถิ่นอันชิ่ง เมื่อเวลาไม่พูดหากมองจากภายนอกก็ไม่มีความแตกต่างใดๆกับเด็กในพื้นที่ซางตู
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่เคยคิดถึงเื่นี้ภายใต้สถานะสาวบ้านนอกของเธอบรรจุจิติญญาผู้บริหารระดับสูงแห่งกิจการขนาดใหญ่ไว้จะรู้สึกถึงความอ่อนไหวและระแวดระวังเกินควรของคนชนบทที่เพิ่งเข้าเมืองได้อย่างไร?
เป็เพราะตกกลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานเกริ่นกับมารดาของเธอ หลิวเฟินลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดความคิดในใจออกมาเซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้รู้สึกตัวขึ้นราวกับสายฟ้าฟาดผ่านก็มิปาน
เธอรู้ทั้งรู้ว่าต้องพาหลิวเฟินออกมาพบโลกกว้างบ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจริงๆแล้วป้าสะใภ้อย่างหลี่เฟิ่งเหมยก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะไม่เอาใจใส่ความกังวลในส่วนลึกของคนเขาเพียงเพราะหลี่เฟิ่งเหมยโผงผางกว่าหลิวเฟินไม่ได้
วันถัดมาเซี่ยเสี่ยวหลานเสนอความคิดของเธอทันที
“ป้า ฉันว่าสินค้ารอบนี้ขายได้ช้าไปหน่อย ไม่อย่างนั้นนั้นพวกเราแบ่งแผงเป็สองที่ฉันรับผิดชอบไปเสนอขายเสื้อนอกชาย ป้าก็ขายสินค้าที่ยังเหลืออยู่”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวคำพูดเหล่านี้จบ หลี่เฟิ่งเหมยจึงสบายใจขึ้น
“ป้าไม่รู้ว่าตัวเองทำได้หรือไม่ อย่ารังเกียจที่ป้าเงอะงะเลยนะ ป้าจะค่อยๆเรียนรู้”
เชิงอรรถ
[1]三观 สามทัศน์ คือ ทัศนคติสามด้านของมนุษย์ ได้แก่ ทัศนคติต่อโลก (世界观) ทัศนคติต่อชีวิต (人生观)และทัศนคติต่อคุณค่า (价值观)
