หลงหยุนฉีพยักหน้า มองหลงเหยียนแล้วพูด “พี่เหยียน อย่ามองว่าสถานที่เล็กๆ เช่นนี้จะไม่มีอะไรนะ ความจริงข้างในมีของล้ำค่ามากมาย ในนั้นยังมีการค้าตลาดมืด พอดีข้ารู้จักคนข้างในอยู่หลายคน”
“เมื่อก่อนพี่ชายเคยพาข้าไป...” เมื่อพูดถึงพี่ชาย น้ำตานางก็คลอเบ้า
แต่ตลาดอู่จี้ฟางไกลจากที่นี่มาก หลงเหยียนกลัวว่าคนของสำนักบงกชมารจะมาพบ อีกอย่าง ต่อให้จะไปถึง ที่นั่นก็อาจหาสมุนไพรหรือหญ้าวิเศษที่หลงเหยียน้าไม่ได้
นั่นเป็การเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง หากตนเพียงคนเดียวก็ไม่น่าเป็ห่วงเท่าไร แต่หากหยุนฉีต้องาเ็เพราะเื่นี้ หลงเหยียนต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตแน่
หลงหยุนฉีแค่มองก็รู้แล้วว่าหลงเหยียนเป็ห่วง นางลากเขาร่างไปยังใต้ต้นไม้
“พี่เหยียน สู้เอาแบบนี้ดีกว่าหรือไม่ ข้าจะแต่งตัวให้ท่านเอง รับรองว่าต้องไม่มีใครจำได้แน่ อีกอย่างท่านก็เก็บกลิ่นอายไว้ พอดีเลย วันนี้ข้าพกยาซ่อนิญญาออกมาด้วย”
เมื่อพูดจบนางก็หยิบยาออกมา...
หลงเหยียนมองยาซ่อนิญญาแล้วเริ่มลังเล “แบบนี้อันตรายเกินไป แค่ยา สู้กลับไปหาในตระกูลดีกว่าไหม”
เขาจับมือหลงหยุนฉีที่ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ยืนตัวตรง เวลานี้ หลงเหยียนนึกถึงเซียวปิงมั่ว น้องชายของเซียวปิงหลาน
“พร์ของเขาทำให้เขามีพลังชีพัขั้นที่เจ็ด แข็งแกร่งกว่าข้าเป็สิบเท่า หากเป็เขา ข้าต้องเหนือกว่าเขาให้ได้”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในสนามประลองเมื่อสามวันก่อน เซียวปิงมั่วมองตนด้วยความเกลียดแค้น ทำให้หลงเหยียนเกิดความโมโห
แสงที่เยือกเย็นประกายผ่านสายตา เขาจับหลงหยุนฉี “หยุนฉี เ้ามั่นใจในการแปลงโฉมของตัวเองหรือไม่ ผู้อื่นจะจำข้าไม่ได้จริงหรือ?”
หยุนฉีพยักหน้าแรงๆ “พี่เหยียนรอดูเถิด ข้าขอรับรองเลยว่าต้องไม่มีใครจำได้แน่” เมื่อเห็นท่าทางของหลงเหยียนว่าจะเปลี่ยนใจ นางก็ดีใจมาก เมื่อก่อนเวลาจะออกไปไหนไม่เคยต้องกังวลว่ามีใครจับตามอง กลับต่างจากวันนี้
ขณะแปลงโฉม หลงหยุนฉีมีคำถามมากมายที่อยากถาม ยกตัวอย่างเช่นสตรีที่พบบนเขาหยุนอู่ นางเป็คนของสำนักบงกชมารและได้ตายไปแล้วจริงหรือ ทั้งยังมีเงาของสตรีผู้ลึกลับบนสนามประลองอีก
สุดท้ายนางก็ไม่กล้าถาม ในเมื่อชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็พี่ชายที่ปกป้องดูแลตนมาโดยตลอด
แปลงโฉมเสร็จสิ้น...
หลงเหยียนลองใช้มือลูบ ใต้คางมีเคราหนาๆ ชั้นหนึ่ง ใบหน้ามีริ้วรอยเพิ่มขึ้นมาก สภาพเขาในตอนนี้ไม่เหมือนชายหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว
หลงหยุนฉีเอามือปิดปาก หัวเราะไม่หยุด
กลืนยาซ่อนิญญาเข้าไปแล้วก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา คนส่วนใหญ่ต้องจำเขาไม่ได้แน่ เมื่อมาถึงตลาด หลงหยุนฉีซื้อหมวกใบใหญ่เพื่อปิดบังใบหน้า
“หลงเหยียน ไม่ว่าเส้นทางตรงหน้าจะมีอุปสรรคมากเท่าไร เ้าก็ต้องเข้มแข็งฝ่าไปให้ได้ ทำให้ทุกคนต้องแหงนหน้ามองเ้า ให้คนในครอบครัวภาคภูมิใจในตัวเ้า ทำให้ศัตรูล้วนผวาที่ได้ยินชื่อเ้า... เราออกเดินทางกันเถอะ”
หลงเหยียนะโเสียงดัง...
‘ถ้าเ้าไม่ใช่น้องสาวข้า วันนี้พี่ชายจะมอบรางวัลให้เ้าอย่างงามเลย เฮ้อ! น่าเสียดาย แบบนี้ข้าก็ลงมือไม่ได้น่ะสิ’ เขานึกในใจ
หลงเซ่าโหยวซ่อนตัวอย่างลับๆ ความจริงหลงเหยียนััได้ถึงพลังิญญาของเขาตั้งนานแล้ว มีพละกำลังระดับชีพัขั้นที่ห้าเหมือนกัน แน่นอนว่าหลงเหยียนต้องแข็งแกร่งมากกว่า แต่ก็แสร้งไม่สนใจมาตลอด
หลงเซ่าโหยวกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เ้าหมอนี่เปลี่ยนจากคนไร้ประโยชน์กลายเป็อัจฉริยะ ไม่เพียงแค่นั้น ยังชิงชื่อเสียงของพี่ใหญ่ไปอีก น่ารังเกียจเสียจริง เกรงว่าข้าคงไม่มีโอกาสจัดการเขาแล้ว หรือว่า...”
“หรือไม่ข้าหักขาเ้าข้างหนึ่งก่อนดีหรือไม่!” จู่ๆ หลงเหยียนก็ปรากฏตัวข้างกายเขา
“อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่าเ้าอยากทำอะไร ในตำหนักตระกูลหลงข้าพูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว นับแต่นี้ไปห้ามมีใครดูถูกข้าอีก อะไรที่ติดค้างข้าคืนไปหมดสิ้นแล้ว”
หลงเซ่าโหยวเห็นว่าหลงเหยียนจะลงมือ ใขาอ่อนแรงทันที เขารู้ดีว่าเ้าหมอนี่บ้าบอแค่ไหน
“หลงเหยียน นี่เ้า... เ้านึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ข้าบ้างสิ เ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้ ความจริง ความจริงข้าไม่ได้มองเ้าเหมือนเก่าแล้ว นับั้แ่วันนั้น ข้ารู้สึกนับถือเ้ามาก”
หลงเซ่าโหยวพูดจบก็ยิ้มรับ หลงเหยียนโบกมือ “จะให้ดีก็จงทำตัวแบบนี้ซะ” หลังพูดจบเขาก็หายไป
หลงหยุนฉียิ้ม “พี่เหยียน เมื่อครู่ท่านดูองอาจมากเลย!”
หลงเหยียนยิ้มตาม “ข้าเกือบทำเขาใตายเลยใช่หรือไม่ คนเช่นนั้นถ้าไม่ข่มขวัญหน่อย เขาคงนึกว่าตัวเองสูงส่งคนเดียว”
...
ณ ตลาดอู่จี้ฟาง หลงเหยียนััได้ว่าคนที่พกกระบี่และดาบรอบตัวนั้นมีพละกำลังขั้นที่สาม ตอนนี้หลงเหยียนมีพละกำลังเหนือกว่า สามารถฆ่าพวกเขาตายด้วยฝ่ามือเดียว
เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้มาก่อน กวาดตามองไปรอบๆ จนทั่ว ทุกที่เต็มไปด้วยผู้หลอมกาย บางร้านในตลาดก็ขายของประหลาด
“พี่เหยียน ดูนั่นสิ!”
เถ้าแก่ของร้านกำลังสั่งงาน ขลุ่ยหยกในนั้นได้รับมาจากคนในเมืองหยุนจง ราคาสิบแปดตำลึง หากเป่าแล้วจะเกิดเสียงที่ไพเราะ ภายในรัศมีร้อยลี้ยังได้ยิน
ไหหยกราคาสามสิบตำลึง ในนั้นมีห้วงมิติขนาดเล็กซ่อนอยู่ สามารถเก็บน้ำปริมาณสองตันได้
หลงเหยียนเบิกตากว้าง เขานึกไม่ถึงเลยว่าในตลาดเล็กๆ แห่งนี้จะมีของที่ประหลาดและน่าสนใจเช่นนี้ วันนี้ตนพกเหรียญติดตัวมาสองร้อยตำลึง ดูเหมือนจะซื้อตามใจไม่ได้แล้ว
“เถ้าแก่ ของพวกนี้กับพวกนั้น เอาให้ข้าทั้งหมดเลย” หลงเหยียนหันหลัง หยุนฉีก็ซื้อของทั้งหมดมาแล้ว
ต่อให้มีเงินแต่จะฟุ่มเฟือยแบบนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่... หลงเหยียนต่อรองราคาอยู่นาน สุดท้ายก็คืนของบางส่วนกลับไป
‘ข้าพกเหรียญออกมาแค่สองร้อยตำลึง ดูเหมือนนางจะมีเงินไม่น้อย หากเจอสมุนไพรที่ตน้าจริงๆ แล้วเหรียญที่พกมาไม่พอจ่ายเล่า!’
พอนึกได้ หลงเหยียนก็เดินเข้าไปตามหลงหยุนฉี เมื่อถึงที่นี่ นางก็คล้ายคลั่งไปแล้วเช่นนั้น
“น้องฉี เ้าดูหมัดมายาแปดทิศของข้าสิ ข้าจะสอนเ้าเองดีหรือไม่”
หลงหยุนฉีหันมามองหลงเหยียน “พี่เหยียน ข้ามีระดับชีพัขั้นที่สามเองนะ ข้าไม่อาจฝึกวิชาเหนือพละกำลังของตัวเอง ข้าไม่ได้มีพร์เหมือนท่านกับพี่ใหญ่นะ”
หลังจากพูดจบนางก็วิ่งไปยังร้านค้าอื่นอย่างมีความสุข
หลงเหยียนแอบถอนหายใจอยู่ในความคิด อยากเอาใจนางหน่อยก็ไม่ได้
‘มาถึงที่นี่ ดูเหมือนนางก็ลืมเื่ที่จะซื้อสมุนไพรให้ข้าไปหมดแล้วสินะ’
“หยุนฉี ข้าพกเหรียญติดตัวมาแค่สองร้อยตำลึง ข้าอยากยืมเ้าหน่อย กลัวอาจไม่พอซื้อสมุนไพร”
“วางใจเถอะๆ ...” แม้แต่พูดยังดูไม่ร้อนใจ
หลงเหยียนหมดคำพูด ไม่นานก็มาถึงร้านค้าแห่งหนึ่ง บนนั้นมีดาบ หอกและกระบองเรียงรายเต็มไปหมด อาวุธทุกชิ้นล้วนคมกริบหาใดเปรียบ
หลงหยียนเห็นกริชที่คมและงดงามเล่มหนึ่ง บนตัวมีดประกายแสงเรืองรองแยงตา คำบรรยายบอกว่ากริชเล่มนี้มีนามว่ามีดเงาโลหิต สามารถซ่อนในฝ่ามือได้ เมื่อไรที่พบศัตรูก็โจมตีได้ทันที
หลงเหยียนมองมีดเงาโลหิตด้วยสายตาที่ดูโลภมาก ก่อนจะจากไป หลงหยุนฉีก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้าน
“เถ้าแก่ ห่อให้ข้าด้วย” นางยื่นเหรียญหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงอย่างไม่ลังเล
“พี่เหยียน ข้ามอบให้ท่าน”
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็เดินเข้าใกล้ร้านภาพแห่งหนึ่ง นางกระซิบข้างหู “เถ้าแก่ ่นี้มีของสีเทาไหม?”
เมื่อเห็นสัญลักษณ์ทางมือ เถ้าแก่ร้านก็ขยับมือเป็การบอกบางอย่าง
ไม่นานเขาก็เดินนำหลงเหยียนและหยุนฉีเข้าไปยังมุมมืดอีกแห่งหนึ่ง...
กลิ่นสมุนไพรโชยออกมา ดึงดูดหลงเหยียนมาก
หลงเหยียนเบิกตาโต เมื่อเข้าใกล้สมุนไพรเ่าั้ เขาก็พบสมุนไพรต้นหนึ่งที่มีกลิ่นหอมประหลาด รากอ่อนบนต้นกำลังเคลื่อนไหวเล็กน้อย
“พ่อหนุ่มสายตาเฉียบแหลมมาก นี่คือสมุนไพรระดับทองคำขั้นกลาง มีชื่อว่าโสมจักรพรรดิั มันเป็เหมือนของล้ำค่าของร้านเราเลยก็ว่าได้”
--------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้