ท่ามกลางสายตาตะลึงงันของผู้คน
เธอชี้ไปที่ร้านขายยาที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร “ใครไปซื้อกรรไกร ผ้าก๊อซ และผ้าพันแผลที่ร้านขายยานั่นให้ฉันที เร็วเข้า!”
ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มใจดีวิ่งไปที่ร้านขายยาด้วยความเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร
บางคนมองสำรวจสวี่ฮุ่ยขึ้น ๆ ลง ๆ “เธอเป็พยาบาลเหรอ?”
อายุยังน้อยแถมหน้าตาสะสวยขนาดนี้ ไม่น่าใช่หมอหรอก คงเป็พยาบาลมากกว่า
สวี่ฮุ่ยไม่ได้ตอบ แต่กลับนั่งยอง ๆ ตรวจดูาแของคุณยาย
คุณยายเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดจริงด้วย เวลาแค่สั้น ๆ ก็มีเืไหลออกมามากจนเธออยู่ในสภาพกึ่งหมดสติแล้ว
ประมาณนาทีกว่า ชายหนุ่มที่ไปร้านขายยาก็กลับมาพร้อมกับผ้าก๊อซ ผ้าพันแผลจำนวนมากและกรรไกรแพทย์เล่มหนึ่งตามที่สวี่ฮุ่ยสั่ง
แพทย์ประจำร้านขายยาก็วิ่งตามชายหนุ่มคนนั้นมาด้วย
เมื่อแพทย์ผมสีดอกเลาเห็นสภาพตรงหน้า เขาก็ใจนทำอะไรไม่ถูก พึมพำว่า “าเ็สาหัสขนาดนี้ จะช่วยยังไง? ช่วยไม่ได้แล้ว!”
สวี่ฮุ่ยไม่ได้สนใจ เธอเริ่มลงมือรักษาาแของคุณยายแล้ว
แต่เมื่อเธอหยิบผ้าก๊อซขึ้นมา ภาพเหตุการณ์ในชาติที่แล้วที่ผู้มีพระคุณของเธอดเืออกจากเส้นเืแดงใหญ่เพื่อช่วยชีวิตเธอก็ผุดเข้ามาในหัว
น่าเสียดายที่ตอนนั้นเธอตื่นตระหนกเกินไป เลยหาจุดห้ามเืไม่เจอ
แถมยังอ่อนแรงเพราะความประหม่า ห้ามเืไม่ได้สักที ได้แต่มองดูผู้มีพระคุณตายต่อหน้าต่อตา
ความรู้สึกใจสั่น ตื่นกลัวและหมดหนทางในเวลานั้น พรั่งพรูเข้ามาในหัวใจ ทำให้ร่างกายของสวี่ฮุ่ยแข็งทื่อ ขยับไม่ได้
มีเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในใจเธอ ‘ลงมือทำสิ เธอจะนั่งดูคุณยายคนนี้ตายต่อหน้าต่อตาเพราะเสียเืมากเหมือนผู้มีพระคุณในชาติก่อนงั้นเหรอ!’
สวี่ฮุ่ยสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอตั้งสติและรวบรวมสมาธิรักษาาแของคุณยาย
แม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็รักษาเสร็จ แต่สวี่ฮุ่ยกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านาครั้งใหญ่มา เสื้อผ้าทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ไม่มีแรงแม้แต่น้อย เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ “มีใครไปตามหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอหรือยังคะ? ”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา “พวกเรานึกว่าปฐมพยาบาลก็ไม่เป็ไรแล้ว”
สวี่ฮุ่ยพูดไม่ออก “ปฐมพยาบาลแค่ช่วยชีวิตได้ชั่วคราว ยังไงก็ต้องไปโรงพยาบาล พวกคุณช่วยไปตามหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอมาที”
มีคนอาสาจะไปตามหมอที่โรงพยาบาลให้ แต่เห็นแพทย์ผมสีดอกเลาจากร้านขายยาพาหมอฉุกเฉินและพนักงานเวรเปลของโรงพยาบาลประจำอำเภอมารออยู่ก่อนแล้ว
หมอวัยกลางคนทรุดตัวลงตรวจดูาแของคุณยาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมอย่างผิดปกติฉับพลัน
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างเห็นแบบนั้นก็ใจหายวาบ
แย่แล้ว สาวน้อยคนนี้ทำพลาด รักษาาแคุณยายไม่ถูกวิธี ไม่อย่างนั้นหมอวัยกลางคนคงไม่ทำสีหน้าแบบนี้
ทุกคนเหงื่อตกแทนสวี่ฮุ่ย
หมอวัยกลางคนถามผู้คนที่มุงดูอยู่ “ใครเป็คนรักษาาแของคนเจ็บครับ?”
หลายคนชี้ไปทางสวี่ฮุ่ย
มีคนพูดแก้ต่างให้สวี่ฮุ่ย “พยาบาลคนนี้แค่อยากช่วยเหลือคน เธอหวังดี”
คำพูดของคน ๆ นี้ทำให้คนบางส่วนโต้แย้ง “ถึงจะหวังดี แต่ก็ทำให้เื่แย่ลง ถ้าไม่มีความสามารถก็ไม่ควรช่วยเหลือคนอื่นสิ!”
หมอวัยกลางคนให้พนักงานเวรเปลและเพื่อนร่วมงานอีกคนพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อน
เขาหันไปมองพวกคนช่างติ “ใครบอกว่าเธอทำให้เื่แย่ลงกัน? ถ้าไม่มีพยาบาลน้อยคนนี้ช่วยเหลือไว้ทันเวลา คุณยายคนนี้อาจจะตายไปแล้ว”
ทุกคนตกตะลึง
หมอวัยกลางคนพิศมองสวี่ฮุ่ย “เธออยู่แผนกไหน? ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย?”
ในอำเภอมีโรงพยาบาลอยู่แค่แห่งเดียว ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เพื่อนร่วมงานต่างรู้จักหน้าค่าตากันหมด
แต่หมอวัยกลางคนกลับไม่รู้จักสวี่ฮุ่ย แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกแปลกใจ
สวี่ฮุ่ยยิ้มแห้ง ๆ “ฉันไม่ใช่พยาบาลค่ะ”
หมอวัยกลางคนถามเชิงแปลกใจ “เธอไม่ใช่พยาบาล? งั้นเธอเป็หมอเหรอ เป็หมอที่โรงพยาบาลไหน?”
เขาอาจจะไม่รู้จักพยาบาลบางคน แต่เขารู้จักหมอทุกคนในโรงพยาบาลประจำอำเภอ
ถ้าสาวน้อยคนนี้เป็หมอ ก็คงเป็หมอจากโรงพยาบาลอื่นที่ผ่านมาทางนี้
สวี่ฮุ่ยส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่หมอเหมือนกันค่ะ”
หมอวัยกลางคนตกตะลึงมาก “เธอไม่ใช่หมอ? แล้วรู้วิธีรักษาเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดได้ยังไง?”
แพทย์ออกตรวจทุกคนรู้ดีว่าเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดนั้นน่ากลัวแค่ไหน มันสามารถทำให้คนเจ็บเสียเืมากจนเสียชีวิตได้ในทันที
หมอมีเวลาช่วยชีวิตคนไข้แค่ไม่กี่นาที พูดได้ว่าเป็การแข่งกับยมบาลก็ไม่เกินจริงนัก
แต่การห้ามเืเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดไม่ใช่เื่ง่าย มีปัญหามากมายรออยู่
หนึ่งก็คือทักษะทางการแพทย์
จุดห้ามเืของเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาอยู่ลึก ถ้าไม่มีทักษะมากพอ ก็ยากที่จะหาจุดห้ามเืเจอและหยุดเืได้
สองคือพละกำลัง
ต่อให้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม สามารถกดจุดห้ามเืได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แต่ถ้าแรงไม่พอก็ห้ามเืไม่ได้อยู่ดี
เพราะเืที่พุ่งออกมาจากเส้นเืแดงใหญ่ฉีกขาดนั้นเหมือนกับน้ำที่พุ่งออกมาจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูง
แม้แต่หมอผู้ชายเอง หากไม่มีเครื่องช่วยก็ยากที่จะกดจุดห้ามเืได้ด้วยมือเปล่า
แต่หญิงสาวร่างเล็กบอบบางคนนี้กลับยื้อชีวิตคุณยายจากประตูนรกได้ด้วยมือเปล่าโดยไม่มีเครื่องมือช่วยใด ๆ นี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
เธอบอกว่าเธอไม่ใช่หมอ เป็ไปได้ยังไง?
สวี่ฮุ่ยพูดอธิบายง่าย ๆ “ฉันชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ เลยรู้วิธีปฐมพยาบาลเมื่อเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดค่ะ”
สิ่งที่เธอพูดล้วนเป็ความจริง
เธอมีความสามารถในการจำเป็เลิศ
ชาติที่แล้ว ชายวัยกลางคนแปลก ๆ คนนั้นทิ้งตำราแพทย์และบันทึกไว้ให้เธอกองหนึ่ง เธออ่านรอบเดียวและจำได้ขึ้นใจทุกเล่ม
นอกจากนี้ เธอยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่าง
นั่นก็คือ เธอสามารถนำความรู้ทางการแพทย์ที่ได้เรียนมา มาจินตนาการอย่างสมจริงราวกับเคยลงมือปฏิบัติจริงและฝึกฝนทบทวนซ้ำ ๆ ด้วยตนเอง
ดังนั้น แม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษา เธอก็สามารถลงมือได้เหมือนกับมีประสบการณ์การรักษามากมาย
หมอวัยกลางคนนับถือสวี่ฮุ่ยอย่างสุดซึ้ง ลอบคิดในใจว่าสาวน้อยคนนี้เป็อัจฉริยะทางการแพทย์โดยแท้
แค่การอ่านหนังสืออย่างเดียว ไม่มีประสบการณ์การรักษา ก็สามารถรักษาเส้นเืแดงใหญ่ที่ต้นขาฉีกขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
…
สวี่ฮุ่ยไปซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อ 84 ที่ร้านขายยา หาบ่อน้ำซักคราบเืบนกระโปรงให้สะอาด แล้วค่อยกลับบ้าน
ไม่อย่างนั้นถ้าเดินไปตามท้องถนนด้วยกระโปรงเปื้อนเื คงจะดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป
[1] น้ำยาฆ่าเชื้อ 84 หมายถึง น้ำยาฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลโรคติดเชื้อแห่งแรกของปักกิ่งพัฒนาขึ้นจนสามารถฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง 84 มาจากปี 1984 ที่ผลิตขึ้นมา