เสียสละกับผีน่ะสิ!
มู่หรงฉือปฏิเสธ “เปิ่นกงคิดว่าวิธีนี้ไม่ดีนัก เกรงว่าจะไม่ได้ผล”
คิ้วกระบี่ของมู่หรงอวี้เลิกขึ้น เอ่ยพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา “หรือเตี้ยนเซี่ยไม่อยากรู้แล้วว่าเป็ขุนนางคนไหน?”
นางกลอกตาในใจ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าใด “แน่นอนว่าไม่ เปิ่นกงแค่กังวล...”
“มีเปิ่นหวางอยู่ เ้าจะกังวลอะไรเล่า?”
เขาดื่มชาด้วยท่าทางสบายๆ ั์ตาดำคู่นั้นลึกล้ำจนดูเหมือนจะเข้าใจจิตใจของคน
นางกังวลว่าหากพูดออกไปอีกไม่กี่ประโยค เขาจะมองเห็นอะไรที่แฝงอยู่ภายในใจของนาง นางจึงทำได้แค่ฝืนตอบรับไป
ตอนนั้นเอง มู่หรงอวี้ก็เรียกแม่เล้าหรงหลันมา แล้วเอ่ยสั่งเสียงเบา
หรงหลันลอบมองไปทางเถ้าแก่ ในใจอดตกตะลึงไม่ได้ เกรงว่าเถ้าแก่จะรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับ
“เชิญคุณชายตามข้าน้อยมาเ้าค่ะ” นางยิ้มกล่าว
“ไม่จำเป็ ที่นี่ก็ได้” เขาพูดเสียงเบาเรียบๆ น้ำเสียงไม่ยี่หระ ราวกับไม่ยอมให้ผู้ใดขัดใจ
นางหัวเราะเบาๆ แล้วโค้งตัวออกไป ไม่นานนักก็ถือเสื้อผ้ากลับมา...
มู่หรงฉือนั่งอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ในใจก็ก่นด่าบรรพบุรุษของมู่หรงอวี้สิบแปดชั่วโคตรไปรอบหนึ่ง ดวงตาทั้งสองหรี่ลง แฝงไว้ความดุร้ายอย่างเต็มเปี่ยม
โชคดีที่มู่หรงอวี้อยู่ด้านนอกห้องดื่มชาจึงมองไม่เห็นนาง
หรงหลันประคองนางออกมาจากด้านในห้อง พูดด้วยท่าทางสดใส “คุณชายงามยิ่งนัก เพียงแค่เติมแต่งเล็กน้อยก็งดงามกว่าบุรุษในหอเฟิ่งหวงของพวกเราไปอีกสิบเท่าเชียวเ้าค่ะ”
มู่หรงฉือรู้ว่านางเอ่ยพูดไปตามสถานการณ์ แต่ในใจยังคงหงุดหงิดฉุนเฉียว
มู่หรงอวี้หันกลับมามอง แววตาตื่นตะลึงในความงามปรากฏขึ้นมาวูบหนึ่งในดวงตาของเขา
เพียงแค่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเล็กน้อยก็สามารถดึงความงามขององค์รัชทายาทออกมาได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว
รูปหน้างดงามราวหยกสลัก โดยเฉพาะดวงตาสุกสกาวคู่นั้น ราวกับน้ำค้างบนใบบัว ใสสะอาดบริสุทธิ์
ดวงตาสุกใส ฟันขาวสะอาดงดงาม แม้แต่มวลบุปผชาติก็ไม่อาจเทียบได้ กระทั่งดวงตะวันจันทราบนโลกใบนี้ก็ขาดสีสันไป
ใบหน้าเช่นนี้ยากยิ่งนักที่จะแยกเพศออก
พอรู้ตัวเขาก็รีบดึงสติกลับมา แอบเย้ยหยันตัวเองที่ถูกความงามขององค์รัชทายาททำให้เผลอไผลไปไกล
แต่ว่า เขากลับรู้สึกเหมือนเห็นใบหน้าอันงดงามของอิสตรี
มู่หรงฉือพบว่าสีหน้าของเขาแปลกไป โดยเฉพาะั์ตาสีดำคู่นั้น เหมือนกับมีความรู้สึกบางอย่างที่ซับซ้อนในดวงตา
พวงแก้มของนางพลันปรากฏสีแดงเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“คุณชาย เช่นนี้ดีหรือไม่เ้าคะ?” หรงหลันเอ่ยถามมู่หรงอวี้
“ก็ดี” เสียงของมู่หรงอวี้แหบพร่าอย่างน่าประหลาด
“ต่อไปจะต้องทำอย่างไร?” มู่หรงฉือถามหน้าเกร็ง เพราะนางพบว่าสายตาคู่นั้นของเขาดูร้อนแรงขึ้น
เขาโบกมือให้แม่เล้าออกไปจากห้อง ต่อมาก็พูดเสียงเบาๆ ข้างหูของนาง
หลังจากฟังจบแล้ว นางก็พูดออกมาด้วยความตกตะลึง “จะต้องแสดงแบบนี้จริงๆ หรือ?”
เขาพบว่าใบหูของนางแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจของตนพลันหนักหน่วงขึ้นมา ทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะเข้าไปจุมพิตติ่งหูของนาง
เพียงแค่ชั่ววินาที เขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไป ยืนตัวตรงแล้วพูด “อย่างที่ข้าบอกเ้านั่นแหละ ไม่ผิดหรอก”
ผีเห็นผีแล้วจริงๆ! ทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนั้นออกมากัน?
…
‘เพียะ’
เสียงบางอย่างดังลั่นขึ้น คาดว่าเป็เสียงตบลงบนแก้ม
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน “อ้าก…”
ที่กั้นเสียงให้ผลไม่ค่อยดีเท่าไรนัก คนในห้องต่างได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจากด้านนอก
“อย่าทุบตีข้าเลย… ข้าผิดไปแล้ว… ข้าขอร้องอย่าตีข้าเลย…” มู่หรงฉืออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงทรมาน นางช่างแสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
“เ้าคนชั้นต่ำ! กล้ามาทำแบบขอไปทีกับข้าหรือ! เ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด?”
เสียงดุดันเจือไปด้วยโทสะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าอีกครั้ง
เพียงแต่เสียงดังกึกก้องเ่าั้ล้วนเป็ของปลอม มู่หรงอวี้เพียงใช้มือขวาตบไปที่มือซ้ายของตนเองเท่านั้น
คำว่าเ้าคนชั้นต่ำช่างเสียดแทงหูของนางเป็อย่างยิ่ง หากไม่ใช่กำลังทำการแสดงอยู่ นางคงจะตบปากเขาสักฉาดแล้ว
แต่ว่า ท่าทางดุดันราวกับพายุโหมกระหน่ำของเขาช่างน่ากลัวมากจริงๆ
ตอนนี้ยังมีคนเดินออกมาจากห้องเรื่อยๆ เพื่อดูเื่สนุกที่เกิดขึ้น
มู่หรงฉือยืนขึ้น พุ่งตัวไปเปิดประตูห้องๆ หนึ่งแล้วเข้าไป แกล้งล้มลงกับพื้น ก้มหน้าร้องไห้ขอให้คนช่วย “ช่วยข้าด้วย… เขาจะฆ่าข้า…”
ภายในห้อง ขุนนางอายุราวสามสิบคนหนึ่งกำลังดื่มสุราพูดคุยอย่างสนิทสนมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งคู่หยอกล้อกันจนเริ่มเข้าสู่่โอบกอดเล้าโลม
นางพุ่งพรวดเข้ามาเช่นนี้ เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที ขุนนางผู้นั้นเองก็ใจ้องมองเด็กหนุ่มที่อยู่บนพื้น
“แม่เล้า นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น?”
ขุนนางผู้นั้นตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจ กำลังอยู่ใน่เข้าด้ายเข้าเข็มแท้ๆ ถูกคนบุกเข้ามารบกวนเช่นนี้ย่อมต้องไม่พอใจมากเป็ธรรมดาอยู่แล้ว
อีกอย่าง ที่หอเฟิ่งหวงเป็์ของคนที่มีรสนิยมชื่นชอบบุรุษได้ก็เพราะว่าที่นี่มีความเป็ส่วนตัวมาก ช่วยปิดกั้นข่าวคราวไม่ให้คนอื่นล่วงรู้
พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาจึงโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“ใต้เท้า ช่วยข้า…” มู่หรงฉือคลานไปหาเขา ร้องไห้ขอร้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรง เรียกร้องให้ขุนนางผู้นี้สงสาร “เขาจะตีข้าตายแล้ว ขอร้องใต้เท้า ท่านช่วยข้าด้วย…”
“เ้าคนชั้นต่ำ!” มู่หรงอวี้ตวาดอย่างดุดัน ก้าวเข้ามาดึงเสื้อของนางขึ้น แล้วตบลงไปอย่างแรงอีกหนึ่งที
‘เพียะ’
ครั้งนี้เสียงตบดังลั่นเป็พิเศษ
นางตกตะลึงจนอึ้งตาค้างไปแล้ว ไม่กล้าเชื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
นี่เขาตบนางจริงๆ! อีกทั้งยังออกแรงมากถึงเพียงนี้!
พวงแก้มของนางเจ็บจนรู้สึกแสบร้อน ในใจเกิดไฟโทสะ แต่ว่านางทำได้เพียงแสดงต่อไป ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ขอร้องอ้อนวอน “ช่วยข้าด้วย…”
เพราะว่าขุนนางคนนี้เป็เพียงขุนนางตัวเล็กๆ ของจวนจิงจ้าวเท่านั้น ไม่เคยพบเจอหรือรู้จักมักคุ้นกับองค์รัชทายาทและอวี้หวางมาก่อน ดังนั้นจึงเห็นพวกเขาเป็เพียงลูกค้ากับเด็กหนุ่มที่ทำเื่น่าสนใจจริงๆ
ในเวลานี้ ลูกค้าที่อยู่ในห้องตามชั้นต่างๆ พากันออกมายืนดูเื่สนุก ส่วนหนึ่งในนั้นเป็ขุนนางระดับสามระดับสี่ขึ้นไป
โชคดีที่มู่หรงอวี้หันหลังให้พวกเขา จึงทำให้ไม่ถูกจำได้ในทันที
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว มู่หรงฉือจึงแกล้งซมซานออกไปด้านนอก เพื่อขอความช่วยเหลือจากขุนนางเ่าั้ แต่ว่านางก็ยังก้มหน้าอยู่ แสร้งร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน
จะแสดงละครทั้งทีก็ต้องทำให้ถึงที่สุดสิ
สภาพของนางในตอนนี้ทำให้เหล่าเด็กหนุ่มพวกนั้นเห็นอกเห็นใจ พากันร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับตนเองโดนทำร้ายไปด้วย
พวกเขาหันไปขอความช่วยเหลือจากลูกค้าข้างกาย หากไม่เข้าไปช่วยเหลือ เด็กหนุ่มคนนั้นอาจจะถูกทุบตีปางตายแน่
มู่หรงอวี้จับตัวนางขึ้นมาแล้วตบลงไปอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้เขาออกแรงมากเสียจนนางล้มพับลงไปกับพื้น
ในชั่วอึดใจนั้น นางรู้สึกว่าในปากมีรสสนิมคละคลุ้งไหลจากมุมปาก
นางโกรธจนแทบจะคลั่งตายแล้ว!
มู่หรงอวี้สมควรตาย นี่เขาตบหน้านางจนติดอกติดใจแล้วใช่หรือไม่?
นางอยากจะฟันร่างของเขาเป็พันเป็หมื่นชิ้น!
“อย่าตีข้าอีกเลย… ข้าจะเชื่อฟังท่าน… ฮือๆ…” นางร้องไห้ไปอ้อนวอนอย่างน่าสงสารไป
“ทำดีด้วยกลับไม่ชอบ เ้าชอบความรุนแรงหรือ!” มู่หรงอวี้ตวาดเสียงกร้าว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเ็าราวกับเหล็ก
“ไอหยา คุณชายทำอะไรน่ะเ้าคะ?” หรงหลันมาได้ถูกเวลา เอ่ยถามเสียงหวานพลางคลี่ยิ้มงดงามค่อยๆ พูดปลอบ “มีอะไรก็พูดจากันดีๆ สิเ้าคะ ลงมือลงไม้เช่นนี้ไม่เป็ผลดีเ้าค่ะ”
เห็นเถ้าแก่ล้มลงไปกับพื้นด้วยท่าทางน่าสงสารถึงเพียงนี้ นางเองก็ปวดใจแทบตาย
มู่หรงอวี้ร้องเหอะ “เ้าคนชั้นต่ำนี่ไม่เพียงไม่ดูแลข้าให้ดี ซ้ำยังมายั่วโมโหข้าอีก แม่เล้า เ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?”
นางโค้งตัวจนหัวแทบจะติดเข่า เผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ที่สามารถคว้าหัวใจคน “เ้าค่ะๆ ข้าจะต้องสั่งสอนเขาให้ดีๆ แน่นอนเ้าค่ะ รับรองว่าจะไม่ให้เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นอีก เช่นนี้ดีหรือไม่เ้าคะ สุราของคุณชายในคืนนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ข้าจะหาคนที่ดีๆ สักคนมาดูแลท่านแทน รับประกันว่าท่านจะต้องหายโกรธแน่ เช่นนี้ดีหรือไม่เ้าคะ?”
“หากข้าโกรธขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้จะทำให้ข้าหายโกรธ”
เขาพูดไปแล้วก็ค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ หันไปเผชิญหน้ากับขุนนางเ่าั้ด้วยท่าทางที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
บรรดาขุนนางที่มาล้อมวงดูไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาต่างรู้ดีว่าแขกของหอเฟิ่งหวงล้วนเป็คนชั้นสูงและมีฐานะสูงส่ง อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า ทว่าตอนที่เขาเห็นใบหน้าหล่อเหลาอันแสนคุ้นเคย บวกกับการกระทำอันโหดร้ายรุนแรงมีแต่ความป่าเถื่อนนั่น ไม่ตกตะลึงค้างไป ก็ใอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน!
ทำไมท่านอ๋องถึงมาอยู่ที่หอเฟิ่งหวงได้? หรือว่าเขาเองก็ชื่นชอบบุรุษ?
ชั่ววินาทีนั้น พวกเขาต่างมองหน้ากัน สีหน้าท่าทางต่างๆ ล้วนแสดงออกมาจนหมด ช่างน่าขันสิ้นดี
ท่านอ๋องจะมาอยู่ที่หอเฟิ่งหวงได้อย่างไร? ท่านอ๋องมาตรวจสอบพวกเขาต่างหากเล่า!
เสี้ยววินาทีนั้น ขุนนางทั้งหมดก็พากันหน้าถอดสี ก้มหน้าไม่พูดไม่จา คิดเพียงแต่อยากจะหารูมุดหนีลงไปเสียตอนนี้เลย
อนาคตของพวกเขาคงจะจบสิ้นแล้ว
“ที่แท้ราชสำนักแคว้นต้าเยี่ยนของพวกเราก็มีหลายคนที่ชื่นชอบบุรุษ”
มู่หรงอวี้พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ราวกับกำลังพูดเื่ชมดาวชมเดือน
พวกเขาต่างพร้อมรับความกดดัน จึงก้มหน้าแล้วรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ เพราะยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดมาก เหมือนเอ่ยคำแก้ตัวไปเสียเปล่าๆ
มู่หรงฉืออดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้ ต่อหน้าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ขุนนางพวกนี้แต่ละคนเป็ดังเต่าที่หดตัวอยู่ในกระดอง ไม่กล้าแม้แต่จะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
บรรยากาศโดยรอบของมู่หรงอวี้แข็งแกร่งมากจริงๆ
ความกดดันที่ไร้รูปนั้นเป็ดังูเาอันสูงใหญ่ที่ทำให้คนหายใจไม่ออก
“การประชุมเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกท่านคงจะตื่นกันไหวนะ”
สายตาของมู่หรงอวี้กวาดมองพวกเขาอย่างสบายใจ แต่กลับเหมือนมีดอันแหลมคมบินตรงเข้าไปทิ่มแทงพวกเขา
เหล่าขุนนางต่างพูดออกมาเป็เสียงเดียวกัน “ข้าน้อยขอตัวกลับก่อนขอรับ”
…
เมื่อออกจากหอเฟิ่งหวง มู่หรงฉือก็โกรธจนแทบจะมีควันออกจากหัว
แก้มด้านซ้ายของนางบวมแดง ไรฟันมีเืออก จนถึงตอนนี้ก็ยังปวดอยู่ เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นมู่หรงอวี้ใช้แรงไปมากแค่ไหน
สมองของนางคงจะมีปัญหาถึงได้รับปากแสดงละครกับเขาในครั้งนี้ แล้วยังต้องมาเจอเื่น่าน้อยใจและไม่ยุติธรรมเช่นนี้อีก
เขานึกอยากจะตรวจสอบขุนนางพวกนั้น แล้วยังจะต้องให้นางแสดงด้วยตัวเองอีกหรือ? นั่นก็แค่ข้ออ้างของเขาก็เท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็มั่นใจว่าเขาจะต้องมีเป้าหมายอื่นแน่นอน ทว่าตอนนี้นางคร้านเกินกว่าจะมาคิดว่าเขามีแผนการอะไร
ตอนออกจากวังนางขี่ม้าเร็วออกมา ตอนกลับวังก็คงจะต้องใช้วิธีเดิม ก่อนหน้านี้นางผูกม้าเร็วเอาไว้ใกล้ๆ จึงเดินไปจูงม้ามา
เวลานี้เองก็มีรถม้าที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มองแล้วไม่รู้ว่าเป็ของตระกูลใดมาจอดตรงหน้านาง
ด้านหลังพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น มู่หรงฉือจึงหันกลับไปมอง เป็ท่านอ๋องนั่นเอง!
ในขณะนั้น ภายในใจของนางพลันมีความรู้สึกคับแค้นใจ อยากจะตีหัวของเขานัก แต่ว่าตัวนางกลับไม่มีความสามารถที่จะทำได้
มู่หรงอวี้พูดเสียงขรึม “ดึกแล้ว เปิ่นหวางจะไปส่งเ้ากลับตำหนัก”
มู่หรงฉือเดินไปด้านหน้า พูดด้วยความเ็า “ข้ากลับเองได้ ไม่จำเป็ต้องให้ท่านอ๋องลำบาก”
เสียงฝีเท้าด้านหลังพลันเร็วขึ้น จนทำให้เกิดลมเย็นๆ พัดมาเป็ระยะ วินาทีต่อมา ข้อมือของนางก็ถูกคว้าไว้อีกครั้ง
นางสะบัดแขนออกทันที พูดอย่างหงุดหงิด “ท่านจะทำอะไร?”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จับนางลากไปที่รถม้า ต่อมาก็ผลักนางเข้าไปในรถม้า นางอยากจะขัดขืนแต่ก็ไม่เป็ผล จึงทำได้แค่เพียงนั่งหงุดหงิดอยู่กับตัวเอง
เ้าคนชั่วมู่หรงอวี้ชอบบงการและบังคับให้นางทำเื่ที่นางไม่อยากจะทำอยู่เรื่อย! น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!
“เตี้ยนเซี่ยโกรธที่เมื่อครู่เปิ่นหวางตบหน้าท่านไปสองทีหรือ?”
แสงสีเหลืองสลัวจากโคมไฟที่ริมข้างทางส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก ทำให้ใบหน้าของมู่หรงอวี้เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ไม่ชัดเจน
มู่หรงฉือไม่อยากจะเอ่ยวาจาใดกับเขา อย่างไรเสียนางย่อมไม่พอใจเขาเป็อย่างมากอยู่แล้ว
เขาหัวเราะ “เปิ่นหวางยอมให้เ้าลงโทษ”
ในใจนางตกตะลึงเป็อย่างมาก ท่านอ๋องจอมเผด็จการ คนยโสโอหัง ลงมือโเี้ คนเช่นนี้ก็รู้จักให้ผู้อื่นลงโทษตนเองด้วยหรือ?
“ลงโทษอย่างไร?”
“เตี้ยนเซี่ยอยากจะให้เปิ่นหวางรับโทษใด?”
มู่หรงอวี้ถามนางกลับด้วยท่าทางสบายๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้